::+:: Mistake... ฉันขอโทษ ::+:: [Yuri]

9.7

เขียนโดย Noei95[Eunbi]

วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2555 เวลา 19.56 น.

  8 ตอน
  3 วิจารณ์
  16.31K อ่าน
แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

3) ความผิดครั้งที่ 2 :: คือการที่เราเป็นเพื่อนกัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ความผิดครั้งที่ 2 :: คือการที่เราเป็นเพื่อนกัน

หลังจากการเปิดเทอมนี่ก็ผ่านมาได้ร่วมสามอาทิตย์แล้ว ยูริกับแทยอนและเจสสิก้าก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นและมักไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง ทั้งทานอาหารเที่ยงด้วยกัน (ซึ่งทั้งยูริและแทยอนลงมติเป็นเอกฉันท์กันแล้วว่าควรนำอาหารมาจากบ้านกันเองดีกว่า โดยนำไปนั่งทานกันที่ใต้อาคารสาม) รวมทั้งคนตัวเล็กและคนตัวยาวมักจะถูกร่างบางลากไปห้างสรรพสินค้าด้วยกันอยู่หลายครั้ง ซึ่งตัวยูริเองแม้แรกๆจะมีท่าทีกระอักกระอ่วนไม่กล้าปฏิเสธเท่าไหร่ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มปรับตัวได้จนกลายเป็นว่าหลังเลิกเรียนทีไรเป็นต้องแวะไปล็อตเต้มาร์ททุกทีไป เพียงแต่ขอให้เธอได้แวะเข้าร้านหนังสือเพื่อเข้าสู่โลกส่วนตัวบ้างก็เป็นพอ

นอกจากเจสสิก้าแล้วก็ยังมีซอนเยกับโนอึลซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของแทยอน โดยที่คนตัวเล็กเล่าว่ารู้จักกับซอนเยสมัยประถมส่วนกับโนอึลนั้นเป็นเพื่อนสมัยเด็ก แล้วก็ยังมีฮโยยอน เพื่อนใหม่ที่รู้จักกันเพราะทั้งยูริและฮโยยอนเองก็ชอบเล่นกีฬาเหมือนๆกัน กับลีน่า และดาน่า

ดูๆแล้วก็เป็นกลุ่มที่ใหญ่พอสมควร เพราะฉะนั้นเวลาไปไหนมาไหนจึงค่อนข้างจ้อกแจ้กจอแจ เพราะเพื่อนแต่ละคนก็เป็นขาเม้ากันทั้งนั้น จะมีก็แต่ยูริและลีน่านี่แหละที่ดูจะสงบเสงี่ยมกว่าใครเพื่อน

จากการที่รู้จักกันมาเกือบเดือนทำให้คนผิวเข้มรู้ว่าทั้งแทยอนและเจสสิก้าเป็นพวกหนอนหนังสือกว่าที่เธอคิด... แต่ไม่ใช่หนอนที่จะชอนไชตำราเรียน กลับเป็นพวกการ์ตูนหรือนิยายเสียส่วนใหญ่ โดยที่ทุกเล่มก็มักจะเป็นของยูริที่หยิบติดกระเป๋ามาอ่านฆ่าเวลาที่โรงเรียน การเริ่มอ่านจากคนละเล่มสองเล่มกลายเป็นว่าวันหนึ่งในกระเป๋าคนตัวสูงต้องมีหนังสือการ์ตูนติดมาไม่ต่ำกว่าห้าเล่ม เพราะทั้งสองคนนี้อ่านไวอย่างเหลือเชื่อโดยเฉพาะเจสสิก้า

คนหน้าคมยกมือขึ้นบีบคลึงหัวไหล่ทั้งสองข้าง รู้สึกปวดเมื่อยไม่น้อยกับการต้องขนหนังสือมาให้เพื่อนตัวดีทั้งสองคน เพราะแค่ตำราเรียนที่หนักอึ้ง สมุดจดอีกสี่ถึงห้าเล่ม รวมทั้งชุดยูโดที่เธอต้องแบกไปแบกมาเพื่อเข้าชมรมก็ทำเธอล้าไปหมดแล้ว แต่ดูเหมือนทั้งแทยอนและเจสสิก้าดูจะไม่คิดสงสารหรือเห็นใจกันเลยสักนิด เล่มหนึ่งเฉลี่ยเวลาไม่ถึงชั่วโมงอ่านจบยื่นคืนเจ้าของ จนกลายเป็นว่าเธอต้องแบกไอ้เล่มที่สองคนนี้อ่านจบแล้วให้หนักไหล่อีกครั้ง จนหลายครั้งเข้ายูริเริ่มกลัวไหล่ตัวเองจะหักหรือทรุดเสียก่อนจึงต้องตีหน้าดุสั่งให้ไอ้นักอ่านทั้งคู่เก็บเล่มที่อ่านจบแล้วไว้กับตัวแล้วค่อยคืนให้ตอนขากลับบ้าน

ไหล่ที่กำลังปวดหนึบสัมผัสได้ถึงฝ่ามือของใครบางคนวางทาบไว้พร้อมทั้งออกแรงบีบนวดเบาๆซึ่งช่วยคลายความเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดี นัยน์ตาคู่คมหันไปมองเจ้าของมือบางก็พบเด็กสาวหนึ่งในตัวการที่ทำให้ไหล่เธอจะทรุดยกยิ้มกว้างทั้งที่มือยังคงขยับเลื่อนจากไหล่ไปยังต้นคอบีบคลึงเบาๆ

“มา เดี๋ยวฉันนวดให้” ว่าแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตานวดให้อีกคนอย่างขมักขเม่น โดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าหรือห้ามอะไรปล่อยให้เจสสิก้าเลื่อนมือไปมาระหว่างต้นคอกับไหล่ตัวเองไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ไม่ปฏิเสธว่ามันทำให้รู้สึกดีขึ้นเยอะ

“อ่านจบแล้วหรือไงถึงได้ใจดีมานวดให้เนี่ย” คนตัวสูงอดแขวะไม่ได้ เห็นทุกทีไม่เคยจะสนใจกันสักนิดว่าปวดเมื่อยอะไรยังไง เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านอย่างกับว่ามันจะมีออกในข้อสอบอย่างนั้นแหละ

“ยังหรอก แต่เอาให้แทอ่านไปก่อน สงสารได้อ่านแต่เล่มสองก่อนเล่มหนึ่งทุกที อีกอย่างเห็นยูลบีบๆทุบๆไหล่ตัวเองมาตั้งนานละเลยสงสาร” เจสสิก้าประกบมือตัวเองเข้าหากันแล้วสับลงบนต้นคอและไหลคนตัวสูงกว่าเบาๆ

“อ๋อเหรอ งั้นก็ขอบใจนะที่เธออุตส่าห์สงสารกัน” ยูริยังคงพูดแขวะร่างบางต่อไปให้เจ้าหล่อนหัวเราะคิกคักรับ แต่แล้วบรรยากาศที่เงียบสงบภายในห้อง 1-266-6 ก็ต้องกลับมาเสียงดังวุ่นวายกันอีกครั้งเพราะเด็กสาวคนหนึ่งเป็นคนจุดประกาย

“อุ๊ยแหมๆ สองคนนั้นทำอะไรกันน่ะ” ‘สองคน’ ที่ว่าหันมามองตามเสียงทันที คิ้วเข้มจากคนตัวยาวเลิกขึ้นสูงขณะที่เจสสิก้ามองตาปริบๆมือที่คอยนวดตามไหล่ตามต้นคอหยุดชะงักเช่นกันก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นชี้เข้าหาตัวเองเหมือนจะถามว่าหมายถึงฉันเหรอ

“ก็นวดไหล่ให้ยูลไง มองไม่เห็นเหรอ” ตอบไปเสียงซื่อแต่กลับดูจะจงใจกวนประสาทเด็กสาวอีกคนอยู่ในที ต้นเสียงลุกขึ้นจากที่ของตัวเองแล้วเดินมาหาทั้งคู่ด้วยสีหน้ามีเลศนัย ขณะนั้นแทยอนเองก็ละสายตาขึ้นจากหนังสือในมือด้วยเช่นกัน

“ปรนนิบัติกันดีจังเลยนะสองคนนี้เนี่ย” ยูริและเจสสิก้าสบตากันเล็กน้อยก่อนที่แทยอนจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นบ้าง “แล้วการที่เพื่อนจะนวดไหล่ให้เพื่อนเนี่ย มันแปลกตรงไหนงั้นเหรอฮโยมิน”

“เปล๊า ก็ไม่แปลกอะไรหรอกแทยอน” ฮโยมินยักไหล่ด้วยใบหน้าอมยิ้มเช่นเคยก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเล็กแหลมที่จงใจบีบเสียงให้ดูน่าหมั่นไส้ อีกทั้งยังเล่นหูเล่นตาวิบวับๆอีกต่างหาก “แค่คิดว่าพวกเธอมีซัมติงวรองอะไรกันรึเปล่า”

คนตัวสูงถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างนึกละเหี่ยใจ เปิดเรียนได้ไม่ทันครบเดือนก็โดนเพื่อนร่วมห้องที่บังเอิญหน้ามาคลับคล้ายคลับคลากับเด็กสาวร่างบางที่ยังคงวางมืออยู่บนไหล่เธอค้างไว้อย่างลืมตัวมาจับคู่เธอกับเจสสิก้าเสียแล้ว นี่ล่ะนะชีวิตเด็กนักเรียน การล้อแซวจับคู่กันภายในห้องดูจะเป็นเรื่องที่ต้องพบเจอแทบทุกคน แค่คนตัวสูงไม่คาดคิดว่าจะมาเจอกับตัวเท่านั้นเอง

...งี่เง่าชะมัด...

ถ้าเธอแสดงท่าทีออกว่ามีใจให้เจสสิก้าสักนิดจะไม่แปลกใจเลยหากฮโยมินจะใช้โอกาสนี้หยิบยกขึ้นมาล้อกัน แต่ความรู้สึกที่เธอมีต่อเจสสิก้านั้นค่อนข้างจะกลับกันอยู่หน่อย ไม่ได้รู้สึกปลื้มหรืออะไรที่บ่งบอกว่าชอบ แต่กลับรู้สึกว่ายัยเพื่อนใหม่ที่ถูกใส่กล่องส่งตรงมาจากซานฟรานซิสโกคนนี้เป็นคนร่าเริงเกินเหตุ ขี้เซาอย่างถึงที่สุด ไม่เต็มเต็ง บ้าบอพูดมาก ติงต๊องปัญญาอ่อน มีดีแค่สวยกับเก่งภาษาก็เท่านั้น เข้าตำราสวยใสไร้สมองดีๆนี่เอง

“โอ้ ไม่ๆ... เธอออกเสียงผิดนะฮโยมิน ต้อง Something wrong ต่างหากล่ะ เอ้า ไหนลองพูดซิ” ทางด้านร่างบางก็ช่างคิดได้ นึกอยากจะมาเป็นครูสอนภาษาอะไรเอาป่านนี้กัน ทางด้านฮโยมินเองจากสีหน้าเจ้าเล่ห์ก็แปลเป็นงุนงงก่อนจะจำต้องเอ่ยคำที่ตัวเองออกเสียงผิดให้เจสสิก้าฟังเมื่อเจ้าของภาษาอย่างร่างบางย้ำให้พูดตาม

“ก็รู้นะว่ามาจากอเมริกา แต่ไม่จำเป็นต้องมาทำเก่งอวดรู้สอนเพื่อนร่วมห้องก็ได้นะ เจสสิก้า” เสียงแหลมๆจากเด็กสาวผู้ที่ยูริรู้สึกไม่ถูกชะตาต้องแต่แวบแรกเมื่อครั้งวันเปิดเทอมเอ่ยขึ้นจากอีกมุมหนึ่งของห้อง เรียกสายตาจากเพื่อนร่วมห้องที่เหลือรวมไปถึงคู่กรณีทั้งสอง ให้ตวัดหันไปมองต้นเสียงทันที

วันนี้เจ้าหล่อนเองก็ยังคงสีผมแสนแสบตาไว้เช่นเคย อีกทั้งยังแต่งตัวเผยเนื้อหนังมังสาเป็นอาหารตาพวกผู้ชายทั้งที่ยังอยู่ในชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียน กระโปรงที่สั้นกุดกับท่านั่งไขว้ขาทำเอายูริต้องกระชากสายตาตัวเองหลีกหนีให้ไกลก่อนจะกลายเป็นตากุ้งยิงไปเสียก่อน

...ให้ตายสิ จะทำอะไรก็กรุณานึกถึงจิตใจคนอื่นเค้าบ้างสิ...

ร่างสูงโคลงศีรษะเบาๆอย่างระอา เพื่อนร่วมห้องสาวผมสีฉูดฉาดคนนี้ไม่ห่วงสวัสดิภาพดวงตาของคนอื่นบ้างเลย ปิดหน่อยไม่ได้หรือไงนะ อยากโชว์ของลับของตัวเองขนาดนั้นเลยหรือไง

“แล้วเธอไม่พอใจอะไรงั้นเหรอฮยอนอา ฉันพูดกับฮโยมินแล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับเธอ” น้ำเสียงกับใบหน้าท่าทางซื่อๆยามเอ่ยออกไปช่างผิดกับเนื้อหาและคำพูดที่ใช้โดยสิ้นเชิง ซึ่งแน่นอนว่าคนอย่างฮยอนอาไม่ตัดสินคนจากน้ำเสียงหรือสีหน้าแน่นอน เพราะฉะนั้นตอนนี้เจสสิก้าก็ถูกมองว่าจงใจหาเรื่องเธออยู่กลายๆ

เด็กสาวเอวบางลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งเดินตรงเข้ามายืนหยุดอยู่ตรงหน้ายูริและเจสสิก้า คนผิวเข้มที่นั่งกอดอกอยู่เงยมองหน้าคนหัวเหลืองอมส้มอยู่เงียบๆโดยไม่เอ่ยอะไรออกมา เช่นเดียวกับเจสสิก้าที่ส่งสายตาแทนคำถาม ฮยอนอายกมือขึ้นเท้าเอวพร้อมทั้งโน้มตัวลงมาเล็กน้อยเพื่อให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับร่างบางที่นั่งอยู่ด้านหลังยูริ

“ก็ไม่เกี่ยวอะไรหรอกนะ แค่ฉันรำคาญแล้วก็หมั่นไส้เท่านั้นเอง ที่ต้องมาได้ยินเสียงแหลมๆของเธอคอยสาธยายการออกเสียงโน้นนี่ให้ระคายหู” และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ยูริต้องเบนหน้าหนีอย่างรวดเร็ว เมื่อกระดุมเม็ดแรกของฮยอนอาถูกปลดอยู่เผยให้เห็นไปถึงไหนต่อไหน

...ให้ตายเถอะ วันนี้เจอแต่สิ่งเป็นอัปมงคลต่อตาตัวเองทั้งนั้นเลยแหะ...

“ถ้าเธอไม่อยากได้ยินก็ไม่ต้องฟังสิ” ดูเหมือนเจสสิก้ายังคงตอบได้ยียวนประสาทคนหัวเหลืองอมส้มเช่นเคย ยูริชักสงสัยแล้วสิว่ายัยคนที่อยู่ข้างหลังเธอเนี่ย รู้ความหมายแต่ละประโยคที่พูดออกไปรึเปล่าว่ามันสื่อออกมาในแง่ลบหรือบวก

“ฮยอนอา ฉันว่าอย่างเธอไม่น่ามีสิทธิ์ไปว่าสิก้าเสียงแหลมนะ เพราะถ้าอย่างเสียงสิก้าแหลม ฉันว่าเสียงเธอมันก็มีความถี่เกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะฟังได้แล้วล่ะ... แบบว่า หูพังไปเลย” แทยอนที่นั่งอยู่ใกล้ๆกันเอ่ยขึ้นบ้าง ซึ่งคงไม่ต้องบอกว่ารายนี้ด่าอย่างจงใจ แม้จะมีอ้อมนิดอ้อมหน่อยไม่ให้เสียมารยาท

“ฉันจำได้ว่าฉันไม่ได้พูดกับเธอนะ คิม แทยอน” เด็กสาวเอวเล็กเค้นเสียงพูดกับอีกคนอย่างสกัดกลั้นอารมณ์โกรธ มือกำแน่นจนสั่นไปทั้งตัวแต่ดูเหมือนคนตัวเล็กจะไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย ยังคงลอยหน้าลอยตาเอ่ยต่อไปอย่างไม่สะทกสะท้าน

“ฉันก็จำได้ว่าตอนนั้นเจสสิก้าไม่ได้พูดกับเธอเหมือนกันนะ คิม ฮยอนอา” วินาทีนั้นฮยอนอาหันไปพุ่งตัวเข้าหาแทยอนพร้อมทั้งยกมือขึ้นเตรียมฝากรอยแดงๆไว้ที่แก้มสักข้าง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อยูริยกมือขึ้นดันคนหัวเหลืองอมส้มให้ถอยกลับมายืนที่เดิม

“ฉันว่าอย่าดีกว่านะ ฮยอนอา” แววตาขุ่นเคืองตวัดมาทางคนผิวเข้มทันที

“อย่าบอกนะว่าจะแส่อีกคนน่ะ ยูริ” ร่างสูงถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะส่งสายตาไปยังหน้าห้อง

“เปล่า... แต่ถ้าเธอไม่สังเกตนะ ครูแชริมเข้ามาได้สักพักแล้ว” สายตาเพื่อนร่วมห้องกว่าครึ่งหันไปมองตามสายตายูริทันที แล้วก็พบครูสาวจอมเฮี๊ยบจากฝ่ายปกครองยืนกอดอกมองมาทางกลุ่มของยูริด้วยสายตาเฉียบคม นั่นทำให้ฮยอนอาต้องยอมผละออกมาถอยกลับไปยังที่ของตัวเองทันที

เพราะถึงฮยอนอาจะร้ายแค่ไหน เธอก็ยังไม่อยากมีเรื่องกับครูฝ่ายปกครองตั้งแต่เนิ่นๆหรอกนะ

 

“โห่ ยูลอะไม่น่าห้ามเลย นี่ฉันกะว่าถ้ายัยนั่นปรี่เข้ามาจะตบฉันนะ ฉันจะจิ้มตาสวนเลย” แทยอนบ่นออดแอดขณะในมือถือกล่องอาหารกลางวันไว้ในมือข้างหนึ่ง โดยอีกข้างตักข้าวในกล่องข้าวปากเคี้ยวตุ้ยๆแต่ก็ยังไม่วายขี้โม้ต่อไป ยูริที่นั่งฟังอยู่เงียบๆอมยิ้มพลางส่ายหน้าเบาๆ

“จ้าๆ แทเก่ง... เรื่องเก่งแต่ปากล่ะถนัดเชียว”

“อะไร ใครเก่งแต่ปาก ฉันน่ะเก่งทั้งปากเก่งทั้งใจเลยล่ะ...” คนตัวเล็กแย้งเสียงสูงก่อนจะก้มหน้ามองกล่องข้าวเตรียมใช้ช้อนตักหมูทอดชิ้นหนึ่งขึ้นมาแต่ก็ต้องโวยลั่นเมื่อพบว่าเป้าหมายไปอยู่ในช้อนของฮโยยอนเรียบร้อยแล้ว “เฮ้ย! ฮโยนั่นมันหมูฉัน!”

“หะ เออน่าแค่ชิ้นเดียวเองไม่เป็นไรหรอกน่า ในกล่องมีอีกตั้งสามชิ้นไม่ใช่เหรอ” ตัวการแสร้งทำหน้าเหลอหลาใส่ได้อย่างน่าหมั่นไส้เอ่ยตอบทั้งที่ปากยังคงเคี้ยวชิ้นหมูที่ฉกมาจากเพื่อนคิ้วบางอย่างเอร็ดอร่อย

“ไอ้บ้านี่” แทยอนได้แต่ถอนหายใจอย่างเอือมระอาแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากหันกลับไปจัดการอาหารกลางวันของตัวเองต่อไปอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่าคนข้างๆจะหันมาฉกแย่งมื้อกลางวันของตัวเองจนหมดเสียก่อน

“แต่ฉันบอกตรงๆนะ ไม่ค่อยชอบฮยอนอาเท่าไหร่เลย เห็นการแต่งตัวรึเปล่า เปิดนั้นเปิดนี่ไม่อายใครเขาบ้างเล้ย แถมยังทำอย่างกับว่าตัวเองใหญ่โตมาจากไหน จริงอยู่ที่โรงเรียนนี้อนุญาตให้ทำสีผมได้ แต่ก็มีกำหนดเหมือนกันนะ อย่างสีสดแสบตาบนหัวยัยนั่นน่ะ ผิดระเบียบเห็นๆ กระโปรงก็ไปตัดแต่งใหม่ซะสั้นกุด เสื้อก็เลือกซะเล็กรัดเห็นรูปร่างหมดเปลือกแล้ว แล้วอย่างนี้เกิดฝนตกขึ้นมาหรือเปียกน้ำนิดหน่อยก็ได้เห็นไปถึงไหนต่อไหนกันพอดี”

คนตัวเล็กยังคงแพร่มไปกินไปให้ยูริและลีน่านั่งฟังไปพลางพยักหน้ารับไปพลางเออออห่อหมกตามน้ำแทยอนไปบ้างอย่างไม่ใส่ใจอะไรมาก ขณะที่ฮโยยอนกับดาน่าเองก็พูดเสริมขึ้นมาบ้างอย่างเห็นด้วยกับความเห็นของคนตัวเล็ก รวมไปถึงซอนเยและโนอึล

“แล้วนี่สิก้าไปไหนน่ะ ยังไม่มาอีก” ฮโยยอนเอ่ยถามถึงคนที่หายไปบ้างเมื่อเห็นว่าคนอื่นๆกำลังจะทานอาหารกันเสร็จหมดแล้ว ลีน่ายกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มพลางส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“เห็นว่าวันนี้สิก้าลืมเอาอาหารกลางวันมาน่ะ เลยเข้าไปกินในโรงอาหารกับมินยองแทน” แทยอนตอบแทนหยิบกล่องนมที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาดื่ม แต่ทุกกิจกรรมก็ต้องหยุดชะงักเมื่อน้ำที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนสาดมายังใจกลางวงให้ทุกคนที่นั่งอยู่ตัวเปียกโชก

“เฮ้ย! อะไรเนี่ย!?” แทยอนกระโดดลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งสะบัดแขนแรงๆ ก้มลงมองสภาพที่ไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำของตัวเองและเพื่อนๆอย่างหัวเสีย “ใครเล่นอะไรพิเรนทร์แบบนี้!”

โนอึลและซอนเยเองก็หัวเสียไม่น้อยเมื่อต้องมาพบเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้ ลีน่ากับยูริดึงเสื้อตัวเองพลางใช้สายตาปราดมองอย่างครุ่นคิด แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าหงุดหงิดมาแค่ไหนที่ต้องมาตัวเปียกก่อนเข้าเรียนแบบนี้ แล้วอย่างนี้พวกเธอจะเอาเสื้อผ้าอะไรใส่เข้าเรียนกันล่ะ ไม่ต้องเดินตัวเปียกอย่างนี้ไปตลอดคาบบ่ายเลยงั้นเหรอ ฮโยยอนที่ลุกขึ้นยืนตามแทยอนโวยวายเสียงดังออกมาไม่แพ้คนตัวเล็ก แต่แล้วเสียงหัวเราะคิกคักที่ดังมาจากด้านบนก็เรียกความสนใจจากทุกสายตาให้พร้อมใจกันเงยหน้ามองตามเสียงทันที และนั่นทำให้แทยอนเดือดถึงขีดสุดเมื่อรู้ว่าใครเป็นตัวการ

ฮยอนอา!!

“เธอทำบ้าอะไรของเธอ ฮยอนอา” คนตัวเล็กพยายามไม่น้อยที่ต้องสกัดกลั้นความโกรธแล้วเอ่ยกับคนที่อยู่ชั้นสามของอาคาร น้ำเสียงที่เค้นผ่านไรฟันกับเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความโกรธไม่ได้ทำให้ต้นเหตุนึกกลัวเลยแม้แต่น้อย

“อุ๊ย เธอนั่งอยู่ตรงนั้นหรอกเหรอแทยอน แหม ขอโทษด้วยนะคือฉันไม่รู้นี่ พอดีฉันไม่ได้มองน่ะก็เลยเผลอเทน้ำที่ใช้ถูพื้นพวกนี้ใส่พวกเธอ ไม่โกรธกันนะ” เสียงแหลมๆของคนหัวเหลืองอมส้มยังคงเพิ่มให้ไฟในใจแทยอนลุกโหมหนักขึ้นๆ ขณะที่ยูริเมื่อรู้ว่าน้ำที่ราดใส่ตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นน้ำที่ผ่านการถูพื้นมาแล้วก็นึกคันขึ้นมาทันที

...สกปรกชะมัด ให้ตายสิ...

“ฮยอนอา” ยูริเงยขึ้นมองเพื่อนร่างเล็กก็พอจะรู้ว่าตอนนี้แทยอนใกล้ระเบิดเต็มที “ดูท่าการที่เธอถูกทำโทษให้ทำความสะอาดห้องวิทย์จะไม่พอสินะ”

“ฮึ ก็ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเธอฉันก็คงไม่ต้องมาทำอะไรอย่างนี้หรอก ถือว่าหายกันก็แล้วกันนะแทยอน” รอยยิ้มมุมปากจากฮยอนอายิ่งทำให้แทยอนนึกอยากจะโยนก้อนหินหรืออะไรก็ได้กระแทกหน้าอีกคนสักทีให้หายแค้น “โอ๊ะ ได้ยินเสียงอะไรไหมแทยอน ฉันว่าเวลาพักเที่ยงหมดเร็วกว่าที่คิดเยอะเลยนะเนี่ย ฉันไปเข้าเรียนดีกว่าไม่อยากสายในคาบครูโซยุนสักเท่าไหร่ โชคดีนะจ๊ะยัยขนคิ้วร่วง”

สิ้นเสียงเจ้าหล่อนก็เดินจากไปทิ้งไว้ให้คนตัวเล็กยืนกำหมัดแน่นด้วยใบหน้าและแววตาแค้นเคืองอย่างที่ยูริไม่เคยเห็นมาก่อน ซอนเยต้องลุกขึ้นเอื้อมมือไปแตะไหล่อีกคนเบาๆ

“แท ใจเย็น...”

“ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว! ยัยนั่นคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าทำอะไรแบบนี้! โอ้ย! โกรธโว้ยโกรธ! จำไว้เลยนะยัยหัวฟักทองเอ้ย!” ยังไม่ทันที่ซอนเยจะเอ่ยจบประโยคแทยอนก็แทรกขึ้นด้วยความโมโห ตะโกนลั่นอย่างอัดอั้นชนิดที่ไม่สนใจสายตาใครต่อใครที่มองมาทางเธอ ซึ่งยูริก็คิดว่าความโกรธที่เป็นเหมือนระเบิดเวลาของแทยอนมันไม่ได้ทำลายแค่ต้นเหตุอย่างฮยอนอาแน่นอน เพราะหากเธอยื่นตัวเข้าไปขวาง มันก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตตัวเองได้เช่นกัน

...เพราะงั้น อย่าไปขวางทางให้ตัวเองต้องเดือดร้อนด้วยเลยดีกว่า...

 

เนื่องจากออดบอกหมดเวลาพักเที่ยงดังมาได้สักพักหนึ่งแล้ว พวกยูริเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขึ้นไปยังห้องเรียนทั้งที่เนื้อตัวเปียกปอนท่ามกลางสายตาของคนรอบข้างที่พบเห็น รวมไปถึงครูโซยุนที่มีนิสัยเคร่งครัดและตรงต่อเวลาไม่แพ้กับครูแชริม และเพื่อนร่วมห้องที่พร้อมใจกันหันขวับมามองนักเรียนทั้งเจ็ดคน

“ยูริ แทยอน โนอึล ซอนเย ลีน่า ดาน่า ฮโยยอน นี่พวกเธอไปทำอะไรมาถึงได้มีสภาพแบบนี้ฮะ!?” แล้วก็เป็นอย่างที่คาดเมื่อครูสาวถามเสียงเข้ม แทยอนเหลือบมองไปยังต้นเหตุก็พบว่าเจ้าหล่อนยกยิ้มให้อย่างสะใจ ยิ่งมองยิ่งพาลให้หงุดหงิดจนต้องเบนสายตากลับมาอีกครั้ง เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากศิษย์ทั้งเจ็ดคนเสียทีครูโซยุนจึงตวาดถามอีกครั้ง “ว่ายังไงล่ะ! เอ้ายูริ ไหนบอกมาสิว่าไปทำอะไรมา!”

คนโดนเรียกหันมามองหน้าคนถามพลางขมวดคิ้วเข้าหากัน เหมือนจะถามว่าทำไมต้องเป็นฉัน เจ้าตัวลังเลเล็กน้อยว่าควรจะตอบไปตามความเป็นจริงดีไหม เพราะใจหนึ่งก็ไม่อยากจะไปมีเรื่องอะไรกับฮยอนอาให้น่าวุ่นวายในภายหลัง แต่โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนไม่ชอบโกหกใครโดยเฉพาะกับคนอายุมากกว่า จึงทำให้คนผิวเข้มตัดสินใจตอบตามความเป็นจริงออกไป

และนั่นทำให้สายตาทุกคู่หันไปจับจ้องที่สาวหัวเหลืองอมส้มทันที

“ว่าไงฮยอนอา เธอทำจริงอย่างที่เพื่อนว่ารึเปล่า”

“เปล่านะคะครู ฉันจะไปกล้าทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน” ตัวการแก้ตัวเสียงสูงตีหน้าซื่อส่ายหน้าดิกๆ ทำเอาคนตัวเล็กที่มีปมแค้นฝังใจอยากจะปรี่ไปกระชากคอยัยหัวฟักทองให้คอหลุดเสียบัดนั้น แต่ยังดีที่โนอึลและซอนเยที่ยืนอยู่ข้างๆยังรั้งไว้ทัน

“เค้าว่าอย่างนั้นแน่ะ เธอมีหลักฐานรึเปล่ายูริที่ไปกล่าวหาฮยอนอาลอยๆแบบนั้น” ครูโซยุนหันมาส่งสายตาคมกริบให้กับยูริแทน ในขณะที่ฮยอนอายกยิ้มกริ่มอย่างพอใจในชัยชนะ คนตัวสูงแสร้งกลอกตามองเพดานอย่างครุ่นคิด

“ไม่รู้สิคะ ถ้ากล้องวงจรปิดชั้นสามตรงจุดที่พวกฉันโดนมันใช้ได้ก็คงจะช่วยเป็นพยานได้ล่ะค่ะ อยู่ที่ว่าครูจะลองไปตรวจดูไหมล่ะคะ” เป็นประโยคที่ทำเอารอยยิ้มย่องเมื่อครู่ของฮยอนอาต้องหุบลงอย่างรวดเร็ว

“อ่ะๆ ไว้ครูจะเช็คดูเย็นนี้ก็แล้วกัน แล้วนี่ก็ไปเปลี่ยนใส่ชุดวอร์มก่อน เอาเสื้อให้แม่บ้านจัดการก็แล้วกัน”

หลังจากที่ทั้งเจ็ดคนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนักเรียนเป็นชุดวอร์มที่ใช้ในคาบพละและกลับมานั่งที่เรียบร้อยแล้วครูโซยุนก็เริ่มสอนต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งหมดคาบเรียน คนตัวสูงยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองแทบจะตลอดเวลา ทั้งรู้สึกแขยงและเหม็นชนิดที่อยากจะลุกไปหาซื้อยาสระผมมาชำระล้างความสกปรกออกเสียเดี๋ยวนั้น เจสสิก้าเดินเข้ามาหยุดนั่งเบียดกันบนเก้าอี้ของยูริพลางยื่นหน้ามาทำจมูกฟุดฟิด

“อี๋ ทำไมเหม็นงี้ล่ะ” ร่างบางยกมือขึ้นปิดจมูกตัวเองพลางทำหน้าย่นให้ยูริตวัดสายตานิ่งๆไปมองทันที

“นี่เธอ น้ำถูพื้นนะไม่ใช่น้ำหอม จะไม่ให้เหม็นได้ยังไงกันเล่า” คนผิวเข้มเกาหัวตัวเองแรงขึ้นเรื่อยๆด้วยความหงุดหงิดรำคาญ

...โว้ย นี่ขนาดเอาน้ำล้างๆมาบ้างแล้วนะเนี่ย...

เจสสิก้านั่งมองตาปริบๆก่อนจะคว้ามือคนตัวยาวให้ลุกขึ้นเดินออกนอกห้องไปให้คนถูกลากถึงกับงง จนกระทั่งทั้งคู่มาหยุดอยู่ภายในห้องน้ำหน้าอ่างล้างมือและกระจกบานใหญ่ ร่างบางเปิดก๊อกพร้อมหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแช่ไว้และบิดน้ำออกเล็กน้อย

“เอ้า ก้มลงสิ” ยูริเลิกคิ้วสูงอย่างนึกสงสัย ว่าครั้งนี้อีกคนจะทำอะไรอีก แต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี คนตัวเล็กกว่าใช้ผ้าที่เปียกชื้นบรรจงเช็ดตามใบหน้าคนผิวเข้มเบาๆ เริ่มจากหน้าผากไล่ลงมายังแก้มทั้งสองข้าง การกระทำของเจสสิก้าทำเอาคนตัวสูงถึงกับขมวดคิ้วแทบจะเป็นปมอย่างลืมตัวให้ร่างบางร้องเสียงแหลมในลำคออย่างขัดใจ

“ทำไมชอบขมวดคิ้วนักนะ เดี๋ยวหน้าก็แก่เร็วหรอก ฉันยังไม่อยากมีเพื่อนเป็นคุณป้าหน้าเหี่ยวหรอกนะ” ว่าแล้วก็ยกนิ้วชี้ขึ้นจิ้มๆที่หัวคิ้วทั้งสองข้างหวังคลายปมนั้นออกก่อนจะหันไปจุ่มผ้าเช็ดหน้ากับน้ำและบิดออกอีกครั้งเพื่อนำกลับมาเช็ดตามส่วนต่างๆของคนตัวสูงกว่า จะมีก็เพียงศีรษะเท่านั้นที่ดูจะลำบากกว่าที่อื่น

“อืม... ที่หัวเนี่ยจะให้เช็ดมันก็คงไม่สะอาดหรอก เอางี้ไหมยูล ที่ห้องน้ำนี้มีสบู่ ใช้แก้ขัดไปก่อนแล้วกันเนอะ” สิ้นเสียงเจ้าตัวก็เอื้อมมือไปจะคว้าเอาสิ่งที่เธอเรียกว่าสบู่ขึ้นมาใช้งานแทนแชมพูสระผม แต่ก็โดนยูริตีหลังมือเข้าไปทีหนึ่งเบาๆ

“นี่เธอจะบ้าเหรอสิก้า นั่นมันน้ำยาล้างส้วม สบู่ที่ไหนเล่ายัยบ๊องเอ้ย” คนเข้าใจผิดลูบหลังมือตัวเองปอยๆอย่างน่าสงสาร

“อ้าว ก็ฉันไม่รู้นี่”

“ก็ช่วยกรุณาอ่านฉลากมันก่อนจะได้ไหม ไม่เห็นหรือไงตัวหนังสือเขียนตัวเบ้อเร่อว่าน้ำยาขัดส้วมน่ะ” เรียวนิ้วยาวชี้ไปยังขวดสีม่วงที่วางอยู่มุมหนึ่งใกล้มือเจสสิก้าทันที

“แต่ก็ไม่เห็นต้องตีกันเลยนี่นา” ร่างบางแสร้งทำตาปรอยกระพริบตาปริบๆ

“อย่าเวอร์สิก้า ฉันตีเธอเบาๆ” ยูริหันไปล้างมือตัวเองอีกรอบก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ “นี่ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว ไปกันเหอะ”

เจสสิก้ายู่หน้าใส่เล็กน้อยแต่ก็เดินตามออกมาแต่โดยดี คนตัวสูงกว่าส่านหน้าอย่างระอาเมื่อคิดว่าหากเมื่อครู่หยุดมืออีกคนไม่ทัน ป่านนี้หัวของเธอจะมีสภาพเป็นยังไงกันนะ ยัยต๊องนี่ก็อีกคน ไม่รู้ว่าเอ๋อจริงหรือแกล้งทำกันแน่ แต่ยูริก็ต้องยอมรับว่าแม้อีกคนจะดูไม่ค่อยเต็มเท่าไหร่ นิสัยก็บ้าๆบวมๆ แต่ไอ้เรื่องเทคแคร์และใส่ใจเพื่อนพ้องนี่เป็นข้อดีไม่กี่ข้อที่เธอเจอในตัวเจสสิก้า

และทันทีที่เดินกลับเข้ามาก็ไม่วายโดยฮโยมินตะโกนแซวอีกเช่นเคย

“แหมๆ ไปไหนกันมาจ๊ะสองคนนี้”

“พายูลไปล้างตัวมาน่ะ” เจสสิก้าตอบกลับไปตามตรง แต่นั่นทำเอาคนรอแซวอยู่แล้วแสร้งทำตาโต

“อู๊ว มีการพาไปล้างตัวด้วย!! ดูแลกันดีเหลือเกินนะสองคนเนี้ย!” ฮโยมินเริ่มปฏิบัติการสร้างเรื่องและจับคู่เธอกับเจสสิก้าอีกครั้งพร้อมทั้งแววตาเป็นประกายอย่างมีเลศนัย ซึ่งยูริก็พอเดาจากสายตานั้นออก

“นี่เธอ กำลังคิดอะไรอกุศลอยู่ใช่ไหม”

“เอ๋ อะไรเหรอเรื่องอกุศลที่ว่า ฉันยังไม่ได้คิดอะไรเลยนะ” คนช่างแซวยังคงเล่นหูเล่นตาได้อย่างยียวนกวนประสาทเป็นที่สุด

“ให้ตายเถอะ เมื่อไหร่เธอจะเลิกแซวฉันสักที ไม่เบื่อบ้าหรือไงกัน” คนผิวเข้มว่าพลางกลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่ายขณะเดินกลับมานั่งลงข้างๆแทยอนดังเดิม โดยมีฮโยมินติดสอยเดินตามาติดๆ

“ไม่” อีกคนตอบลากเสียงยานคาง “ฉันจะแซวจนพวกเธอรักกันจริงๆเลยล่ะ”

ยูริเงยหน้าขึ้นมองอีกคนพร้อมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมาในลำคออย่างนึกขันพลางโคลงศีรษะไปมาเบาๆ

...ไม่มีทาง...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา