ทางแห่งรัก

8.4

เขียนโดย fangfang

วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 21.14 น.

  16 ตอน
  184 วิจารณ์
  30.95K อ่าน
แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

13)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

{{{{{{{{{{{{{{{{{{{[}}}}}}}}}}}}}}}}}}}}}}}}

 

 

 

ตอน...ไม่เข้าใจ

 

 

 

     “โทโมะ หยุดก่อนสิฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม” ไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านพ้นไปนาน เพราะเก็บเอาไปคิดทั้งคืน

 

แต่ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เลยเลือกที่จะไปถามหาความจริง แต่จะให้ไปถามเจ้าตัว เธอเองก็ไม่กล้าพอ เลยเลือกที่จะมา

 

ถามเพื่อนชายอย่างโทโมะที่เธอก็ไม่ได้สนิทอะไรมากนัก ทั้งๆที่เธอกับป๊อปปี้ก็รู้จักและเป็นแฟนกันมาก็หลายปี

 

 

 

   “ฮึมม...มีอะไรหรอพิม” เดินๆจะไปที่โรงละครก็โดนเรียกตัวจากแฟนใหม่ที่เคยเป็นแฟนเก่าของเพื่อนสนิทของ

 

เค้าซะก่อน ไม่รู้ว่ามีอะไรจะถามเค้าสิน่า ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะเคยทักเค้าสักครั้ง จะพูดคุยกันบ้างก็ตอนที่ป๊อปปี้อยู่

 

ด้วยก็เท่านั้นแหละ

 

 

 

   “คือ...พิมอยากถามโมะเกี่ยวกับเรื่องของป๊อปกับผู้หญิงที่ชื่อฟางน่ะ” พอจะจำชื่อผู้หญิงคนนั้นได้ จากการที่เธอ

 

ไปซ้อมละครนั่นแหละ ดูเหมือนคนที่ไปซ้อมละครด้วยส่วนใหญ่ทุกคนก็ล้วนแล้วแต่จะรู้จักเธอคนนี้ แล้วก็คิดว่าน่าจะ

 

รักและเอ็นดูเธอคนนี้กันมากๆซะด้วยสิ เพราะแต่ละคนที่พูดถึงก็แล้วแต่จะพูดชื่นชมเธอกันทั้งนั้น

 

 

 

   “หืมม...รู้จักฟางด้วยหรอ?”

 

 

 

    “คือพิมเห็นเค้าสองคนคุยกันเมื่อวานตอนที่อยู่โรงละครน่ะ”

 

 

 

    “หึ!! ทำไมไม่ไปถามไอ้ป๊อปมันล่ะ มันไม่โกหกเธอหรอกพิม เรื่องแบบนี้ถามคนเป็นแฟนกันจะดีกว่านะ เพราะ

 

เธอเอาแต่ถามคนอื่นเชื่อแต่คนอื่นแบบนี้ไม่ใช่หรอ? เธอถึงได้ทิ้งไอ้ป๊อปไปให้มันจมอยู่กับความทุกข์กับเรื่องที่มัน

 

ไม่ได้ก่ออยู่คนเดียวเป็นปีๆน่ะ”

 

 

 

          ถึงกับพูดไม่ออกกับคำพูดของเพื่อนชายของแฟนตัวเอง ไม่ใช่ว่าเธอจะโกรธโทโมะที่พูดอะไรออกมาตรงๆ

 

แบบนี้หรอกนะ แต่เพราะมันตรงเกินไป ตรงจนเธอรู้สึกจุกจนเจ็บกับความจริงที่เธอทำ ซึ่งมันคงจะทำให้ป๊อปปี้ต้อง

 

เจ็บไม่น้อยเลย และมันคงจะไม่แปลกที่เพื่อนอย่างโทโมะจะพลอยไม่ค่อยชอบใจเธอเท่าไร เธอเข้าใจดี...

 

 

   “พิม...ฉันไม่รู้หรอกนะว่าที่เธอกลับมาเพราะเธอรักไอ้ป๊อปหรือเพราะแค่รู้ความจริงแล้วสงสารมันเลยกลับมา แต่

 

ฉันคิดว่าบางทีอะไรๆมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด อย่างที่เธอหวัง เธอไม่มีทางรู้หรอกว่าตลอดเวลา 1 ปีที่

 

ผ่านมานี้ไอ้ป๊อปมันเปลี่ยนไปแล้วหรือเปล่า แต่ที่ฉันบอกเธอได้เลยก็คือไอ้ป๊อปมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว...”

 

 

 

   “นายหมายความว่าไงกันแน่โทโมะ”

 

 

 

    “ฉันแค่อยากให้เธอรู้ไว้ว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงกันได้”

 

 

 

    “ฉันไม่เข้าใจ นายจะพูดว่าป๊อปปี้ไม่ได้รักฉันแล้ว เปลี่ยนใจจากฉันแล้วอย่างงั้นหรอ?”

 

 

 

    “แล้วสักวันเธอจะเข้าใจ และฉันหวังว่าถ้าวันนั้นมันปรากฏขึ้นจริงๆเธอก็จะยอมรับมันได้”

 

 

 

    “นายพูดให้ฉันงงนะโมะ”

 

 

 

     “บอกแล้วไงว่าวันหนึ่งเธอจะเข้าใจ”

 

 

 

.

 

 

 

...

 

 

 

..

 

 

 

 

     “เฮ้ยย..ไอ้ป๊อปเดี๋ยวแกไปแก้ฉากหน้าเวทีให้พี่หน่อยนะ พี่อยากให้สีมันสว่างๆกว่านี้หน่อยน่ะ”

 

 

 

     “ได้ครับพี่”

 

 

 

           มานั่งทำฉากอยู่ที่โรงละครเป็นวันสุดท้าย ก็เหลือแต่แก้งานเล็กๆน้อยๆจะว่าไปก็ใกล้จะเสร็จงานอยู่แล้ว

 

เพราะฉากที่เขารับผิดชอบก็ใกล้จะเสร็จไปแล้วทุกทีๆ นั่งอยู่ได้ไม่นานพี่พิชญ์ที่เป็นผู้กำกับพ่วงท้ายมาด้วยพี่ที่สนิทก็

 

มาเรียกให้ไปแก้ฉากหน้าเวที เหตุก็คืออยากให้มันสว่างกว่าเดิมอีกนิด จะว่าไปช่วงนี้เขาก็เอาเวลามาอยู่ที่โรงละคร

 

เป็นซะส่วนใหญ่ เพราะว่าพิมต้องมาซ้อมละครด้วยแหละมั้งถึงทำให้เค้าต้องอยู่ที่นี้ทุกครั้งที่ว่างจากการเรียน จะว่า

 

ไปหลังจากวันนั้นก็ไม่ได้เจอฟางอีกเลย คงเพราะว่าเรียนไม่ตรงกันพอเวลาที่เขามีเรียนเธอก็จะว่างและก็มาช่วยงาน

 

ที่นี่(ได้ยินมาจากพี่โฟร์อีกที) แต่พอที่เขาว่างเธอก็จะมีเรียนซะร่ำไป แต่ก็อาจจะรวมไปถึงแก้วที่ไม่ค่อยจะยอมให้

 

ฟางได้มาเจอกับเขาด้วยแหละมั่ง...เฮ้ออ..

 

 

 

    “คิดอะไรอยู่คะป๊อป”

 

 

 

    “อ๋อ..เปล่าหรอกพิมมีอะไรหรือเปล่า” คิดอยู่สักแป๊ปก็ได้ยินเสียงพิมทักขึ้น

 

 

 

    “พิมจะมาชวนป๊อปไปกินข้าวน่ะค่ะ นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วไปกินข้าวกันเถอะนะ”

 

 

 

    “เออ...”

 

 

 

 

    “วางไว้ตรงนี้เลยหรือเปล่าคะพี่โฟร์”

 

 

 

    “จ๊ะ...ตรงนั้นแหละฟาง ไปกินข้าวก่อนก็ได้นะยังไม่ได้กินข้าวไม่ใช่หรอเราน่ะ เดี๋ยวค่อยมาช่วยพี่อีกทีก็ได้”

 

 

 

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฟางยังไม่ค่อยหิวเท่าไรเลย”

 

 

 

         กำลังจะหันไปตอบพิม แต่ก็ได้ยินเสียงคนที่คิดถึงอยู่เมื่อกี้ซะก่อน หันไปดูก็พบกับร่างเล็กที่หอบชุดการ

 

แสดงมาซะกองโต ให้ตายเถอะ!! เยอะขนาดนั้นทำไมไม่มีใครช่วยเธอถือมาเลยนะ ตัวก็เล็กเท่านั้นหอบผ้ากองโตที่

 

แทบจะบังกลบเธอมิดอยู่แล้ว แถมยังได้ยินว่าไม่ยอมกินข้าว แล้วอ้างอะไรเดิมๆแบบที่ทำเป็นประจำเวลาที่อยากทำ

 

งานอะไรให้เสร็จแบบนั้น จะทำให้เขาเป็นห่วงไปถึงไหนนะ

 

 

 

    “ป๊อปๆ ว่าไงไปหรือเปล่า”

 

 

 

    “เออๆครับ ไปครับไป” พิมที่คงรอคำตอบผมนานแล้วเลยถามซ้ำอีกรอบ ก็เลยต้องตอบตกลงไปอย่างเลี่ยงไม่

 

ได้

 

 

 

          กำลังจะออกไปกินข้าวกับพิมก็บังเอิญเดินสวนกับโทโมะ ที่เดินมาพร้อมข้าวกล่องในมืออยู่สองกล่อง อด

 

แปลกใจไม่ได้คนๆเดียวกินข้าวตั้งสองกล่องก่อนที่จะรู้ความจริง

 

 

 

   “อ้าว...โมะไปกินข้าวด้วยกันสิ” พิมที่เห็นโทโมะเหมือนกันเอ่ยชวนให้ไปกินข้าวด้วยกัน คาดว่าคงจะไม่เห็น

 

ข้าวกล่องที่โทโมะถึอมา

 

 

    “อ๋อ...ไม่เป็นไรหรอกพิม ไปกับไอ้ป๊อปสองคนเถอะ ฉันซึ้อข้าวกล่องมากินแล้วน่ะ”

 

 

 

    “อือ..แล้วนี่โมะซื้อมากินตั้งสองกล่องเลยหรอ”

 

 

 

   “เปล่าหรอก...อีกกล่องโมะซื้อมาให้ฟางน่ะ ตะกี้เจอพี่โฟร์ พี่แกบอกว่าฟางยังไม่ได้กินข้าวเลยคิดว่าน่าจะไม่

 

ออกไปกินเองเลยซื้อมาเผื่อน่ะ”

 

 

 

    “อ๋ออ...งั้นพิมกับป๊อปไปก่อนนะ”

 

 

 

          และความจริงก็คือข้าวอีกกล่องนั้นซื้อมาให้ฟางนั่นเอง นึกย้อนไปถึงวันที่เขาทิ้งฟางไว้ที่ร้านอาหารแล้ว

 

มันมาเจอ และเรื่องที่หน้าบ้านฟางวันนั้น ตอนที่มันบอกกับเขาว่า “จะขอฟางคืน” คิดถึงตอนนี้ทีไรแล้วหงุดหงิดใจ

 

ทุกที อะไรกันพูดออกมาได้ว่าขอฟางคืน แกไปเป็นอะไรกับฟางตั่งแต่เมื่อไรว่ะ โว๊ะ!!! หงุดหงิดโว๊ยยยย!!!!

 

 

 

 

   “เป็นอะไรไปคะป๊อป ท่าทางดูหงุดหงิดๆนะ”

 

 

 

   “เปล่าหรอกพิม อิ่มหรือยังอ่ะกลับกันดีกว่าเนอะ เดี๋ยวจะสาย”

 

 

 

    “...”

 

 

 

    “เออ...เดี๋ยวพิมไปรอที่รถก่อนนะ เดี๋ยวป๊อปไปซื้ออะไรแถวนี้หน่อย”

 

 

 

          ตั้งแต่ที่รู้ว่าโทโมะเอาข้าวกล่องมาให้ฟางเธอก็สังเกตได้ว่าคนข้างกายมีอาการหงุดหงิดออกมาอย่างเห็น

 

ได้ชัด เวลาที่นั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันก็เอาแต่เงียบคิดอะไรอยู่คนเดียว จนเธอไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรกับเค้าเลย จน

 

เมื่อกินข้าวเสร็จก็เลยอดไม่ได้ถามออกไป และก็ได้คำตอบแบบเดิมซึ่งก็คือ ไม่ได้เป็นไร ก่อนจะชวนกลับทั้งๆที่ออก

 

มาได้ไม่นาน ก่อนจะบอกให้เธอไปรอที่รถ โดยที่ตัวเองจะออกไปซี้อของก่อน

 

 

 

 

   “ไงฟาง”

 

 

   “อ้าวโทโมะ วันนี้ไม่มีเรียนหรอ”

 

 

 

    “เรียนเสร็จตอน 10 โมงกว่าแล้วแหละ ฟางล่ะเรียนเสร็จแล้วหรอ”

 

 

 

    “อืม...”

 

 

 

    “อ่ะนี่โมะซื้อข้าวกล่องมาฝาก อย่าปฏิเสธนะเพราะโมะรู้ว่าฟางยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง”

 

 

 

          เดินเข้ามาทักทายร่างเล็กที่กำลังวุ่นอยู่กับการจัดการกับชุดกองโตอยู่ที่โต๊ะคนเดียว หญิงสาวทักทายกลับ

 

ถามมาว่าไม่มีเรียนหรอ? เลยตอบกลับไปว่าเลิกเรียนตั้งแต่สิบโมงกว่าๆได้แล้ว ไม่ลืมที่จะยื่นข้าวกล่องที่ตั้งใจซื้อ

 

มาให้ พร้อมกับพูดเพื่อไม่ให้เธอปฏิเสธข้าวกล่องนี้ได้

 

 

 

    “แหม...พูดแบบนี้ก็คงต้องรับสินะ ฮิฮิ” รับข้าวกล่องมาถือไว้แล้วก็ตอบกลับประโยคของชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม

 

ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้านั้นเป็นห่วงเธอ

 

 

 

    “ใช่ ห้ามปฏิเสธความหวังดีของโมะ เพราะยังไงโมะก็ต้องให้ฟางกินข้าวก่อนที่จะทำงานนะ ดูสิตัวก็เล็กนิดเดียว

 

ข้าวก็ไม่ค่อยจะยอมกิน”

 

 

 

    “อะไรล่ะ ก็มันยังไม่หิวจริงๆนี่นา”

 

 

 

    “ไม่หิวก็ต้องกินครับ ได้เวลากินก็ต้องกิน เอาล่ะมากินข้าวกันเถอะนะ”

 

 

 

    “รู้ไหมยิ่งนับวันโมะก็ยิ่งเหมือนแก้วเข้าไปทุกที”

 

 

 

    “ทำไมอ่ะ โมะไปเหมือนยัยทอมนั่นตรงไหนอ่ะฟาง”

 

 

 

    “โทโมะ!! ทำไมไปว่าแก้วเขาอย่างงั้นล่ะ แก้วไม่ได้เป็นทอมนะ”

 

 

 

    “แต่เหมือนมากเลยนะฟาง”

 

 

 

    “โมะ!! แก้วเค้าสวยจะตายทำไมพูดแบบนี้ล่ะ”

 

 

 

     “ไม่รู้สิ ไม่รู้ว่าทำไมโมะไม่ได้มองว่าแก้วเค้าสวยอะไรหนักหนา อาจเพราะว่าโมะชอบผู้หญิงตัวเล็กๆน่าทะนุทะ

 

นอมมากกว่ามั้ง โมะเลยคิดว่าคนที่อยู่ใกล้ๆเนี้ยสวยมากกว่าเป็นไหนๆ”

 

 

 

    “ทำไมอยู่ๆมันวนมาแบบนี้ได้เนี้ย กินข้าวกันดีกว่านะ”

 

 

 

           โดนลูกดื้อของคนตัวเล็กที่ยังไงก็ยังบอกว่าไม่หิว ก็เลยบอกว่าไม่หิวก็ต้องกิน ฟางก็แบบนี้มีเรื่องให้ต้อง

 

เป็นห่วงตลอด โดนคนตัวเล็กตอบกลับมาอีกว่ายิ่งนับวันเขานั้นก็ยิ่งเหมือนกับเพื่อนสนิทของตัวเอง ก็เลยถามกลับ

 

ไปว่าเขานั้นไปเหมือนกับยัยทอมนั่นตรงไหนกัน คนข้างกายก็เลยเอ่ยเสียงดุบอกกับเขาว่าเพื่อนเธอนั้นไม่ได้เป็น

 

ทอมแบบที่เขาคิด เอาจริงๆเป็นใครก็ต้องคิดแหละครับ แต่งตัวที่ก็ไม่เหมือนผู้หญิงสักนิด ท่าทางนี่ก็ไม่ใช่เลย แล้ว

 

แบบนี้ใครจะไปเชื่อกันว่าเป็นผู้หญิง ฟางตอบกลับมาว่าเพื่อนของเธอนั้นออกจะสวย ซึ่งอันนี้เขาก็ไม่ปฏิเสธหรอนะ

 

ว่าแก้วน่ะหน้าตาดี แต่ถ้าจะวัดกันแล้วสำหรับเขา เขาชอบผู้หญิงแบบคนตรงหน้าซะมากกว่า เผลอพูดอะไรตามใจ

 

ปากไปหน่อยเลยพลอยทำให้คนตรงหน้ามีอาการอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด ก็เลยเลี่ยงที่จะคุยกับเขาต่อ โดยการชวนกิน

 

ข้าว ที่ตอนแรกบอกว่าไม่หิว แล้วก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก

 

 

-__________________________________________________________-

 

มาอัพแล้วววว...น้าาาาา

 

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะ ^__^

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา