i'm not&you don't [Yaoi NC18+] END หนังสือถามได้คะ

9.2

เขียนโดย Pierre

วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 02.28 น.

  49 chapter
  69 วิจารณ์
  260.58K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559 22.56 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

16) The Other Side II [Pause Part]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

The Other Side II [Pause Part]

 

 

เทศกาลรับน้องโดยการว๊ากกกกกก(โปรดลากเสียงยาวๆ)มาถึง ผมกับเพื่อนๆในกลุ่มต้องเก็บตัวเพราะไม่อยากหลุดมาดพี่สอนระเบียบ

 

พอวันแรกของการเข้าประชุมเชียร์มาถึง ผมก็สอดส่องหาไอ้ปี1ปากดีที่ชื่อว่าแกรนด์ก่อนเลย เมื่อเจอมันก็ทำการแกล้งมันเล็กๆน้อยๆ ให้พอรู้ว่าว่าถ้าหากยังคงปากดีต่อไปเพื่อนๆได้เกลียดมึงแน่

 

แต่เพื่อนๆมันก็เสือกรักกันดี ช่วยโดนลงโทษซะงั้น? แต่ก็นั่นแหละครับ มันคือการพิสูจนน้ำหนึ่งใจเดียวของพวกน้องๆ

 

ใจจริงแล้วพวกพี่สอนระเบียบทุกคนใจดี ขี้เล่น เป็นกันเอง ไม่ได้อยากจะตะโกน ใช้คำพูดที่มันเจ็บแสบเลยสักนิด แต่เพราะมันเป็นธรรมเนียมที่สืบทอดปฏิบัติกันต่อๆมา ให้มาสิ้นสุดที่รุ่นผมได้อย่างไร?

 

ไอ้ตอนที่ให้พูดปฏิญาณตอนได้รุ่นนั่น น้องๆแต่ละคนถึงกับน้ำตาไหล สงสัยดีใจที่ไม่ต้องโดนว๊ากอีก

 

ผมกับเพื่อนๆหมดหน้าที่ของพี่สอนระเบียบแล้ว แต่ผมเชื่อว่าน้องๆหลายคนยังจำพวกผมได้ ก็เล่นแกล้งผมคืนซะ...เอาเสื้อ รองเท้า เนคไทค์ไปหมด เอาน้ำมาสาดใส่ โอยยยย

 

เมื่อโดนแกล้งจนสาแก่ใจผมเลยเดินมาห้องน้ำเพื่อล้างตัว

 

พลั่กกก

 

ใครวะ ไม่ดูตาม้าตาเรือ

 

“โทด”  ไอ้คนเดินชนขอโทษส่งๆ .. หึ ไอ้แกนนี่หว่า

 

“ขอโทษรุ่นพี่ดีๆไม่เป็นเหรอไง?” ผมจับต้นแขนมันไว้ ไม่ให้มันหนีไปได้ “เงียบอีกไอ้ห่า กูพูดกับมึงนะ” ในเมื่อไม่ยอมปริปากผมเลยบีบคางมันแน่น

 

ดูสิจะหยิ่งใส่กูได้สักกี่น้ำ

แต่สงสัยมันคงจะแค้นผม ที่ผมลงโทษมันตอนประชุมเชียร์ มันเลยถุยน้ำลายใส่ผม

 

ไอ้เหี้ย! แม่งงง

เคยเห็นหัวกูว่าเป็นรุ่นพี่บ้างมั้ยวะสัดเอ๊ยย

 

“มึง!!!”

 

หมัดหนักๆพุ่งเข้าสู่ท้องมัน หวังจะให้มันสิ้นฤทธิ์ แต่มันเป็นม้าพยศ ไม่ยอมง่ายๆ เลยโดนสวนกลับมาด้วยหมัดที่ปลายคาง

 

ผมหันไปมองหน้ามันช้าๆ .. .

 

“ครั้งที่2แล้วนะที่มึงต่อยหน้ากู!!...หึ ตอนแรกกูก็ว่าจะแกล้งมึงเล่นๆ แต่มึงเสือกถ่มน้ำลายใส่กูอีก...อยากลองดีใช่มั้ยห๊ะ!?”

 

ปากดีแบบนี้ต้องตบสั่งสอนด้วยปากซะแล้วละมั้ง

 

“อื้ออออ!!!”

 

มือไว้เท่าความคิด คว้าตัวมันมาจูบ แต่ไอ้เด็กดื้อก็ยังคงดื้อ ไม่ยอมให้รุกรานมันง่ายๆ ผมบีบปากมันเพื่อให้ลิ้นของผมได้เข้าไปสำรวจในโพรงปากมัน เล่นลิ้นไปมาชักเพลิน จากที่จะสั่งสอนมันเล่นๆ ไหงกลับกลายเป็นจูบที่เรียกร้องอะไรบางอย่าง มือนุ่มๆของมันไล้ไปตามแผ่นอกผมที่ปราศจากสิ่งใดขวางกั้น

 

“โอ๊ย!”

ผมถีบมันกระเด็นโดยอัตโนมัติ ซึ่งมันก็ใช้โอกาสนี้วิ่งหนีไปทันที

 

ไอ้เหี้ย! ทั้งกัดลิ้นกูทั้งบีบหัวนมกู

มันคงจะเอาคืนผมที่ผมเคยไปกัดหัวนมมัน

 

 

หึ หนีไปเถอะมึง หนียังไงก็ไม่พ้นกูหรอก

กูบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ม้าพยศแบบนี้ ดื้อ ปากดีอีก กูชอบ อยากเห็นวันที่มันกร่างใส่ใครไม่ได้อีก!

.

.

 

.

 

 

.

 

ในวันถัดมาเป็นวัน GEAR Day & GEAR night ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมตื่นมาเตรียมงานตั้งแต่ตี3 คอยประสานงานกับฝ่ายต่างๆทั้งสปอนเซอร์ ทั้งสถานที่ การประชาสัมพันธ์ ถามว่าในสโมไม่มีฝ่ายพวกนี้เหรอ คำตอบคือมีครับ แต่ไอ้พวกนั้นโยนงานมาให้ผมหมดน่ะสิ

 

ช่วงเช้าเป็นการบำเพ็ญประโยชน์ให้กับคณะ ผมก็ช่วยด้วย มีสาวๆคอยป้อนน้ำเช็ดเหงื่อแล้วมีกำลังใจน่ะครับ พอถึงเวลาอาหารเที่ยงก็จัดการแจกจ่ายข้าวกล่อง ผมเห็นว่าไอ้เด็กปี1นั่นมันทำข้าวหกด้วย กินไปได้ไม่กี่คำเองมั้ง แถมมันเสือกหยิ่ง ไม่ยอมรับข้าวมาทานต่อจากเพื่อนที่สละให้มันอีก ด้วยความที่ผมเป็นคนดี ผมเลยเก็บข้าวไว้ให้มันกล่องนึง เผื่อจะมีหมาในปากในบางคนเกิดหิวขึ้นมา จะได้ไม่ต้องออกมาเพ่นพ่านเป็นที่รบกวนชาวบ้านเค้า

 

ตกบ่ายเป็นกิจกรรมวิ่งประเพณี แต่ผมไม่ได้วิ่งหรอก วิ่งแค่ตอนปี1ก็พอแล้ว จำได้ว่าผมวิ่งถึง E42 ก็ไม่ไหว สังขารไม่เอื้ออำนวย ก็ผมไม่ใช่นักวิ่งนี่นา แล้วนั่น...ไอ้ตัวผอมบางแบบนั้นจะวิ่งไหวเรอะ? แต่มันก็พิสูจน์ว่ามันวิ่งไหว แม้ว่าหน้าจะแดงจัด เหงื่อท่วมตัว แต่ก็แอบมีมาพักรอบนึง ผมยังคงมองมัน เผื่อมันเป็นอะไร แต่แล้วจู่ๆมันก็ดันลุกขึ้นไปวิ่งต่อ วิ่งไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็เป็นลมล้มพับ

 

ในตอนนั้นอะไรดลใจให้ผมรีบวิ่งเข้าไปหามันก็ไม่รู้ อุ้มมันขึ้นมา เสื้อชุ่มไปด้วยเหงื่อ หน้าตาของมันแดง ร่างมีอุณหภูมิร้อนจนสัมผัสได้ ลืมเรื่องเมื่อวานเย็นสนิท

 

งี้แหละ โทษของเด็กดื้อ ข้าวก็ไม่กิน ฝืนสังขารไปวิ่งอีก

 

หลายๆคนวิ่งเข้ามาจะถามอาการ แต่ผมก็บอกไปว่าไม่เป็นอะไร เพียงแค่เป็นลมเท่านั้น ผมพามันมานอนที่ห้องเก็บของ โดยมีเพื่อนมันที่เคยเจอกันที่ร้านเหล้าคราวนั้น รู้สึกว่าจะชื่อ ‘ทัช’ หรืออะไรเนี่ยแหละ ผมเลยมอบหน้าที่ให้ทัชดูแลเพื่อนมันต่อ เดี๋ยวมีใครสงสัย ผมยกข้าวกล่อง น้ำและก็ยาดม ฝากเอามาให้ทัช มันก็บอกขอบคุณๆ

 

ที่ผมทำไปทั้งหมดเพราะเห็นแก่รุ่นน้องร่วมคณะนะครับ ไม่อยากให้มันมาตายที่นี่ เดี๋ยวชื่อเสียงคณะจะไม่ดี

 

ผมละอยากเห็นหน้าไอ้เด็กนั่นตอนที่รู้ว่าผมเป็นคนช่วยมันจริงๆ อยากรู้ว่ามันจะทำหน้ายังไง

 

แต่ก็ได้เพียงแค่คิด เพราะตอนนี้ผมง่วงๆมากๆ คล้อยบ่าย อากาศร้อนๆบวกกับเมื่อคืนผมนอนดึก แต่ดันตื่นมาเตรียมงานตั้งแต่ตี3 การแสดงของน้องๆก็เลยอดดูเลย แต่ไม่เป็นไร ให้เพื่ออัดวิดิโอไว้ให้แล้ว

 

 

 

ตื่นมาอีกทีฟ้าก็มืด ตรงส่วนเวทีเห็นว่าจะมีการประกาศเฟรชชี่ตัวแทนคณะทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง หลานรหัสผมลงชิงตำแหน่งด้วยนะ แต่ไม่รู้จะได้รึเปล่า

 

“ไอ้พอสๆ”

“ว่า?”

“เดี๋ยวมึงช่วยเทรนน้องปี1ที่เป็นตัวแทนคณะหน่อยดิ”

“เออๆ”

“เดี๋ยวกูจะให้น้องเค้ามาเจอมึงที่หลังเวทีนะ”

 

เมื่อตอนปี1ผมได้เป็นตัวแทนเฟรชชี่คณะ และพอไปประกวดดาวเดือนมหาลัย ผมดันได้ซะงั้น ยังงงๆอยู่ว่าได้มาได้ไง การแสดงก็แสนจะกาก ตอบคำถามก็กวนตีนกรรมการ ไม่รู้ว่าใช้อะไรตัดสินกันแน่มหาลัยนี้

 

และก็เป็นไปตามคาด หลายรหัสผม ได้เป็นตัวแทน หึหึ สมกับที่เป็นสายรหัสจริงๆ มันมาเจอผมที่หลังเวที คุยเรื่องการแสดงไปเรื่อย แต่จู่ๆก็มีคนวิ่งมาหาไอ้แทนมัน

 

“เหี้ยแทน เกิดเรื่องละมึง” อ๋อ ไอ้ทัช

“อะไรวะ”

“ไอ้แกนแม่งจะออกไปต่อยกับใครไม่รู้วะ มึงไปกับกูหน่อย”

 

หืม? ไอ้เด็กนั่นมันก่อเรื่องอีกแล้ว คงจะปากหมาจนไปทำให้ใครไม่พอใจเข้าอะสิ

 

“เนี้ย ไอ้แกนมันส่งไลน์มาให้กู” ไอ้ทัชยื่นโทรศัพท์มาให้แทน แต่ผมก็อ่านด้วย ใจความประมาณว่ามันเผลอไปเหยียบตีนใครไม่รู้ แล้วไอ้นั่นดันไม่พอใจ เรียกตัวออกไปคุยกันนอกงาน

 

แล้วแม่งก็เสือกโง่ตามเค้าไป

ปากหมาไม่พอ ควายอีก

 

แม่งงงเอ๊ยย ทำอะไรหัดคิดถึงคนอื่นบ้างมั้ยเนี่ย แล้วเพื่อนตัวเองก็ต้องเดือดร้อนหาคนช่วยให้มันเนี่ยนะ ใช่เรื่องซะที่ไหน แถมนี่มันก็ดึกแล้ว หากไอ้เหี้ยนั่นพาไปฆ่าก็คงไม่มีใครรู้ ถึงที่นี่จะเป็นมหาวิทยาลัยก็เถอะ แต่มันก็มืดมาก ตอนกลางคืนยิ่งเปลี่ยวๆเพราะเต็มไปด้วยต้นไม้

 

ผมอ่านเสร็จก็เอาไอโฟนคืนให้ไอ้ทัช ก่อนจะไปสตาร์ทมอไซค์ที่จอดไว้ใกล้ๆ

 

“ไอ้ทัช มึงรออยู่นี่ กูไปกับไอ้แทนเอง”

 

คนถูกสั่งยืนรับคำสั่งแบบงงๆ แต่ก็ตะโกนตามมาทีหลังว่า

 

“ระวังตัวด้วยนะพี่ ฝากเพื่อนผมด้วย”

 

ผมออกตัวมอไซค์ทันที เมื่อกี้อ่านในไลน์ เห็นว่ามันเดินมาแถวๆตึกนี้ ... นั่นไง ร่างตะคุ่มๆที่นอนอยู่กับพื้น ใช่ไอ้เด็กปากดีนั่นแน่ๆ แต่สถานการณ์ทำไมมันแปลกๆวะ ? ไอ้คนที่คร่อมเหมือนกำลังจะพยายามถอดเสื้อผ้าของคนที่อยู่ใต้อาณัติ

 

 

พอผมเข้าไปใกล้ ไอ้คนที่กำลังคร่อมมันลุกขึ้นยืน แต่อีกคนยังนอนอยู่

 

“มีไรกันรึเปล่า?” ผมจอดมอไซค์ หันไปถามมัน

“เปล่าไม่มีไร...แค่คนเป็นลมล้มไปน่ะ” ไอ้นั่นมันตอบ

“มีไรให้ช่วยมั้ย?....ไหนขอดูหน่อย” ไอ้แทนถามย้ำ พยายามที่จะช่วยคนที่กำลังนอนอยู่

“ไม่ต้อง” แต่อีกคนมันดันขวาง ไม่ยอมให้ผมกับไอ้แทนเข้าไปดูหน้าคนที่กำลังนอนได้ง่ายๆ

 

คิดเหรอว่าแค่นี้กูจะรู้ว่าไอ้คนที่นอนอยู่คือใคร .. ถ้าไม่ใช่ไอ้ปี1ปากดี

และก็ใช่มันจริงๆ ผมเหลือบไปเห็น มันถูกล๊อคตัวจากอีก2คน

 

“แต่กูอยากช่วยวะ” ผมเห็นดังนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลง ซัดมันเข้าไป1หมัดเต็มๆ เน้นที่จมูก

 

ผลั่วะ!!!

 กึก!

 

ไอ้เด็กนี่อะ ของกู ใครก็ห้ามยุ่ง มีแต่กูเท่านั้นที่มีสิทธิ์!!

 

ไอ้คนที่โดนผมชกล้มลงไปนอนกับพื้น

ไรว้า แค่หมัดเดียวก็จอดแล้วเหรอมึง

 

แต่ไอ้2ตัวที่ปล่อยตัวไอ้แกนแล้วมาสมทบ ซึ่งผมกับไอ้แทนก็รออยู่แล้ว แต่ละหมัดแต่ละลูกเตะ พวกมันร้องโอดโอย

 

อ่อนซะ .. . วิ่งหนีหางจุกตูดเลยนะมึง ทิ้งไอ้คนที่นอนกุมจมูกไว้อย่างไม่สนใจ

 

ผมเดินไปหามัน วางฝ่าเท้าเบอร์ 43 ของผมลงบนกล่องดวงใจของมัน

 

“จมูกหักไปแล้ว...อยากให้น้องชายมึงขาดด้วยมั้ย?” มันส่ายหัว “แล้วมึงจะออกจากมหาลัยนี้เอง หรือต้องให้กูช่วยทำเรื่องให้?...”

 

เรื่องทำให้คนออกน่ะ..ง่ายยิ่งกว่าเอาคนเข้าอีกนะ...

 

“อะ..ออก เอง คะ ครับ พี่ พะ พอส”

“กูไม่เคยมีน้องเหี้ยๆแบบมึง .. . อ้อ แล้วกูจะบอกไรให้นะ แฟนมึง...ชื่อแฟงใช่มั้ย? ใช้ได้นะ แต่ตาสว่างซักทีเถอะ กูเห็นแล้วสมเพชแทนวะ ตามอ่อยกูที่ร้านเหล้าทุกที่ที่กูไปตลอด หึ แต่สบายใจได้...กูยังไม่ได้เอา...”

 

แฟงเคยตามผมจนผมรำคาญ ตามไปทุกที่ แรกๆก็คุยเล่นด้วยหรอก แต่พอรู้ว่ามีแฟนแล้วผมก็ไม่สน ไม่อยากมีปัญหา ยิ่งเป็นรุ่นน้องด้วย แฟงเคยเอารูปแฟนมาให้ดูครั้งหนึ่ง .. ผมว่าแล้วว่ามันหน้าคุ้นๆ เหอะ

 

พอเสร็จเรื่องก็กลับมาที่งานโดยมอไซเนี่ยละ ซ้อน3มาเลย

 

อยากจะบอกว่า .. อึดอัด ไม่ใช่สิ คือมันรู้สึกแปลกๆ เพราะไอ้คนที่นั่งอยู่ตรงกลางมันดันเบียดผมมาซะเต็มที่ แต่ผมก็เข้าใจนะ มอไซมันคันเล็ก แถมยังซ้อน3โดยผู้ชาย3คนตัวควายๆอีก

 

รู้สึกได้ชัดเจนถึงเนื้อผ่านเนื้อ แม้จะมีเสื้อมาขวางกั้น แล้วนี่ถ้าหากไร้เสื้อละ ... ไม่อยากจะคิด ผมรีบปัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากหัว แล้วเร่งเครื่องมาจนถึงบริเวณงานอีกครั้ง

 

ไอ้แทนกับไอ้แกนมันลงไปทันที ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะต้องรีบไปช่วยเพื่อนเก็บงาน เมื่อเคลียร์เสร็จเรียบร้อย ผมก็ตรงไปยังออดี้ลูกคนที่2ของผมเอง ตอนขับออกมา ผมมองไปยังข้างทาง เห็นร่างคุ้นๆกำลังเดินก้มหน้างุดๆอยู่คนเดียว

 

เป็นรุ่นพี่ที่ดีก็ต้องไปส่งรุ่นน้อง จริงไหม?

 

ปรี๊นนน ปรี๊นนนนน

ผมบีบแตรเรียกความสนใจจากมัน แต่มันก็ยังคงไม่รู้ตัว ผมเลยต้องขับเข้าไปใกล้ๆและเลื่อนกระจกลง

 

“ไอ้แกน ขึ้นรถ!!” แต่ไอ้คนถูกเรียกยังคงกวนตีนผม ด้วยการสาวเท้าก้าวเร็วขึ้นไปอีก

 

“อย่าให้กูต้องก้าวลงจากรถนะสัด...”

 

 “งั้นบอกเหตุผลที่กูจำเป็นต้องขึ้นรถมึงหน่อย” มันหยุดแล้วหันมาถาม

 

เล่นเอาผมอึ้งไปชั่วขณะ .. . เออ ทำไมกูต้องให้มันขึ้นมาเป็นตุ๊กตาหน้ารถด้วยวะ?

 

“หนึ่ง มึงเป็นรุ่นน้องกู รุ่นน้องต้องเชื่อฟังรุ่นพี่ ... SOTUS มึงก็ท่องได้นิ ...

สอง นี่เป็นประโยคคำสั่ง ที่ต้องทำเพราะกูเป็นเฮดว๊าก .. หรืออยากจะโดนลงโทษ?

สาม กูไปช่วยมึงให้รอดพ้นจากการโดนตุ๋ยตูด ดังนั้นมึงติดหนี้บุญคุณกู

สี่ เพื่อนมึงฝากให้กูช่วยดูแลมึง และเผอิญว่ากูใจดีเลยจะช่วยดูแลเด็กปากหมาตาดำๆอย่างมึง

ห้า มึงต่อยกู กัดลิ้นกู บีบหัวนมกู...”

 

คือตอนนั้น อ้างไรได้ อ้างหมดอะครับ

 

“เออ พอได้ละ ร่ายยาวเป็นบทสวดเลยนะมึง กูถามนิดเดียว”

 

สุดท้ายมันก็ปากดีไปงั้น แต่ก็ยอมขึ้นมานั่งบนรถผม

ผมกะจะไปส่งมัน แต่ด้วยความที่ผมปากหนักเลยไม่ได้ถามมันว่าหอมันอยู่ไหน .. เพราะเดี๋ยวมันก็คงโวยวายขึ้นมาเองแหละ

 

สักพักน้องบลูก็โทรตามตัวผม อยากให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อน คือผมจะไปก็ได้นะ ทิ้งไอ้เด็กปี1ที่ผมดันชวนขึ้นรถมันไว้ข้างทางก็ได้ แต่ทำอย่างนั้นผมก็จะกลายเป็นคนใจไม้ใส้ระกำไป ทั้งๆที่ลึกๆไปในใจแล้ว ผมรู้ตัวดีกว่า อยากอยู่กับไอ้เด็กนี่มากกว่า .. .

 

ก็ไอ้แกนมันน่าสนใจกว่าเสียงครางของสาวๆที่ผมฟังมาจนเบื่อแล้วน่ะสิ

 

 

ผมขับมาเรื่อยๆ แต่นี่มันไกลเกินกว่าที่จะอยู่หอละ ถ้าจะไกลขนาดนี้ผมว่ามันไป-กลับต่างจังหวัดก็คงไม่ต่างอะไรสักเท่าไหร่

 

“หอมึงอยู่ไหนเนี่ย ชักไกลแล้วนะสัด”

“เลยมาตั้ง4โลแล้วเหอะ”

“แล้วทำไมไม่บอก นั่งเงียบแบบนี้กูจะไปตรัสรู้ไหมวะ?”

 

แม่งนั่งเงียบเป็นเป่าสาก ปกติต้องปากหมาใส่ไม่ใช่รึไงวะ ?

ผมหันไปมองด้านข้างมัน .. อ่อ .. มันเจ็บปาก

 

 

นี่มันก็ดึกมากแล้ว ผมท้องผมก็เริ่มร้องแล้วด้วย คาดว่าไอ้คนข้างๆก็คงหิวเช่นกัน ไม่รู้ว่ามันได้กินข้าวกล่องที่ผมฝากไว้ให้รึเปล่า

 

ช่างเถอะ จะแดกไม่แดกก็เรื่องของมัน

 

ผมเห็นแสงไฟตามริมฟุตบาท นึกอาหารที่อยากกิน แล้วก็ไปเจอกับรถเข็นป้ายเหลืองๆ มีตู้โชว์หมูแดง ควันจากน้ำซุปขุ่นมัวเลยเต็มไปหมด แค่คิด กลิ่นก็มาแล้ว ผมไม่รีรอ จอดข้างทาง

 

“อะไร มองหน้ากูไม? .. ลงไปสิวะ ...” ไอ้แกนมันทำหน้าโมโห

โมโหเหี้ยไร?

“กูอยากแดกชายสี่หมี่เกี๊ยว”

 

 

ผมเดินไปสั่งบะหมี่ นั่งลงบนโต๊ะสีแดง รอคอยบะหมี่ที่สั่งไว้ เมื่อบะหมี่มาเสิร์ฟ ผมจัดการจ้วงเข้าปากทันที แต่ก็ยังสังเกตเห็นว่าไอ้คนตรงข้ามมันไม่กินเลย

 

“ทำไมไม่แดกวะ? ไม่ต้องห่วงหรอกกูเลี้ยง”

“กูเจ็บปาก”

“อ้ออ กูลืมไป...งั้นเดี๋ยวกูกินแทนมึงเอง”

 

ทิ้งไว้ก็เสียดายของสิครับ ถึงผมจะรวยแต่ผมก็รู้คุณค่าของอาหาร ไม่กินทิ้งกินขว้าง แม่ผมสอนไว้

 

แต่...มันจะไม่หิวเหรอไงวะ

 

“แล้วไม่หิวไง๊?”

“กูอิ่มทิพย์”

 

คือไรวะ ? กูงง

 

“ทิพย์มันเป็นอาหารหน้าตายังไงวะ? กูไม่เคยได้ยิน” มันทำหน้าเซ็งโลก

 “ช่างมัน กูขี้เกียจอธิบาย”

“โหยยย งกวะ แค่นี้ก็บอกไม่ได้นะมึง”

 

แต่ผมก็ไม่ได้ซักไซ้ถามมันอีก .. ไว้เดี๋ยวไปถามไอ้แซคเอาก็ได้วะ

 

อิ่มทิพย์!

 

 

 

 

 

ผมรู้สึกว่าการที่มันไม่ปากหมาใส่เป็นอะไรที่เงียบหูและแปลกพิลึกในความรู้สึกมาก เลยจัดการพามันมาโรงพยาบาลซะเลย เผื่อบางทีจะได้เช็คสมองและผ่าเอาหมาในปากมันออกด้วย

 

ไอ้ปี1ปากดีโดนลากขึ้นไปตรวจชั้นบน ผมนั่งรอมันประมาณ 30 นาทีมันก็ลงมาจ่ายเงิน

 

“ปะ เอายา จ่ายตังค์”

 

ผมเดินนำมันมาถึงเคาเตอร์ แล้วก็ได้ยินประกาศเรียกชื่อมันให้ไปรับยาและจ่ายเงิน

 

“ทำไมไม่เดินมา?...มาฟังพี่เค้าอธิบายเรื่องการกินยาดิวะ”

“เอ่อ..คือกู..คะ คือค่ายา...”

 

อ้อ .. . เห้อออ เรื่องแค่นี้

 

“ชั่งมัน มานี่”

 

ผมกลัวว่ามันจะไม่เดินตามมา เลยถือวิสาสะจับข้อมือมันแล้วลากเดินมาด้วยกันเลย

ข้อมือมันไม่ได้เล็กราวกับคนไม่มีแรง ไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือนผู้หญิง

 

แต่ก็จับได้ไม่นานนักเพราะมันสะบัดมือออก ผมก็ไม่ว่าอะไร

มันอาจจะถือเนื้อถือตัวมั้ง?

 

“โทษที..เดินเหอะ พี่เค้ารอ”

 

ก่อนจ่ายเงินและรับยา ผมยังเห็นว่ามันทำหน้าไม่พอใจอะไรสักอย่าง แต่พอพี่พยาบาลยิ้มปุ๊ป ราวกับทั้งโลกของมันสว่างสดใส

 

หมั่นไส้วะ

 

พอจ่ายเงินเสร็จก็กลับมาที่รถ ได้เวลาส่งมันกลับเข้ากรง เอ๊ย ส่งมันที่หอจริงๆจังๆสักที

 

“เดี๋ยวพรุ่งนี้กูไปกดเงินมาคืนมึง” มันพูดขึ้น

“ไม่ต้อง”

“แต่กูจะคืน”

“เรื่องของมึง .. ถึงหอมึงละ ลงไปได้แล้ว”

 

ผมหงุดหงิด .. แต่หงุดหงิดอะไรนั้น .. ผมเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน

 

หรืออาจจะเป็นเพราะ ไม่มีคำว่า ‘ขอบคุณ’ หลุดจากปากมันเลยก็ได้มั้ง เด็กอะไรไร้มารยาท ไม่มีความเคารพเลย เห้ออออ

 

ปากเก่งที่1 ดื้อก็เท่านั้น กร่างซ่าส์ไปทั่ว .. . แต่แบบนี้สิ ถึงจะสนุก อยากกำราบมันให้อยู่ใต้ร่าง เอ๊ยยยยย ใต้อาณัติเร็วๆซะจริง

 

.

.

 

.

 

 

.

 

วันเสาร์ตอนสายๆ ผมตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงง ไอ้แซคโทรมาบอกผมให้ไปรับหลานรหัสมันด้วย จะได้มานั่งแดกเสต๊กด้วยกัน

 

คือหลานรหัสมึง .. แล้วทำไมมึงไม่ไปรับเองละวะครับ กูเป็นพี่เทคเหรอ? ก็เปล่า

 

ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เคยปฏิเสธไอ้เพื่อนคนนี้ได้จริงๆจังสักที

 

เลยเริ่มจากโทรถามไอ้แทนก่อนว่าห้องไอ้เด็กนี่อยู่ชั้นไหน ห้องอะไร พอถามเสร็จก็ต่อด้วยการโทรถามไอ้เจ้าของห้อง ซึ่งไม่แน่ใจว่ามันอยู่รึเปล่า หากไม่อยู่ผมก็ไปรับมันเก้ออะดิ

 

สรุปคือมันอยู่

 

ผมเลยตัดสินใจขับรถไปหามัน ก่อนจะจอดทิ้งไว้แถวนั้น เพราะหอมันไม่ได้ไกลจากร้านสเต๊กเท่าไหร่

 

ขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นที่ไอ้แทนบอก ก่อนจะเดินไปเคาะประตูหมายเลขที่หลานรหัสผมระบุไว้ ไม่นานนักก็มีคนมาเปิดประตู ไอ้เจ้าของห้องนั่นแหละ มันดูตกใจที่เห็นผม

 

“จะให้กูยืนหน้าห้องไง๊?” ยืนนิ่งอยู่นั่นแหละ

“มาห้องกูได้ไง?”

“ขึ้นลิฟท์มา”

“กูหมายถึง มึงรู้จักห้องกูได้ไง?” ผมเข้ามาในห้องแล้วนั่งบนเตียงใหญ่ของมัน

 

“ห้องมึงเล็กวะ”

 

“ตอบดีๆจะตายปะ?”

 

คือเมื่อกี้กูวิจารณ์ห้องมึง ไม่ได้ตอบคำถามซะหน่อย

 

“มึงสู้กูไม่ได้หรอก” แต่อันนี้อะตอบของจริง

“สักตั้งปะไอเหี้ย กวนตีนกูจัง...” ผมมองหน้าไอ้ปากดีที่ท้าต่อย

 

แน่จริงก็เข้ามาสิวะ แต่ในที่สุดมันก็เลือกที่จะอยู่เฉยๆ ไม่ก่อเรือง คงสำเหนียกได้ว่าหน้าตัวเองยังไม่หายดี

 

“แล้วมึงมาทำไม”

“มารับมึง..ไปแดกข้าว”

“กูไม่ไป!..และช่วยกรุณาออกไปจากห้องกูได้ละ” ปากมอมๆนั่นปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิด

 

ผมก็ไม่ได้ว่าไร ไม่เคยบังคับขืนใจใครอยู่แล้ว หึหึ

 

พอก้าวผ่านพ้นประตูห้องมันปุ๊ป ก็จัดการโทรออก ให้สายรหัสเค้าจัดการกันเอง

 

กูมารับมันแล้วนะ แต่เสือกเล่นตัวไม่มากับกูเอง ช่วยไม่ได้วะไอ้แซค

 

“แม่งงงง ไรวะ ยังอยู่หน้าหอมันใช่มั้ย ? มึงหยุดอยู่ตรงนั้นเลยไอ้พอส” มันบอกผมแล้วก็วางสายไป ผมเลยต้องจำใจหยุดอย่างช่วยไม่ได้

 

เนื่องจากแดดมันร้อน และผมไม่ค่อยชอบแดดจ้าๆเท่าไหร่ จึงหยิบแว่นทรงเหลี่ยม แบรนด์ SUPER ขึ้นมาใส่

สักพักก็มีคนมาทักผม...เล่นเอาเสียเซลฟ์ไปเลย

 

“ลุงๆ มีเลขท้าย56ปะ? ขอคู่นึงดิ”

“กูไม่ใช่คนขายล๊อตเตอรี่ สัด”

 

คือ ผมเหมือนคนขายล๊อตเตอรี่มากเหรอครับ? ถอดออกก็ได้ฟ่ะ

 

คงเป็นเพราะโดนไอ้แซคสั่งมาล่ะสิ ถึงยอมโผล่หน้าลงมา ผมเดินนำมันจนถึงร้านสเต๊กที่นัดกันไว้ ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้นัดกันมาตั้งเยอะแยะมากมาย

 

พวกมันนั่งคุยกันสับเพเหระ เม้ามอยไปเรื่อย โดยที่ไอ้แกนมันนั่งตรงข้ามผมก็ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาเหมือนกัน

บางทีมันอาจจะยังเจ็บปากอยู่

 

มีหลายครั้งที่ไอ้แกนกับคนที่ผมเคยต่อยมันหยอกล้อกัน แกล้งขโมยขนมปังบ้าง บีบซอสใส่บ้าง บทสนทนาของพวกมันก็เข้าหูผมเรื่อยๆ จนมาสะดุดกับ

 

“กูดูดหลอดต่อจากมึง งี้กูก็จูบมึงทางอ้อมดิวะ?”

“แล้วไงวะ จะลองจูบตรงๆมั้ยละ”

 

เหอะ! ทีกับกูทำสะดีดสะดิ้ง สุดท้ายมึงก็อยากจูบกับไอ้วอร์มก็บอกตรงๆสิวะ!!

 

แกร๊งง!!

ผมวางมีดกับซ้อมอย่างรุนแรง ไม่สนใจว่าใครจะมองยังไง

 

ไอ้พวกนั้นมันยังเล่นกันต่อ

 

“พวกมึงนี่จะเข้าป่าไปสำรวจถ้ำกันรึไงวะ? ห่าราก จูบผู้ชายด้วยกัน..กูจะอ้วก”

 

 

พรืดด!

แปะ!หั

 

มึงหั่นยังไงวะสัด กระเด็นเข้ามาในจานกู

หมดอารมณ์ที่จะแดกต่อ

 

“กูไปละ”

“ทำไมวะ เหลือตั้งเยอะ” ไอ้แซคถาม

“แดกไม่ลง!”

 

ชัดเจนมั้ยสัด!!

 

ผมหงุดหงิดทั้งวัน ขนาดโทรเรียกน้องจ๋ามาแก้ขัดแล้ว แต่ขณะกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เมื่อนึกถึงหน้าไอ้เด็กปากดีนั่น จู่ๆผมก็หมดอารมณ์ขึ้นมาซะงั้น น้องจ๋าเค้างงๆ ผมเลยไล่ให้กลับไปก่อน แม้จะได้รอยนิ้วมือทั้ง5มาประดับไว้บนใบหน้าก็เถอะ

 

นี่มึงจะคุกคามเข้ามาในจิตใจกูมากไปแล้วนะสัด กวนตีนได้แม้กระทั่งในความคิดกู

 

นี่ผมไม่ได้เป็นเอามากใช่มั้ย?

 

.

.

 

.

 

 

.

ช่วงนี้ผมเองก็เริ่มที่จะงานยุ่ง ทั้งกิจกรรมและการเรียน บวกกับใกล้งานรับปริญญาของพี่บัณฑิตแล้วด้วย เลยไม่ค่อยมีเวลาให้ไอ้แกนได้มาปากดีใส่สักเท่าไหร่ เดินผ่านกันนานๆครั้ง แต่ดูเหมือนมันจะไม่เห็นผม

 

ข่าวคราวของมันผมก็แอบเลียบเคียงถามเพื่อนซี้เจ้าตัวอย่างไอ้ทัชกับไอ้แทน

 

ที่ผมถามถึงมันไม่ใช่อะไรนะ ... ไม่ได้คิดอะไรจริงๆ แค่อยากรู้เฉยๆว่ามันไปปากดีใส่ใครให้เค้าต้องตามมากระทืบมันอีกมั้ย ก็เท่านั้นเอง

 

 

แต่ก็มีอยู่วันหนึ่งที่ผมกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำ ก็เหลือบไปเห็นเด็กปี1ที่คุ้นหน้า3คนกำลังคุยกัน ท่าทางสนุกสนานอยู่บนม้าหินนั่น ผมเผลอมอง ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกที ไอ้ทัชกับไอ้แทนก็หายไปแล้ว เหลือไว้แต่เด็กปากดีที่กำลังนั่งจดงานอยู่คนเดียว

 

ผมเดินเข้าไปหามัน หาเรื่องแกล้งให้โดนด่าเล่น แต่ไม่รู้จะเข้าไปทักทายว่าอะไร

ใช่เลย .. มันติดค่ายาผมไว้ มันเคยบอกว่าจะคืน

 

“มึงติดค่ายากู ไหนบอกว่าจะคืนไงวะ อย่ากลับคำดิสัด”

 

เพียงได้กวนตีนมันเท่านี้ผมก็เดินยิ้มกลับมานั่งที่โต๊ะแล้ว

 

 

 

หลายวันต่อมา หลานรหัสผมนำเงินจำนวนหนึ่งมาให้พร้อมกับบอกว่า

“ไอ้แกนมันฝากมาคืนพี่”

ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ให้มันมาคืนเองกับตัว

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา