เรื่องนี้ไม่มีชื่อ
4)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ---------------------------------------------------------
นั่งรอเวลาสักพัก เห็นทุกคนกำลังง่วนกับงานตรงหน้า เลยไม่อยากกวน ลุกขึ้นสำรวจความเรียบร้อยของตนเองก่อนค่อยก้าวยาวเดินขึ้นตึกใหญ่ จุดมุ่งหมายคือห้องใหญ่ชั้นบนสุด หยุดอยู่หน้าประตูไม้บานใหญ่ มือเรียวค่อยๆ ยกขึ้นเคาะประตู รอฟังเสียงอนุญาตจากคนด้านใน
“ใคร” ได้ยินเสียงจากคนด้านใน ถึงกลับสะดุ้ง ทำใจยืนกลัวๆ กล้าๆ ก่อนตอบรับกลับ
“ขออนุญาตเก็บสำรับอาหารค่ะ”
“เข้ามา”
มือเรียวค่อยๆ เปิดประตูช้าๆ สายตาคู่สวยกวาดมองหาถาดสำรับ พบว่ามันวางอยู่บนโต๊ะหนังสือตัวใหญ่ ก้าวเท้าแผ่วเบา ยกถาดสำรับรีบเดินออกจากห้อง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอคำสั่งคุณคนใหม่
“ชื่ออะไร” เสียงรอดออกมาจากห้องแต่งตัวด้านใน แม้ไม่เห็นคนพูดแต่ก็พอจะเดาได้ว่าดุไม่ใช่เล่น
“ชื่อแก้วค่ะ” ตอบเสียงเรียบ ก้มหน้านิ่งไม่กล้าแม้จะมองหาต้นเสียง
“วันที่ฉันมาทำไมไม่เห็นเธอ” เสียงทุ้มต่ำถามอีกครั้ง
“ขอโทษค่ะ พอดีแก้วมีงานตอนเช้าเลยไม่ได้เข้ามาพบคุณ”
“แล้ววันอื่นทำไมไม่เข้ามาพบ”
“เอ่อ.....คือแก้ว” ได้ยินคำถามถึงกับหน้าถอดสีไม่รู้จะตอบอย่างไง อยากออกจากห้องแสนอึดอัดไปให้พ้นๆ
“ตอบไม่ได้หล่ะสิ งั้นไม่ต้องตอบ ผูกเนคไทเป็นไหม”
“เป็นค่ะ”
“งั้นผูกให้หน่อย”
ร่างสูงโปร่ง สวมกางเกงราคาแพง พร้อมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว ไม่ได้ติดกระดุมเผยให้หุ่นกำยำล่ำสันเดินออกมาจากห้องด้านใน เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นสาวหน้าหวานยืนก้มหน้านิ่ง ความจริงเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นใคร แต่เลือกที่จะแกล้งและดูท่าทีสาวสวยตรงหน้าต่างหาก เห็นแล้วไม่ผิดหวัง เพิ่งเคยเจอของต้องตาถูกใจเป็นที่สุดก็วันนี้ เดินมาหยุดตรงหน้าก่อนยื่นเนคไทส่งให้
--------------------------------------------------------
รับเนคไทจากมือแกร่ง เงยหน้าขึ้นมองเห็นสภาพคนตรงหน้า ทั้งอึ้งทั้งงง ได้แต่ยืนตาค้าง ตกใจกับคุณตรงหน้า ที่จินตนาการไว้ในหัวผิดหมด ดวงตากลมโตสีดำเข้ม คิ้วหนา จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากอิ่ม ผิวขาวสะอาดหมดจด จนเรียกได้ว่าหล่อเหลาเอาการแต่ที่มากกว่านั้นคือไม่เคยเห็นร่างกายกำยำระยะประชิดขนาดนี้ สมองออกคำสั่งอัตโนมัติให้ถอยหนีให้พ้นระยะอันตราย แต่แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อลำแขนแกร่งโอบรัดเอวบางกระชากเข้าหาตัว
“ปล่อยนะ คุณจะทำอะไร” เสียงหวานตะโกนลั่น มือเรียวดันอกแกร่งสุดแรงเกิด
“บอกให้ผูกไทให้หน่อย แล้วเธอจะถอยหนีไปไหน” ถามเสียงต่ำ มองหน้าหวานนิ่ง
“ปล่อยนะ อยู่อย่างนี้ฉันผูกให้คุณไม่ได้” ทั้งผลักทั้งดัน ดิ้นสุดแรงหวังให้หลุดจากพันธนาการ แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งกอดแน่น จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นรดลำคอ
“ก็อยู่นิ่งๆสิ” กระซิบข้างหูแผ่วเบา ก่อนชิงหอมแก้มขาวซ้ำๆ ก่อนไล้จมูกโด่งเข้าสัมผัสลำคอระหง ทำไงได้ในเมื่อกลิ่นกายสาวตรงหน้ามีผลกับเขามากมายนัก ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้
“นี่นาย มันจะมากไปแล้วนะ” ตกใจกับสิ่งที่เกิด ไม่คิดว่าจะเจอคนฉวยโอกาสขนาดนี้ ดันอกแกร่งสุดแรงนิ้วเรียวเล็กฟาดเข้าปะทะใบหน้าหล่อเหลาจนหันตามแรงกระทำ จ้องหน้าแววตาโกรธจัด หันหลังวิ่งหนีไม่คิดแม้แต่จะหันมอง เข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนเป็นห่วงนัก
----------------------------
เดินกระแทกเท้าเข้าเรือนครัว มือเรียวเช็ดไปทั่วแก้มเนียนจนแดงกล่ำ ใบหน้าหวานบูดบึ้งโกรธจัด ถึงไม่ต้องโวยวายก็เรียกความสนใจของสมาชิกในบ้านได้ไม่น้อย
“แก้วลูก เป็นอะไร คุณ ทำอะไรลูก” เสียงหญิงสาวที่อาวุโสสูงสุดของบ้านถามหลานสาวเสียงร้อนรน เห็นอาการเดาได้ไม่อยากว่าโดน คุณ ข้างบน รังแกแน่ๆ
“แก้วไม่ได้เป็นอะไรจ่ะป้า แก้วแค่ร้อนนะ” ตอบโดยไม่แม้แต่จะสบตา
“โธ่เอ้ย ฉันก็นึกว่าอะไร นี่คงโดนคุณด่ามาหล่ะสิ เรียกร้องความสนใจเก่งจังนะแก้ว ฉันละสมน้ำหน้าเธอจริงๆ” เสียงแหลมค่อนขอด สีหน้าแววตาเย้ยหยัน
“อีปิ่น มึงออกมาทำไม”
“นี่น้าแวว ฉันก็อยู่บ้านหลังนี้นะ ทำไมฉันจะเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ เอาใจกันเข้าไปเถอะ คอยดูสักวันจะเป็นหมาหัวเน่า”
“เอาน่าแม่แวว นังปิ่นไม่ต้องเถียงกัน แล้วคุณเค้าดุหนูอย่างที่ปิ่นว่ารึป่าวลูก” ปรามสงครามย่อยๆ ที่กำลังจะเกิดก่อนหันถามหลานสาวเสียงอ่อนโยน ถ้าเป็นดังคำปิ่น ลูกแก้วโดนดุก็คงดี แต่ประสบการณ์มันฟ้องว่าหลานสาวอาจโดนมากกว่านั้น
“ไม่ได้ดุจ่ะ ป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะ แก้วหลานป้าแช่ม ลุงส่ง สบายอยู่แล้ว” ปรับสีหน้าและน้ำเสียงให้เป็นปกติ กลัวทุกคนจะเป็นกังวล
“ผิดคาด ฉันก็นึกว่าจะโดนด่า จะมาสมน้ำหน้าสักหน่อย แล้วไหนล่ะถาดอาหาร”
“เอ่อ พอดีแก้วลืมหยิบออกมาจ่ะพี่ปิ่น”
“โอ้ย เธอจบได้ใบปริญญามาได้ไง เรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็ทำไม่ได้.....แต่ฉันว่าเธอไม่ได้ขึ้นไปเอาแน่ๆ ไม่คิดจะช่วยกันทำงานเลยรึไงหะ ยัยขี้เกียจ” เสียงแหลมยังคงตามราวีไม่เลิก
“อีปิ่น มึงมันจะมากไปแล้วนะ กูไล่มึงแต่มึงยังหน้าด้านยืนอยู่ก็สุดทนแล้ว ขอตบเอาเลือดชั่วมึงออกหน่อยเถอะวะ อีหลานนอกไส้” ดียินเสียงคำค่อนขอดเมื่อครู่ ทำเอาคนเป็นน้าอยู่ไม่ติด ไม่รู้จะด่าจะว่าอย่างไง ถลาเข้าหาแต่ต้องชะงักเมื่อโดนพวกที่เหลือห้ามไว้
“น้าแวว นี่ฉันหลานน้านะ เห็นคนอื่นดีกว่าหลานรึไง ฉันไปก็ได้ งานง่ายๆ ทำไม่ได้ฉันขึ้นไปเก็บมาให้ก็ได้ยัยขี้เกียจ” บอกกระแทกเสียง ก่อนก้าวยาวเดินขึ้นตึก
“แก้ว อย่าโกรธนังปิ่นเลยนะ มันไม่มีหัวคิด”
“แก้วไม่โกรธหรอกจ่ะน้าแวว แต่ตอนนี้แก้วปวดหัว แก้วขอนอนพักสักครู่นะจ๊ะ”
“ไปเถอะลูก ถ้าไม่ไหวเรียกป้าหรือไม่ก็น้าแววนะ จะได้ให้ตาส่งพาไม่หาหมอ”
“จ่ะป้า” รับคำเสียงหวาน ก่อนค่อยๆลุกเดินขึ้นเรือนเล็ก
--------------------------------------------
“ป้าแช่ม ป้าว่าหนูแก้วปิดบังอะไรเราหรือป่าว” ถามหญิงอีกคนน้ำเสียงกังวล ดูอาการก็รู้
“แม่แววก็คิดเหมือนฉันรึ”
“ใช่จ่ะป้า ตั้งแต่เด็กหนูแก้วไม่เคยเป็นแบบนี้”
“ป้าก็คิดแบบนั้น แต่ไม่อยากซักมาก ตอนนี้เราคงต้องได้แค่กันไว้ห่างๆ คุณเค้า บอกตามตรงฉันกลัว”
“ฉันก็กลัวจ่ะป้า … เห่อ” สีหน้าแววตากังวล แต่คงทำอะไรไม่ได้นอกจากคอยดู แต่แล้วทั้งสองก็ต้องชะงัก เมื่อเสียงแหลมดังมาแต่ไกล เดินถือถาดอาหารลงจากเรือนใหญ่อารมณ์ดี
“อ่ะ นี่ฉันไปเก็บมาให้ แล้วหลานสาวน้าไปไหนแล้วหล่ะ” ส่งเสียงแขวะ มาแต่ไกล
“เอาลงมาก็ดีแล้ว ไม่ต้องพูดมากปิ่นเอาไปล้างซะ มีงานอื่นต้องทำ” กลัวว่าจะเกิดสงครามย่อมๆ อีกครั้ง ป้าแช่มรีบบอกปัดตัดความรำคาญ
“ฉันรู้น่าป้า...แต่ฉันยังไม่ทำตอนนี้ เพราะคุณเค้าเรียกทุกคน ตอนนี้ที่ห้องโถงใหญ่”
“เรียกทำไม”
“ฉันไม่รู้ ถ้าอยากรู้ก็ต้องไปฟังเอง ฉันไปก่อนแหละเดี๋ยวคุณเค้าจะโกรธ .... อ่อ อีกอย่างคุณเค้าย้ำว่าหลานสาวของป้าต้องไปพบเข้าด้วย สงสัยไปทำอะไรให้คุณโกรธแน่ๆ สมน้ำหน้า” หันบอกก่อนรีบวิ่งเข้าห้อง จัดแจงแต่งตัวซะใหม่ให้สวยกว่าเดิม
“ป้าแช่มเอาไงดี”
“แม่แววไปตามทุกคนให้ขึ้นไปที่เรือนใหญ่แล้วกัน ส่วนฉันจะไปดูหลาน เดี๋ยวตามไป”
“ป้า .... ป้าแน่ใจนะ”
“คุณสั่งก็ต้องทำ รีบๆเถอะ” หันบอกเสียงเรียบ สีหน้ากังวล ก่อนเดินไปหาหลานสาวบนเรือน
------------------------------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ