NoRitz-Tell me that you love me
10.0
1) เกิดเรื่องจนได้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความร้านข้าวหน้าหอของผมตอนเย็น ๆ จะมีของมาขายเยอะมาก นักศึกษาเดินกันเยอะแยะไปหมด ไม่รู้ว่าผมขาสั้นหรือพี่โน่ก็เดินเร็วตามแทบไม่ทันแน่ะ
“แฮก ๆ ๆ ๆ อ่าว หายไปแล้วง่า” ผมมองหาพี่โน่ไม่เจอแล้วอ่ะ ทำไมคนเยอะอย่างนี้ อ่าว ฮึ้ยยย อะไรมันวิ่งผ่านหน้าผมไปนะ แล้วเอิ่ม กระเป๋าเงินผมล่ะ ผมโดนวิ่งราวซะแล้ว ทำยังไงดีคนเยอะขนาดนี้
“ช่วยด้วย ผมโดนวิ่งราวครับ TT^TT” ขาผมเริ่มวิ่งตาม สายตาผมก็มองเห็นหลังคุ้น ๆ ของใครคนหนึ่งวิ่งตามไอ่โจรนั่นไป แต่จะเป็นใครก็ช่าง เอาเงินคืนให้ผมหน่อยนะครับ
“เฮ้ย หยุดนะโว้ย” คนใจดีคนนั้นกระชากเสื้อไอ่โจรได้ ก็ใส่หมัดเตะต่อยไม่ยั้ง ผมจึงเห็นหน้าเค้าได้ชัด ๆ พี่โตโน่นั่นเอง ที่กำลังละเลงหมัดใส่มัน เอิ่ม จะตายมั้ยเนี่ย แล้วก่อนที่ไอ่โจรนั่นจะตาย รปภ.หอพัก ก็มาช่วยจับตัวไอ่โจรนั่นด้วย พี่โตโน่จึงผละออกจากมัน โหยย ไม่มาซะตอนอวสานเรื่องเลยล่ะ ผมดูละคร นึกว่าจะมีแต่ตำรวจมาตอนจบ เดี๋ยวนี่ รปภ. ก็หัดเอาเป็นเยี่ยงอย่างซะแล้ว
“อ่ะ นี่ ของนาย” พี่โตโน่เอากระเป๋าเงินมาใส่ไว้ในมือผม ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในขณะที่ผมยังคงอ้าปากค้างอยู่ ทำไงได้ล่ะ ถึงอยู่ข้างห้องกันก็จริง แต่ผมก็ไม่เคยคุยกับเค้าซักแอะ แค่เดินผ่านกันในระยะหนึ่งเมตรยังไม่เคยเลย แต่นี่ หน้าเราห่างกันไม่ถึงหนึ่งไม้บรรทัด
“นาย ๆ ๆ รับไปซักทีสิ” ผมเริ่มได้สติเมื่อเค้าเรียกเสียงดังขึ้น
“อ่ะ ขอบคุณครับ” ผมรับมาด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ แล้วพี่โตโน่กำลังจะเดินออกไป ทำไงดี ทำไงดี เค้ากำลังจะไปจากแกแล้วนะริท จะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปอย่างนี้เหรอ
“เอ่อ พี่โตโน่ครับ” ผมเผลอเรียกชื่อเค้าออกไป
“นายรู้จักชื่อฉันด้วยเหรอ” พี่โตโน่ทำหน้าสงสัย แหงล่ะ เค้ารู้รึเปล่าเหอะ ว่าเราอยู่ห้องข้าง ๆ กัน แม้ในตอนที่ผมออกไปรดน้ำทุกวัน เค้ายังไม่เคยสนใจมองผมเลย แต่ผมดันรู้จักชื่อเค้าซะได้ เป็นใครก็ต้องแปลกใจ
“เอ่อ คือผมอยู่ห้องข้าง ๆพี่น่ะครับ ผมจะชวนพี่ไปเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทน” ผมพูดเสียงสั่น ๆ ในขณะที่หัวใจมันกำลังเต้นแบบคึกโครมเป็นจังหวะเพลงบอลโลก
“ไม่ต้อง ฉันซื้อกินเองได้” เค้าพูดด้วยสีหน้าเรียบ ยากที่จะอ่านใจว่าเค้ากำลังคิดอะไรอยู่
“คือว่าผม อยากเลี้ยงพี่เพื่อขอบคุณจริง ๆ นะครับ” ผมพูดออกไปอีกครั้งเผื่อเค้าจะเปลี่ยนใจ
“ก็บอกว่าไม่ต้องไง หูหนวกรึเปล่า !!!!!!!!!!” คราวนี้เค้าตะคอกใส่ผม แล้วเดินออกไป ทิ้งให้ผมยืนอึ้งอยู่
เอิ่ม เครียดสิครับ ผมทำอะไรให้พี่เค้ารำคาญใจรึเปล่าเนี่ย แล้วถ้าความสัมพันธ์เริ่มต้นด้วยแบบนี้ ผมจะทำยังไงดีล่ะ ผมคงไม่กล้าเข้าไปคุยกับพี่เค้าอีกตลอดชีวิต
ผมเดินต่อมาเรื่อย ๆ แล้วหยุดยืนหน้าร้านข้าวหมูแดงด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว ตอนนี้ไม่อยากจะกินอะไรเลย นึกเมนูอาหารไม่ออกซักอย่าง ได้แต่มองเนื้อหมูแดงผ่านตู้กระจก ทันใดนั้น ผมก็มองเห็นหน้าที่คุ้นเคยของผู้ชายที่ผมแอบหลงรัก นั่งกินข้าวกับผู้หญิงหน้าตาสวยมาก ๆ คนหนึ่ง สวยอย่างกับหลุดมาจากแมกกาซีน พี่โตโน่คุยอยู่กับเค้าหัวเราะอย่างสนุกสนาน นี่เค้ารู้มั้ยเนี่ยยยยย ว่าริทกำลังเจ็บอยู่ ริทก็มีความรู้สึกเหมือนกันนะ ตอนนี้ผมกำลังสติแตก ขาสองข้างก้าวฉับ ๆ เข้าไปในร้าน หยุดยืนอยู่ที่โต๊ะ แล้วเอามือทุบโต๊ะลงไปอย่างแรง
ปังงงงงงง (โอ๊ย เจ็บ)
ทั้งสองคนหันมามองที่ผมเป็นตาเดียว รวมทั้งคนทั้งร้านด้วย
“นี่พี่ทำอย่างนี้ได้ยังไงอ่ะ ผมชวนพี่ไปเลี้ยงข้าวเพื่อจะขอบคุณที่อุตส่าห์มีน้ำใจช่วยเอากระเป๋าเงินมาคืนให้ แต่พี่กลับตะโกนใส่หน้าผม ปฏิเสธผมอย่างไร้เยื่อใย แต่กลับมานั่งหัวร่อต่อกระซิกกับ....เอิ่ม(ผมมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นที่กำลังอึ้งอยู่)...กับผู้หญิงคนนี้ รู้มั้ย ว่ากว่าผมจะคิดประโยคชวนพี่ไปกินข้าวได้ ผมตื่นเต้นมากแค่ไหน ผมน่ะ ชอบพี่โคตร ๆ เลย แอบมองพี่ซ้อมมวยอยู่ทุกวัน เพราะผมคิดว่าพี่คือคนที่เพอร์เฟ็คสำหรับผม แต่พี่กลับไม่สนใจผมเลย พี่ทำอย่างนี้ได้ยังไงน่ะ คอยดูนะ ผมจะทำให้พี่บอกว่ารักผมให้ได้ คอยดู” พอผมพูดจบ ก็เดินหันหลังกลับมา ทิ้งไว้เพียงความงงงวยให้กับคนทั้งร้าน
เรืองฤทธิ์ นี่นายเป็นอะไรไปน่ะ เค้าไม่ได้เป็นอะไรกับนายเลยนะ ไม่เคยเลยด้วย นายบ้าไปแล้วแหละ บ้ามากๆ บ้าแน่ ๆ โอ๊ย บ้าๆๆๆ ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดีเนี่ย ผมคงไม่มีหน้าไปแอบดูพี่เค้าตรงระเบียงอีกแล้ว ผมอายจังเลย หรือว่าผมจะย้ายหอหนีความอับอายนี้ไป แล้วไอ่กันล่ะ โอ๊ยยยยยยยยย ริทเครียด
ผมเดินกลับมาถึงหน้าห้องของตัวเอง จิตใจก็ว้าวุ่น เขกกะโหลกตัวเองเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ เขก ๆ ๆ เข้าไปให้หายงี่เง่า เฮ้ออออออ
“นี่ นายน่ะ” ผมเงยหน้ามองคนที่ผมเพิ่งเดินผ่ามาเมื่อตะกี้ เฮ้ยยยยย พี่โตโน่นี่นา เค้าอยู่นี่ได้ไงน่ะ (เอ้อ ลืมไป เค้ายืนอยู่หน้าห้องเค้านี่นา)
ผมหันซ้ายหันขวาอย่างไม่แน่ใจ แหงล่ะ เค้าตะโกนใส่หน้าผมอย่างนั้น แล้วผมยังไปด่าเค้าเข้าให้ เป็นใครจะคุยกันอีกล่ะ เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร ผมจึงทำหน้าแอ๊บแบ๊ว แล้วชี้หน้าตัวเอง
“นายนั่นแหละ” สีหน้าพี่เค้ายังเรียบเหมือนเคย นี่ตอนเค้าเกิดมา แม่ลืมให้ความสามารถแสดงอารมณ์ทางสีหน้ามาด้วยรึเปล่านะ ผมเห็นทำหน้าอย่างนี้อย่างเดียว
“เมื่อกี้ ที่นายพูดน่ะหมายความว่าไง” พี่โตโน่เดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อย ๆ เรืองฤทธิ์ นายโดยต่อยแน่ ๆ งานนี้ ผมหลับตาปี๊ อย่างยอมรับชะตากรรม
“นี่นาย ฉันถามนายอยู่นะ” เค้าโกรธผมแน่ ๆ เลย ที่ทำให้เค้าต้องอับอาย
“ผะ ผม เอ่อ...คือผม” ผมพูดไม่ออก รู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนหลังติดกำแพงเพราะโดนไล่ต้อนจนมุม
“ผะ ผม ผม...”
“โอ๊ยยยย อ้ำอึ้งอยู่ได้ ฉันไม่สนหรอกนะว่าที่นายพูดน่ะ มันจะหมายความว่าไง แต่ที่แน่ ๆ นายต้องรับผิดชอบ”
“รับผิดชอบ รับผิดชอบไรอ่ะ”
พี่โตโน่ไม่พูดอะไรซักคำ เค้าเดินเข้าห้องเค้าไปทิ้งให้ผมเป็นฝ่ายงงกับคำพูดของเค้าบ้าง เอ๊ะ หรือว่าที่ให้รับผิดชอบเนี่ย เพราะผมทำให้เค้ากับยัยแมกกาซีนนั่นทะเลาะกัน พี่โตโน่จึงต้องการให้ผมเอาตัวเอาแลก เป็นตัวสำรองในระหว่างที่เค้ากับแฟนยังงอนกันอยู่ แล้วจะทำไงดีล่ะเนี่ย เวอร์จิ้นของผม ผมต้องการจะให้พี่เค้าในวันที่ผมพร้อมเท่านั้นนะ (เอิ่มม ขอคารวะให้กับจินตนาการของนายเรืองฤทธิ์หนึ่งนาที...โอเค เข้าเรื่องได้)
คืนนั้น ผมได้แต่ครุ่นคิดเรื่องที่พี่โตโน่พูดจนไม่เป็นอันทำอะไร แม้แต่กับไอ่กัน ก็ไม่ได้พูดกับมันซักคำ ผมรีบอาบน้ำแล้วเข้านอนไวเป็นพิเศษ แต่สมองของผมยังคงคิดเรื่องนั้นอยู่พาลให้นอนไม่หลับ
“แฮก ๆ ๆ ๆ อ่าว หายไปแล้วง่า” ผมมองหาพี่โน่ไม่เจอแล้วอ่ะ ทำไมคนเยอะอย่างนี้ อ่าว ฮึ้ยยย อะไรมันวิ่งผ่านหน้าผมไปนะ แล้วเอิ่ม กระเป๋าเงินผมล่ะ ผมโดนวิ่งราวซะแล้ว ทำยังไงดีคนเยอะขนาดนี้
“ช่วยด้วย ผมโดนวิ่งราวครับ TT^TT” ขาผมเริ่มวิ่งตาม สายตาผมก็มองเห็นหลังคุ้น ๆ ของใครคนหนึ่งวิ่งตามไอ่โจรนั่นไป แต่จะเป็นใครก็ช่าง เอาเงินคืนให้ผมหน่อยนะครับ
“เฮ้ย หยุดนะโว้ย” คนใจดีคนนั้นกระชากเสื้อไอ่โจรได้ ก็ใส่หมัดเตะต่อยไม่ยั้ง ผมจึงเห็นหน้าเค้าได้ชัด ๆ พี่โตโน่นั่นเอง ที่กำลังละเลงหมัดใส่มัน เอิ่ม จะตายมั้ยเนี่ย แล้วก่อนที่ไอ่โจรนั่นจะตาย รปภ.หอพัก ก็มาช่วยจับตัวไอ่โจรนั่นด้วย พี่โตโน่จึงผละออกจากมัน โหยย ไม่มาซะตอนอวสานเรื่องเลยล่ะ ผมดูละคร นึกว่าจะมีแต่ตำรวจมาตอนจบ เดี๋ยวนี่ รปภ. ก็หัดเอาเป็นเยี่ยงอย่างซะแล้ว
“อ่ะ นี่ ของนาย” พี่โตโน่เอากระเป๋าเงินมาใส่ไว้ในมือผม ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในขณะที่ผมยังคงอ้าปากค้างอยู่ ทำไงได้ล่ะ ถึงอยู่ข้างห้องกันก็จริง แต่ผมก็ไม่เคยคุยกับเค้าซักแอะ แค่เดินผ่านกันในระยะหนึ่งเมตรยังไม่เคยเลย แต่นี่ หน้าเราห่างกันไม่ถึงหนึ่งไม้บรรทัด
“นาย ๆ ๆ รับไปซักทีสิ” ผมเริ่มได้สติเมื่อเค้าเรียกเสียงดังขึ้น
“อ่ะ ขอบคุณครับ” ผมรับมาด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ แล้วพี่โตโน่กำลังจะเดินออกไป ทำไงดี ทำไงดี เค้ากำลังจะไปจากแกแล้วนะริท จะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปอย่างนี้เหรอ
“เอ่อ พี่โตโน่ครับ” ผมเผลอเรียกชื่อเค้าออกไป
“นายรู้จักชื่อฉันด้วยเหรอ” พี่โตโน่ทำหน้าสงสัย แหงล่ะ เค้ารู้รึเปล่าเหอะ ว่าเราอยู่ห้องข้าง ๆ กัน แม้ในตอนที่ผมออกไปรดน้ำทุกวัน เค้ายังไม่เคยสนใจมองผมเลย แต่ผมดันรู้จักชื่อเค้าซะได้ เป็นใครก็ต้องแปลกใจ
“เอ่อ คือผมอยู่ห้องข้าง ๆพี่น่ะครับ ผมจะชวนพี่ไปเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทน” ผมพูดเสียงสั่น ๆ ในขณะที่หัวใจมันกำลังเต้นแบบคึกโครมเป็นจังหวะเพลงบอลโลก
“ไม่ต้อง ฉันซื้อกินเองได้” เค้าพูดด้วยสีหน้าเรียบ ยากที่จะอ่านใจว่าเค้ากำลังคิดอะไรอยู่
“คือว่าผม อยากเลี้ยงพี่เพื่อขอบคุณจริง ๆ นะครับ” ผมพูดออกไปอีกครั้งเผื่อเค้าจะเปลี่ยนใจ
“ก็บอกว่าไม่ต้องไง หูหนวกรึเปล่า !!!!!!!!!!” คราวนี้เค้าตะคอกใส่ผม แล้วเดินออกไป ทิ้งให้ผมยืนอึ้งอยู่
เอิ่ม เครียดสิครับ ผมทำอะไรให้พี่เค้ารำคาญใจรึเปล่าเนี่ย แล้วถ้าความสัมพันธ์เริ่มต้นด้วยแบบนี้ ผมจะทำยังไงดีล่ะ ผมคงไม่กล้าเข้าไปคุยกับพี่เค้าอีกตลอดชีวิต
ผมเดินต่อมาเรื่อย ๆ แล้วหยุดยืนหน้าร้านข้าวหมูแดงด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว ตอนนี้ไม่อยากจะกินอะไรเลย นึกเมนูอาหารไม่ออกซักอย่าง ได้แต่มองเนื้อหมูแดงผ่านตู้กระจก ทันใดนั้น ผมก็มองเห็นหน้าที่คุ้นเคยของผู้ชายที่ผมแอบหลงรัก นั่งกินข้าวกับผู้หญิงหน้าตาสวยมาก ๆ คนหนึ่ง สวยอย่างกับหลุดมาจากแมกกาซีน พี่โตโน่คุยอยู่กับเค้าหัวเราะอย่างสนุกสนาน นี่เค้ารู้มั้ยเนี่ยยยยย ว่าริทกำลังเจ็บอยู่ ริทก็มีความรู้สึกเหมือนกันนะ ตอนนี้ผมกำลังสติแตก ขาสองข้างก้าวฉับ ๆ เข้าไปในร้าน หยุดยืนอยู่ที่โต๊ะ แล้วเอามือทุบโต๊ะลงไปอย่างแรง
ปังงงงงงง (โอ๊ย เจ็บ)
ทั้งสองคนหันมามองที่ผมเป็นตาเดียว รวมทั้งคนทั้งร้านด้วย
“นี่พี่ทำอย่างนี้ได้ยังไงอ่ะ ผมชวนพี่ไปเลี้ยงข้าวเพื่อจะขอบคุณที่อุตส่าห์มีน้ำใจช่วยเอากระเป๋าเงินมาคืนให้ แต่พี่กลับตะโกนใส่หน้าผม ปฏิเสธผมอย่างไร้เยื่อใย แต่กลับมานั่งหัวร่อต่อกระซิกกับ....เอิ่ม(ผมมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นที่กำลังอึ้งอยู่)...กับผู้หญิงคนนี้ รู้มั้ย ว่ากว่าผมจะคิดประโยคชวนพี่ไปกินข้าวได้ ผมตื่นเต้นมากแค่ไหน ผมน่ะ ชอบพี่โคตร ๆ เลย แอบมองพี่ซ้อมมวยอยู่ทุกวัน เพราะผมคิดว่าพี่คือคนที่เพอร์เฟ็คสำหรับผม แต่พี่กลับไม่สนใจผมเลย พี่ทำอย่างนี้ได้ยังไงน่ะ คอยดูนะ ผมจะทำให้พี่บอกว่ารักผมให้ได้ คอยดู” พอผมพูดจบ ก็เดินหันหลังกลับมา ทิ้งไว้เพียงความงงงวยให้กับคนทั้งร้าน
เรืองฤทธิ์ นี่นายเป็นอะไรไปน่ะ เค้าไม่ได้เป็นอะไรกับนายเลยนะ ไม่เคยเลยด้วย นายบ้าไปแล้วแหละ บ้ามากๆ บ้าแน่ ๆ โอ๊ย บ้าๆๆๆ ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดีเนี่ย ผมคงไม่มีหน้าไปแอบดูพี่เค้าตรงระเบียงอีกแล้ว ผมอายจังเลย หรือว่าผมจะย้ายหอหนีความอับอายนี้ไป แล้วไอ่กันล่ะ โอ๊ยยยยยยยยย ริทเครียด
ผมเดินกลับมาถึงหน้าห้องของตัวเอง จิตใจก็ว้าวุ่น เขกกะโหลกตัวเองเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ เขก ๆ ๆ เข้าไปให้หายงี่เง่า เฮ้ออออออ
“นี่ นายน่ะ” ผมเงยหน้ามองคนที่ผมเพิ่งเดินผ่ามาเมื่อตะกี้ เฮ้ยยยยย พี่โตโน่นี่นา เค้าอยู่นี่ได้ไงน่ะ (เอ้อ ลืมไป เค้ายืนอยู่หน้าห้องเค้านี่นา)
ผมหันซ้ายหันขวาอย่างไม่แน่ใจ แหงล่ะ เค้าตะโกนใส่หน้าผมอย่างนั้น แล้วผมยังไปด่าเค้าเข้าให้ เป็นใครจะคุยกันอีกล่ะ เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร ผมจึงทำหน้าแอ๊บแบ๊ว แล้วชี้หน้าตัวเอง
“นายนั่นแหละ” สีหน้าพี่เค้ายังเรียบเหมือนเคย นี่ตอนเค้าเกิดมา แม่ลืมให้ความสามารถแสดงอารมณ์ทางสีหน้ามาด้วยรึเปล่านะ ผมเห็นทำหน้าอย่างนี้อย่างเดียว
“เมื่อกี้ ที่นายพูดน่ะหมายความว่าไง” พี่โตโน่เดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อย ๆ เรืองฤทธิ์ นายโดยต่อยแน่ ๆ งานนี้ ผมหลับตาปี๊ อย่างยอมรับชะตากรรม
“นี่นาย ฉันถามนายอยู่นะ” เค้าโกรธผมแน่ ๆ เลย ที่ทำให้เค้าต้องอับอาย
“ผะ ผม เอ่อ...คือผม” ผมพูดไม่ออก รู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนหลังติดกำแพงเพราะโดนไล่ต้อนจนมุม
“ผะ ผม ผม...”
“โอ๊ยยยย อ้ำอึ้งอยู่ได้ ฉันไม่สนหรอกนะว่าที่นายพูดน่ะ มันจะหมายความว่าไง แต่ที่แน่ ๆ นายต้องรับผิดชอบ”
“รับผิดชอบ รับผิดชอบไรอ่ะ”
พี่โตโน่ไม่พูดอะไรซักคำ เค้าเดินเข้าห้องเค้าไปทิ้งให้ผมเป็นฝ่ายงงกับคำพูดของเค้าบ้าง เอ๊ะ หรือว่าที่ให้รับผิดชอบเนี่ย เพราะผมทำให้เค้ากับยัยแมกกาซีนนั่นทะเลาะกัน พี่โตโน่จึงต้องการให้ผมเอาตัวเอาแลก เป็นตัวสำรองในระหว่างที่เค้ากับแฟนยังงอนกันอยู่ แล้วจะทำไงดีล่ะเนี่ย เวอร์จิ้นของผม ผมต้องการจะให้พี่เค้าในวันที่ผมพร้อมเท่านั้นนะ (เอิ่มม ขอคารวะให้กับจินตนาการของนายเรืองฤทธิ์หนึ่งนาที...โอเค เข้าเรื่องได้)
คืนนั้น ผมได้แต่ครุ่นคิดเรื่องที่พี่โตโน่พูดจนไม่เป็นอันทำอะไร แม้แต่กับไอ่กัน ก็ไม่ได้พูดกับมันซักคำ ผมรีบอาบน้ำแล้วเข้านอนไวเป็นพิเศษ แต่สมองของผมยังคงคิดเรื่องนั้นอยู่พาลให้นอนไม่หลับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ