Our Destiny เพราะเธอคือรักแท้
เขียนโดย StrawberryTKCuTe
วันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 20.51 น.
แก้ไขเมื่อ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 21.03 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
5)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประดูอันดังทำให้คนตัวเล็กที่กำลังหลับคลุมโปงอยู่ภายในห้องเป็นอันต้องงัวเงียตื่นขึ้นทั้งที่เปลือกตายังคงปิดสนิทด้วยความที่เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบๆตีหนึ่งแล้ว เพราะมัวแต่ชื่นชมกับเค้กสตรอเบอรรี่ที่มีคนซื้อให้นั่นล่ะ ไม่ใช่ว่านั่งกินมันทั้งคืน...แค่รู้สึกดีเวลาที่ได้มองหน้าเจ้ามิกกี้เม้าท์ที่ถูกวาดอยู่บนหน้าเค้กนั่นแล้วนึกถึงเขา...
“ค่ะแม่”
“ตื่นได้แล้วลูก พี่โทโมะมารอรับหนูแต่เช้าแล้ว วันนี้มีสอบไม่ใช่หรือไง”
“คะ สอบ? ตายจริงหนูลืมไปเลย ไปอาบน้ำก่อนนะค่ะ” ทันทีที่นึกขึ้นได้ แก้วก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำพร้อมทั้งจัดการแต่งตัวด้วยความเร่งรีบเมื่อรู้ว่าตัวเองดันลืมวันสอบไปเสียสนิท ถ้าแม่ไม่ขึ้นมาปลุกก็คงจะเป็นเรื่องแน่
แต่...พี่โทโมะรู้วันสอบเราได้ยังไง?
“ว่าไงเด็กขี้เซา” แก้ววิ่งลงบันไดมาด้วยความรีบแต่กลับเจอหน้าคนที่เมื่อคืนคอยแต่จะวนเวียนอยู่ในความคิดแต่เช้าเข้าให้ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นในอกแต่เก็บอาการเอาไว้ไม่แสดงออกให้ใครได้รู้ ก่อนจะหันไปทำหน้าตึงใส่เขาแทน
“รู้ได้ไงคะว่าแก้วมีสอบ จุ้นจัง”
“เรื่องของแก้ว ถ้าพี่อยากรู้มันก็ไม่ได้ลำบากอะไรเลยนะเด็กดื้อ ไปกันเถอะเดี๋ยวจะสาย”
“ถ้าจะสายก็ต้องโทษคนแถวนี้แหละค่ะที่มาชวนทะเลาะแต่เช้า” แก้วแลบลิ้นใส่เขาอย่างหมั่นไส้ก่อนจะหันไปบอกลาแม่ตัวเองแล้ววิ่งออกจากร้านไปด้วยความเร่งรีบพร้อมกับโทโมะ
ผมจัดการพายัยตัวแสบมาส่งที่มหาลัยด้วยความรีบเร่งระหว่างทางที่นั่งรถมาพอหัวเอนถึงเบาะคนตัวเล็กก็ผล็อยหลับลงทันที สงสัยเมื่อคืนจะอยู่อ่านหนังสือจนดึกดื่นก็เลยนอนไม่เต็มอิ่ม เห็นแบบนั้นแล้วก็สงสารผมเลยไม่อยากจะรบกวนการนอนอันแสนสุขของเด็กผู้หญิงคนนี้
เมื่อถึงมหาลัยผมเลยจัดการปลุกยัยตัวแสบนี่เบาๆเพราะไม่อยากทำให้ฝันหวานของเจ้าตัวต้องพังทลายลง ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อเผยอออกนิดๆ ขณะที่เปลือกตาสวยยังคงปิดสนิท เวลาหลับแล้วแก้วก็ดูน่ารักไปอีกแบบ มือบางยกขึ้นปัดป้องอากาศพัลวันเหมือนไม่ต้องการให้ผมมารบกวนการนอนของเธอ
“ตื่นได้แล้วแมวน้อยขี้เซา ถึงเวลาเข้าห้องสอบแล้วครับ” ผมเอื้อมไปปลดเบลท์ให้ยัยตัวแสบที่นอนหลับสนิทอยู่ก่อนที่เจ้าตัวจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงโวยวายอันดันตะโกนอยู่ข้างหู
“พี่โทโมะจะทำอะไรค่ะ!”
“ไปสอบได้แล้วครับ”
“...เอ๊ะ”
“ตอนเย็นพี่จะมารับ กรุณาทำตัวให้ว่างด้วยนะ”
“แก้วยังไม่ได้บอกลเยว่าจะกลับกับพี่โทโมะ ขี้โกงชัดๆ”
“ตั้งใจทำข้อสอบนะเด็กดื้อ :)” ยัยตัวเล็กทำหน้าตึงพลางย่นจมูกใส่ผมอย่างขัดใจก่อนจะยอมเดินลงจากรถเพื่อไปเข้าห้องสอบแต่ก็ยังไม่วายหันมาแลบลิ้นใส่ผมอีก เหอะ บ้าจริงยัยเด็กตัวแสบ น่าตีให้ตายเลยเถอะ!
พอส่งแก้วเสร็จผมถึงได้วกกลับเข้ามาที่สำนักพิมพ์ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมผมถึงต้องมาคอยดูแลยัยเด็กข้างบ้านคนนี้ด้วยทั้งที่เราก็ไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ แต่ทำไมผมถึงกลับรู้สึกเป็นห่วงแก้วอยางบอกไม่ถูก ไม่รู้สิ...ไม่รู้เหมือนกัน ผมเลิกคิดอะไรฟุ้งซ่านก่อนจะหันกลับมาเปิดโน้ตบุ๊คเพื่อพิมพ์งานที่ค้างไว้ก่อนจะแอบเข้าไปเชคคอมเม้นท์จากสาวน้อยคนนั้น ปรากฏว่ามีเพียงแค่ข้อความเดียวที่เข้ามา...ผมรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้เราสองคนแทบจะไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำไปนะ
‘หัวใจเจ้าเอย...กล่าวว่า’
“สวัสดีค่ะ รู้สึกเหมือนกันมั้ยคะว่าเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลย คงจะเป็นเพราะว่าฉันเองก็ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ เอ่อ..ฉันมีบางอย่างอยาจะรบกวนถามหน่อยค่ะ การที่เรารู้สึกใจเต้นแรงเวลาอยู่กับคนๆนึง จำเป็นมั้ยคะว่าเราต้องรักเขา คือตอนนี้ฉันสับสนอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะค่ะ T^T เพราะเขาคนนั้นเห็นฉันเป็นน้องสาวมาตลอด ถ้าเกิดว่าฉันคิดอะไรกับเขาขึ้นมาจริงๆ ฉันจะทำยังไงดีค่ะ ถ้าไม่ว่างตอบก็ไม่เป็นไรนะค่ะ ขอบคุณมากกกกๆๆๆ พันคร้งเลยค่ะ ขอตัวไปสอบก่อนนะค่ะ บ้ายบาย~”
โทโมะอ่านข้อความของสาวน้อยในโลกออนไลน์คนนั้นซ้ำๆอย่างพิจารณาก่อนจะอมยิ้มขึ้นมานิดๆเมื่อรู้ว่าแฟนคลับของเขากำลังมีความรักก่อเกิดในหัวใจอีกครั้ง น่าแหลก...ทั้งที่ไม่ใช่คนที่รู้จักกัน ไม่เคยเห็นหน้ากันแต่ทำไมเขาถึงรู้สึกเอ็นดุผู้หญิงคนนี้นักก็ไม่รู้ พอไล่อ่านจ้อความของเธออีกครั้งก็ทำให้โทโมะถึงกับสะดุดกึกกับอะไรบางอย่างที่มันคลับคล้ายคลับคลากับคนที่เขาคุ้นเคย...
เธอบอกว่าเขาคนนั้นเห็นเธอเป็นน้องสาว? และตอนนี้เธอกำลังสอบ?
ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ ไม่ใช่เธอหรอกเด็กน้อย...ไม่มีทาง
‘ชายนิรนาม...กล่าวว่า’
“ถ้าใจเราเต้นแรงให้ใครซักคน แล้วเราจะมัวสงสัยตัวเองอยู่ทำไมกันครับสาวน้อย ^_^ เขาจะเห็นว่าเราเป็นน้องสาวหรือไม่นั่นไม่สำคัญ เท่ากับความรู้สึกของเราและก็เขาหรอกครับ ผมเองก็บอกไม่ได้ว่าเขารักคุณหรือเปล่า แต่ที่ต้องการจะบอกก็คือ...ขอให้มั่นใจในตัวเองแล้วความรักจะไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอีกต่อไป สู้ๆนะครับคนมีความรัก”
หนึ่งนาที มีผู้คนต้องช้ำใจเพราะรัก
ตั้งเท่าไหร่ แต่ทำไมยังต้องการ
หลังจากตอบคอมเม้นเธอเสร็จผมก็หันกลับมาสนใจงานจองตัวเองที่ยังค้างอยู่ต่อเพราะรู้ว่าเธอคงยังไม่ตอบกลับมาตอนนี้แน่ จนกระทั่งงานเสร็จทุกอย่างแล้วก็ส่งให้บก.เรียบร้อยแล้วผมถึงได้รู้ว่าตั้งแต่เช้าที่ผมนั่งทำงานมาจนป่านนี้มันเป็นเวลาเกือบทุ่มนึงแล้ว และที่สำคัญผมนัดแก้วไว้ว่าจะไปรับ ให้ตายเหอะ! ผมนี่มันแย่จริงๆเลย พอคิดได้แบบนั้นผมก็รีบขับรถไปมหาลัยของคนตัวเล็กทันที หวังว่าเด็กน้อยคงจะรอผมอยู่นะ
กว่าผมจะเดินทางฝ่ารถยนต์ของคนทำงานที่กำลังมุ่งหน้ากลับบ้านมาถึงมหาลัยของแก้วได้ก็ปาไปทุ่มกว่าแล้ว ผมได้แต่มองหาเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงที่คิดว่าเธอคงจะรอแต่ก็กลับไม่มีใครสักคน ไม่ว่าผมจะกดเบอร์โทรหาเท่าไหร่แก้วก็ไม่ยอมรับสายผมซะที เข้าใจว่าเธอคงโกรธผมเป็นแน่ ให้ตาย...ผมมันงี่เง่าจริงๆแหละ!
“พี่โทโมะ!” เสียงหวานปนห้วนห้าวดังขึ้นจากทางด้านหลังของผมพร้อมกับใบหน้าหวานที่ดูมอมแมมนั่นบูดบึ้งและพร้อมจะกระโจนใส่ผมทุกเมื่อ เธอเดินมาพร้อมผู้ชายอีกคนข้างๆ หากแต่ว่าผมไม่ได้สนใจอะไรแล้วนอกจาก...
“แก้ว” ผมคว้าร่างเล็กนั่นเข้ามากอดเต็มแรงด้วยความเป็นห่วง นี่มันก็มืดแล้วนักศึกษาก็ไม่ค่อยมีแล้วด้วย ผมรู้ดีว่าผมเป็นคนผิดที่ปล่อยให้แก้วรอ แล้วแก้วก็รอผมจริงๆ แต่...ทำไมถึงรอพร้อมกับผู้ชาย?
“ทำอะไรอยู่ห้ะ ไหนบอกว่าจะมารับ ถ้าพิชชี่ไม่รอเป็นเพื่อนป่านนี้แก้วโดนฉุดไปแล้วมั้ง!” แก้วต่อว่าผมแต่ก็ยอมให้ผมกอดแต่โดยดี นี่ผมต้องขอบคุณนายพิชชี่อะไรนั่นด้วยมั้ย? หลังจากที่ผมผละออกจากแก้วหมอนั่นก็ดูหน้าเจื่อนไปก่อนจะหันมมาขอตัวลากับแก้วเมื่อเห็นว่าผมมารับเธอแล้ว
“งั้นเรากลับก่อนนะ แก้วมีคนมารับแล้ว”
“ขอบคุณมากน้า พรุ่งนี้แก้วเลี้ยงข้าวตอบแทนนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก บายครับ”
“ได้ไง เอาเป็นว่าพิชตกลงแล้ว กลับบ้านดีๆนะ”
“เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวเจอกันนะแก้วใจ ^^” ผมมองสองคนล่ำลากันสักพักก่อนที่แม่ตัวดีจะหันมาทำหน้าบึ้งใส่ผมอีกครั้ง อะไรล่ะ ทีกับหมอนั่นทำเป็นยิ้มแป้นแถมยังเสนอจะเลี้ยงข้าวเขาอีกนั่นหมายความว่าอะไรกัน!
“มองอะไร จะหาเรื่องเพื่อนแก้วเหรอถึงมองแบบนั้นน่ะ”
“แค่เพื่อนแน่นะ”
“ถ้าไม่ใช่เพื่อนแล้วจะทำไม” คนตัวเล็กแลบลิ้นใส่ผมพลางเดินหนีอย่างยั่วโมโหร้อนถึงผมต้องเดินตามไปคว้าแขนเรียวนั่นให้หันกลับมา
“โอเค พี่ขอโทษที่พี่มารับช้า...”
“มาก!” แก้วตอบให้ผมเสร็จสรรพ เหอะ! เรื่องประชดเนี่ยให้อันดับหนึ่งเลยเถอะ
“แล้วกินอะไรหรือยัง ทำไมหน้าดูมอมแมมแบบนี้ล่ะ หืม?” ผมเกลี่ยแก้มใสเบาๆเมื่อเห็นว่ามันเลอะฝุ่นเล็กน้อย ดวงตากลมหวานจ้องมองผมตาแป๋วก่อนจะกระพริบตาถี่ๆแล้วกระเถิบกายหนีออกจากผม
“ยัง รอพี่มารับจะให้แก้วกินอะไรที่ไหนค่ะ ยุงก็กัดเห็นมั้ยเนี่ยแดงไปหมดเลย” คนตัวเล็กตอบทั้งที่หลบสายตาผม เจ้าตัวว่าพลางยืนแขนทั้งสองข้างให้ผมดูร่องรอยที่เกิดจากยุงกัด ทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาอีกแล้วสินะเด็กคนนี้ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องพาตัวเองมาพัวพันกับแก้วก็ไม่รู้
“เหรอ เป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย พี่ทายาให้ดีกว่า” ผมเอื้อมมือไปคว้าท่อนแขนเรียวของแก้วมาก่อนจะใช้พิมเสนที่พกติดตัวทาเบาๆที่รอยแดงบนผิวขาวๆของเจ้าตัว
“เอ่อ...แก้วหิวแล้วอ่ะ ไปหาอะไรกินกัน” ยัยตัวแสบดึงแขนออกจากผมก่อนจะยิ้มเจื่อนๆแล้วเดินขึ้นรถผมไปทิ้งให้ผมยืนงงด้วยความไม่เข้าใจอยู่คนเดียว ทำไมกันล่ะ....ทำเหมือนกับเขินอย่างนั้นแหละ
“ค่อยๆกินก็ได้ เดี๋ยวก็ติดคอกันพอดีหรอกเด็กบ๊อง” ผมเอื้อมมือไปขยี้ผมสาวน้อยข้างๆอย่างเอ็นดู กินเหมือนเด็กไม่มีผิดเลยล่ะ และเช่นเคย เจ้าตัวหันมาทำหน้ามุ่ยใส่ผมเสียอีกอย่างงั้น เหอะ! ผมจะทำอะไรถูกใจแก้วบ้างมั้ยเนี่ย
“โทษพี่นั่นแหละที่ทำให้แก้วหิว หิวจนจะกินพี่โทโมะได้ทั้งตัวอยู่แล้ว”
“กินพี่น่ะเหรอ?”
“เห?”
“แก่แดดนะเรา” ผมบีบจมูกรั้นๆนั่นย่างหมั่นเขี้ยว ให้ตายเหอะ แก้วทำตัวน่าหมั่นเขี้ยวจริงๆนะ ร่างนิ่มๆเหมือนตุ๊กตานั่นน่ากัดจริงเหอะ ให้ตาย...
“อะ...อิ่มแล้ว กลับกันเถอะ” คนตัวเล็กหลบสายตาผมอีกแล้ว ผมได้แต่อมยิ้มน้อยๆเวลาเห็นน้องสาว?เขินก็แปลกดีนะ เวลาแก้วเขินแล้วน่ารักจริงๆเหอะ นึกแล้วก็ไม่อยากให้แก้วไปกินข้าวกับนายพิชชี่อะไรนั่นในวันพรุ่งนี้จริงเหอะให้ตาย ผมควรทำยังไงดีนะ
หรือคราวนี้ผมต้องขอคำปรึกษาจากสาวน้อยในโลกออนไลน์นั่นเสียแล้ว?
ดองมานานกิกิ ตอนหน้าจบแน่แฮ่55555555
พี่โทโมะ : น่าหมั่นเขี้ยวจังนะเด็กดื้อ :)
น้องแก้ว : ปล่อยให้รอนานจนยุงกัดหมดเลย รับผิดชอบด้วยนะคะ ><
น้องนุก : ขอลาไปตายก่อนค่ะ อัพช้ามาก55555555
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ