love you
8.3
1) ตอนที่ 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหิมะในฤดูหนาวเริ่มโรยตัวลงมาระรอกใหญ่ เกล็ดน้ำแข็งเล็กสีขาวและนุ่มราวปุยนุ่นกระทบลงเปรอะเส้นผมที่ผ่านกานย้อมมาหลายสี และปัจจุบันก็เป็นสีน้ำตาลแดง แขนเรียวกอดตัวเองเพื่อให้พื้นที่ผิวสัมผัสกับอากาศหนาวเย็นจับใจนี้ให้อุ่นขึ้น และแล้วตัวเองก็ต้องชะงักเมื่อถูกกอดจากด้านหลังราวกับเติมเต็มความอบอุ่นให้ หัวเล็กหันมาพิงไหล่ของคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลัง มือเรียวแตะแขนที่กอดเอวตัวเองอยู่อย่างแผ่วเบา ริมฝีปากอิ่มเผยยิ้มหวานอย่างมีความสุข หลับตาพริ้มอย่างคนเปี่ยมสุขครู่หนึ่ง แล้วลากสายตามองไปด้านนอก เพราะตอนนี้ตนเองอยู่ที่ระเบียง ทำให้เธอสามารถมองทัศนียภาพเมืองเกียวโต...เมืองหลวงของญี่ปุ่นได้ชัดเจน“หนาวล่ะสิ...ตัวยิ่งผอมๆ อยู่ อย่าออกมาตากลมคนเดียวสิ”คนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังว่าพลางพันผ้าพันคอให้คนที่ตนกอดอยู่...ไม่ได้พันธรรมดา พันรอบคอตนเองด้วย แล้วกระชับอ้อมกอดตนเองมากขึ้น“ตาบ้า...หายใจไม่ออกแล้ว”ถึงปากจะว่า แต่ก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าขาวสวย รู้สึกอบอุ่น...ถึงสภาพอากศตอนนี้จะหนาวจนอุณหภูมิติดลบก็เถอะ ถ้าได้มาตอนดูใบไม้ผลิ...“แก้ว...คิดอะไรอยู่เหรอครับ”“อะ...ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เรื่องไร้สาระน่ะ...ก็แค่อยากเห็นดอกซากุระเท่านั้นเอง”ว่าแล้วก็หลุบตาลง ไม่อยากให้อีกคนรู้ว่าตนเองผิดหวังแค่ไหนที่พลาดการมาเห็นดอกซากุระในครั้งนี้ ดอกไม้สวยขนาดนั้นใครจะไม่อยากเห็นล่ะ...จริงไหมแต่ใช่ว่าตนเองจะดูไม่ออก รู้จักกันมานานขนาดนี้ ท่าทางแบบนี้แปลว่าผิดหวังมาก แต่เขาจะทำยังไง เขาไม่สามรถให้สิ่งนี้กับคนที่เขารักได้“ขอโทษนะแก้ว”“ขอโทษอะไรโมะ? นายพูดอะไรเนี่ย”“ขอโทษ...ที่ไม่สามารถนำรอยยิ้มแบบเต็มที่มาให้แก้วได้...”
“แก้ว...วันนี้จะมีคนมาบ้านโมะนะ”“เห? อือ”วันนี้เป็นวันที่ใกล้คริสต์มาสเข้าไปทุกทีแล้ว เพราะมันใกล้ช่วงเทศกาลนี่เอง ท่าบริษัทค่ายของพวกเขาจึงอนุญาตให้ลาหยุดเป็นกรณีพิเศษ แล้วต้องกลับมาจัดคอนเสิร์ตปีใหม่ให้ทัน ทั้งสองจึงตัดสินใจมาญี่ปุ่น...บ้านเกิดโทโมะ แล้วให้แก้วพักที่บ้านโทโมะซะ ทางบ้านโทโมะก็เทคแคร์อย่างดี ถึงตนเองจะแอบคิดถึงบ้านที่ไทยบ้าง แต่ถ้าให้เธอไปอยู่บ้าน ก็คงเหงาพิลึก...คงจะต้องมานั่งคิดถึงคนที่อยู่ที่นี่นั่นแหละก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียเคาะประตูดังขึ้น โทโมะรีบกุลีกุจอมาเปิดประตูอย่างน่าผิดสังเกต หลังประตูปรากฏร่างบอบบางของผู้หญิงสวยแบบญี่ปุ่นแท้ ผิวขาวราวหิมะ เส้นผมสีดำสนิทหยักศกอย่างดูดี ริมฝีปากแดงอิ่มตัดกับสีผิวขาวซีดทว่าดูดี แก้มสองข้างขึ้นสีชมพูเลือดฝาด แต่งหน้าอ่อนๆ แต่กลับดูดีจนน่าตกใจ แก้วมองผู้หญิงที่ส่งยิ้มมาให้เอย่างสงสัย แล้วหันไปหาโทโมะเพื่อเอาคำตอบ แต่คำตอบที่ได้กลับมาก็มีแค่...“นี่พี่ยูเมะ เขาชื่อว่า ทานิซาโกะ ยูเมะ น่ะ”“อะ อึม” อยากถามมากกว่านี้ แต่ท่าทางว่าโทโมะคงไม่ตอบ“สวัสดีจ้ะ พี่เป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นน้า เราคุยกันรู้เรื่องเนอะ แหมโทโมะ แฟนน่ารักจังเลยนะ” ว่าพลางยิ้มหวาน“ฮะ...เขาชื่อแก้วฮะ” โทโมะว่าพลางเกาหัวแกรกๆแก้มขาวของแก้วเริ่มขึ้นสีระเรื่อ อายก็อาย สงสัยก็สงสัย...โอ๊ย แก้วใจอยากบ้า“เอ...โมะ แล้วเราจะไปคุยกันที่ไหนดีล่ะ” พี่ยูเมะว่าพลางเหลือบมามามองแก้วที่นั่งอยู่...ทำไมมันรู้สึกแปลกๆ“ห้องผมก็ได้ฮะ...เอ่อ...แก้ว เธอช่วยไปที่อื่นได้หรือเปล่าครับ คือธุระผมมันเป็นความลับมาก เอ่อ...แก้วไปซื้อขนมมาฝากโมะก็ได้ คุยไม่นานหรอก”ความเจ็บเริ่มเกาะกุมหัวใจแก้วโดยไม่รู้ตัว เหมือนมีใครมากระซวกหัวใจให้ฉีกขาดเป็นริ้วๆ ราวกับว่าตอนนี้หัวใจเธอกำลังมีเลือดออกอยู่ภายใน...เจ็บกว่าเลือดออกมาด้านนอกหลายเท่า โทโมะไล่เธอ? ปกติเขาไม่เคยทำแบบนี้ ถึงจะเป็นความลับแค่ไหนก็บอกกัน แต่นี้อะไร? มันสำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงกับไล่กันเลยหรือไง ขนมในตู้ก็มีเยอะแยะ โทโมะก็แค่หาเรื่องให้แก้วออกไปจากที่นี่เท่านั้นแหละ“แหม...เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกันเหรอ ^^”ยิ้มหวานราวกับแกล้งถาม แต่ในใจก็หวังจะเอาคำตอบ มือเรียวคว้ากระเป๋าใบเล็กราวกับไม่ติดใจอะไร หยิบผ้าพันคอมาสวม แล้วเดินไปที่ประตู เขาเรียวชะงักก่อนจะออกจากบ่นเล็กน้อยจนโทโมะไม่ทันมอง เมื่อปิดประตูลง...น้ำตาก็ไหลออกมาเงียบๆ...เธอก็รอคำตอบจากปากเขาอยู่...แต่เขาก็ไม่ได้แม้แต่จะส่งเสียงตอบเธอสักคำ...งั้นที่เธอพูดไปก็เป็นความจริง...หึ...เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกันเหรอจะว่าไปโทโมะก็เริ่มเป็นแบบนี้มานานแล้วเนอะ บางครั้งก็ออกไปข้างนอกโดยไม่บอก กลับมาก็ขังตัวอยู่คนเดียว นับตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ...เธอไม่เห็นรู้เลยใบหน้าสวยเงยขึ้นราวกับจะให้น้ำตาไหลกับไปที่เดิม แต่ก็ทำได้อย่างยากเย็น กลิ่นหอมจากน้ำยาปรับผ้านุ่มและกลิ่นตัวเของเจ้าของผ้าพันคอที่เธอสวมอยู่ทำให้เธอน้ำตาไหลอีกรอบ ผ้าพันคอของโทโมะ...เธอไม่น่าหยิบผ้าพันคอผืนนี้มาเลย เพราะเคยชินแท้ๆขาเรียวหยุดที่ร้านไอศกรีมแห่งหนึ่ง เดินเข้าไปอย่างเหม่อลอย อะไรบางอย่างทำให้เธออยากเดินเข้าไปในนั้น อย่างน้อยก็ไประบายความเศร้าในใจก็ดี ไม่แน่นะ...เธออาจจะคิดไปเองก็ได้นี่นา“จะรับอะไรดีคะ” บริกรสาวมาถามเธอด้วยรอยยิ้มเป็นภาษาญี่ปุ่น ถึงแก้วจะไม่รู้ภาษาแต่ก็พอจะเดาออกคนตรงหน้าถามอะไร ทุกร้านก็ถามแบบนี้“Blue Berry, please”“Wait for few minute”เมื่อบริการสาวรู้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนญี่ปุ่นก็ชะงักไปเล็กน้อย แล้วตอบกลับเธอด้วยภาษาอังกฤษพร้อมรอยยิ้ม เธอยิ้มตอบ แล้วรอไอศกรีมที่เธอเพิ่งสั่งเมื่อสักครู่Blue Berry มันไม่ใช่ไอศกรีมรสโปรดของเธอหรอกนะ แต่คำว่า ‘Blue’ มันสะกิดใจเธอย่างประหลาด...มันไม่ได้แปลได้เพียงว่าสีฟ้า...แต่มันแปลว่าความเศร้าได้ด้วย มันคงจะเหมือนความรู้สึกของเธอตอนนี้ล่ะมั้ง เธอถึงได้เลือกรสนี้ไม่นานนัก...ไอศกรีมก็มาอยู่ตรงหน้าเธอแล้วเมื่อตักขึ้นมากิน ความหวานอมเปรี้ยวก็แผ่ซ่านไปทั่วลิ้น แก้วละเลียดละไมกินอย่างช้าๆ กินไปพลาง...ก็นั่งคิดเรื่องไร้สาระต่างๆไปพลางจนเวลาลวงเลยผ่านไป...
“เอ...โทโมะ น้องแก้วออกไปข้างนอกนานเกินไปแล้วนะจ้ะ จะหนึ่งทุ่มแล้วนะ”เสียงหวานเรียกสติคนที่นั่งมองนาฬิกาอยู่ในภวังค์ แก้วอยู่ไหน...แค่ไปซื้อขนม ทำไมไปนานขนาดนี้ ทำไมยังไม่กลับมา ใจหนึ่งก็อยากไปตาม แต่อีกใจก็กลัวว่าจะคลาดกัน“งั้นผมขอโทรหาแก้วหน่อยนะ”พอกดโทรศัพท์โทรไป เสียงเพลงก็ดังขึ้นในห้องของแก้ว...บ้าตาย แก้วไม่ได้โทรศัพท์ไปนี่นา บัดซบที่สุด! ถ้าแก้วหลงไปจะทำยังไง เขาจะไม่ให้อภัยตัวเองเลยตลอดชีวิต“นี่โทโมะ พี่ขอพูดแบบเปิดใจเลยนะ ที่นายพูดไล่แก้วเมื่อกี้น่ะ เป็นฉันก็อยากร้องได้เลยนะ แต่น้องแก้วไม่ร้องไห้สักแอะ เราไม่คิดจะไปขอโทษน้องเขาหน่อยเหรอ” เสียงหวานเปล่งออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นเพื่อคุยกับคนตรงหน้าโทโมะชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะถาม “เหรอครับ...แล้วผมจะทำยังไงดี ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าแก้วอยู่ไหน ผมควรจะทำยังไงดีครับ ผมลนไปหมดแล้ว”“เอาเป็นว่าเราลองไปดูแถวนี้เป็นไง น้องแก้วยังไม่รู้ทางในญี่ปุ่น คงอยู่แถวนี้แหละ” คนอายุมากกว่าพูดปลอบโยนคนที่เริ่มอะไรไม่ถูก
ขาเรียวของโทโมะชะงักเมื่อเห็นร่างที่คุ้นตา ไม่ต้องรอคำสั่งสมอง ขาทั้งสองก็วิ่งตรงไปที่แก้วทันที ใจเริ่มหายวูบเมื่อเห็นท่าทางเหม่อลอยนั่น อย่าบอกนะว่าแก้วคิดมากเรื่องนั้นจริงๆ โมะขอโทษนะ... คิดได้เพียงครูก็สวมกอดคนตรงหน้าทันที“อ๊ะ...โทโมะ” เสียงหวานพูดแผ่วจนน่าใจหาย“ขอโทษนะแก้ว กลับบ้านกันนะ”“ขอโทษขอโทษอะไร แต่ก็นะ...กลับบ้านกัน กินไอติมนี่เสร็จพอดี”“ก็ขอโทษ...ที่ทำให้แก้วร้องไห้ไง แล้วก็ที่ทำให้แก้วเจ็บปวด ที่ทำให้แก้วเศร้า ที่ทำให้แก้วต้องมานั่งเหงาคนเดียว ที่ทำให้แก้วผิดหวังในตัวโมะ ที่โมะ...”นิ้มเรียวเอื้อมมือมาแตะที่ริมฝีปากคนตรงหน้าเบาๆ พลางยิ้มหวาน “พอได้แล้วน่า ขอโทษอะไรมากมาย ปะ...กลับบ้านกัน” พูดเสร็จก็ยืนขึ้น
ก่อนจะถึงบ้าน โทโมะหยิบผ้าปิดตาสีดำมาผูกตาแก้วก่อน แน่นอนว่าจะต้องมีเซอร์ไพรส์แน่ๆ แก้วอมยิ้ม แล้วค่อยๆเดินตามที่โทโมะจับมือตนนำทางไปเมื่อเปิดตาออกมา ก็ต้องพบเห็นสิ่งที่ทำให้เธอยิ้มออกมาไม่ยอมหุบ ตรงหน้าเธอคือต้นซากุระขนาดจำลอง และฝาผนังที่อยู่ใกล้ๆ ก็ถูกระบายอย่างสวยเป็นรูปต้นซากุระอย่างดี และภายในบ้านยังประดับด้วยไฟสีต่างๆ แลดูงดงาม และเมื่อหันมาอีกที เธอก็เห็นว่าโทโมะกำลัง ยื่นช่อดอกกุหลาบสีส้มบานสะพรั่ง...ซึ่งมีความหมายว่า ฉันรักเธอเหมือนเดิม...เพราะเขารู้ว่าเธอไม่ชอบสีแดง...จึงเลือกสีส้มงั้นเหรอ“เอ่อ...ดอกกุหลาบสีส้ม 99 ดอก คือความจริงจะเอา 999 ดอกนะ แต่งบไม่พอ แถมพี่ยูเมะก็บอกว่าเปลืองง่ะ เอ่อ...” โทโมะเกาหัวแกรกๆ อย่างต่อบทไม่ถูก ใบหน้าหล่อเหลาขึ้นสีเรื่อเมื่อได้ทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน99...ฉันจะรักเธอจนวันตาย999...ฉันจะรักเธอจนวินาทีสุดท้ายเพียงเพราะเธอบ่นว่าอยากดูดอกซากุระ เขาก็ลงทุนทำให้ขนาดนี้ นี้มัน...ฮึก...มันน่าดีใจจนน้ำตาไหลออกมา น้ำตาแห่งความสุขไหลออกมาพร้อมรอยยิ้มที่ไม่ยอมหุบ“ง่ะ...ฉันเป็นส่วนเกินสินะ เชอะ ไปก็ได้”เสียงงอนแบบเล่นๆ ดังขึ้นอย่างไม่ถือสา สองเสียงหัวเราะดังขึ้น มองพี่ยูเมะที่แกล้งงอนแล้วเดินออกจากบ้านไปอย่างขำๆ
ความประทับใจยังไม่จบนะ...“3...2...1...0”“อะไรน่ะโมะ...ว้าว!”พลุที่บ่งบอกถึงวันขึ้นปีใหม่ดังขึ้นพร้อมกับลูกไฟกระจายแตกออกอย่างสวยงาม ตอนนี้ทั้งสองอยู่ที่ระเบียงอย่างพอดิบพอดี จึงได้สังเกตเหฌนพลุสีสวยได้อย่างชัดเจนลืมไปเลย...ว่าวันนี้วันปีใหม่...“เป็นไงครับ แก้วชอบไหม”“มาก...จนไม่รู้จะพูดยังไงเลย”
แล้วโทโมะก้อจูบแก้วอย่างเนิ่นนาน
******************************************************
*****************************************************
************************************************
****************************************
*********************************
*************************
****************
*********
***
*
จบแล้วคร้า
“แก้ว...วันนี้จะมีคนมาบ้านโมะนะ”“เห? อือ”วันนี้เป็นวันที่ใกล้คริสต์มาสเข้าไปทุกทีแล้ว เพราะมันใกล้ช่วงเทศกาลนี่เอง ท่าบริษัทค่ายของพวกเขาจึงอนุญาตให้ลาหยุดเป็นกรณีพิเศษ แล้วต้องกลับมาจัดคอนเสิร์ตปีใหม่ให้ทัน ทั้งสองจึงตัดสินใจมาญี่ปุ่น...บ้านเกิดโทโมะ แล้วให้แก้วพักที่บ้านโทโมะซะ ทางบ้านโทโมะก็เทคแคร์อย่างดี ถึงตนเองจะแอบคิดถึงบ้านที่ไทยบ้าง แต่ถ้าให้เธอไปอยู่บ้าน ก็คงเหงาพิลึก...คงจะต้องมานั่งคิดถึงคนที่อยู่ที่นี่นั่นแหละก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียเคาะประตูดังขึ้น โทโมะรีบกุลีกุจอมาเปิดประตูอย่างน่าผิดสังเกต หลังประตูปรากฏร่างบอบบางของผู้หญิงสวยแบบญี่ปุ่นแท้ ผิวขาวราวหิมะ เส้นผมสีดำสนิทหยักศกอย่างดูดี ริมฝีปากแดงอิ่มตัดกับสีผิวขาวซีดทว่าดูดี แก้มสองข้างขึ้นสีชมพูเลือดฝาด แต่งหน้าอ่อนๆ แต่กลับดูดีจนน่าตกใจ แก้วมองผู้หญิงที่ส่งยิ้มมาให้เอย่างสงสัย แล้วหันไปหาโทโมะเพื่อเอาคำตอบ แต่คำตอบที่ได้กลับมาก็มีแค่...“นี่พี่ยูเมะ เขาชื่อว่า ทานิซาโกะ ยูเมะ น่ะ”“อะ อึม” อยากถามมากกว่านี้ แต่ท่าทางว่าโทโมะคงไม่ตอบ“สวัสดีจ้ะ พี่เป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นน้า เราคุยกันรู้เรื่องเนอะ แหมโทโมะ แฟนน่ารักจังเลยนะ” ว่าพลางยิ้มหวาน“ฮะ...เขาชื่อแก้วฮะ” โทโมะว่าพลางเกาหัวแกรกๆแก้มขาวของแก้วเริ่มขึ้นสีระเรื่อ อายก็อาย สงสัยก็สงสัย...โอ๊ย แก้วใจอยากบ้า“เอ...โมะ แล้วเราจะไปคุยกันที่ไหนดีล่ะ” พี่ยูเมะว่าพลางเหลือบมามามองแก้วที่นั่งอยู่...ทำไมมันรู้สึกแปลกๆ“ห้องผมก็ได้ฮะ...เอ่อ...แก้ว เธอช่วยไปที่อื่นได้หรือเปล่าครับ คือธุระผมมันเป็นความลับมาก เอ่อ...แก้วไปซื้อขนมมาฝากโมะก็ได้ คุยไม่นานหรอก”ความเจ็บเริ่มเกาะกุมหัวใจแก้วโดยไม่รู้ตัว เหมือนมีใครมากระซวกหัวใจให้ฉีกขาดเป็นริ้วๆ ราวกับว่าตอนนี้หัวใจเธอกำลังมีเลือดออกอยู่ภายใน...เจ็บกว่าเลือดออกมาด้านนอกหลายเท่า โทโมะไล่เธอ? ปกติเขาไม่เคยทำแบบนี้ ถึงจะเป็นความลับแค่ไหนก็บอกกัน แต่นี้อะไร? มันสำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงกับไล่กันเลยหรือไง ขนมในตู้ก็มีเยอะแยะ โทโมะก็แค่หาเรื่องให้แก้วออกไปจากที่นี่เท่านั้นแหละ“แหม...เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกันเหรอ ^^”ยิ้มหวานราวกับแกล้งถาม แต่ในใจก็หวังจะเอาคำตอบ มือเรียวคว้ากระเป๋าใบเล็กราวกับไม่ติดใจอะไร หยิบผ้าพันคอมาสวม แล้วเดินไปที่ประตู เขาเรียวชะงักก่อนจะออกจากบ่นเล็กน้อยจนโทโมะไม่ทันมอง เมื่อปิดประตูลง...น้ำตาก็ไหลออกมาเงียบๆ...เธอก็รอคำตอบจากปากเขาอยู่...แต่เขาก็ไม่ได้แม้แต่จะส่งเสียงตอบเธอสักคำ...งั้นที่เธอพูดไปก็เป็นความจริง...หึ...เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกันเหรอจะว่าไปโทโมะก็เริ่มเป็นแบบนี้มานานแล้วเนอะ บางครั้งก็ออกไปข้างนอกโดยไม่บอก กลับมาก็ขังตัวอยู่คนเดียว นับตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ...เธอไม่เห็นรู้เลยใบหน้าสวยเงยขึ้นราวกับจะให้น้ำตาไหลกับไปที่เดิม แต่ก็ทำได้อย่างยากเย็น กลิ่นหอมจากน้ำยาปรับผ้านุ่มและกลิ่นตัวเของเจ้าของผ้าพันคอที่เธอสวมอยู่ทำให้เธอน้ำตาไหลอีกรอบ ผ้าพันคอของโทโมะ...เธอไม่น่าหยิบผ้าพันคอผืนนี้มาเลย เพราะเคยชินแท้ๆขาเรียวหยุดที่ร้านไอศกรีมแห่งหนึ่ง เดินเข้าไปอย่างเหม่อลอย อะไรบางอย่างทำให้เธออยากเดินเข้าไปในนั้น อย่างน้อยก็ไประบายความเศร้าในใจก็ดี ไม่แน่นะ...เธออาจจะคิดไปเองก็ได้นี่นา“จะรับอะไรดีคะ” บริกรสาวมาถามเธอด้วยรอยยิ้มเป็นภาษาญี่ปุ่น ถึงแก้วจะไม่รู้ภาษาแต่ก็พอจะเดาออกคนตรงหน้าถามอะไร ทุกร้านก็ถามแบบนี้“Blue Berry, please”“Wait for few minute”เมื่อบริการสาวรู้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนญี่ปุ่นก็ชะงักไปเล็กน้อย แล้วตอบกลับเธอด้วยภาษาอังกฤษพร้อมรอยยิ้ม เธอยิ้มตอบ แล้วรอไอศกรีมที่เธอเพิ่งสั่งเมื่อสักครู่Blue Berry มันไม่ใช่ไอศกรีมรสโปรดของเธอหรอกนะ แต่คำว่า ‘Blue’ มันสะกิดใจเธอย่างประหลาด...มันไม่ได้แปลได้เพียงว่าสีฟ้า...แต่มันแปลว่าความเศร้าได้ด้วย มันคงจะเหมือนความรู้สึกของเธอตอนนี้ล่ะมั้ง เธอถึงได้เลือกรสนี้ไม่นานนัก...ไอศกรีมก็มาอยู่ตรงหน้าเธอแล้วเมื่อตักขึ้นมากิน ความหวานอมเปรี้ยวก็แผ่ซ่านไปทั่วลิ้น แก้วละเลียดละไมกินอย่างช้าๆ กินไปพลาง...ก็นั่งคิดเรื่องไร้สาระต่างๆไปพลางจนเวลาลวงเลยผ่านไป...
“เอ...โทโมะ น้องแก้วออกไปข้างนอกนานเกินไปแล้วนะจ้ะ จะหนึ่งทุ่มแล้วนะ”เสียงหวานเรียกสติคนที่นั่งมองนาฬิกาอยู่ในภวังค์ แก้วอยู่ไหน...แค่ไปซื้อขนม ทำไมไปนานขนาดนี้ ทำไมยังไม่กลับมา ใจหนึ่งก็อยากไปตาม แต่อีกใจก็กลัวว่าจะคลาดกัน“งั้นผมขอโทรหาแก้วหน่อยนะ”พอกดโทรศัพท์โทรไป เสียงเพลงก็ดังขึ้นในห้องของแก้ว...บ้าตาย แก้วไม่ได้โทรศัพท์ไปนี่นา บัดซบที่สุด! ถ้าแก้วหลงไปจะทำยังไง เขาจะไม่ให้อภัยตัวเองเลยตลอดชีวิต“นี่โทโมะ พี่ขอพูดแบบเปิดใจเลยนะ ที่นายพูดไล่แก้วเมื่อกี้น่ะ เป็นฉันก็อยากร้องได้เลยนะ แต่น้องแก้วไม่ร้องไห้สักแอะ เราไม่คิดจะไปขอโทษน้องเขาหน่อยเหรอ” เสียงหวานเปล่งออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นเพื่อคุยกับคนตรงหน้าโทโมะชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะถาม “เหรอครับ...แล้วผมจะทำยังไงดี ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าแก้วอยู่ไหน ผมควรจะทำยังไงดีครับ ผมลนไปหมดแล้ว”“เอาเป็นว่าเราลองไปดูแถวนี้เป็นไง น้องแก้วยังไม่รู้ทางในญี่ปุ่น คงอยู่แถวนี้แหละ” คนอายุมากกว่าพูดปลอบโยนคนที่เริ่มอะไรไม่ถูก
ขาเรียวของโทโมะชะงักเมื่อเห็นร่างที่คุ้นตา ไม่ต้องรอคำสั่งสมอง ขาทั้งสองก็วิ่งตรงไปที่แก้วทันที ใจเริ่มหายวูบเมื่อเห็นท่าทางเหม่อลอยนั่น อย่าบอกนะว่าแก้วคิดมากเรื่องนั้นจริงๆ โมะขอโทษนะ... คิดได้เพียงครูก็สวมกอดคนตรงหน้าทันที“อ๊ะ...โทโมะ” เสียงหวานพูดแผ่วจนน่าใจหาย“ขอโทษนะแก้ว กลับบ้านกันนะ”“ขอโทษขอโทษอะไร แต่ก็นะ...กลับบ้านกัน กินไอติมนี่เสร็จพอดี”“ก็ขอโทษ...ที่ทำให้แก้วร้องไห้ไง แล้วก็ที่ทำให้แก้วเจ็บปวด ที่ทำให้แก้วเศร้า ที่ทำให้แก้วต้องมานั่งเหงาคนเดียว ที่ทำให้แก้วผิดหวังในตัวโมะ ที่โมะ...”นิ้มเรียวเอื้อมมือมาแตะที่ริมฝีปากคนตรงหน้าเบาๆ พลางยิ้มหวาน “พอได้แล้วน่า ขอโทษอะไรมากมาย ปะ...กลับบ้านกัน” พูดเสร็จก็ยืนขึ้น
ก่อนจะถึงบ้าน โทโมะหยิบผ้าปิดตาสีดำมาผูกตาแก้วก่อน แน่นอนว่าจะต้องมีเซอร์ไพรส์แน่ๆ แก้วอมยิ้ม แล้วค่อยๆเดินตามที่โทโมะจับมือตนนำทางไปเมื่อเปิดตาออกมา ก็ต้องพบเห็นสิ่งที่ทำให้เธอยิ้มออกมาไม่ยอมหุบ ตรงหน้าเธอคือต้นซากุระขนาดจำลอง และฝาผนังที่อยู่ใกล้ๆ ก็ถูกระบายอย่างสวยเป็นรูปต้นซากุระอย่างดี และภายในบ้านยังประดับด้วยไฟสีต่างๆ แลดูงดงาม และเมื่อหันมาอีกที เธอก็เห็นว่าโทโมะกำลัง ยื่นช่อดอกกุหลาบสีส้มบานสะพรั่ง...ซึ่งมีความหมายว่า ฉันรักเธอเหมือนเดิม...เพราะเขารู้ว่าเธอไม่ชอบสีแดง...จึงเลือกสีส้มงั้นเหรอ“เอ่อ...ดอกกุหลาบสีส้ม 99 ดอก คือความจริงจะเอา 999 ดอกนะ แต่งบไม่พอ แถมพี่ยูเมะก็บอกว่าเปลืองง่ะ เอ่อ...” โทโมะเกาหัวแกรกๆ อย่างต่อบทไม่ถูก ใบหน้าหล่อเหลาขึ้นสีเรื่อเมื่อได้ทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน99...ฉันจะรักเธอจนวันตาย999...ฉันจะรักเธอจนวินาทีสุดท้ายเพียงเพราะเธอบ่นว่าอยากดูดอกซากุระ เขาก็ลงทุนทำให้ขนาดนี้ นี้มัน...ฮึก...มันน่าดีใจจนน้ำตาไหลออกมา น้ำตาแห่งความสุขไหลออกมาพร้อมรอยยิ้มที่ไม่ยอมหุบ“ง่ะ...ฉันเป็นส่วนเกินสินะ เชอะ ไปก็ได้”เสียงงอนแบบเล่นๆ ดังขึ้นอย่างไม่ถือสา สองเสียงหัวเราะดังขึ้น มองพี่ยูเมะที่แกล้งงอนแล้วเดินออกจากบ้านไปอย่างขำๆ
ความประทับใจยังไม่จบนะ...“3...2...1...0”“อะไรน่ะโมะ...ว้าว!”พลุที่บ่งบอกถึงวันขึ้นปีใหม่ดังขึ้นพร้อมกับลูกไฟกระจายแตกออกอย่างสวยงาม ตอนนี้ทั้งสองอยู่ที่ระเบียงอย่างพอดิบพอดี จึงได้สังเกตเหฌนพลุสีสวยได้อย่างชัดเจนลืมไปเลย...ว่าวันนี้วันปีใหม่...“เป็นไงครับ แก้วชอบไหม”“มาก...จนไม่รู้จะพูดยังไงเลย”
แล้วโทโมะก้อจูบแก้วอย่างเนิ่นนาน
******************************************************
*****************************************************
************************************************
****************************************
*********************************
*************************
****************
*********
***
*
จบแล้วคร้า
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ