Change in to love…จาก ร้าย กลายเป็น รัก

9.8

เขียนโดย OphraU123

วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 เวลา 17.54 น.

  19 ตอน 1
  134 วิจารณ์
  41.72K อ่าน
แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

2) ตอนที่ 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
2
            ร่างบางลืมตาขึ้นในตอนตี5 คงด้วยเพราะต่างที่ต่างถิ่นประกอบกับมีชายหนุ่มนอนร่วมกันในห้อง จึงทำให้เธอตื่นก่อนเวลาปกติไปมาก ร่างบางเหลือบไปมองทางด้านชายหนุ่มที่หลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์ ถึงเธอจะไม่ค่อยถูกชะตากับเขาเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่คิดจะรบกวนเวลาพักผ่อนของใคร จึงเลือกเดินออกจากห้องแล้วไปสูดอากาศยามรุ่งสางแทน หญิงสาวเดินเลียบชายหาดไปอย่างเงียบๆ พลางมองดูทะเลอย่างเหงาๆ นานเท่าไหร่แล้วที่เธอปิดกั้นตัวเองเพื่อป้องกันข่าวคราวมากมายแล้วปกป้องชื่อเสียงของเธอ บางครั้งเธอก็อยากที่จะมีชีวิตที่ธรรมดาแบบคนอื่นๆบ้าง  หากมีใครซักคนมาร่วมเดินทางไปกับเธอ เธอคงจะรู้สึกดีไม่น้อย
                ทางด้านชายหนุ่ม เขาสะดุ้งลุกขึ้นเพราะเสียงปิดประตู แล้วหันไปมองที่เตียงก็พบว่าดาราสาวได้ออกไปแล้ว เขาหันไปดูนาฬิกาก็พบว่ามันเพิ่งเป็นเวลาตีห้ากว่าๆ  ถึงแม้ว่ามันจะใกล้เช้าแล้ว แต่ที่นี่มันโรงแรมติดชายหาด ระบบการดูแลรักษาความปลอดภัยอาจจะไม่ทั่วถึง เขารีบเดินตามร่างบางมาทันที ถ้าเกิดเธอเป็นอะไรเขาคงไม่กล้าจะไปสู้หน้าหมอพิชญ์เป็นแน่
                หญิงสาวเดินเลียบชายหาดมาเรื่อย ก็รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ใต้เท้าทันที เธอรีบยกเท้าเธอขึ้นดูทันที ปรากฏว่าเธอโดนเปลือกหอยบาดเข้าเสียแล้ว แต่เจ้ากรรม มันดันเข้าลึกเสียด้วย จะใช้น้ำทะเลล้างก็ไม่ได้ เธอจึงนั่งลงฉีกแขนเสื้อเพื่อห้ามเลือดแล้วค่อยกลับโรงแรมจะดีกว่า ขืนไปทั้งๆที่เลือดอาบเท้าเช่นนี้ มีหวังโรงแรมแตกกันพอดี แต่ในขณะที่เธอกำลังใช้เศษผ้าห้ามเลือดอยู่นั้นก็มีคนมาจับไหล่เธอ เธอตกใจจึงกรี๊ดออกมาตามสัญชาตญาณ
“นี่คุณ!!!...หยุดกรี๊ดซักที” เสียงแหบห้าวปรามขึ้น ร่างบางหันมองไปตามเสียง ก็พบว่าเป็นหมอหนุ่มร่วมห้องของเธอนั่นเอง
“แล้วนี่เป็นอะไร ทำไมเลือดไหลขนาดนี้..แล้วเสื้อผ้าถึงได้ขาด มีใครทำร้ายคุณหรือเปล่า” หมอหนุ่มถามขึ้นหลังจากเห็นว่าร่างบางนำมือกุมแผลในขณะที่เสื้อส่วนแขนมีรอยฉีกขาด
“เปล่า แค่เหยียบเปลือกหอยแล้วมันก็เข้าลึก ก็เลยฉีกแขนเสื้อมาซับไว้ก่อน” ร่างบางเหวอไปเล็กน้อยที่เห็นหมอหนุ่มซักไซ้เธออย่างรวดเร็ว หมอหนุ่มรีบก้มลงดูแผลของหญิงสาวก่อนจะอุ้มหญิงสาวขึ้น ร่างบางเห็นดังนั้นก็โวยวายทันที
“นี่นาย!! ไม่เป็นไรแค่พยุงก็พอ ไม่ต้องอุ้มหรอก”
“นี่...ผมเป็นหมอนะ ถ้าขืนคุณยังเดินอีกนะ รับรอง ได้เย็บแน่!!”  ร่างบางได้ยินดังนั้นจึงเงียบทันที แล้วปล่อยให้หมอหนุ่มอุ้มไปโดยดี
            พอถึงห้องหมอหนุ่มก็กำชับให้หญิงสาวนั่งเฉยๆ เพราะเขาจะทำแผลให้ ซึ่งจากที่เขาดูแล้วก็ไม่ถึงขั้นเย็บแต่ก็ลึกพอสมควร เขาจึงสั่งให้เธออยู่เฉยๆเป็นอันดี
“แล้วชั้นจะทำไงอ่ะ ชั้นต้องกินข้าว เที่ยวเล่นมั่งดิ ให้อยู่เฉยได้ไง” ดาราสาวโวยขึ้น
“ นี่คุณ!! ผมว่านะให้แผลมันดีขึ้นก่อนค่อยเที่ยวก็ได้ หัดห่วงตัวเองมั่งสิ” หมอหนุ่มดุหญิงสาวทันที ดาราสาวนั่งเงียบกริบเพราะเธอไม่เคยถูกดุขนาดนี้ เพราะพ่อแม่เธอแยกทางกัน ทำให้เธออาศัยอยู่กับคุณลุงที่เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล เพราะเธอไม่อยากไปอยู่กับพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงของเธอ เธอจึงขออยู่กับญาติแท้ๆที่รักเธอและพี่ชายเธอดีกว่า
                ร่างสูงนั่งมองร่างบางที่ทำหน้ามุ่ยมาเกือบครึ่งวัน ทำให้เขาตระหนักได้อย่างหนึ่งว่า เธอก็มีมุมที่ ‘น่ารัก’ อยู่เหมือนกัน แม้บางที จะขี้วีน ขี้โวยวาย น่ารำคาญ แต่ทำไมกันนะ ทั้งๆที่เธอนั้นห่างไกลจากสเปคสาวในฝันของเขาอย่างมากมาย แต่ทำไมเขาถึงไม่อาจละสายตาออกจากเธอได้เลย
                ฝ่ายร่างบางก็เริ่มรู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที ก็เล่นถูกจ้องมาครึ่งวันแล้ว ใครไม่อายก็ให้มันรู้ไป!! 
“นี่นาย ชั้นว่ามันคงไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ให้ชั้นไปข้างนอกได้ยัง” ร่างบางบอกกึ่งอ้อนวอน
“ไหนมาดูซิ!!” ว่าแล้วร่างสูงก็ตรงไปดูที่ข้อเท้าของร่างบางทันที ส่งผลให้ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย คุณหมอหนุ่มวิเคราะห์ได้ซัก2นาทีก็สรุปได้ว่า “ยังไม่ได้ แผลมันลึกมาก ผมว่าวันนี้คุณอยู่เฉยๆดีกว่า” เมื่อร่างบางได้ยินดังนั้นก็หน้ามุ่ยขึ้นมาอีกรอบ เธอได้แต่คิดว่าพี่ชายเธอทำไมไม่มาหาเธอบ้าง นี่มันก็ใกล้บ่ายแล้ว แม้จะบอกว่าอยากสวีทกับพี่สะใภ้ก็เถอะ แต่ทำไมไม่คิดถึงเธอบ้างนะ!! ปล่อยให้มาอยู่กับผู้ชายในห้อง2ต่อ2ได้อย่างไร
            เหมือนร่างสูงจะรู้สิ่งที่ร่างบางคิด “นี่คุณ ผมไม่ปล้ำคุณหรอกน่า!” ร่างบางหันมาประจันหน้ากับร่างสูงอย่างเหลือดอด “ชั้นไม่เคยเจอผู้ชายที่นิสัยแบบคุณมาก่อนเลย ชั้นไม่ทนแล้ว แผลจะเป็นไงก็ช่างมัน ชั้นจะไปข้างนอก!!!!” ร่างบางรับกระแทกเท้าออกจากห้องนั้นโดยไม่สนใจแผลที่เท้าเลย เพราะเธอไม่ใช่ดาวพระศุกร์ที่จะได้ยอมให้ใครมาพูดอะไรที่ทุเรศแบบนี้ได้หรอก
                ในขณะที่ร่างบางเดินจ้ำอ้าวเพื่อมาที่รถของเธอนั้น ก็ได้สวนกับกลุ่มผู้ชายสักประมาณ 5-6 คน เธอได้ยินคำสนทนาบางอย่างที่ทำให้เธอหยุดเท้าลงอย่างกระทันหัน
“เฮ้ย!! แกได้ยินที่ไอ้ป๊อปพูดป่าววะ แม่งข้าละฮาชิบเลย” ชายคนที่นั่งชิดกำแพงพูดขึ้น
“เออๆ น้องฟางออกจะสวยขนาดนั้นมันยังพูดซะข้าหมดอาลัยตายอยาก” ชายอีกคนพูดขึ้น หญิงสาวจึงย่างเท้าไปที่กลุ่มชายพวกนั้นทันที เมื่อเธอไปถึงก็ทำให้การสนทนาหยุดชะงักลงทันทีและแน่นอน ว่าซุปเปอร์สตาร์อย่างเธอเมื่อใครเห็นก็ต้องพากันมารุมล้อมขอถ่ายรูปด้วยทั้งนั้น เมื่อช่วงเวลาที่แสนน่าเบื่อ ในการยืนแอ๊คหน้าถ่ายรูปนั้นจบลง เธอจึงถามสิ่งที่เธอค้างคาใจออกมา
“ขอโทษนะคะ คือใครพูดอะไรถึงชั้นเหรอคะ?” แม้หน้าตาดูเป็นมิตรแต่เธอใส่ความไม่พอใจลงไปที่น้ำเสียงเต็มที่
“อ๋อ ก็รุ่นน้องของพวกพี่น่ะครับ เอ่อน้องฟางคงไม่รู้จักหรอก...เค้าเคยบอกว่าน้องฟางทำตัวเหมือนดาราหนังAVน่ะครับ” เมื่อเธอได้ยินดังนั้น เธอก็อยากจะกรี๊ดออกมาดังๆ เธอได้แต่คิดว่า  ‘ดาราหนังAVเหรอ!!!? ชั้นเหมือนตรงไหนกันยะ!!!’
“รุ่นน้องที่ว่านี่ชื่อ ป๊อปปี้ ที่เป็นหมอ รึเปล่า!!!” เธอหมดอารมณ์ที่จะเติมหางเสียงเต็มทน
“เอ่อ..ใช่ครับ น้องฟางรู้จักด้วยเหรอครับเนี่ย”
“เปล่าค่ะ แค่พอเลือนราง งั้นขอตัวนะคะ” เธอรีบปลีกตัวออกมาทันที โดยเธอได้แต่คิดว่า ‘ชั้นจะไป!! ให้ไกลจากที่นี่ ไกลจากคนที่ไร้หัวใจคนนั้น!!’
            เธอขับรถในความเร็วที่เธอสามารถแข่งกับเสือชีตาร์ (กรี๊ดดดดด) เธอได้แต่คิดเรื่องของหมอหนุ่มอย่างเลื่อนลอย แล้วก็ต้องเบรกกะทันหันเมื่อเธอมาตระหนักได้สิ่งหนึ่งว่า ‘แล้วทำไมชั้นต้องโกรธมากขนาดนี้ ชั้นไม่ได้เป็นอะไรกับเค้าซักหน่อย’ แต่ในขณะที่เธอกำลังจะเลี้ยวรถกลับนั้น จู่ๆรถคันหรูก็เกิดดับกะทันหัน ทำให้ร่างบางตะลึงไปชั่วขณะก่อนที่จะเพ่งไปดูที่เกน้ำมันรถ ปรากฏว่ามันเกลี้ยงชนิดที่ว่าสตาร์ทก็ไม่มีทางติดให้เธอแน่
                เธออยากจะโทรศัพท์หาใครซักคนก็พบว่าเธอไม่ได้หยิบอะไรติดตัวมาซักอย่างเดียว เธอจึงจะลงไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านแต่พอลงจากรถก็พบว่าเธออยู่ท่ามกลางถนนที่ริมข้างทางเป็นลูกรังที่แดงและทอดยาวไปสุดลุกหูลุกตา ไม่มีบ้านซักหลังเดียว!!! ไม่สิไม่มีอะไรเลยมากกว่า!!!
            เธอได้แต่นั่งรอไปเรื่อยๆและล็อกรถเปิดกระจกให้พอมีออกซิเจน เธอวิเคราะห์ได้ว่าต้องมีรถผ่านไปมาบ้าง แม้ในหนึ่งวันอาจจะผ่านไม่ถึง3คัน แต่เธอก็ยังอยากจะรอ ดีกว่าเดินไปเรื่องไร้จุดหมาย และอันตราย
เวลาผ่านไปยาวนานแค่ไหนเธอไม่อาจะรู้ได้ แต่ในตอนนี้ดวงอาทิตย์ก็กำลังลับขอบฟ้าแล้ว เธอได้แต่นั่งเหม่อมองดวงอาทิตย์ยามโพล้เพล้ แล้วก็ปล่อยน้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตากลมใสคู่นั้น เธอเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง เธอต้องอยู่ลำพังในที่ที่ไม่มีผู้คน ไม่มีเลย ซักคนเดียว เธอยากจะตะโกนดังๆว่า ‘ช่วยชั้นที มารับชั้นทีเถอะ!!!’ แต่มันไม่สามารถที่จะเปล่งเสียงออกมาได้ เธอยกมือปิดหน้าและปล่อยโฮออกมาทันที เธอกลัว กลัวเหลือเกิน       แต่แล้วจู่ๆก็มีมือหนามาเคาะกระจกและส่งเสียงเรียกเธอ เธอรีบหันไปมองก็พบว่าคือชายคนนั้น คนที่ทำเธอต้องมาอยู่ในที่แบบนี้ ถ้าหากว่าเป็นตอนอยู่ในโรงแรมเธอคงวีนใส่เขา และเชิดหน้าหนี แต่ตอนนี้ เธออยู่ในที่ที่เธอไม่รู้จัก ไม่รู้เลย!! เธอรีบเปิดประตูและโอบกอดร่างสูงอย่างไม่อาย เธออยากมีคนมาปลอบ อยากกลับบ้าน อยากหนีไปจากความกลัวที่กำลังกัดกินหัวใจเธออย่างบ้าคลั่ง
“ฮึก ฮึก ฮือออ...ชั้นกลัว กลัวมากเลยนายรู้มั๊ย” ร่างบางพูดระบายความรู้สึกออกมาปนกับเสียงสะอื้น  ร่างสูงตกใจเล็กน้อยที่ยัยคุณหนูขี้วีนกำลังกอดเขาปล่อยโฮอย่างไม่อาย และน้ำตาของเธอทำให้เขาเจ็บที่หัวใจทันทีร่างสูงได้แต่คิดว่า ‘เป็นเพราะเรารึเปล่านะ ที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้มีน้ำตา’ ร่างสูงลูบหัวปลอบร่างบาง จนในที่สุดร่างบางก็หยุดร้องแต่เธอก็ยังนิ่ง และเงียบ เพราะเธอไม่เคยตกอยู่ในความรู้สึกแบบนี้มาก่อน เธอกลัวมาก มากที่สุดในชีวิต
“นี่คุณมาได้ยังไง” ร่างบางถามขึ้นขณะที่กำลังเดินไปที่รถร่างสูง
“ผมสิต้องถามคุณว่าคุณมาที่นี่ได้ยังไง คุณมาในที่ที่ห่างไกลแบบนี้ได้ยังไง” ร่างสูงถามกลับ
“แล้วชั้นอยู่ที่ไหน”
“คุณกำลังข้ามไปอีกจังหวัดนึงนะ คุณทำให้ทุกคนเป็นห่วง” ร่างสูงตอบแม้อยากจะพูดว่า ‘คุณทำให้ผมเป็นห่วง’ ก็ตาม
“ชั้นขอโทษ ชั้นโกรธน่ะ โกรธที่คุณว่าชั้น” ร่างบางตอบและหันไปมองหน้าร่างสูงอย่างเอาเรื่อง
“OK ผมขอโทษ ต่อไปนี้ผมจะไม่ว่าคุณอีกแล้ว แม้จะลับหลังก็ตาม” ร่างสูงได้ยินจากปางรุ่นพี่ที่เจอกันในระหว่างที่จะมาตามหาร่างบางก็รู้ชัดทันทีว่าเพราะอะไรถึงทำให้เธอมาถึงที่นี่ได้
“งั้นกลับกันเถอะ ชั้นไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว เดี๋ยวให้พนักงานมาลากรถชั้นกลับก็แล้วกัน” ร่างบางบอก
“ไม่ได้หรอก เพราะน้ำมันผมใกล้จะหมดแล้ว เดี๋ยวเราหาที่พักกันเถอะ” ร่างสูงเสนอ
“อ้าว!! แต่ก็ยังดีกว่าอยู่ที่นี่อ่ะนะ ไปก็ไป” ร่างบางรีบวิ่งนำร่างสูงไปขึ้นรถทันที ปล่อยให้ร่างสูงยืนงงว่า ‘ทำไมจู่ๆถึงพูดง่ายจัง ไม่ดื้อเลยแฮะ’ และร่างสูงก็พบว่า เขาและเธอเลิกจิกกัดกันไปแล้ว แถมเธอยังทำตัวได้ ‘น่ารัก’ ขนาดนี้ ทำให้เขาชักอยากรู้จักกับร่างบางให้มากขึ้นแล้วสิ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา