Rumor เหมือนเป็นข่าวลือ
เขียนโดย StrawberryTKCuTe
วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 20.21 น.
แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
7) ความสัมพันธ์...ไม่มีชื่อเรียก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ความสัมพันธ์ไม่มีชื่อเรียก
TOMO PART
ดวงตาเรียวจับจ้องมองผมอย่างไม่ลดละสายตา ผมรู้ว่าคนฉลาดอย่างเธอเข้าใจในส่งที่ผมพูด แววตาสั่นไหวและพยายามที่จะหลบสายตาของผมตลอดเวลาเป็นเครื่องช่วยยืนยันได้อย่างดีเยี่ยมว่าผมไม่ได้คิดไปเอง ผมรู้ว่าเธอกำลังสับสนและหวั่นไหว ภายในใจของเธอคงเต็มไปด้วยเครื่องหมายเควกชั่นมาร์ค นั่นมันก็ไม่ต่างอะไรกับผม...โทโมะ เคโอติค นักหรอก..!
อย่างที่ทราบว่าผมใช้ชื่อเพลงของผมว่า Friend eyes ดวงตาของเพื่อน...อันที่จริงเพลงนี้ผมแต่งไว้นานแล้ว แต่มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะจบ! จนวันที่ผมเจอกับแรงบันดาลใจบางอย่าง....ดวงตาคู่นั้นของใครบางคน?
มันสดใส เป็นประกาย หากไม่หาว่าผมเกินจริงไป...มันสามารถทำให้ดวงดาวบนท้องฟ้าดูหม่นหมอง ไร้ค่า สำหรับผมไปเลยก็ว่าได้ ไอ้อาการที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้มันคืออะไรกัน? คงไม่ใช่เพราะผมหวั่นไหวไปกับข่าวลือบ้าๆนั้นหรอกนะ...อย่าเป็นแบบนั้นเลย
ผมยังมีเบลล์..
“แก้ว...คือ...ไม่รู้!! แล้วแก้วก็ไม่อยากจะรับรู้อะไรด้วย!! ฟังนะ...เรื่องวันนั้น วันที่โทโมะ...นั้นแหละ แก้วจะถือว่ามันเป็นแค่ฝันก็แล้วกัน อ้อ วันนี้ด้วย!” แก้วว่าพลางสะบัดหน้าหนีจากการรัดกุมของผม น้ำเสียงสั่นๆของเธอไม่ได้ช่วยให้แก้วหนีความจริงไปได้สักนิด
“ความจริงเป็นยังไงแก้วก็รู้ดี...ความจริงไม่ใช่ความฝัน!”
“ข่าวลือก็ไม่ใช่เรื่องจริงเหมือนกัน!”
“.....”
ผมเงียบไปอย่างช่วยไม่ได้ ถูกของแก้วทุกประการ ข่าวลือจะเป็นจริงไปได้อย่างไร? ผมยังมองไม่เห็นวันนั้นจริงๆ ใบหน้าสวยสั่นน้อยๆ น้ำใสๆคลอหน่วยอยู่เต็มดวงตาของเธอจนล้นปริ่ม จมูกรั้นๆของแก้วเริ่มแดงเรื่อ ริมฝีปากบางเผยอนิดๆราวกับเธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง...
“แก้วหายไปไหน?” หลัวจากง่วนอยู่กับการเลี้ยงฉลองหลังเวที เฟย์ก็รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป มองไปรอบๆตัวก็พบว่าเพื่อนรักของเธอหายไปนี่เอง...
“ช่างเขาเถอะน่า”
“ได้ไงอ่ะเขื่อน? เพื่อนเฟย์หายไปทั้งคนนะ ชิ! ไม่ไหวๆ พึ่งอะไรสิบโทไม่ได้เลย!!”
“เชื่อสิบโทเคโระคนนี้เถอะน่า นั่งลงๆ” เมื่อเห็นว่ายังไงเสีย เฟย์ก็ไม่มีทางเถียงชนะเขาได้บวกกับความมั่นใจที่มีเกินร้อยของเขื่อนที่เชื่อว่าแก้วปลอดภัยแหงๆ เธอจึงยอมนั่งลงตามเดิม
เขื่อนลอบยิ้มเล็กๆก่อนจะหันมาสนใจพีเอสพีคู่ใจในมือต่อ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าแก้วปลอดภัย ตราบใดที่เธอยังอยู่ในห้องนั้น...รับรอง!
“แต่จะไม่ปลอดภัยก็อีตรงคนที่อยู่ในห้องด้วยนี่สิ ฮึๆ”
“ว่าไงนะเขื่อน?”
เฟย์หันมาถามทำเอาเขื่อนไม่ทันได้ตั้งตัว ก็เขาแต่พูดงึมงำๆเฉยๆ ไม่คิดว่าเธอจะได้ยินนี่นา...คิดว่าเขื่อนโง่อย่างนั้นหรือ? ฮะๆ คิดผิดแล้วล่ะทุกคน ที่ทำเสียงดังมาก่อนตัวก็เพราะต้องการให้คนทั้งคู่รู้ตัวยังไงล่ะ?
“จะได้หลบทัน”
“พูดจาประหลาด!” เฟย์ต่อว่าเขื่อนเล็กๆก่อนจะหันกลับไปสนใจปาร์ตี้ในงานต่อ
มีเพียงความเงียบและอากาศเย็นๆที่ครอบคลุมไปทั่วอาณาบริเวณที่ผมกับเธออยู่ ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร เธอเองก็เช่นกัน...ป่านนี้เบลล์คงรอผมไม่ไหว กลับบ้านไปแล้วกระมัง ทำไมผมถึงเป็นคนที่แย่แบบนี้นะ? ไม่แคร์ความรู้สึกของเบลล์ทั้งๆที่เธอกับผม เรา...
“กลับไปที่งานกันเถอะ” นี้คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดระหว่างผมกับแก้ว การเลือกที่จะหันหลังให้กัน เลือกที่จะเป็นเพื่อนกันเหมือนที่เคยเป็นมาแต่เก่าก่อน ผมตอบตกคำชวนของแก้วก่อนจะเดินนำเธอไปยังประตู..
กึก กึกๆ
“ประตูล๊อก?”
“ได้ยังไง? ใครอยู่ข้างนอกน่ะ เปิดเดี๋ยวนี้ อย่าเล่นอะไรพิเรนทร์ๆนะ”
แก้วที่ออกจะหัวเสียนิดๆทุบประตุเป็นการใหญ่ เมื่อรู้ว่ามีคนล๊อกจากภายนอก ผมเองก็ไม่ได้นิ่งเฉยพยายามใช้สีข้างกระแทกกับบานประตูหวังจะให้มันเปิดออก ร้องเรียกก็ไม่มีเสียงตอบรับ จนผมกับแก้วเริ่มอ่อนแรงหมดเสียงที่จะร้องขอความช่วยเหลือ
อยากจะรู้จริงๆว่าใครมันเล่นพิเรนทร์ๆแบบนี้?!
“สงสัยคืนนี้เราคงต้องนอนที่นี่แล้วล่ะแก้ว”
“อือ...โทรศัพท์ จริงสิ โทโมะขอยืมโทรศัพท์หน่อยแก้วจะโทรไปบอกเพื่อนๆให้มาช่วยเรา...โทรศัพท์แก้วอยู่กับอิเขื่อน”
“ห้องล็อกเกอร์ครับ...” แก้วทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ที่ผมมองว่าน่ารักนั้นแหละ...เธอบ่นเป็นหมีกินน้ำผึ้ง เห็นว่า...ไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ เรา 2 คนต้องนอนในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ก็ยังโชคดีอยู่หน่อยที่มีห้องน้ำอยู่...
“อาบน้ำมั้ย?” ผมเอ่ยถามพลางยื่นผ้าเช็ดตัวให้แก้วหลังจากที่ตัวเองเข้าไปชำระร่างกายมา คนสวยตรงหน้ามองผมอย่างหวาดๆ ทำไมนะ...ผมมันน่ากลัวนักหรือ??
“เอ่อ...ก็ดีเหมือนกัน”
“อ่ะ..นี่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืด ห้องนี้ก็มีชุดอยู่แค่นี้ล่ะ”
“อืม~แก้วโอเค”
แก้วรับเสื้อผ้าจากผมแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป...นานพอสมควรแก้วก็ยังไม่ออกมาเสียที ผมก็เรื่อยนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่จู่ๆ...
พรึบ!~
“เฮ้ยยยย~”
ผมอุทานอย่างตกใจเมื่อไฟในห้องเกิดดับขึ้นมากะทันหัน พร้อมๆกับเสียงร้องของแก้ว ให้ตายเถอะ...ไฟมาตกอะไรตอนนี้นะ แก้วล่ะ? ทันทีที่ตั้งสติได้ ผมก็รีบคลำๆทางเดินเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำทันที ไฟดวงเล็กกระพริบถี่ๆจะดับแหล่ไม่ดับแหล่ทำให้ผมมองเห็นอะไรได้เล็กน้อย แค่เล็กน้อยจริงๆ
“แก้ว แก้ว!”
“โทโมะ...ย่าเพิ่งเข้ามานะ!!”
ผมไม่ได้ยินเสียงตอบรับของเธอ มีเพียงเสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยงแสบแก้วหูที่มาพร้อมกับฝนห่าใหญ่ที่เทกระหน่ำราวกับฟ้ารั่ว เสียงน้ำไหลซ่าจากห้องน้ำดังผสมกับเสียงฝนจนผมแยกไม่ออก ห้องนี้มีเพียงกระจกฝ้าที่ติดกับด้านหน้าตัวอาคาร ผมจึงปีนดูพยายามสอดส่องหาผู้คน แต่สายไปแล้ว...ผมเห็นไฟรถกระพริบๆไกลไปโน่น นี่ตอนเคลื่อนรถออกไปฝนคงยังไม่ตกสินะ ถึงว่า ขับผ่าฝนกันไปได้ สรุปแล้ว ภายในตึกนี้เหลือแค่ผมกับแก้วงั้นหรือ?
แปลกใจอยู่อย่าง....เพื่อนๆไม่สงสัยบ้างหรือไงที่ผมกับแก้วหายไป?
“แก้ว! ตอบหน่อยสิ...โทโมะจะพังเข้าไปแล้วนะ!”
“.....”
ผมกลั้นหายใจก่อนจะกระแทกประตูห้องน้ำซ้ำๆ แล้วก็ต้องเซล้มเมื่อผมพังประตูได้สำเร็จ ไฟดวงเล็กกระพริบถี่ๆทำให้ผมมองเห็นเรือนร่างของใครบางคน?
แก้วนั่งจับปมผ้าขนหนูผืนน้อยที่พันรอบกายไว้แน่นอยู่บนโถสุขภัณฑ์ ร่างบางสั่นสะท้านน้อยๆด้วยความหนาว หยดน้ำเกาะตามไรผมและตามผิวกายผุดผ่อง ผู้หญิงอะไร...น่าหลงใหลเป็นบ้า
"แก้ว...เป็นอะไร..เอ่อ...มากหรือเปล่า?” ผมสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆคลำทางเดินไปหาแก้วด้วยความรู้สึกเก้อกระดาก เมื่อต้องใกล้ชิดกันถึงเพียงนี้...
“เอ่อ...ขาแพลง เมื่อกี๊แก้วล้ม”
“ตรงไหน??”
“โอ้ย!”
แก้วร้องขึ้นเมื่อผมแตะเข้าที่ข้อเท้าซ้ายของเธอ ผมจึงค่อยๆพยุงร่างบอบบางหาทางออกจากห้องน้ำด้วยความทุลักทุเล
“นั่งตรงนี้นะแก้ว...”ผมพาเธอมานั่งตรงโซฟาก่อนจะหาผ้าขนหนูส่งให้ ผมเปียกแบบนั้นเดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดี เด็กหนอเด็ก...
“โทโมะ จะทำอะไร?!”
“ขาแพลงก็ต้องนวดสิ โมะไม่ทำขาแก้วหักหรอกน่า”
“ไม่ได้หมายความแบบนั้นซะหน่อย!...ผิดข้างย่ะ” ผมเกาหัวแก้เก้อเล็กๆ เนื่องจากไปนวดข้อเท้าขวาเสียได้ เจ้าตัวเล็กนี่...ได้ทีใช้ใหญ่เลย ต่อปกต่อคำได้แบบนี่...คงลืมเหตุการณ์เมื่อ ส ชั่วโมงก่อนแล้วกระมัง?
“อา~โทโมะ...เจ็บนะ”
“เดี๋ยวก็หาย มันต้องเจ็บก่อนสิ ล้มลงไปซะขนาดนั้น ให้ตาย เธอซุ่มซ่ามจริงๆ ยัยเด็กบ๊อง”
“แก้วมีวุฒิภาวะพอแล้ว ไม่ใช่เด็ก!”
“...ปากดี”
“ว่าใคร?” ให้ตายเถอะ…เธอนี่มันรั้นจะเอาชนะให้ได้เสียจริงๆ กระทั่งมองไม่ค่อยจะเห็นหน้าก็ยังจะเถียง น่าจับตีนัก!
“อื้อ”
ร่างบางตรงหน้านั่งกอดอกเชิดหน้าหนีผมที่กำลังปรนนิบัติให้เธอบรรเทาแท้ๆ ใบหน้าเชิดๆ จมูกรั้นๆ ริมฝีปากชมพู คงกำลังเชิดใส่ผมอยู่เป็นแน่แท้…น่ารัก
ผมค่อยๆกดนวดบริเวณข้อเท้าของแก้วเบามือเพื่อให้เธอเจ็บน้อยที่สุด ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอเนียนไปทั่วทั้งตัวจริงๆ ไม่ใช่ว่าผมคิดเรื่องพรรค์นั้นกับเธอหรอกนะ แค่พูดตามความเป็นจริงก็เท่านั้น
แต่แล้วสำนึกของผมก็ค่อยๆเลือนหายไปทีละนิด จากมือที่นวดคลึงข้อเท้าเลื่อนขึ้นไปตามเรียวขาของเธออย่างแผ่วเบา จนขึ้นไปกอบกุมเอวบางได้อย่างถนัดถนี่ ไฟดวงน้อยที่กำลังกระพริบๆทำให้ผมมองเห็นแววตาที่สั่นไหวของแก้ว ใบหน้าของเราตั้งฉากอยู่ในระนาบเดียวกันอย่างตั้งใจ...
ผิวกายหอมอ่อนๆแม้ไม่ได้ปรุงแต่งด้วยน้ำหอมชั้นเลิศใดๆ แต่มันก็สามารถติดตรึงจมูกของผมได้อย่างเหลือเชื่อ เสียงฟ้าร้องและฝนตกที่ยังไม่หยุดกระเซ็นสาดมันยังไม่ดังพอเท่ากับก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายที่กำลังเต้นโครมครามเมื่อยู่ต่อหน้าผู้หญิงทีได้ชื่อว่าเป็น...เพื่อนสนิท
“เมื่อไหร่ไม่รู้...” รู้สึกแบบนี้....ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เขาถือวิสาสะกดจมูกโด่งลงบนพวงแก้มนุ่มนิ่มของแก้วด้วยความหลงใหล กดค้างไว้เนิ่นนานราวกับต้องการดมดอมความหอมอยู่อย่างนั้นไม่รู้เบื่อ เธอเองก็เอาแต่นิ่งงันทำอะไรไม่ถูก ปล่อยให้คนฉวยโอกาสล่วงเกินตามใจชอบ มือหนากอดกระหวัดร่างอ้อนแอ้นของเธอเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนาไม่ปล่อยให้เธอได้ดิ้นหนีไหน..
จมูกโด่งเป็นสันไล้ไปตามลำคอระหงของแก้วช้าเนิบนาบเพียงเพราะหลงหลในกลิ่นกายที่หอมหวนเหมือนดอกไม้ ปากหยักไล่ขบเม้มผิวกายเนียนสร้างความอุ่นร้อนไปทั่วตัวให้แก้ว เธอเป็นผู้หญิงที่น่านุถนอมสำหรับเขา โทโมะจึงไม่ทำอะไรรุนแรงให้ไก่ตัวน้อยตื่นเสียหรอก...
เขาเลื่อนริมฝีปากขึ้นมาจุมพิตกลีบปากนุ่มของแก้วซ้ำๆย้ำๆค้นหาความหวานไม่รู้จักจบสิ้น และช่วงหน้าทีที่เขากำลังจะลิ้มรสความหอมหวานจากโพรงปากเล็กนั้น...
ไฟทั้งห้องก็พร้อมใจกันสว่าง...
“ยะ...อย่าทำแบบนี้” แก้วกระถดกายหนีผมก่อนจะรีบคว้าเสื้อคว้าเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไปอีกครั้ง พระจ้า...นี่ผมทำบ้าอะไรลงไปอีกเนี่ย?
“เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องนะแก้ว”
“แก้วไม่มีอะไรจะคุย”
“อย่าทำตัวเป็นเด็กงี่เง่า ไหนว่าโตแล้วไง?”
“แล้วคนที่เขาเรียกตัวเองว่าผู้ใหญ่...เขาไม่ได้ทำอะไรงี่เง่างั้นสิ?” แก้วเถียงผมกลับอย่างไม่ลดละ ดูเหมือนเธอจะร้องไห้อีกแล้ว ผมนี่มันโคตรแย่เลย...
“ก็ที่ผู้ใหญ่ทำอะไรงี่เง่าก็เพราะ...เอ่อ”
“ไม่อยากรู้ ไม่อยากฟัง!” แก้วหันหลังเดินหนีผมอย่างไม่แยแสกับคำพูดของผม ทำไม?...ไม่แคร์กันเลยเหรอ?
“เราเป็นอะไรกัน?!”
“.....”
ผมตัดสินใจตะโกนแข่งกับเสียงฝนภายนอก และผมรู้ว่ามันดังพอที่จะทำให้เธอได้ยินแต่เพียงเธอไม่ตอบ...ก็แค่นั้น
“ตอบได้หรือเปล่า...มินนี่ของฉัน”
“.....”
“.....”
“ขอเป็นมิกกี้ของเธอได้หรือเปล่า?” ผมเดินเข้าไปสวมกอดแก้วจากทางด้านหลังแล้วกระซิบที่ข้างหู นี่ที่ผ่านมาทั้งหมด...ผมยอมแพ้กับข่าวลือบ้าๆนั้นเหรอเนี่ย? ผมเงียบ...เพื่อรอฟังคำตอบจากแก้ว ให้ตายเถอะ...เธอทำให้ฉันตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนขึ้นเวทีครั้งแรกเมื่อ 4 ปีก่อน เสียอีก เธอทำให้ฉันไม่เป็นตัวของตัวเอง...
“ฮึก..เพื่ออะไร?” เธอร้องไห้?...ตัวของแก้วสั่นสะท้าน เธอสะอื้นตัวโยนรอคำตอบจากคนงี่เง่าอย่างผม
“หมายความว่าไงแก้ว?”
“แก้วถามว่า...ฮึก...โทโมะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?!”
“...เสียงดัง” ผมปรามแก้วนิดๆ เมื่อเธอขึ้นเสียงใส่ เปล่าเลย...ไม่ได้คิดจะดุเธอหรอก แค่อยากให้เราคุยกันดีๆมากกว่า
“งั้นก็ตอบมาสิ นายมากอด มาจูบ มาทำอะไรบ้าๆแบบนั้นกับฉันทำไม? ฮึก..ทั้งที่โทโมะก็มี ‘เขา’ อยู่แล้ว”
“.....”
“นายมันเห็นแก่ตัวรู้ไหม? ถ้าแค่เราสึกหวั่นไหว เราอยู่ห่างๆกันเถอะ...”
“ไม่ห่าง!” ผมสวนกลับทันที ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้พูดแบบนั้นออกไป รู้แค่เพียงคนในอ้อมกอดช่างมีอิทธิพลต่อผมเหลือเกิน…
“ไม่เข้าใจ...เราจะเป็นแบบนี้ไม่ได้นะ!”
“ความสัมพันธ์ของเรา...จำเป็นต้องตัดสินด้วยสถานะอย่างนั้นเหรอ?”
“...”
จริงไหม...มันจำเป็นด้วยเหรอที่เราต้องมานั่งกะเกณฑ์ความสัมพันธ์ ใครจะมองว่าเราเป็นเพื่อน เป็นคนรัก หรืออะไรก็แล้วแต่ มันไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึก...ความรู้สึกของเราเพียงสองคน ปล่อยให้มันเป็น ‘ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก’ แบบนี้แหละ แค่รับรู้ว่ามีเราก็พอ...
“ว่าไง?”
“แก้ว...”
“อย่าโกหกตัวเอง...ปล่อยมัน เหมือนที่โทโมะยอมปล่อยมือจากอีกคนเพื่อมาหาอีกคน!”
“ถ้าแก้วทำแบบนั้น...ยอมปล่อยหัวใจตัวเอง...แก้วจะกลายเป็นคนใจร้ายที่ทำร้ายผู้หญิงด้วยกัน”
“คนที่ใจร้ายคือโมะเองต่างหาก”
“...”
“เรื่องเบลล์...โทมะขอเป็นคนเคลียร์เอง แต่เรื่องของเรา แก้วต้องเคลียร์!”
ผมยื่นคำขาดกับแก้ว อาจจะดูว่าผมเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวที่ทำแบบนั้น ผมยังไม่อยากจะใช้ค่ารักกับแก้ว มันอาจจะเป็นเพียงความหลงชั่วคราว แต่ทำไมกัน...ผมรู้สึกว่าเธอจะครอบครองพื้นที่ในหัวใจผมไปจนหมดสิ้น หรืออาจจะเป็นความรกที่ต้องดูกันไปเรื่อยๆ ผมไม่รู้หรอกแค่ต่อแต่นี้จะปล่อยใจให้ทำตามสิ่งที่มันต้องการแค่นั้น...
“แก้ว...”
“ขอหึง ขอหวง แคร์กันหน่อยได้ไหม?”
ขอโทษทีพี่ชาย ที่ผมต้องผิดคำสัญญา
END TOMO PART
ย๊าาาาา มาละ กะจะไม่อัพT_Tแต่พลั้งปากไปบอกใครไว้?T^T
โทโมะเป็นคนยังไงกันแน่ฟ่ะ? ไรเตอร์ง๊งงง--*
ถ้าตอนนี้มันจะ...ไม่มีอะไรเลย555+ก็อย่าถือสา การบ้านเคมีทำมึน@__@
ขอให้มีความสุข?กับการอ่าน(หรือเปล่า)จ้า^O^ โมะไปสัญญาอะไรไว้ใครรู้บ้าง?(ใครเขาจะไปรู้กับแก--*)
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ