The answer เพราะเธอ {ต้อง} บอกรักฉัน
9.6
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“แก้ว”
“ฮะ?” ฉันหันหลับไปตามเสียงเรียกนุ่มทุ้มคุ้นหู...เพื่อนใกล้ตัวของฉันคนนึง เขาเป็นเพื่อนคนแรกและคนเดียวของฉันตลอดระยะเวลา 4 ปีที่อยู่ร่วมหมาวิทยาลัยเดียวกันมา ฉันเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อนเพราะเข้าสังคมไม่เก่ง..ต่างจากเขา
เขาใจดีและก็ขี้เล่นแถมยังลดตัวลงมาเป็นเพื่อนกับคนอ่อนแออย่างฉันอีกด้วย
อันที่จริงเขาก็ดีกับทุกคนอยู่แล้ว..ไม่ใช่เพราะฉันคนเดียวซะหน่อย !
“แก้ว !”
“อ้ะ!”
เขาเรียกซ้ำอีกครั้งเพราะเห็นว่าฉันมัวแต่พะวงเรื่องของตัวเอง(?) ฉันร้องขึ้นเบาๆเมื่อมือหนาเอื้อมมาขยี้ผมฉันอย่าเอ็นดู ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาทำกับฉันเป็นประจำทุกครั้งที่เราเจอหน้ากัน แม้ฉันจะบ่นอุบแค่ไหนเขาก็ยังคงยิ้มร่าและยืนยันจะแกล้งฉันอยู่อย่างนี้เรื่อยไป หากเรายืนยันที่จะเป็น ‘เพื่อน’ กันต่อไป...
“นี่...เลิกทำผมยุ่งฉันยุ่งซะทีได้ป่ะ ?” เขาเอียงคอน้อยๆก่อนจะนั่งลงข้างๆฉันพลางเอื้อมมือมาอีกครั้งพลางสางผมเผ้าของฉันให้ดูเรียบร้อยขึ้นกว่าเก่า
อันที่จริงถ้าเขาไม่ทำผมฉันยุ่งแต่แรก มันก็คงดูดีกว่านี้ =___=;
“เลิกทำหน้ามุ่ยได้แล้วน่ายัยตัวเล็ก..มันไม่สวยเลยว่ะ” เขาว่าพลางหัวเราะหึๆในลำคอตอนที่ฉันหันขวับไปมองตาเขียว เรื่องอะไรมาว่าฉันไม่สวย ? ถึงฉันจะไม่ค่อยมีเพื่อนก็เถอะ...แต่เรื่องหนุ่มๆที่เข้ามาติดพันฉันก็ไม่เป็นสองรองใครเหมือนกัน !
“คิดว่าหล่อ ?” ฉันเบ้ปากใส่เขาอย่างหมั่นไส้ก่อนที่คนตัวโตจะพาดแขนลงบนไหล่ของฉัน
“มั่นใจมากด้วย..เธอว่าป่ะ ?” ‘โทโมะ’ เลื่อนใบหน้าคมคายพร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์มองฉันในระยะประชิด ลมหายใจของเขาคลอเคลียบริเวณแก้มของฉันจนฉันรู้สึกร้อนผ่าวไปหมด และตามด้วยหลบสายตาไม่กล้ามองหน้าคนเจ้าเล่ห์
ฉันไม่เข้าใจเลย..ว่าทำไมต้องรู้สึกแบบนี้ด้วย ไม่เข้าใจเลย TT;;
“ไม่เห็นจะหล่อเลย”
“งั้นเรอะ แล้วแก้มแดงทำไม”
ถามขึ้นเมื่อเห็นคนตัวเล็กแก้มแดงระเรื่อ คนสวยหน้ามุ่ยส่งค้อนวงใหญ่มาให้ แก้มใสพองออกนิดๆยามขัดเขินยิ่งทำให้คนแกล้งอารมณ์ดีเข้าไปเสียยกใหญ่
แหะๆ ^^;; ก็น่ารักดีนะ
“กลับบ้านดีกว่า หึย !” ฉันสะบัดหน้าใส่เขาและแสร้งทำเป็นไม่พอใจเมื่ออีกฝ่ายเหย้าแหย่เรียกเลือดขึ้นไปหล่อเลี้ยงใบหน้าจนแดงฝาดทำให้อีตาโทโมะจับได้ว่าฉันเขิน มันน่าเจ็บใจชะมัดยาดเลยให้ตาย !
“ฮะๆเดี๋ยวไปส่ง” เขาลุกขึ้นหยัดยืนเต็มความสูงสมส่วนก่อนจะฉวยคว้าข้อมือฉันขึ้นไปด้วย ฉันลอยหวืดขึ้นเหนือพื้นยามที่อีตาบ้านั่นออกแรงฉุด รู้ทั้งรู้ว่าเขาตัวใหญ่กว่าก็มากจะทะนุถนอมฉันหน่อยก็ไม่ได้ ! ตาบ้า!
สุดท้ายแล้ว...ฉันก็ต้องนั่งซ้อนจักรยานคันโปรดของหมอนี่กลับบ้านอีกตามเคย =___=;;
“เฮ้ย !”
O[_____________]O;;;;
เอี๊ยดดดด !
อึก !
“อ้ะ ! >//////<” ไม่นะ...น่าอายชะมัดเลย
“เฮ้ย !”
อึก !
“อื้อ ! -////-“ อ๊ากกกก เอาอีกแล้วเหรอ...จงใจหรือเปล่าเนี่ย !
ร่างบางนั่งหน้าแดงก่ำอยู่ท้ายจักรยาน มือเล็กจิกกำชายเสื้อของคนปั่นไว้แน่นด้วยความเขินอายเมื่อยามที่เจอทางลูกรัง ร่างสูงร้องขึ้นเล็กน้อยเมื่อรับรู้ถึงสิ่งนุ่มนิ่มที่เบียดกระทบแผ่นหลังยามรถแล่นผ่านทางขรุขระ ! หน้าอกหน้าใจของยัยตัวเล็กกำลังเบียดเสียดกับแผ่นหลังกว้างของเขาเป็นระยะๆ
ใช่ว่าเธอจะเขินเป็นคนเดียวเสียเมื่อไหร่ ?
อ๊ากกกกกกกกก อะไรๆๆๆ โทโมะจะเป็นลมคร้าบบบ >O</
“ทะ..โทโมะ ปั่นดีๆหน่อยไม่ได้หรือไงเล่า” ฉันแหวใส่เขาอย่างเหลืออดเพราะกลัว...หัวใจที่กำลังเต้นแรงโครมครามนั้นมันจะแรงเกินจนทำให้เขาได้ยิน นั่นหมายความว่า...สิ่งที่อยู่ในหัวใจของฉันเขาอาจจะรับรู้ได้
แต่คำพูดของเขาที่หลุดออกจากปากมันทำให้ฉัน...ว้าวุ่น มากกว่าเดิม
“ไม่เป็นไรหรอก....ฉันรู้สึกดี ^^;;”
O___O ?
นายรู้สึกดีแต่ฉันรู้สึกแย่ แฟร์ดีนะ =________=;;;
กว่าจะรอดพ้นมาถึงบ้านฉันได้ก็เกือบแย่ในเมื่อมองไปตามทางยาวของถนนแล้วมันมีแต่ทางลูกรังนะสิ T^T;; แล้วฉันก็ต้องเสียหน้าอกหน้าใจไปอีกตั้งหลายรอบ ให้ตาย...น่าอายชะมัด แต่พอลงจากรถแล้วหมอนั่นกลับทำหน้าตายแก้เก้อก่อนจะพุ่งเข้าไปออดอ้อนเกาะกุมเอวอุ่นของแม่ฉัน....แทนที่มันจะเป็นฉันมากกว่า !
ยี้ ขี้ประจบ !
“คุณน้าคร้าบบบบ ทำอะไรเอ่ย ห๊อมหอม..ลูกชายหิวจัง” โทโมะโอบกอดแม่ของฉันจากทางด้านหลังพลางใช้ใบหน้าหล่อเหลาถูไถกับหัวไหล่แม่ฉัน ! อย่างออดอ้อน เขาเรียกแทนตัวเองว่าลูกชาย ?..ฉันยืนมองภาพคุณแม่กับโทโมะหยอกเหย้ากันอย่างตกอยู่ในภวังค์ ลูกชาย..เขาจะเป็นลูกชายของแม่ได้ยังไง แม่มีฉันคนเดียว ถ้าจะเป็นคงต้อง....ลูกเขย ?
บ้าจริง ! ฉันเผลอคิดอะไรน่าอายแบบนั้นออกไปได้ยังไง ! อ๊ายๆๆๆ >//////<
“ยัยตัวเล็ก จะยืนทำหน้าเป็นหมาหัวเน่าอยู่ตรงนั้นอีกนานป่ะ ? มาช่วยยกกับข้าวไปตั้งโต๊ะดิ้ !”
“แม่ค่ะ...มีตัวอะไรมาขอกินข้าวฟรีบ้านเราอีกแล้วเหรอ ?” ฉันพูดลอยๆใส่เขาทำเอาเจ้าตัวหน้างอหันไปฟ้องแม่ฉัน และดูจะได้ผลด้วยแหะ แม่หันว่าทำหน้าดุใส่ฉันก่อนจะหันไปลูบหัวไอ้ตัวขี้ประจบข้างๆอย่างเอ็นดู โทโมะยักคิ้วหลิ่วตากวนประสาทฉันแต่...ฉันไม่อาจตอบกลับได้ แถมโดนแม่ดุอีกต่างหาก!
“ยัยแก้ว...พุดกับลูกโทโมะดีๆหน่อยสิลูก”
แล้วที่มันว่าหนูเป็นหมาหัวเน่าละค่ะแม่ T^T;;;;
เย็นวันนั้นเลยกลายเป็นว่า...ฉันกลายเป็นส่วนเกินของบ้านไปโดยปริยาย ให้ตายเถอะ...โทโมะงี่เง่าชะมัด
“แล้วเราแต่งงานกันเมื่อไหร่นี่ลูก ?”
เคร้ง !
O__________O ?
จู่ๆแม่ก็พูดขึ้นมาในขณะที่เรากำลังรับประทานอาหารเย็นกันอย่างเอร็ดอร่อย ฉันตกใจคาดไม่ถึงจนเผลอทำช้อนหล่นลงกระทบกับจานเสียงดัง แต่น่าแปลก...คนที่ตกใจมากที่สุดควรจะเป็นโทโมะ ? เพราะเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉันอยู่แล้วควรจะรีบปฏิเสธไม่ใช่หรือไง ! แล้วทำไม....หมอนั่นถึงได้แต่อมยิ้มแบบนั้น ทำไม !
“แม่ !” ฉันแหวขึ้นเสียงดัง
“อีกไม่นานหรอกครับ...จริงมั้ย” เขาหันมายิ้มกริ่มใส่ก่อนจะลงมือทานข้าวต่ออย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านแล้วฉันล่ะ ..ฉันเป็นอะไรทำไมถึงรู้สึกไม่ดีแบบนี้ !
ฉันรู้สึกน้อยใจคนตรงหน้านี้เสียเหลือเกิน เขาล้อเล่นกับความรู้สึกของฉัน ! คิดว่าการแต่งงานมันเป็นเรื่องเล่นๆที่ใครนึกอยากจะพูดก็พูดนึกอยากจะแต่งก็แต่งงั้นเหรอ...แต่เอาเถอะ ฉันไม่กล้าแสดงความรู้สึกน้อยใจนั้นออกไปหรอก ฉันรู้ว่าฉันไม่มีสิทธิ์...อะไรเลย !
“ขอตัวนะคะ”
“ไปไหน” เขาถามขึ้น...สายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย หากฉันไม่ได้คิดไปเอง
“เรื่องของฉัน” โทโมะยักไหล่ให้เป็นเชิงว่าเขารู้ในสิ่งที่ต้องการรู้แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก ฉันสะบัดหน้าเดินหนี้ขึ้นห้องไปท่ามกลางเสียงพูดคุยกระซิบกระซาบของแม่ฉันกับเขา หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาไม่ขาดสาย
อยากรู้จังว่าเขาพูดเรื่องอะไรกัน..ต้องเกี่ยวกับฉันแน่ๆ ฉันมั่นใจ !
“ฮะ ? อะไรนะ..ฉันให้โอกาสแกพูดอีกที” ผมถามย้ำไอ้คนหน้ายาวตรงหน้าเผื่อสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ผมจะหูแว่วไปเอง แปลกแหะ...เหมือนจะรู้สึกว่ากำลังจะเสียของรักไปอย่างหวุดหวิด
ไม่หรอกน่า =_=;;;;
“น่านะ ! เพื่อนโมะช่วยเพื่อนเขื่อนหน่อยซี่”
“อีกรอบดิ้ !” ผมถามย้ำมันอีกครั้ง หวังเหลือเกินว่าคำตอบของมันจะเปลี่ยนไป
“ฝากกุหลาบไปให้แก้วหน่อย..บอกด้วยนะ ว่าฉันชอบเค้าอ่ะ-/////-” เขื่อนยิ้มร่าพลางเข้ามาอ้อนวอนผม ให้ตาย...ฝันไปเหอะ ไอ้บ้า ! เรื่องอะไรผมจะต้องยอมช่วยมันด้วยเล่า มันไม่ได้มีผลดีผลเสีย ? อะไรกับผมนี่ เรื่องอะไรจะต้องช่วย
“ไม่ !”
“เพราะ ? อ๋อ..แกคิดจะเก็บแก้วไว้คนเดียวช้ะ ?” เขื่อนจ้องหน้าผมนิ่งๆ
“บ้า ! มะ ไม่ใช่ ก็ได้..ฉันจะช่วยแก !” ผมตกปากรับคำไอ้เขื่อนก่อนจะคว้าเอาดอกกุหลาบในมือมันมาพลางหมุนตัวเดินหนีไปอย่างไม่สบอารมณ์
เดินไป คิดไป หงุดหงิดไป ? ก่อนจะสะดุดเข้ากับร่างเล็กคุ้นตาของใครบางคนที่ผมจำได้ดี เจ้าของดอกกุหลาบของไอ้เขื่อนยังไงล่ะ ...
“ยัยตัวเล็ก”
“ว่า ? มีธุระสำคัญป่ะ..ถ้าไม่ ฉันจะเรียน” ผมนิ่วหน้าไปอย่างไม่พอใจเท่าไหร่ เธอไม่เคยมีท่าทีเฉยชากับผมแบบนี้มาก่อน ให้ตาย...ทำไมผมต้องรู้สึกโมโหจนจะบ้าด้วยเนี่ย ทั้งเรื่องที่แก้วเมินใส่ ทั้งเรื่องดอกกุหลาบของไอ้เขื่อน ไอ้เรื่องแรกนี่ไม่เท่าไหร่ แต่ทำไมผมต้องเก็บเอาเรื่องไอ้เขื่อนกับแก้วมาคิดด้วยว่ะ !
โอ๊ยยยยยย หงุดหงิด ==;;;;
“เป็นไร”
“เปล่า”
“บอกมา !” ผมเม้มริมฝีปากเน้นอย่างรู้สึกโกรธก่อนจะเพิ่มแรงบีบที่ต้นแขนจนแก้วนิ่วหน้าด้วยความเจ็บผมจึงรู้สึกตัวจนต้องรีบปล่อยมือออกมาจากเธอ
“ก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไร ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอโทโมะ ! หมดธุระของนายแล้ว...ฉันไปล่ะ”
“เดี๋ยว !”
เดี๋ยววววว ! อะไรไม่รู้ฮะ? ตอนต่อไปก็รู้เองคร้าบบบ♥
พอดีวันนี้ต้องทันไปเรียนพิเศษ==; ก็เลยมาอัพ
เรียกน้ำย่อยนิดนิด ^^; ไปเรียนละครับ บ๊ายบาย^0^
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ