Just a Dream…หรือแค่ฝันไป

9.4

เขียนโดย koala

วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.59 น.

  13 chapter
  116 วิจารณ์
  32.82K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มกราคม พ.ศ. 2556 00.09 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

6) การพบเจอ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ดอกลิลลี่สีขาวถูกวางลงบนแผ่นหินอ่อนหน้าหลุมศพอย่างทะนุถนอม

 

“ดอกลิลลี่สีขาวที่คุณชอบ  ผมเอามาฝากนะ”  ชายหนุ่มเอ่ยกับร่างไร้ชีวิตที่นอนอยู่ใต้พื้นดิน

 

 

ปกติเขาจะมาที่สุสานแห่งนี้ทุกสัปดาห์หรือบางครั้งเมื่อมีเวลาว่าง

เขามักจะมานั่งเล่าเรื่องราวหลายๆเรื่องให้เธอฟังแม้มันจะไม่มีผลลัพธ์ใดๆเกิดขึ้นก็ตามแต่เขาก็อยากให้เธอรับรู้

เหมือนครั้งที่เธอยังมีชีวิต

 

“ขอโทษที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มาหานะ  พอดีผมยุ่งมากเลย  มีเรื่องหลายอย่างที่ต้องจัดการทั้งเรื่องงาน  เรื่องบ้านและก็เรื่องของ...”

เสียงของชายหนุ่มขาดหายไปเมื่อจะพูดเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่เขาก็ยังไม่รู้ทางออกว่าจะทำอย่างไรต่อไป

 

 

เรื่องราวหลายเรื่องมันถาโถมเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว

หยดน้ำตาค่อยๆร่วงหล่นจากดวงตาที่ใครๆต่างบอกว่าแสนจะเย็นชาของหนุ่มหน้าหวาน

ร่างโปร่งสั่นเทาตามเสียงสะอื้นของตัวเอง

ในขณะที่หยาดฝนค่อยๆตกลงมาเป็นสายและเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น  แต่หนุ่มร่างโปร่งก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

ราวกับอยากให้สายฝนชำระล้างเรื่องราวทั้งหมดที่แสนจะทรมานนี้ออกไป

 

 

“ผมคงแย่มากสินะที่ปล่อยให้เหตุการณ์มันเป็นอย่างนี้  ตอนนี้คงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว  เรื่องนี้มันเกินกว่าที่ผมจะรับไหว  ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ”  ชายหนุ่มรู้สึกผิดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

 

 

 

“ขอโทษนะพิม  ขอโทษที่ผมอ่อนแอให้คุณเห็นอีกแล้ว”

 

ภูเขาน้ำแข็งที่สร้างขึ้นทำให้ไม่เคยมีใครเห็นมุมที่อ่อนแอในตัวเขาและไม่มีวันจะให้ใครเห็น

จะมีก็เพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น...พิมประภา

 

 

น้ำตายังคงหลั่งรินออกมาอย่างไม่อายใคร  เวลานี้เขาไม่อยากให้ใครพบเจอทั้งนั้น

หัวใจและร่างกายของเขาอ่อนแอเกินไป

ร่างโปร่งที่ยืนนิ่งดุจหินผาท้าแรงของพายุฝนเมื่อครู่ล้มลงพร้อมสติของที่หลุดลอยไปพร้อมกัน

 

 

 

 

.................................................

 

 

 

 

อายุ  วัณโณ  สุขัง  พลัง...

 

สาวร่างเล็กยกมือขึ้นมาจรดศีรษะ  ก่อนที่จะกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติพี่น้องรวมถึงเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย

และคนที่กำลังนอนไม่ได้สติมานับเดือนในโรงพยาบาล

 

การตักบาตรตอนเช้ากลายเป็นอีกกิจวัตรประจำวันของเธอหลังจากที่เธอตัดสินใจที่จะช่วยเขา

 

และน่าแปลกใจว่าผลลัพธ์นั้นดันดีเกินคาด  ทั้งร่างที่นอนไม่ได้สติก็อาการดีขึ้นเรื่อยๆ  ตอบสนองต่อการรักษาทางการแพทย์อย่างไม่น่าเชื่อ  รวมถึงวิญญาณของชายหนุ่มก็สามารถตามติดเธอไปยังสถานที่ต่างๆได้ราวกับเงาตามตัว

 

 

 

“อิ่มจังเลย  ขอบคุณนะครับ”  เสียงเงาตามตัวเอ่ยโพล่งขึ้นมาจากด้านหลังขณะที่เธอกำลังปิดประตูห้อง

คนตัวเล็กที่สะดุ้งด้วยความตกใจจนแทบจะหลุดกรี๊ดออกมา

 

“โอย  นี่นายป๊อป  นายมาแบบปกติไม่ได้หรือไงฮะ  ให้ซุ่มให้เสียงนิดนึง”  สาวร่างเล็กเอ็ดใส่

 

“อ้าวก็ส่งเสียงมาก่อนแล้วไง  ฟางจะให้ป๊อปโผล่มาตอนที่ฟางลืมตาหลังจากอธิษฐานเสร็จแทนมั้ยล่ะ”

เขายังไม่วายกวนประสาทเธอแต่เช้า  และสรรพนามที่เขาเรียกเธอก็เปลี่ยนเป็นสนิทสนมมากขึ้นนับจากวันนั้น

 

“นายไม่มีสิทธิ์มากวนกับฉันนะ  ถ้าฉันไม่ทำบุญให้นายเนี่ย  นายก็คงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้หรอก”  คนตัวเล็กเริ่มทวงบุญคุณ

“ก็ดีเหมือนกัน  ฉันก็ไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นมาตอนเช้า  หาของถวายพระ  ได้นอนสบายๆแล้วค่อยไปทำงาน”

เธอพูดอย่างผู้เหนือกว่าพร้อมทำหน้ายิ้มอย่างมีชัย

 

คำพูดของร่างเล็กสร้างความหวั่นวิตกเล็กน้อยให้กับชายหนุ่ม

“โธ่  แค่แกล้งเล่นนิดเดียวเอง  คราวหน้าไม่ทำแล้วก็ได้  สงสารเด็กน้อยตาดำๆหน่อยนะครับคุณหมอ”

เขาส่งสายวิบวับราวกับเด็กน้อยมาให้เธอเป็นเชิงขอร้อง

 

 

อย่าส่งสายตาแบบนั้นได้มั้ยเนี่ยนายป๊อปปี้  น่ารักไปแล้ว  จะว่าไปนายนี่ทำตัวน่ารักก็ได้นี่นา

 

คนตัวเล็กแอบหวั่นไหวกับสายตาที่ชายหนุ่มส่งให้แต่ก็ไม่วายตอบกลับไปว่า

“เด็กโข่งสิไม่ว่า  นายหน้าหมี  ไว้ทำตัวดีๆแล้วค่อยว่ากันใหม่ละกันนะ”

เธอยักคิ้วให้เขาพร้อมอมยิ้มน้อยๆก่อนเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดทำงาน

 

 

ขณะที่วิญญาณหนุ่มได้แต่มองสาวร่างเล็กเดินลับเข้าไปในห้องส่วนตัวของเธอก็อดขำกับท่าทางกวนของคนตัวเล็กไม่ได้

 

กวนอย่างนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะครับคุณหมอ...

 

 

 

อยู่ดีไม่ว่าดีนะเรามาช่วยนายผีจอมกวนเนี่ย เฮ้อ... จนบัดนี้เธอก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องช่วยคนที่เพิ่งเดินจากมาเมื่อครู่ด้วย

เพราะฉันเป็นคนดีมีมนุษยธรรมมั้ง...คนตัวเล็กกำลังหาเหตุผลให้กับตัวเองก่อนจะสวัดความคิดแต่งตัวไปทำงานต่อ

 

 

 

 

 

แพทย์สาวเดินเข้ามาในหอผู้ป่วยเดิมที่เธอเป็นผู้ดูแลตามปกติพร้อมกับเงาตามตัวที่ไม่มีใครเห็นของเธอ

 

“สวัสดีค่ะหมอฟาง”  พยาบาลสูงวัยทักทายเธอตามประสาคนคุ้นเคยกัน

“วันนี้ชุดสวยนะคะ  ซื้อที่ไหนคะเนี่ย”  คนทักกล่าวชมชุดและถามต่อ

“อ้อ  ซื้อตลาดนัดตรงนี้เองค่ะพี่แดง  ตัวละ 200 เอง  ช่วงนี้กำลังเซลล์เลยนะคะ”  แพทย์สาวตอบกลับไป

“จริงหรอ  ไว้วันหลังพี่ต้องไปช็อปบ้างแล้ว”  คนสูงวัยดูตื่นเต้นกับเรื่องที่รับรู้

 

 

“เฮ้อ...ผู้หญิงไม่ว่าสาวหรือแก่นี่ก็เหมือนกันหมดเลยเนอะ  ช็อปปิ้ง  แต่งตัว  เสียเงินกับเรื่องอะไรไม่รู้”

คนที่ไม่มีใครมองเห็นกล่าวลอยๆแต่ทำเอาคนที่ได้ยินของขึ้นเล็กน้อยพร้อมส่งสายตาดุไปยังคนพูด

แต่คนพูดกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเธอจึงต้องพยายามสะกดอารมณ์ไว้ก่อนที่คนอื่นๆจะคิดว่าเธอบ้าพูดคนเดียว

 

 

แพทย์สาวร่างเล็กเดินตรวจอาการคนไข้ตามปกติ  จนมาถึงห้องของชายหนุ่มที่กวนประสาทเธออยู่ทุกวัน

 

วันนี้อาการของเขาดีขึ้นอีกระดับแม้จะยังไม่รู้สึกตัว  แต่สัญญาณชีพก็ถือว่าค่อนข้างดีและเริ่มตอบสนองต่อความรู้สึกได้

รวมทั้งหน้าตาก็ดูสดใสขึ้นกว่าวันแรกที่เธอพบ

 

นายนอนนิ่งๆแบบนี้ก็ดูไม่มีพิษมีภัยดีนะ

ร่างเล็กจ้องหน้าชายหนุ่มที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่นานพอควรจนอีกร่างที่เดินตามเข้ามาสงสัย

“เดี๋ยวนี้ฟางฝึกศาสตร์ใหม่ใช้กระแสจิตรักษาป๊อปแทนแล้วหรอ”

 

“ขอโทษนะคะ  คุณชายป๊อปปี้  ถ้าฉันจะขอสมาธิในการทำงานบ้างได้มั้ย”  เธอเอ็ดใส่เขาอีกรอบ

 

“บางทีนายนอนนิ่งๆก็ดีเหมือนกันนะ  จะได้ไม่ต้องมีคนมากวนประสาทฉันแบบนี้”

 

“ไม่มีคนกวนเดี๋ยวเหงาไม่รู้ด้วยนะครับคุณหมอ”  เขายังคงกวนเธอต่อ

 

เฮ้อ...สาวร่างเล็กได้แต่ถอนหายใจกับความยียวนกวนประสาทของคนตรงหน้า

 

ตั้งแต่ฉันเห็นนายนี่มาชีวิตฉันไม่เคยสงบสุขอีกเลยเหอะ  จะทำอะไรต้องมีนายป๊อปหน้าหมีเข้ามามีเอี่ยวด้วยตลอด

ไม่ว่าจะกินข้าว  เดินซื้อของ  หรือทำงาน  เรียกได้ว่าแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว  นี่มันกรรมเวรอะไรเนี่ย

 

“วันนี้อาการนายดีขึ้นเยอะเลย  เมื่อไหร่นายจะกลับเข้าร่างนายได้สักทีล่ะเนี่ย”  แพทย์สาวถามกลับชายหนุ่มตรงหน้า

 

“ก็ไม่รู้เหมือนกัน  มันคงยังไม่ถึงเวลามั้ง  ฟางอยากให้ป๊อปฟื้นเร็วขนาดนั้นเลย”

 

“แน่นอนสิคะ  คุณป๊อปปี้  หมอรักษาคนไข้ก็อยากให้คนไข้อาการดีขึ้น  กลับเป็นปกติทั้งนั้น”

 

“ถ้าป๊อปฟื้น  เราอาจจะไม่ได้คุยกันแบบนี้แล้วก็ได้นะ”  คำพูดของเขาทำให้เธอสงสัย

 

“แล้วทำไมถึงไม่ได้ล่ะ”

 

“เพราะ...”  เสียงของชายหนุ่มยังพูดไม่จบ  เสียงประตูก็ถูกเปิดขึ้น

 

ป้าแม่บ้านคนเดิมเข้ามาทำความสะอาดห้อง

คนสูงวัยยังคงมองเธอด้วยสายตาแปลกๆพร้อมกับมองไปรอบๆห้องเหมือนเดิม

 

ป้าคงคิดว่าฉันบ้าอีกแล้วแน่ๆ  สาวร่างเล็กคิดในใจก่อนเดินออกจากห้องไป

 

 

“ดูป้าเขากลัวฟางนะ  ป๊อปว่า”  คนเดินตามออกมาพูดติดตลก

 

“ก็เพราะใครเล่า”  เธอมองค้อนกลับไปที่ชายหนุ่ม

 

“พูดเพ้อเจ้ออยู่คนเดียว  ใครเค้าก็คิดว่าบ้าทั้งนั้นแหละ”  เขาไม่วายแกล้งเธอต่อ

 

“ดี  งั้นทีหลังฉันจะไม่พูดกับนาย  นายจะได้ไม่ต้องมาว่าฉันเพ้อเจ้อ  และคนอื่นจะได้ไม่หาว่าฉันบ้า”

 

“โอเค  เพราะป๊อปก็ได้  อย่างอนป๊อปเลยนะ”  หนุ่มหน้าเข้มง้อเธออีกครั้ง

 

“ใครงอนนาย”  ร่างเล็กเอ่ยด้วยเสียงเรียบๆ

 

“ไม่งอนก็ได้  ดีกันนะ”  ชายหนุ่มชูนิ้วก้อยขึ้นมาพร้อมส่งยิ้มหวานมาให้เธอทำเอาคนรับใจสั่นไปไม่น้อย

 

แพทย์สาวไม่ได้คล้องนิ้วตอบแต่กลับหันหน้ามายิ้มไม่ให้ชายหนุ่มเห็นว่าเธอกำลังเขินในสิ่งที่เขาทำอยู่

ก่อนที่เธอจะถูกเรียกจากภวังค์

 

“คุณหมอฟางคะ  เป็นอะไรหรือเปล่าคะหน้าแดงเชียว”  เสียงพยาบาลเรียกแพทย์สาวด้วยความเป็นห่วง

 

“ไม่เป็นไรค่ะ  มีอะไรหรือเปล่าคะ”  เธอยิ้มเขินๆพร้อมถามกลับ

 

“พอดีคุณหมอทศพลไม่อยู่เลยฝากคุณหมอช่วยดูคนไข้อีกคนนึงหน่อยค่ะ”  พยาบาลพูดพลางยื่นประวัติผู้ป่วยให้ดู

ร่างเล็กพยักหน้ารับรู้  พร้อมพลิกดูประวัติคนไข้ก่อนจะเดินไปตรวจอาการที่ห้อง

 

 

“โธ่  นึกว่าจะได้ออกไปพักเดินเล่นสักหน่อย”  ร่างที่ไม่มีใครมองเห็นเริ่มบ่นระหว่างที่เขาเดินตามเธอมา

 

“แล้วใครใช้ให้นายอยู่กับฉันล่ะ  นายจะไปไหนก็ได้นี่”  แพทย์สาวพูดเชิงไล่กลายๆ

 

“ก็อยู่กับฟางสนุกกว่าเยอะเลยนี่นา”

 

“สนุกยังไงมิทราบคะ”  คนตัวเล็กถามกลับด้วยความสงสัย

 

เขาได้แต่หัวเราะพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่ม

 

 

อีตานี่บ้าไปแล้วแน่ๆ  มีความสุขกับการเดินตามหมอ...

 

 

 

 

 

 

นี่เราอยู่ที่ไหนกันนะ...หนุ่มหน้าหวานค่อยๆลืมตารับแสงสว่าง

ชายหนุ่มพยายามชันกายดันตัวลุกจากเตียงก่อนทอดสายตามองไปรอบๆห้องสีขาว

 

 

ปวดหัวจังเลยแฮะ...เขาไม่รู้ว่าหมดสติไปนานแค่ไหน

แต่ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบตัวเองนอนอยู่ในสภาพคนป่วยห้อยสายน้ำเกลืออย่างนี้

 

 

 

แกร๊ก...คนป่วยหันไปตามเสียงเปิดประตู

 

แพทย์สาวหน้าหวานร่างเล็กเดินเข้ามาตรวจเยี่ยมอาการ  เธอรู้สึกคุ้นหน้าเขาเป็นอย่างมากแต่คิดไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน

 

“สวัสดีค่ะ  ดิฉันมาดูแลคุณแทนคุณหมอทศพล  อาการเป็นไงบ้างคะวันนี้”  แพทย์ร่างเล็กถามอาการคนไข้

 

“ก็ปวดหัวนิดหน่อยฮะ”  คนป่วยตอบอาการที่มีออกไป

 

แพทย์สาวตรวจร่างกายของหนุ่มหน้าหวานตรงหน้าพร้อมแจ้งอาการว่าเขาน่าจะนอนโรงพยาบาลอีกสัก1-2วัน

จึงจะได้กลับบ้าน  เพราะไข้ยังสูงอยู่  ก่อนจะขอตัวออกจากห้อง

 

 

ระหว่างที่เดินออกจากห้องคนตัวเล็กสังเกตได้ว่าชายหนุ่มที่ไม่มีใครมองเห็นที่เพิ่งเดินตามเธอเข้ามานั้นเปลี่ยนเป็นอีกคนที่เธอไม่รู้จัก  แววตาที่เคยอ่อนโยนขี้เล่นของเขากลับกลายเป็นแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชา

 

“ป๊อปเป็นอะไรหรือเปล่า”  แพทย์สาวเรียกชายหนุ่มที่สีหน้าเคร่งเครียดด้วยความเป็นห่วง

 

“ไม่เป็นไรหรอก”

 

“คุณรู้จักคนไข้ห้องเมื่อกี้ที่ฉันเข้าไปตรวจใช่มั้ย”  เธอถามอย่างรู้ทัน

 

เขาพยักหน้ายอมรับก่อนเอ่ยขึ้นว่า  “รู้จักดีเลยล่ะ”

 

“ป๊อปขอตัวแป๊บนะฟาง”  ชายหนุ่มรีบพูดก่อนที่จะรีบเดินจากไป

 

 

 

ร่างที่ไม่มีใครเห็นเดินกลับเข้ามาในห้องผู้ป่วยคนเดิม  เขาจ้องมองร่างที่กำลังนอนหลับด้วยพิษไข้

 

“แกไม่คิดจะตามหาฉันบ้างเลยหรือไงวะไอ้โมะ”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจปนตัดพ้อ  ตาของชายหนุ่มเริ่มเป็นสีแดงระเรื่อ

 

เพราะโทโมะเป็นทั้งเพื่อนและญาติคนสนิท  รวมทั้งน่าจะเป็นเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเขาหายตัวไป

 

 

“หรือว่าจริงๆแล้วแกต้องการให้เป็นแบบนี้ใช่ไหม”

คำถามลอยๆนั้นบังเอิญมากระทบโสตประสาทของแพทย์สาวที่กำลังเดินตามหาเขา

และเธอก็เดาถูกว่าหนุ่มหน้าเข้มต้องเดินกลับมาที่นี่

 

 

สาวร่างเล็กมองชื่อคนไข้หน้าห้องอีกครั้ง  วิศว  ไทยานนท์

 

นึกออกแล้วหมอนี่คือผู้ที่ถูกวางตัวชิงตำแหน่งประธานพี.ซี.กรุ๊ปนี่นา

 

 

เรื่องนี้มันมีเงื่อนงำจริงๆด้วยสินะ

 

 

==========================================================

มาต่อนะคะ  อาจจะไม่ได้อัพอีกซักพักเลย  เรื่องป๊อปกับโทโมะจะเป็นยังไง  ฟางจะช่วยป๊อปได้หรือไม่  ต้องติดตาม

เพราะตอนนี้คนแต่งยังคิดไม่ออกเลย  555

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา