i'm not&you don't [Yaoi NC18+] END หนังสือถามได้คะ

9.2

เขียนโดย Pierre

วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 02.28 น.

  49 chapter
  69 วิจารณ์
  260.57K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559 22.56 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

11) 11 - Ghost in the University

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

11 - Ghost in the University

 

 

จนแล้วจนรอดผมก็ยังไม่ได้เอาเงินไปคืนมัน แต่ผมอะเตรียมเงินไว้พร้อมแล้วนะ ฝากคืนไปกับไอ้แทน มันก็เสือกเล่นตัว ไม่เอา ต้องการให้ผมไปคืนเองกับตัว เพื่อ?

 

ช่วงนี้ที่มหาลัยจะวุ่นวายครับ เพราะต้องเตรียมงานรับปริญญา แต่รุ่นพี่ปี2 ปี3 ปี4 สบายครับ หยุด1สัปดาห์เต็มๆ สามารถกลับบ้านหรือไม่มาร่วมงานก็ได้ แต่บางคนก็มาถ่ายรูปกับสายรหัสตัวเอง แต่ละคณะมีฝีมือเท่าไหร่ใส่มาเต็มที่ครับ ลูกเล่นสีสันการดีไซน์ (ถาปัตย์ฯไม่ต้องพูดถึง)

 

“แกรนด์ คัทเอ้าไม่พออะ” เพื่อนหญิงคนหนึ่งในคณะพูดขึ้น

“เอากี่คัท?”

“สัก2ก็พอ ไปตบสีมาเพิ่มด้วยนะ โดยเฉพาะสีขาว”

“โอเคๆ เดี๋ยวคืนนี้ลองไปดูแถวๆเสดสาดมาให้” ผมตอบรับไป

 

ตอนนี้เพื่อนผมในเจอร์ส่วนใหญ่มาร่วมด้วยช่วยกันวาด ลงสี ตกแต่งสถานที่สำหรับไว้ถ่ายรูปครับ อีกส่วนหนึ่งก็ไปคิดท่าเต้น เพลงบูม

 

2-3วันมานี้ผมไม่ได้กลับไปนอนหอเลย อยู่เฝ้าคัทกับเพื่อนๆตลอด ดีที่ว่ายังเห็นใจผมให้ไปอาบน้ำนอนที่หอบ้าง นอนตากยุงที่คณะมาหลายวันละ แต่ท่าทางคืนนี้จะหนีไม่พ้นน้องยุงอีกแล้ว

 

หัวค่ำ เพื่อนๆเริ่มทยอยกันกลับบ้าน พวกผมมีหน้าที่เห็บของและเฝ้าของก็ต้องตามแบกคัทเอาไปซ่อนและคอยเฝ้า ผลัดกันไปกินข้าวไม่ก็ฝากซื้อใส่กล่องมากินกัน นั่งเล่น คุยกัน ฟังเพลง อ่านการ์ตูน เรียกได้ว่าใครมีอะไร ก็แบกมาทำฆ่าเวลา จนถึงเวลาอันสมควร สัก5ทุ่มได้ ก็ส่งเพื่อน 3 คนที่อยู่หน่วยเดียวกันไปดูลาดเลา สักพัก ก็มีคนใดคนหนึ่งโทรเข้ามาหาไอ้แทน

 

“เห้ย ไปวะ ทางสะดวก” ไอ้แทนบอกผมกับไอ้ทัช

 

พวกผมเลยออกเดินทางไปยังคณะเศรษฐศาสตร์

 

อยากจะบอกว่า...ที่มหาลัยตอนกลางคืนเปลี่ยวและวังเวงสัดๆเลยครับ ถนนหาทางเงียบเหงา ไม่มีรถแล่น พอเดินผ่านแต่ละคณะ ก็เห็นแต่แสงไฟรำไร แต่ก็มีบางส่วนที่ยังอยู่เฝ้าคัทแบบพวกผม

 

“มึงว่ากูกับทิวาจะไปรอดมั้ยวะ?!” ไอ้ทัชพูดเสียงดัง

“กูก็ไม่รู้วะ แล้วมึงโอเคมั้ยล่ะ?!” ผมก็ตอบไปเสียงดังเช่นกัน

“ศึกษากันไปนานๆโว๊ยยยย อย่าเอาแต่ฟันแล้วทิ้งแบบคนแถวนี้!!” ไอ้แทนก็ไม่ยอมแพ้ เสียงดังกว่าใครเพื่อน

“มึงว่าตัวเองทำไมวะแทน!!!” ผมดังกว่า

“กูว่ามึงเหอะไอ้แกน!!”

 

พวกผม3ตัวพูดเสียงดังกันแบบนี้ไปตลอดทาง...ไม่ใช่อะไรหรอกครับ มันต้องหาเรื่องคุยแล้วก็พูดเสียงดังๆ เพื่อกลบเกลื่อนไอ้สิ่งที่ไม่อยากคิดและก็ไม่อยากเจอด้วย

 

แต่พวกเขาทั้ง 3 หารู้ไม่ว่านั่นเป็นวิธีการที่ผิดมหันต์ ...

 

 

 

พวกผมเดินมาสมทบกันเพื่อนอีก 3 คนที่เดินมาดูลาดเลาก่อนแล้ว หนึ่งในนั้นมีไอ้โยด้วย

 

“อยู่ข้างๆห้องสโมอะ แผ่นใหญ่ เอาสีด้วยปะ?” ไอ้โยชี้ไปยังห้องๆหนึ่ง ด้านบนติดป้ายชื่อห้องไว้ว่า ‘สโมสรนิสิตคณะเศรษฐศาสตร์’

“เอาๆๆ”

“งั้นมึงไปเอาสีนะแกรนด์ พวกกูที่เหลือแบกแผ่นไม้เอง”

 

ตกลงได้ตามนั้น ผมก็หลบมาอีกมุมมืดๆ เห็นกระป๋องสีวางเรียงราย ผมหยิบขึ้นมาเพ่งอ่านชื่อสีจนเจอสีขาวกับสีแดง ที่เหลือครึ่งกระป๋อง ผมเลยหยิบมาทั้ง2สีเลย

 

ผมเดินกลับไปสมทบกับพวกที่เหลือซึ่งมีไม้แผ่นใหญ่ๆแบกไว้บนหัวกัน5มุม ให้สัญญาณว่าโอเคเรียบร้อยแยกย้ายกลับคณะ ตัวผมเดินชิลๆถือแค่กระป๋องสีขนาดกลาง2กระป๋องเองเลยเดินท้ายสุด

 

ผมว่ามันง่ายแปลกๆ ... คราวก่อนที่ไปตบคัทของคณะวิทยาศาสตร์ยังต้องวางแผนยุ่งยากมากกว่านี้ แต่สงสัยเพราะมีคนเฝ้ามั้ง แล้วคราวนี้ไม่มีคนเฝ้า อาจจะเป็นอย่างนั้นเลยทำให้ขโมยมาอย่างง่ายดายก็เป็นได้...ผมปลอบใจตัวเอง

 

 

แกร๊บ แกร๊บ แกร๊บบบ

 

 

“ไอ้แกน มึงอย่าเดินเหยียบใบไม้แห้งดิวะ กูฟังแล้วขนลุก สัด!” ไอ้แทนหันมาด่าผม

 

“เอ่อคือกูไม่ได้เดินเหยียบนะ...”

 

“แล้วถนนนี้ก็ไม่มีใบไม้แห้งสักใบเลยแทน...” ไอ้โยเสริมเสียงอ่อยๆ

 

 

!!!!!!!!

 

 

ตุ๊บ!!

 

เสียงแผ่นไม้ที่แบกมากระทบพื้น..กระป๋องสีที่ถือมาถูกวางไว้กับที่...

 

 

บรื๋ออออออออออ

ทางใครทางมันละคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

 

 

 

 

“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก”

 

นี่ผม..วิ่งมาไกลขนาดไหนแล้วเนี่ย

 

หันมามองรอบๆตัว...มืดกว่าเดิมอีกอะ T^T รู้สึกตึกนี้จะเป็นตึกเก่าคณะผมเอง แถมยัง..มีเรื่องเล่าต่างๆมากมาย..

 

ไม่เอาๆ ไม่คิดๆๆๆ ผมสะบัดหัวแรงๆ

 

 

 

ท่องนะโม3จบ ตั้งสติให้มั่น นึกถึงเจ้าที่เข้าทาง ผู้ก่อตั้งมหาลัยให้ช่วยคุ้มครองลูกช้างด้วยเถิดดดดดด สาธุ

 

 

หมับ!

 

 

“เห้ยยยยยยยยยย .. ปะ ปล่อย ผะ ผม เถอะ ..ผะ ผม แค่ จะ จะ มาเอา คะ คัท เอ้า ปะ ไป ทำ ทำ งะ งะ งาน คะครับ” ผมพูดตะกุกตะกัก หลับตาปี๋ 10นิ้วพนมเป็นดอกบัวไว้เหนือหัว

 

แต่ทว่า ..

 

แรงกดที่บ่ามันมากขึ้น

 

“เอ่อ..ผะผม ขะ ขอโทษ ครับที่ มารบกวน กรุณา ปะ ปล่อยผมด้วยครับ”

 

ผมยังคงยกมือไหว้ง่กๆ ไม่ยอมลืมตา

 

 

ฮืออออออออ ก็ใครจะไปกล้าละครับ T_____________T เห็นผมเป็นแบบนี้แต่ผมก็กลัวเป็นนะ

 

“ลืมตา”

 

เสียงนี้...

 

“กูบอกให้ลืมตา!!”

 

ใช่เลย...ไอ้พอสสสสสสสสสสส

 

ไม่เคยดีใจที่ได้เห็นมันเท่านี้มาก่อน!!

 

“เอ่อ..”

 

“มึงเอาแต่หลับตา ไหว้กู ทำอย่างกับหนีอะไรมางั้นแหละ...” มันยืนกอดอกพูด

 

“เปล่าๆ ไม่มีไร .. แล้วมึงมาอยู่นี้ได้ไงอะ?”

 

ตอนนี้ขอพูดดีๆไว้ก่อนครับ เดี๋ยวมันรู้ว่าผมกลัว...T^T

 

“มาเอาของที่ตึกเก่าไปให้สโม แล้วมึงอะ?”

 

“อ่อคือ...กูมาเดินเล่นแถวๆนี้”

 

“เดินเล่น??”

 

ก็มันคิดข้อแก้ตัวไม่ออกแล้วนี่หว่า...

 

“อือๆ กลับคณะกัน” ผมเร่งเร้าให้มันกลับด้วยกัน .. ไม่ได้พิศวาสไรมันนะ แต่ของแบบนี้คนเดียวหัวหาย2คนเพื่อนตายอะ ยังไงก็อุ่นใจกว่าถ้ามีเพื่อนเดินด้วย

 

“มึง..แปลกๆวะแกรนด์” ไอ้พอสยังไม่เดินครับ มันขมวดคิ้ว ทำท่าสงสัย

“อะไร”

“มึงพูดดีกับกู”

“เอ้า พูดดีก็ผิด? ชอบให้พูดไม่ดีเหรอไง..ไปได้แล้ว กลับคณะเหอะ” ผมพยายามอ้อนวอนสุดชีวิต แต่ดูเหมือนมันจะยังไม่เขยื้อนไปไหน

“ยังกลับไม่ได้”

“เอ้า ไมอะ?”

“กูยังไม่ได้เข้าไปเอาของในตึกเก่าเลย”

“เอ่อ....งั้นมึงเข้าไปคนเดียวเถอะ...” ผมหันหลังกลับทันที กูไม่เข้าไปข้างในเป็นเพื่อนมึงแน่ๆ

 

“เห้ย เข้าไปเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ” นั่นไง...แทงหวยไม่ถูกวะ

 

“ไม่!!!!”

ให้ตายยังไงก็ไม่เด็ดขาด ตึกเก่าคณะตอนกลางวันว่าโทรมแล้วตอนกลางคืนยิ่งดูโทรมเพิ่มความน่ากลัว ความขลัง ไปอีกหลายเท่า

 

“กูไม่เอาค่ายาแล้ว เข้าไปเป็นเพื่อนกูไป” มันมีต่อรองครับ ไอ้หน้าหล่อนี่คิดว่าจะหลอกล่อกูด้วยเงินเรอะ? ไม่มีทางซะหรอก

 

“กูเตรียมมาแล้ว อยู่ในกระเป๋า”

 

หึหึ

 

“แต่กูไม่เอา ดังนั้นมึงต้องเข้าไปข้างในเป็นเพื่อนกูเดี๋ยวนี้” แล้วมันก็จับผมลากเดินเข้าไปในตึกเลยครับ

 

สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 

ผมพยายามยื้อสุดแรง แต่ก็สู้มันไม่ได้สักนิด แม่งลากผมเหมือนตัวผมเบาเป็นปุยนุ่นอย่างนั้นแหละ แงงงงง ไอ้เชี่ยพอสแม่งเผด็จการรรรรรรร กูจะฟ้องแม่คอยดู (เกี่ยว?)

 

 

 

 

ภายในตึก...น่ากลัวกว่าข้างนอกอีกครับ!!! ทางเดินมืดๆ ลมพัดเข้าทางหน้าต่างดังเอี๊ยดอ๊าด แสงไฟหริบหรี่ แม่ง..โคตรได้ฟิลล่าท้าผีเลยอะ

 

แต่...ทำไมผมต้องมาล่าท้าผีกับไอ้หล่อจังไรที่กำลังเดินนำผมด้วยว้า?

 

 

 

“มึงไปเอาของชั้นไหน?”

“3”

 

ผมกับมันขึ้นบันไดมาจนถึงชั้น3 ไอ้พอสเดินตรงไปยังห้องๆหนึ่ง เหมือนเป็นห้องเก็บของที่ไม่ได้ใช้มานานแล้ว ผมเดินตามเข้าไปก็พบเก้าอี้เล็คเชอร์ถูกพับเรียงกันไว้ตามผนังอย่างเป็นระเบียบ ส่วนไอ้พอสก็เหมือนหาของเจอแล้วเพราะมันยกลังไว้ด้วย2แขน

 

 

 

 

ปั้ง!!

 

 

ผมสะดุ้งโหยง ไอ้พอสมีท่าทางตกใจนิดหน่อย (จะหล่อตลอดเวอะไรได้ขนาดน้านนนน)

 

“เอ่อ ลมคงพัด เดี๋ยวไปเปิดเอง”

 

ผมเดินไปบิดลูกประตูที่สนิมเกาะอยู่ประปราย

 

แก๊ก แก๊ก

 

“เอ่อ...มันเปิดไม่ได้วะ...” ผมหันไปบอกช้าๆ คนที่กำลังแบกลังมุ่นคิ้ว วางลัง แล้วเดินตรงมาที่ประตู ผมเขยิบให้มันลองเปิดบ้าง

 

แก๊ก แก๊ก แก๊ก

 

“เอ่อ...สงสัยต้องหาอะไรแงะ” แล้วมันก็เดินไปรอบๆห้องเพื่อสำรวจสิ่งที่จะมาทำให้ลูกบิดขยับได้ สักพักมันก็ชูขดลวดเส้นเล็กๆเส้นหนึ่งให้ผมดู ลองนำมาไขแบบมั่วๆ

 

แต่นี่คือชีวิตจริง ไม่ใช่นิยาย (นี่มันก็นิยายนะยะ-*-) ขดลวดเส้นเล็กๆกับผู้ชาย2คนที่ไม่เคยเป็นโจรขโมยขึ้นบ้านอื่นมาก่อนเลยไม่รู้หลักการ...ทำให้ลูกบิดยังคงติด บิดไม่หมุนเช่นเดิม

 

“มึงมีโทรศัพท์มะ?” มันหันมาถามผม ผมล้วงกระเป๋ากางเกงทั้ง2ข้างแล้วแบมือให้มันดู

“ไม่ได้พกมา อยู่ที่คณะหมดเลย” ผมไม่ต้องถามมันกลับหรอก เพราะถ้ามันมี มันโทรไปนานแล้ว

 

“สงสัยต้องรอภารโรงตอนเช้าหวะ...” มันพูดเปรยๆ เดินไปนั่งพิงผนัง ชันหาขึ้นทั้ง 2 ข้าง แล้วมองมาทางผม “มานั่งดิ ยืนให้เมื่อย” เป็นนัยๆว่าให้ผมไปนั่งตรงที่ว่างข้างๆมัน

 

ขณะที่ผมกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะไปนั่งไหนดีมันก็เอ่ยขัดขึ้นมาว่า

 

“กูไม่ทำไรมึงหรอก”

 

หึยยยยยย คิดว่าตัวเองเก่งนักรึไงห๊ะ?

 

“ใครว่า กูกลัวมึงกัดเหอะ ฉีดยามารึยังก็ไม่รู้” สุดท้ายก้นผมก็ติดพื้น ข้างๆมัน

 

“ประโยคนั่น กูควรเป็นคนพูดนะ .. มึงอะปากหมาชิบหาย” ผมหันไปมอง

“แล้วไง กูเป็นของกูแบบนี้”

“หึหึ นั่นสินะ .. ขนาดกูเป็นรุ่นพี่มึง2ปี มึงยังไม่เคยเรียกกูว่าพี่เลย”

 

ก็คนมันไม่ถูกชะตานี่หว่า แถมมันยังหล่อกว่าผม แกล้งผมสารพัด

 

“อย่าดราม่า”

 

“กูป่าว” คนนั่งข้างผมพูดนิ่งๆ “แค่บางทีกูก็รู้สึกว่า .. กูเป็นพี่ที่ไม่ดีรึไงวะ?”

 

“กูบอกว่าอย่าดราม่าไอ้เหี้ย .. ตลกชิบหาย เมื่อก่อนจะต่อยกันพูดกวนส้นใส่ วันนี้เสือกมาติดอยู่ในห้องด้วยกันแถมพูดดีซะงั้น”

 

“สัด นั่นมึงละที่ดราม่า ฮ่าๆๆๆๆๆ”

 

มันขำครับ .. เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันขำ มีลักยิ้มบุ๋มลงไปนิดๆด้วย

 

คนอะไรขำแล้วยังดูดี..อิจฉาโว๊ยยยยย พระเจ้าแม่งลำเอียงงงงงง

 

“เออ สาดดดดดดด ฮ่าๆๆๆๆ”

 

ผมเป็นไรไม่รู้ เห็นมันขำ..แล้วก็ขำตาม ผมบ้าไปแล้วใช่มั้ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

 

.

.

 

.

 

 

.

 

ในห้องมีแอร์..แต่ใช่ไม่ได้ มันเลยได้ร้อนตับแลบแบบนี้ ทั้งผมและไอ้พอสต่างก็เหมือนกำลังอบซาวน่าอยู่ เหงื่อไหลเต็มหน้าเต็มหลัง เสื้อผ้าชื้นแฉะไปหมด ถึงแม้จะเป็นตอนกลางคืน มีลมพัดมาบ้าง แต่มันก็ยังร้อนอยู่ดี

 

ตอนนี้กี่โมงแล้วก็ไม่รู้...คงสักตี 1 กว่ามั้งๆ

 

หันไปมองคนข้างๆ...หลับ

 

 

โว้วววววววววววววววววว

หลับยังหล่ออะคุณผู้โช้มมมมมมมมมม

 

ถ้าผมเป็นผู้หญิงผมคงเขินตายไม่ก็จับปล้ำไปละ แต่เผอิญว่าผมเป็นผู้ชายอะนะ..เอาไว้จะเก็บภาพนี้ไปบรรยายให้แฟนคลับมันฟังละกัน หึหึ

 

ว่าแต่ไอ้พวกเพื่อนผมมันไม่คิดจะตามหาผมกันเลยใช้ม้อยยยย T^T แอบน้อยใจ กระซิกๆ

เห้อออ แค่ลำพังตัวพวกมันเองไม่รู้วิ่งหนีกันไปถึงไหน ได้แต่ภาวนาให้พวกมันแคล้วคลาดปลอดภัย (?)

 

อันที่จริงเรื่องพวกนี้ผมก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งนะครับ แล้วแต่วิจารณญาณแต่ละบุคคล .. แต่พอมาเจอกับตัว ไม่ว่าพวกผมจะคิดมากไปเองหรือ...มีจริง...ผมก็ได้แต่ภาวนาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งทางจิตใจไว้ก่อนแหละคร้าบ

 

นี่ถ้าผมอยู่ในห้องนี้คนเดียว .. ผมอาจกลัวจนทำไรไม่ถูก เผลอๆอาจกลายเป็นบ้าไปเลยก็ได้

แต่นี่ ผมไม่ได้อยู่คนเดียว แม้อีกคนจะเป็นคนที่ผมไม่ค่อยชอบหน้า แถมยังจะมีเรื่องกันอีกก็เถอะ..แต่อย่างน้อย ผมก็อุ่นใจ...ที่มีมันอยู่ด้วย

 

มันเลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องสิ่งที่ตามองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ สัมผัสที่6 หรืออะไรก็แล้วแต่ ให้ใจเกิดความกลัว หวาดระแวงเข้าไปอีก ... นั่นเป็นข้อดีของมัน หรือมันกลัวเหมือนผมอันนี้ก็ไม่ทราบ ต้องไปถามเอง

 

ส่วนตอนนี้ผมขอฝันถึงสาวๆก่อนนะครับ ไม่ไหวละ ทั้งร้อนทั้งง่วง

 

ราตรีสวัสดิ์ครับ

.

.

 

.

 

 

.

“เห้ย ตื่น แกรนด์ ตื่น”

 

เสียงไรดังข้างๆหูวะ!? คนจะนอนนนนนน

 

“อื้ออออ ขอ5นาที”

 

“ตื่นสิวะ นี่ไม่ใช่ที่บ้านมึงนะ”

 

ครายว้า เสียงคุ้นๆ

 

แปะ แปะ แปะ

 

แรงตบที่แก้มทำให้ผมสะลึมสะลือ ลืมตาตื่นขึ้นมานิดนึง

 

“ตื่นสิวะ ตื่นยากตื่นเย็นจัง” อ๋อ ไอ้พอสนั่นเองที่มันปลุกผม ผมลุกขึ้นนั่ง ขยี้ตา หันไปมองนอกหน้าต่าง

 

อ้าว ยังมืดอยู่เลย หรือว่ากูนอนข้ามวัน??

 

“ยังไม่เช้าเลย ปลุกกูไมเนี่ย” ผมว่ามันอย่างหัวเสีย คนกำลังหลับลึก ดันมาปลุกซะนี่ ตาผมก็เหมือนจะลืมไม่ขึ้นอีกต่างหาก

 

“ตอนนี้คงตี4กว่าๆ เดี๋ยวมีภารโรงมาเปิดประตูแล้ว”

 

ผมพยักหน้ารับรู้ ก็ดี ตอนนี้ผมอยากอาบน้ำมากกกกก เหนียวตัว เหม็นตัวเองสุดๆ อ้าปากหาววอดๆ

 

“อี๋ เหม็น หาวก็ไม่ปิดปากนะมึง” มันด่าผมครับ -*-

“มึงหอมตายห่าละ” ผมบอกแบบเนือยๆ เนื่องจากตอนนี้หนังตาผมมันหย่อนๆ เหมือนจะปิดตลอดเวลา

“แน่น๊อนนนน ลองดมดิ” แล้วมันก็พิสูจน์ว่ามันหอมจริงโดยใช้ผมเป็นหนูทดลอง จับผมกดซุกหน้าเข้าอกมัน

 

“เฮ้ยยยยยย เอ่นเอี้ยไอเอี้ยยย (เล่นเหี้ยไรเนี้ย)” ผมพยายามดันตัวเองออกจากแต่ก็ไม่เป็นผล

 

“ฮ่าๆๆๆๆ” ดูมันเหมือนจะชอบใจที่ได้แกล้งผม

 

“อ่อยอูววววว (ปล่อยกูวววว)” ผมทุบที่อกมันดังอั้กๆ แต่ตัวมันคงทำด้วยเหล็ก นอกจากมันจะไม่สะเทือนแล้ว เป็นผมซะอีกที่เจ็บมือ

 

“อยากให้กูปล่อยต้องเรียกกูดีๆก่อน” มันต่อรองอีกแล้วครับท่าน

 

“อ้ออ่อยอ่อนอิอะ (ก็ปล่อยก่อนสิฟะ)” ไอ้พอสปล่อยผมให้เป็นอิสระ .. แม่งงง หัวยุ่งเลยกู

 

“เป็นไงตัวกูหอมมะ?” ยังทำหน้าทะเล้นใส่กูอีก สาดดดดดดด

 

“หอมมม หอมมากกก หอมจนอยากจะอ้วก” ผมประชดมัน แต่มันก็ดูไม่โกรธอะไร

 

“ไม่เอา พูดดีๆ”

 

“ครับ ตัวพี่พอสหอมมากครับ”

 

“เยี่ยม!”

 

ยิ้มแป้นอีกมึง! กูประชดดดดดดดดดดดดด

 

แล้วมันก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่แบบนั้น ท่าทางจะบ้า

 

“ทีหลังมึงต้องเรียกกูว่า ‘พี่พอส’ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง”

 

ได้คืบจะเอาศอก?

 

“ไม่!!!” ผมรีบยืนขึ้น จะได้ได้เปรียบมัน แต่..มันก็ยืนขึ้นตามผมเหมือนกัน เอ่อ...สูงไปไหนครับเพ่ “ยังไงกูก็จะเรียกแบบเดิม มึงไม่มีสิทธิมาสั่งกู”

 

“แต่กูเป็นรุ่นพี่มึงนะ”

“แล้วไงวะ? กูจะเรียกกับคนที่พอใจ โอเคปะ?”

“อ้อ...ต้องเป็นรุ่นพี่แบบไอ้วอร์มใช่มั้ย?”

 

หืม ? พี่วอร์มเกี่ยวไรด้วยวะ?

 

แล้วไอ้พอสก็นิ่งไป ผมก็เงียบเช่นกัน เพราะยังงงๆอยู่ว่าเกี่ยวกับพี่วอร์มยังไง?

 

 

 

เงียบกันไปพักใหญ่..จนกระทั่งมีเสียงก๊อกแก๊กๆดังที่ประตู

 

“สงสัยภารโรงมาเปิดให้แล้ว” ไอ้พอสพูด

 

ผมหันไปมองที่ประตูก็เจอกับภารโรงแก่ๆที่เปิดเข้ามาพอดี

 

“อ้าว มาทำไรกันในนี้ล่ะเนี้ย? ไป กลับบ้านกลับช่องไป๊ ไม่ก็โรงแรมยังดีกว่าเยอะ เห้ออออ เด็กสมัยนี่คลำไม่มีหางก็เอาหมด...” ตาลุงแก่ๆที่เป็นภารโรงบ่นเสร็จก็เดินออกไป แต่ก็ยังได้ยินเสียงบ่นของแกตลอดทาง

 

เห้ยลุงงงงงงงงงง ผมกับไอ้พอสไม่ได้เป็นอย่างที่ลุงคิดคร้าบบบบบบบบบบบบบบ

ผมก็ได้แต่คิด จะออกไปแก้ข่าวก็คงไม่ทันแล้ว เห้อออออออ

 

 

เมื่อประตูเปิดได้แล้ว จะรอช้าอยู่ไยละครับ ไอ้คนที่ทำให้ผมติดอยู่กับมันในห้อง2ต่อ2 (?) เดินไปยกลังแล้วกำลังจะก้าวออกจากห้อง

 

ผมตัดสินใจอะไรบางอย่าง...อะไรๆมันอาจดีขึ้น ไม่อึมครึมแบบนี้

 

 

 

 

“ขอบคุณทุกเรื่องครับพี่พอส”

พูดเบาๆจนแทบไม่ได้ยิน...ไม่รู้เหมือนกันว่ามันได้ยินรึเปล่า..

 

แต่ผมไม่รอดูผลงานตัวเองหรอก

 

ฟิ้วววววววววววว แผ่นละคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

.

.

 

.

 

 

.

 

ผมวิ่งออกมาจากห้องนั้นอย่างไม่คิดชีวิต มีเท่าไหร่ใส่ให้หมด ดีที่ว่าฟ้าเริ่มสว่างแล้วเลยทำให้ไม่น่ากลัวแบบเมื่อคืนเท่าไหร่

 

อ่า..ยอมรับว่าเขินนิดๆ ฮ่าๆๆๆๆ พูดแล้วกระดากปากแหะ มันยังไงๆก็ไม่รู้อะ

 

เมื่อมาถึงคณะ ก็พบศพจำนวนมากนอนตายระเกะระกะ ... ไอ้เพื่อนๆผมเองครับ

 

เห้อ คัทก็ไม่ได้ สีก็ไม่ได้ ไว้ค่อยไปอธิบายให้พวกเพื่อนๆฟังก็แล้วกัน บรื๋ออออออออออ

 

 

“อ้าวแกรนด์ มาแต่เช้าเลยนะ” รุ่นพี่สโมคนหนึ่งทักผม ขณะที่ผมกำลังเดินไปตรงซุ้ม

“อ่อ ป่าวอะพี่ คือผมยังไม่ได้กลับบ้านเลย”

“แล้วไปอยู่ไหนมาเนี่ย เมื่อคืนพวกพี่สโมเห็นไอ้พวกนี้” พี่แกชี้ไปทางไอ้ทัชไอ้แทนที่นอนตาย “วิ่งกันมาหน้าตั้ง...เห็นว่าหนีผีมา แล้วเอ็งไปอยู่ไหนมา ทำไมไม่กลับมาพร้อมเพื่อน เห็นไอ้พวกนี้ก็เป็นห่วงเอ็งอยู่ .. แต่มันบอกว่าจะให้ออกไปตามคงได้หลงแล้วเจอดีอีกรอบ เลยขอรอที่นี่ดีกว่า”

“อ๋อ ผมหนีไปทางตึกเก่าคณะอะพี่ แล้วไปบังเอิญไปเจอพี่พอส”

“เออใช่ ไอ้พอส ใช้มันไปเอาของ เสือกหายหัวไปเลย”

“ก็นั่นละครับ พี่พอสขึ้นไปเอาของบนตึกกับผม แล้วประตูดันล๊อค เลยติดอยู่ด้วยกัน จนเมื่อกี้มีลุงภารโรงมาเปิดให้ เลยได้ออกมาเนี้ยละ สักพักเดี๋ยวพี่พอสก็คงตามมา” พูดเองขนลุกเองวุ้ย “อ่าวนั่นไงพี่พอสมาพอดี” ผมมองไปไกลๆเห็นคนรูปร่างคุ้นตาที่ติดอยู่ในห้องกับผมทั้งคืน พี่พอสเดินตรงมาพร้อมกับถือลังมาด้วย

 

“เอ้านี่ ของ สัดเอ๊ยยย ทีหลังกูจะไม่ไปเอาของคนเดียวอีกแล้ว ห่า”

“เอ็งก็ไม่ได้ไปคนเดียวนิ” พี่สโมแกเหลือบมาทางผมหน่อยๆ ไอ้พี่พอสมันเลยปรายตามองผมนิดนึง

“ก็นั่นแหละ .. ติดอยู่ทั้งคืน ร้อนก็ร้อน กลัวก็กลัว ดีที่เมื่อกี้มีภารโรงมาเปิดให้”

“หืม? ภารโรง ? เมื่อกี้ไอ้แกนก็พูดถึง สรุปคือพวกเอ็ง2ตัวออกมาจากห้องได้เพราะลุงภารโรง”

“ใช่ ทำไมวะ?”

 

“คือกูได้ข่าวว่าตึกเก่าคณะตอนนี้มันไม่มีภารโรงประจำนะ มีแต่แม่บ้านที่คอยเช้าไปทำความสะอาดตอนกลางวันบ้าง .. แต่ไม่ยักรู้แหะว่ามีภารโรงเข้าไปทำตอนเช้ามืดแบบนี้ด้วย”

 

ผมว่ามันฟังดูแล้วแปลกๆแหะ .. .

 

“เดี๋ยวนะ .. ภารโรงเป็นลุงแก่ๆชอบบ่นพึมพำ ใส่ชุดเหมือนกระเป๋ารถเมล์ ซอมซ่อๆหน่อยเปล่าวะ?”

 

ผมกับไอ้พอสพยักหน้า

 

“ชิบหาย! นั่นมันลุงสมาน เป็นภารโรงประจำตึกเก่ามาตั้งแต่สมัยแรกๆที่ก่อสร้างตึก แกเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งไปตั้งแต่ปลายเทอมที่ก่อนแล้ว”

 

!!!

 

ผมได้แต่อ้าปากค้าง.. .

 

“ห๊ะ ทำไมกูไม่รู้วะ” ไอ้พอสถามกลับ

 

“ก็ช่วงนั้นเอ็งไปสวิส พอกลับมาข่าวก็เงียบไปแล้ว ลืมๆกันไปเลยไม่มีใครบอกเอ็ง”

 

“เวร กูก็รอให้ลุงแกมาเปิดให้ตอนเช้าเนี่ยละ แม่งงงงงง สรุปกูเจอดีใช่มั้ยเนี่ย” ไอ้พอสกุมหัว .. ส่วนผมสติหลุดกู่ไม่กลับแล้วครับ..

 

“เออน่า อย่างน้อยลุงแกก็มาช่วยพวกเอ็งให้ออกมาจากห้องนั้นได้นะเว้ย ว่างๆก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ลุงแกบ้างละกัน” พี่แกตบบ่าไอ้พอสกับผม แล้วก็เดินจากไป

 

 

“มึงจะกลับหอเลยมั้ย?” ไอ้พอสหันมาถามผม

“ยังอะ รอพวกนี้ตื่นก่อน” ผมมองไปทางไอ้พวกเพื่อนๆที่ยังสลบไสลอยู่

“เออๆ งั้นกูไปก่อนละ .. ทีหลังก็เรียกกูว่า ‘พี่พอส’ ด้วยละ อย่าลืม” ประโยคท้ายมันโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูผม แล้วรีบผละออกไปยิ้มเจ้าเล่ห์ เดินออกไปก่อนจะหันหลังกลับมาโบกมือบ๊ายบายกวนตีน ส่วนผมก็ได้แต่ฟึดฟัดเพราะทำไรมันไม่ได้

 

 

เชี่ยยยย กูมัวแต่ฟังเรื่องลุงภารโรงจนลืมไปเลยว่าก่อนออกจากห้องกูไปพูดไรกับมันไว้

 

‘พี่พอส’ งั้นเหรอ? มึงไม่ได้ฟังจากปากกูเป็นครั้งที่2หรอกไอ้สาดดดดดดดดดดดดด!!

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา