เส้นทางรัก ..บนถนนสายมาเฟีย
2) แต่งงาน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความChapter 2 แต่งงาน
เมื่อเฉิงอิงหนานยอมที่จะแต่งงานกับใบไผ่ตามที่เจียงหม่าแนะนำ ขั้นตอนต่อไปก็คือการไปเจรจาสู่ขอ ซึ่งคนที่รับบทพ่อสื่อก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้อาวุโสที่มาเฟียหนุ่มนับถือเยี่ยงลุงนั่นเอง
“สวัสดีครับคุณกิติ ผมมารบกวนคุณอีกแล้ว”เจียงหม่ากล่าวทัก
“ไม่เลยๆ คุณอย่าคิดมากซิ ผมบอกแล้วไงว่ายินดีต้อนรับคุณเสมอ เพราะงั้นอย่าได้เกรงใจไปเลย”กิติบอก
“คือวันนี้ผมจะมาคุยธุระกับคุณ”
“ออ ครับๆ มีอะไรให้ช่วยบอกมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ ถ้าช่วยได้ผมช่วยเต็มที่”
“เอ้ย ..ผมเองก็เป็นคนพูดไม่เก่งเสียด้วยซิ ไม่รู้จะเริ่มยังไง มันรู้สึกแปลกๆนะครับ ปกติถ้าเจรจากันเรื่องธุรกิจผมก็พอทำมาบ้าง แต่ไอ้เรื่องนี้ผมเองก็ไม่เคยออกปากพูดให้ใครมาก่อน”เจียงหม่ารู้สึกกระดากอาย เมื่อต้องพลิกบทบาทตัวเองมาเป็นพ่อสื่อชั่วคราว
“คุณพูดเสียจนผมอยากรู้แล้วซิว่ามันเรื่องอะไรกัน ปกติคุณเป็นคนพูดตรงๆไม่อ้อมค้อม แล้วนี่มันเรื่องอะไรที่ทำให้คนอย่างเจียงหม่าอ้ำๆอึ้งๆได้”กิติหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นเพื่อนเก่าลังเล
“ก็ผมไม่เคยทำตัวเป็นพ่อสื่อให้ใครมาก่อนนี่ เลยไม่รู้ว่าเวลาจะพูดขอลูกสาวของคนอื่น ต้องทำไง”กึ๊ก ..เสียงหัวเราะเงียบลง แทนที่ด้วยความเงียบและสายตาแห่งความสงสัย
“เอ่อ..เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ ผมฟังไม่ค่อยถนัด”กิติถาม
“อิงหนานเป็นคนอย่างไรในสายตาคุณ”เจียงหม่าเลี่ยงการตอบ หากแต่เป็นฝ่ายตั้งคำถามขึ้นมาแทน
“ก็ดี เป็นคนหนุ่มไฟแรง ความคิดความอ่านเฉียบแหลม มองการณ์ไกล ท่าทีองอาจ สุขุมนุ่มลึก เป็นคนที่อ่านยากคนหนึ่ง เพราะความเงียบของเขาและการไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆบนสีหน้า คิดว่าอนาคต ต้องเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากจนใครก็ยากจะทัดเทียม ..ว่าแต่คุณถามถึงเขาทำไม”
“ถ้าหากเขาจะขอเสนอตัวเป็นลูกเขยของคุณ คุณจะรังเกียจไหม”
“ปัดโธ่เฮ้ย เรื่องนี้เอง ผมเคยบอกคุณตั้งแต่คุณมาเมืองไทยครั้งก่อนแล้วไงว่า ยินดีต้อนรับอิงหนานในฐานะลูกเขย ผมเองก็ชื่นชมอิงหนานมาก เขาเป็นคนหนุ่มไฟแรง หากผมยกลูกสาวให้เขาดูแล ..ผมก็นอนตายตาหลับ”กิติพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอให้คุณช่วยพูดกับหนูใบไผ่อีกแรงแล้วล่ะ รบกวนคุณช่วยถามเธอให้หน่อยว่า จะแต่งงานกับอิงหนานได้ไหม”เจียงหม่ากล่าวอย่างเกรงใจ
“เรื่องแค่นี้ ไม่มีปัญหา ผมจะเกลี้ยกล่อมเธอเอง”
*……………………………………………….*
วันต่อมากิติก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับใบไผ่เกี่ยวกับเรื่องราวการแต่งงาน ซึ่งเป็นการแต่งงานที่ผู้เป็นพ่ออย่างเขาได้ตัดสินใจเลือกว่าที่ลูกเขยด้วยตัวเอง
“อะไรนะค่ะ เมื่อกี๋ คุณพ่อพูดว่าไงนะ”ใบไผ่กล่าวด้วยความตกใจ
“เอ่อ ..ก็ ..คือ พ่ออยากให้ลูกแต่งงานกับอิงหนาน เขาเป็นคนที่มีความสามารถรอบด้าน แล้วอีกอย่างเวลาที่เราไปลงทุนที่ฮ่องกงมันจะง่ายขึ้น”
“คุณพ่อจะให้หนูแต่งงานเพื่อธุรกิจอย่างนั้นหรือค่ะ”
“ไผ่ ฟังพ่อนะลูก พ่อมีลูกเพียงคนเดียว พ่อรักหนูมากนะ อยากให้อนาคตของลูกไปได้สวย หากแต่งกับอิงหนาน พ่อเชื่อว่าเขาดูแลลูกได้ แต่ถ้าไม่อยากแต่งก็ไม้ต้องแต่ง พ่อก็ไม่บังคับหรอก”
กิติพยายามพูดเพื่อไม่ให้ดูเป็นการบังคับมากเกินไป เพราะคนอย่างใบไผ่ไม่ชอบให้ใครบงการชีวิต และหากต้องการให้เธอทำตามก็ต้องใช้ไม้อ่อนเท่านั้น
“แต่คุณพ่อค่ะ การแต่งงานมันต้องมีพื้นฐานความรักของคนสองคน หนูคิดว่าคุณเฉิงเขา ..”ใบไผ่พูดได้แค่นั้นก็โดนตัดบททันที
“นี่ ..เรื่องนี้พ่อไม่ได้เป็นคนเริ่มนะ มันเป็นความคิดของคุณเฉิงเขา”
เมื่อได้ยินดังนั้นหัวใจของใบไผ่ก็แทบหยุดเต้น นั่นเพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าเฉิงอิงหนานจะต้องการแต่งงานกับเธอ ..แต่เอ ..บางทีเขาอาจจะแต่งงานเพื่อธุรกิจก็เป็นได้ พอคิดได้หัวใจที่เริ่มพองโตก็ค่อยๆห่อเหี่ยวลง
“หนูไม่สนว่าเป็นความคิดใคร แต่การแต่งงานเพื่อธุรกิจมันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง การแต่งงานต้องเกิดจากความรักซิค่ะ”เธอเมินหน้าหนี
“ใบใฝ่ ฟังพ่อให้ดีนะ พ่อมีบางอย่างจะบอกลูก คือ ลูกจำเป็นต้องแต่งกับอิงหนาน เพราะตอนนี้ธุรกิจเราอยู่ในช่วงลง พ่อจำต้องมีเขาเข้ามาสนับสนุน”
“อะไรนะค่ะ”ใบไผ่ถามด้วยความตกใจ
“ก็อย่างที่ลูกได้ยินนั่นล่ะ บางทีพ่ออาจจะต้องเป็นหนี้ก็ได้”กิติจำต้องโกหกว่าธุรกิจกำลังจะล้มละลาย ทั้งๆที่มันออกจะเติบโตขึ้นทุกวันๆ ..เพื่อให้ใบไผ่ได้แต่งงานกับคนที่ตนคิดว่ามั่นคงและสามารถดูแลเธอได้
“ทำไมคุณพ่อไม่เคยบอกเรื่องนี้กับหนู”ใบไผ่เสียงเครียด
“เอ่อ ..พ่อไม่อยากให้ลูกกังวลไง คือ ใฝ่ช่วยพ่อได้ไหม”
“เอาเป็นว่า ..หนูจะลองคิดดูก็แล้วกันค่ะ”
*…………………………………………………..*
การแต่งงานของอิงหนานและใบไผ่ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมระดับห้าดาวแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ภายในงานมีแขกเหรื่อที่เป็นนักธุรกิจ นักการเมือง ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และคนดังระดับแนวหน้าของประเทศมาร่วม จึงถือว่าเป็นการแต่งงานที่ยิ่งใหญ่แห่งปีเลยก็ว่าได้
งานแต่งเป็นแบบไทยๆ และเจ้าบ่าวก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ไม่ใช่เขาไม่ให้ความสำคัญ หากแต่เป็นเพราะไม่รู้เรื่องพิธีการต่างๆเสียมากกว่า
หลังจากจบพิธีการรดน้ำสังข์ในช่วงบ่าย เจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็พอจะมีเวลาได้พักนิดหน่อย ก่อนจะต้องเตรียมตัวรับแขกในช่วงหัวค่ำ และตอนนี้ทั้งคู่ได้เข้ามานั่งอยู่ในห้องที่ทางโรงแรมได้จัดเอาไว้ให้ ..สำหรับเป็นที่พักเหนื่อยของคู่บ่าวสาว
อิงหนานลอบมองผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าสาวของตนอย่างพิจารณา ปากนิด จมูกหน่อย ดวงตากลมโต ใบหน้ารูปไข่ บอกได้เลยคำเดียว‘สวย’ และนั่นเป็นเหตุที่ทำให้เขาเผลอมองใบหน้าราวตุก๊ตาญี่ปุ่นของเธออย่างลืมตัว
มาเฟียหนุ่มไม่แน่ใจตัวเองว่าทำไมถึงยอมตกลงที่จะแต่งกับเธอ ทั้งๆที่ความคิดเรื่องจะแต่งกับใครสักคนไม่เคยอยู่ในหัวของเขามาก่อนเลย แม้แต่อาจิ้งซึ่งเป็นผู้หญิงที่อยู่กับเขามาสองปี หากแต่เขาก็ไม่เคยวาดภาพอาจิ้งอยู่ในชุดแต่งงาน ในฐานะเจ้าสาวของเขาเลยแม้แต่น้อย
แล้วทำไมเขาจึงตัดสินใจที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ในนาทีแรกที่เห็นหน้า
ใบไผ่หันหน้ามาทางอิงหนานก็พบว่าเขามองจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว จึงทำให้รู้สึกใจสั่น มือเย็น จนบอกไม่ถูก หรือพูดง่ายคือเขิน และก็ประหม่านั่นเอง
“ผมจะออกไปข้างนอก อยากจะไปทำความรู้จักกับนักธุรกิจไทยไว้หน่อย”
เฉิงอิงหนานลุกขึ้นยืนแล้วทำท่าจะเดินออกไปก็เห็นเจ้าสาวของเขาลุกขึ้นยืนด้วย และเมื่อหันมามองก็ปรากฏว่า คุณเธอทำท่าจะล้มลงไปกับพื้น แต่โชคดีที่เขารับเอาไว้ทัน
“คุณเป็นอะไร ..ใบไผ่ ทำไมมือเย็นอย่างนี้ล่ะ”เฉิงอิงหนานถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง จึงทำให้ใบไผ่ได้แต่ก้มหน้า ไม่กล้าสบตา
“รู้สึกหน้ามืด แล้วก็ตื่นเต้นด้วย ฉันเองก็บอกไม่ค่อยถูกเหมือนกัน”มาเฟียหนุ่มจึงรีบอุ้มเจ้าสาวขึ้นมาวางบนโซฟา แล้วเอามือแตะหน้าผากว่ามีไข้หรือไม่
“อาจจะแค่เป็นลม เดี๋ยวผมไปบอกให้คนมาช่วยก็แล้วกัน”แต่ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะลุกไปไหน ประตูก็เปิดออก ..โดยพ่อตาของเขา
กิติมองดูภาพลูกสาวและลูกเขยก็นึกว่าพวกเขากำลังสวีทกัน เลยกล่าวขอโทษเป็นการใหญ่ที่มาขัดจังหวะ
“ขอโทษที พ่อไม่ได้ตั้งใจมาขัดคอหรอกนะ เพียงแต่พ่ออยากจะขอตัวอิงหนานสักครู่ พอดีจะแนะนำให้เขาได้รู้จักกับนักธุรกิจและนักการเมืองบางท่าน ไม่รู้ว่ากำลังเอ่อ ..”
“ไม่ได้เป็นอย่างที่พ่อคิดหรอกค่ะ ไผ่แค่หน้ามืด แล้วอิงหนานก็เข้ามาช่วยไว้ไม่ให้หัวฟาดพื้นก็เท่านั้นเอง คุณพ่ออย่าคิดไปไกลซิค่ะ”
“ก็ได้ๆ แต่พ่อขอตัวเจ้าบ่าวของลูกเดี๋ยวนะ”กิติกล่าวอย่างมีความสุข
“ผมจะออกไปกับคุณพ่อของคุณก่อน แต่เดี๋ยวจะบอกให้คนเข้ามาอยู่เป็นเพื่อน ไม่ต้องกลัวนะ”
แค่คำเดียวเท่านั้น ..แค่คำบอกว่าอย่ากลัวที่ออกมาจากปากของอิงหนาน สามารถทำให้ความกลัวของใบไผ่เกือบมลายหายไปเสียสิ้น รู้สึกอบอุ่น และปลอดภัย เพราะเธอรู้ดีว่าคนอย่างเฉิงอิงหนานพูดคำไหนคำนั้น
ไม่นานนักเพื่อนๆของเธอและป้านิ่มก็โผล่เข้ามา โดยในมือป้านิ่มมียานาๆชนิดให้เลือกสรร ทำให้ใบไผ่รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจเล็กๆน้อยๆที่อิงหนานมอบให้ ถึงแม้เขาไม่ได้นั่งเฝ้าเธอก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็ส่งคนมาแทน
เฉิงอิงหนานแอบหันไปมองห้องที่เจ้าสาวของเขาพักอยู่บ่อยครั้ง อยากรู้ว่าอาการจะดีขึ้นหรือยัง จนทำให้กิติได้แต่ยิ้มอย่างยินดี และคิดว่าต่อไปคงหายห่วง ..หากลูกสาวของเขาจะอยู่ในการดูแลของชายผู้นี้
*……………………………………………*
เมื่อมาถึงงานช่วงกลางคืนก็ทำให้ใบไผ่แทบหมดแรง เหนื่อยที่ต้องรับแขกจำนวนมาก ซึ่งต่างกับเจ้าบ่าวลิบลับ เพราะรายนั้นดูจะไม่เหนื่อยล้าอะไรเลย
“ต้องขอเชิญให้คู่บ่าวสาว ช่วยกล่าวอะไรให้แก่กันหน่อยนะครับ”พิธีกรบนเวทีกล่าว
“เริ่มกันที่เจ้าบ่าวก่อนก็แล้วกันนะครับ”
“ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดว่าอะไรดี แต่สิ่งที่ผมต้องพูดคือ ขอบคุณคุณกิติมากที่ไว้วางใจผมให้ดูแลลูกสาวของท่าน ขอบคุณครับ”เฉิงอิงหนานกล่าว
“โอ้โอ ..เจ้าบ่าวของเราพูดสั้นนิดเดียวเองนะครับ มิหนำซ้ำเป็นภาษาอังกฤษซะด้วย ทำเอาผมเกือบแปลไม่ออกแนะ ว่าแต่ไม่คิดจะเรียนภาษาไทยไว้พูดกับเจ้าสาวบ้างเหรอครับ”พิธีกรแซว นำมาซึ่งเสียงหัวเราะอย่างชอบใจของบรรดาแขกเหรื่อ
“ทีนี้ก็มาถึงตาของเจ้าสาวแล้วนะครับ เชิญกล่าวได้เลยครับ”
“ฉันก็ต้องขอขอบคุณ คุณพ่อ ขอบคุณทุกท่านที่มาในวันนี้ และขอบคุณอิงหนานที่ทำให้ฉันมีวันนี้ ฉันสัญญาว่าจะเป็นภรรยาที่ดีของคุณตลอดไปค่ะ ..อิงหนาน”
ใบไผ่พูดเป็นภาษาไทยในตอนแรก และหันไปพูดเป็นภาษาอังกฤษให้กับเจ้าบ่าวในตอนท้าย จากนั้นก็มีเสียงตบมือดังขึ้นเมื่อเธอกล่าวจบ
เฉิงอิงหนานรู้สึกผิดต่อเจ้าสาวของเขามาก เสียใจที่การแต่งงานเป็นเพียงเพื่อเหตุผลทางด้านธุรกิจ ใช้ครอบครัวของเธอเป็นบันไดในการขยายอำนาจในเมืองไทย
เขาสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำร้ายใบไผ่ให้มากไปกว่านี้อีก ไม่อยากให้ผู้หญิงที่เพิ่งบอกว่าจะเป็นภรรยาทีดีของเขาต้องเจ็บปวด เมื่อรู้ว่าเขามีอาจิ้งรออยู่ที่ฮ่องกง แต่ในเมื่อทุกอย่างเดินทางมาขนาดนี้แล้ว คงแก้ไขอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงพยายามไม่ให้มันแย่ไปกว่าที่เป็นก็พอ
“เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวหน่อยครับ แบบว่า ..มันเป็นธรรมเนียมนะครับ”พิธีกรรีบบอก
“ใช่ จูบโชว์หน่อย”เสียงสนับสนุนจากเพื่อนเจ้าบ่าว และเพื่อนเจ้าสาวดังขึ้น
ในที่สุดเจ้าบ่าวก็ต้องทำตามคำเรียกร้องของคุณๆท่านๆที่ขอมา โดยไม่วายหันไปมองอย่างคาดโทษกับเพื่อนๆตัวแสบ อิงหนานก้มลงมาหอมแก้มของเจ้าสาว แต่โดนเพื่อนๆโห่ร้อง
“โห่ ..อะไรวะ นั่นเขาไม่เรียกว่าจูบซะหน่อย เจ้าบ่าวอย่าขี้โกงซิ จูบหน่ะจูบ เข้าใจไหม”
และแล้วเจ้าบ่าวก็ต้องยอมจำนน เฉิงอิงหนานค่อยๆก้มลงมาประทับริมฝีปากกับเจ้าสาวอย่างแผ่วเบา ขบเม้มริมฝีปากของใบไผ่ให้เปิดรับความอบอุ่นจากริมฝีปากเขา นั่นเองที่ทำให้เพื่อนๆที่ส่งเสียงเชียร์ในตอนแรกถึงกับเงียบไปเลย
เมื่อถอนริมฝีปากออกมาแล้วทั้งสองก็มองสบตากัน จากนั้นเจ้าบ่าวก็ก้มลงจูบหน้าผากของเจ้าสาวอีกครั้ง ..นำพาซึ่งรอยยิ้มมาให้ทุกคนที่อยู่ในงาน
ใบไผ่ใจเต้นโครมคราม รู้สึกเขินสะท้านเมื่อเจอความนุ่มนวลที่อิงหนานมอบให้ และตอนนี้เธอเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า มีใจให้มาเฟียหนุ่มรูปหล่อเข้าแล้ว
*………………………………………………..*
หลังจากพิธีการแต่งงานเสร็จสิ้นลง อิงหนานก็รีบพาเจ้าสาวของเขาขึ้นเครื่องกลับฮ่องกงทันที
“ที่จริงไม่น่าจะรีบกลับกันเลยนะ น่าจะอยู่พักผ่อนให้หายเหนื่อยเสียก่อน กลับพรุ่งนี้ไม่ดีกว่าเหรอ พอส่งแขกกลับหมดปุ๊บ เจ้าบ่าวก็รีบพาเจ้าสาวกลับฮ่องกงปั๊บ รวดเร็วจนผู้เป็นพ่อใจหายจริงๆ”กิติพ้อ
“โธ่ คุณพ่อขา ฮ่องกงกับเมืองไทยก็ใกล้แค่นี้เอง ไม่ต้องเป็นห่วงนะค่ะ อีกหน่อยพออิงหนานมาลงทุนที่เมืองไทย เราก็จะย้ายมาอยู่ที่เมืองไทย คุณพ่อก็ไม่ต้องห่วงหรอกนะค่ะ ไม่กี่เดือนหนูก็จะย้ายกลับมาอยู่ที่นี่เหมือนเดิม”
“ไปเถอะ ไปเถอะ อย่าพูดมากเลย เดี๋ยวพ่อร้องไห้”กิติตัดบท
“ค่ะ หนูไปนะค่ะ”
“ไปนะครับคุณกิติ”อิงหนานกล่าว
“ฝากลูกสาวผมด้วยนะ ..อิงหนาน”
“ครับ”
*…………………………………………………*
เฉิงอิงหนานพาใบไผ่นั่งเครื่องกลับมาถึงฮ่องกงก็รู้สึกสงสารเธอ ..ที่ต้องมาเจอกับเขา มาเฟียหนุ่มจ้องมองหน้าใสๆนั้นตลอดระยะการเดินทาง ใบไผ่หลับเหมือนเด็ก นอนหลับสนิทอย่างไร้กังวล
อาจจะเป็นเพราะเธอเป็นที่รักของผู้เป็นพ่อมาโดยตลอด อยู่ท่ามกลางความรักและความอบอุ่น จึงทำให้ไม่คิดระแวงต่ออันตรายใดๆ หากแต่เมื่อมาอยู่ที่ฮ่องกงแล้ว เขาจะสามารถดูแลเธอได้ดีเท่าที่พ่อของเธอเคยทำไหม
“ใบไผ่ ถึงฮ่องกงแล้ว ตื่นเถอะ”
“ไม่เอา ไผ่ง่วง ขอนอนต่ออีกหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวตื่น”ใบไผ่พูดราวกับคนกำลังละเมอ
เฉิงอิงหนานยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ซึ่งทำให้ผู้มองเหตุการณ์อยู่ตั้งแต่ต้นอย่างเจียงหม่าต้องยิ้มตามไปด้วย นั่นเพราะเขาไม่เคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้บนใบหน้าของอิงหนานมาก่อน แต่ผู้หญิงคนนี้สามารถทำได้ ทำให้มาเฟียหนุ่มผู้เย็นชาราวน้ำแข็งขั้วโลกกลายเป็นคนมีความรู้สึก ..และยิ้มเป็น
อิงหนานอุ้มเธอลงจากเครื่อง แต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าสาวของเขาก็ยังไม่ตื่น สายตาเขาก็ยังคงจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานนั้นอย่างไม่กระพริบ
เจ้าบ่าวหมาดๆอุ้มเจ้าสาวมาวางบนเตียงอย่างนุ่มนวล จูบเธอที่หน้าผากด้วยความแผ่วเบาก่อนจะเดินออกจากห้องไป เพราะนี่อาจจะเป็นจูบสุดท้ายที่เขาจะมอบให้เธอ
“ผมจะไม่เป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวไปมากกว่านี้อีกแล้วใบไผ่ จะเปิดโอกาสให้คุณได้เลือกผู้ชายที่คุณรักด้วยตัวของคุณเอง ขอโทษด้วยที่ต้องใช้คุณเป็นเครื่องมือทางธุรกิจ”
เฉิงอิงหนานพยายามเตือนตัวเองว่าที่เขาแต่งงานกับใบไผ่นั้นเพียงเพราะหวังผลประโยชน์จากเธอเท่านั้น พยายามย้ำกับตัวเองว่าเขาไม่ได้หวั่นไหว ..พยายามเตือนว่าเขาไม่ได้ต้องการเธอ
*…………………………….………………….*
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ