เสน่ห์ร้าย รักอันตราย (นท แอป เต้ย อั้ม)
10.0
1) Chapter 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความภายในภัตตาคารหรูใจกลางเมืองกรุงยามดึก หญิงสาวร่างสูงโปร่งนั่งมองโทรศัพท์มือถือในมือราวกับกำลังรอใครบางคนโทรมา นิ้วเรียวกดเลื่อนดูเบอร์โทรศัพท์ไปเรื่อย จนกระทั่งสายตาหยุดที่ชื่อชื่อหนึ่ง ชายหนุ่มในชุดสูทสีเทาทับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนที่เพิ่งกลับมาจากห้องน้ำ ดวงตาสีดำสนิทมองเห็นคนรักที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะดูเหม่อลอยผิดปกติ เขาจึงสาวเท้าเข้าไปใกล้ มือหนาแตะที่ไหล่ร่างบางเบาๆ แต่กลับทำให้เจ้าของไหล่ถึงกับสะดุ้งตกใจหันขวับมามองหน้าเขา
"อ้าว พี่ตูมตาม"
"เหม่อลอยคิดอะไรอยู่ครับ"
"เปล่าค่ะ" แอปเปิ้ลฝืนยิ้ม ส่ายหน้าปฏิเสธและเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋าตามเดิม
"จะสั่งอะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ"
"ไม่ครับ แค่นี้พี่ก็อิ่มแล้ว" ตูมตามว่าพลางทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม มือซ้ายคว้าแก้วน้ำมาดื่ม "นี่ก็ดึกแล้วพี่ว่าเรากลับกันดีกว่านะ"
"ก็ดีค่ะ"
ทั้งคู่ออกจากร้านอาหารสุดหรูที่ยังคงมีลูกค้าเดินเข้ามาในร้านอย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มขับรถพาคนรักไปส่งที่คอนโด ก่อนจะขอตัวลากลับบ้านไป หลังโบกมือลาแฟนหนุ่ม
หญิงสาวปิดประตูห้องแล้วเดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาหนานุ่มในห้องนั่งเล่น มือเรียวล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าออกมากดดูเบอร์โทรศัพท์ของใครคนนั้นอีกครั้งอย่างนึกแปลกใจที่อีกฝ่ายเงียบหายไป
ปกติเขาจะตื้อโทรมาหาเธอทุกวัน แม้จะรู้ว่าเธอไม่มีทางรับสาย แต่เขาก็ยังโทรมาตลอด ทั้งๆ ที่เราก็ต่างเลิกรากันไปหลายเดือนแล้ว...
ในเมื่อเขาเงียบหายไป มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ ชีวิตเธอจะได้สงบสุขเสียที
ร่างสูงกดปิดโทรศัพท์มือถือและวางมันลงบนโต๊ะหน้าโซฟาก่อนจะลุกเดินหายเข้าไปในห้องนอนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุด เพราะพรุ่งนี้เช้าเธอมีงานถ่ายแบบทั้งวัน แม้กายจะนอนหลับแต่หัวใจยังคงกังวลอยู่ว่าอีกคนหายไปไหน ทำไมถึงไม่โทรหาเธอ....
------------------------------------
ณ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งใจกลางเมืองกรุงยามค่ำคืน นักแสดงสาวสวยสุดเซ็กซี่กำลังเดินวนไปมาอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน หลังพาคนเจ็บมาส่ง หมอกับพยาบาลก็พาร่างคนเจ็บหายเข้าไปในห้องฉุกเฉินนานเกือบสามชั่วโมง
ยิ่งเวลาผ่านไปไม่มีวี่แววว่าหมอจะออกมาบอกอาการของคนเจ็บให้เธอรับรู้เลย เธอยิ่งกังวลใจ มือไม้ชื้นไปด้วยเหงื่อ
"น้องอั้มๆ เป็นยังไงบ้าง แล้วเด็กคนนั้นล่ะ" พี่เอผู้จัดการส่วนตัวที่เพิ่งมาถึงรีบวิ่งมาถามดาราสาวที่มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างร้อนอกร้อนใจ
"ยังไม่รู้เลยค่ะ หมอยังไม่ออกมา"
"ทำไงดี ถ้าเกิดเด็กคนนั้นตายขึ้นมาละก็..."
"พี่เอ!"
"โอเคๆ ไม่พูดแล้วๆ นั่งรอต่อเหอะ"
ไม่ทันที่ผู้จัดการส่วนตัวของเธอจะทิ้งตัวลงนั่งพักให้หายเหนื่อยจากการรีบขับรถมุ่งตรงมายังโรงพยาบาลกลางดึก เหตุเพราะดาราสาวของตนดันไปขับรถชนเด็กที่ไหนไม่รู้ หมอในห้องฉุกเฉินก็เดินออกมาพร้อมกับนางพยาบาลที่ช่วยกันเข็นเตียงคนไข้ที่ยังนอนไม่ได้สติ บาดแผลตามร่างกายไม่ได้ฟกช้ำอะไรมากมายนอกจากแผลถลอกเล็กน้อย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือศีรษะที่ถูกพันด้วยผ้ากอซ
"อาการของเขาเป็นยังไงบ้างคะ" อั้มเอ่ยถามเสียงรัวเร็ว ขณะที่สายตายังไม่ละจากใบหน้าหวานของคนบนเตียง
"พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือสมองที่ถูกกระทบกระเทือนอย่างหนักอาจต้องดูอาการอีกสักระยะหนึ่ง"
"เฮ้อ โล่งอก" พี่เอถอนใจยาวเฮือกใหญ่และยกมือขอบคุณคุณหมอ "ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ"
"ไม่เป็นไรครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวไปตรวจคนไข้รายอื่นต่อนะครับ" พูดจบ หมอก็เดินจากไป
จากนั้นอั้มก็ขอให้ทางโรงพยาบาลช่วยนำคนไข้ไปอยู่ห้องพิเศษ เมื่อนางพยาบาลทั้งหมดเดินออกจากห้องไป อั้มก็หันมาดูใบหน้าหวานของคนร่างเล็กที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงอย่างเป็นกังวล เช่นเดียวกันกับผู้จัดการส่วนตัวที่มีสีหน้าเคร่งเครียด หากอุบัติเหตุนี้รู้ไปถึงหูนักข่าวมีหวังดาราสาวเดือดร้อนแน่นอน
"หวังว่าเขาคงไม่เป็นอะไรมากนะพี่"
"คงไม่เป็นอะไรหรอก หมอก็บอกแล้วว่าไม่ต้องห่วง" พี่ว่าพลางขยับตัวเข้ามาดูเด็กสาวร่างเล็กใกล้ๆ ก่อนจะขมวดคิ้วยุ่ง "เอ๊ะ พี่รู้สึกคุ้นๆ หน้าเด็กคนนี้จัง"
"พี่เคยเจอเขาหรอ" อั้มเลิกคิ้วสูง ประกายตาดูมีความหวังขึ้นมาทันควัน หากเป็นคนรู้จักก็น่าจะทำให้สถานการณ์เหล่านี้เบาบางลงได้
"ขอนึกก่อนนะ"
พี่เอตีหน้าครุ่นคิดอยู่นานหลายนาที ก่อนใบหน้าตึงเครียดจะแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด สายตาจ้องมองคนบนเตียงราวกับเห็นของแปลกประหลาดที่ดูน่ากลัวอย่างไรอย่างนั้น
"ชะ ใช่จริงๆ ด้วย เด็กคนนี้..."
"พี่รู้จักใช่ไหม"
"อั้มเราตายแน่!" อยู่ๆ พี่เอก็โวยวายลั่น สองเท้าเดินวนไปมารอบห้องราวกับคนสติแตกเล่นเอานักแสดงสาวถึงกับมึนงงกับอาการของผู้จัดการส่วนตัว
"ทำไงดี หากทางนั้นรู้ว่าเด็กในค่ายของตนตกอยู่ในสภาพนี้ เราต้องแย่แน่ๆ เลยค่ะคุณน้อง"
"พี่เลิกโวยวายแล้วช่วยบอกอั้มได้มั้ยว่าเด็กคนนี้เป็นใคร" อั้มกล่าวเสียงเข้ม นึกหงุดหงิดกับอาการสติแตกของคนตรงหน้า
"น้องนทไงล่ะ คุณน้องไม่รู้จักหรอ เด็กคนนี้เป็นนักร้องและเป็นไอดอลขวัญใจวัยรุ่นทั่วประเทศเลยนะยะ หากแฟนคลับรู้ว่านางเอกดังอย่างเธอไปขับรถชนนักร้องดัง เรื่องจะใหญ่แค่ไหนคิดดู!"
“หา!”
อั้มเบิกตากว้างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ดวงตาสีนิลหันกลับมามองร่างเล็กบนเตียงที่ดูยังไงก็เป็นแค่เด็กธรรมดาคนหนึ่ง ไม่น่าจะมีชื่อเสียงโด่งดังอะไรขนาดนั้น สงสัยคนเราคงดูกันที่ภายนอกไม่ได้จริงๆ แล้วคราวนี้เธอจะทำยังไงดี
“เอาไงดี พี่มือไม้สั่นไปหมดแล้วนะ” พี่เอยังคงเดินวนไปมารอบห้องไม่หยุด
“พี่ก็โทรบอกผู้จัดการส่วนตัวของเขาสิ” อั้มเสนอความเห็นหลังนิ่งเงียบไปนาน
“พี่ไม่มีเบอร์เขา” พี่เอว่าเสียงอ่อย “เอาอย่างนี้ละกันเดี๋ยวพี่จะจัดการปัญหาเรื่องนี้เอง ส่วนคืนนี้เธอก็อยู่เฝ้าดูแลน้องนทไปก่อนละกัน พี่กลับก่อนนะ”
"อ้าว พี่เอ!"
อั้มทำท่าจะเดินไปรั้งแขนผู้จัดการส่วนตัวไว้แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะอีกฝ่ายดันเล่นสาวเท้าเดินลิ่วออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เธออยู่กับคนไข้สองคนในห้องที่เงียบกริบ มีเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของคนบนเตียง
"โอ๊ย! ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วย" ร่างสูงกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหงุดหงิด
หากเด็กคนนี้ไม่ไปเดินเล่นข้ามถนนแถวนั้น อุบัติเหตุครั้งนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น และถ้าเด็กคนนี้ไม่เป็นถึงนักร้องขวัญใจวัยรุ่นทั้งประเทศ เธอก็คงไม่ต้องมานั่งปวดหัวอย่างนี้
คิ้วเรียวสวยขมวดกันยุ่งจ้องมองคนร่างเล็กบนเตียงอย่างครุ่นคิดว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี โดยไม่ให้นักข่าวหรือสื่อมวลชนนำไปตีพิมพ์เผยแพร่ให้แฟนคลับและประชาชนทั้งประเทศรับรู้ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวแทบจะระเบิด
"...แอป"
เสียงแหบแห้งที่ฟังดูแผ่วเบา หากไม่ได้อยู่ในห้องเงียบๆ ก็คงไม่ได้ยิน เรียกนัยน์ตาสีนิลให้หันไปมองเจ้าของเสียงที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ริมฝีปากหยักได้รูปกำลังขยับพูดอะไรบางอย่าง ด้วยความอยากรู้ร่างสูงจึงลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้เตียงและโน้มตัวเอียงหูฟังเสียงคนร่างเล็ก
"อย่าทิ้งพี่...."
สิ้นเสียง น้ำตาใสใสก็เอ่อคลอไหลอาบแก้มเนียนนุ่มนั่น ร่างสูงเห็นดังนั้นก็ตกใจจึงใช้นิ้วชี้ปาดเช็ดน้ำตาให้คนร่างเล็กเบาๆ อย่างอ่อนโยน
อยากรู้จังว่าเด็กคนนี้ฝันอะไรอยู่ อะไรที่ทำให้เขาร้องไห้แม้ยามหลับ
น้ำตาของคนไข้ทำให้ดาราสาวลืมคิดวิธีปกป้องชื่อเสียงของตนไปชั่วขณะ มือเรียวลูบไล้ใบหน้าหวานน่ามองไปมาอย่างเผลอไผล แก้มเนียนนุ่มน่าหยิกกับจมูกโด่งรั้นที่น่าบิดเล่น โดยเฉพาะริมฝีปากหยักได้รูป มันช่างน่าดึงดูดนัก
ด้วยความอยากสัมผัสความหวานของปากคนไข้ ดาราสาวจึงโน้มตัวลงไปประทับจูบปากคนร่างเล็กเบาๆ เนิ่นนาน ก่อนจะเบิกตากว้างและผละตัวออกห่างจากเตียงอย่างนึกตกใจกับการกระทำของตน
นี่เราจูบผู้หญิงอย่างนั้นเหรอ?
อั้มลูบปากตัวเองพลางมองปากของคนบนเตียงที่ตัวเองเพิ่งจะสัมผัสไปอย่างอึ้งๆ ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะโรคจิตเผลอไปจูบผู้หญิงแบบนี้ หากใครรู้เข้ามีหวังทุกคนต้องมองเธอเป็นเลสเบี้ยนแน่!!
ร่างสูงสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆ นั่นออกไปและเดินกลับไปล้มตัวลงนอนบนโซฟา หันหลังให้ร่างเล็ก มือเรียวหยิบหมอนใบหนึ่งมาปิดหน้าตัวเองที่ร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ยิ่งนึกถึงตอนที่ตัวเองโน้มหน้าไปจูบคนเตียง... เธอยิ่งอยากมุดดินหนีไปไกลๆ เสียตอนนี้
หากเด็กคนนี้ตื่นมาแล้วรู้ว่าเสียจูบให้หญิงวัยสามสิบอย่างเธอ…จะเป็นยังไง ไม่อยากจะนึกเลย!!
-------------------------------------------
ติดตามอ่านต่อทั้งหมดได้ที่ http://writer.dek-d.com/nrokasin/story/view.php?id=881153
"อ้าว พี่ตูมตาม"
"เหม่อลอยคิดอะไรอยู่ครับ"
"เปล่าค่ะ" แอปเปิ้ลฝืนยิ้ม ส่ายหน้าปฏิเสธและเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋าตามเดิม
"จะสั่งอะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ"
"ไม่ครับ แค่นี้พี่ก็อิ่มแล้ว" ตูมตามว่าพลางทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม มือซ้ายคว้าแก้วน้ำมาดื่ม "นี่ก็ดึกแล้วพี่ว่าเรากลับกันดีกว่านะ"
"ก็ดีค่ะ"
ทั้งคู่ออกจากร้านอาหารสุดหรูที่ยังคงมีลูกค้าเดินเข้ามาในร้านอย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มขับรถพาคนรักไปส่งที่คอนโด ก่อนจะขอตัวลากลับบ้านไป หลังโบกมือลาแฟนหนุ่ม
หญิงสาวปิดประตูห้องแล้วเดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาหนานุ่มในห้องนั่งเล่น มือเรียวล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าออกมากดดูเบอร์โทรศัพท์ของใครคนนั้นอีกครั้งอย่างนึกแปลกใจที่อีกฝ่ายเงียบหายไป
ปกติเขาจะตื้อโทรมาหาเธอทุกวัน แม้จะรู้ว่าเธอไม่มีทางรับสาย แต่เขาก็ยังโทรมาตลอด ทั้งๆ ที่เราก็ต่างเลิกรากันไปหลายเดือนแล้ว...
ในเมื่อเขาเงียบหายไป มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ ชีวิตเธอจะได้สงบสุขเสียที
ร่างสูงกดปิดโทรศัพท์มือถือและวางมันลงบนโต๊ะหน้าโซฟาก่อนจะลุกเดินหายเข้าไปในห้องนอนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุด เพราะพรุ่งนี้เช้าเธอมีงานถ่ายแบบทั้งวัน แม้กายจะนอนหลับแต่หัวใจยังคงกังวลอยู่ว่าอีกคนหายไปไหน ทำไมถึงไม่โทรหาเธอ....
------------------------------------
ณ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งใจกลางเมืองกรุงยามค่ำคืน นักแสดงสาวสวยสุดเซ็กซี่กำลังเดินวนไปมาอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน หลังพาคนเจ็บมาส่ง หมอกับพยาบาลก็พาร่างคนเจ็บหายเข้าไปในห้องฉุกเฉินนานเกือบสามชั่วโมง
ยิ่งเวลาผ่านไปไม่มีวี่แววว่าหมอจะออกมาบอกอาการของคนเจ็บให้เธอรับรู้เลย เธอยิ่งกังวลใจ มือไม้ชื้นไปด้วยเหงื่อ
"น้องอั้มๆ เป็นยังไงบ้าง แล้วเด็กคนนั้นล่ะ" พี่เอผู้จัดการส่วนตัวที่เพิ่งมาถึงรีบวิ่งมาถามดาราสาวที่มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างร้อนอกร้อนใจ
"ยังไม่รู้เลยค่ะ หมอยังไม่ออกมา"
"ทำไงดี ถ้าเกิดเด็กคนนั้นตายขึ้นมาละก็..."
"พี่เอ!"
"โอเคๆ ไม่พูดแล้วๆ นั่งรอต่อเหอะ"
ไม่ทันที่ผู้จัดการส่วนตัวของเธอจะทิ้งตัวลงนั่งพักให้หายเหนื่อยจากการรีบขับรถมุ่งตรงมายังโรงพยาบาลกลางดึก เหตุเพราะดาราสาวของตนดันไปขับรถชนเด็กที่ไหนไม่รู้ หมอในห้องฉุกเฉินก็เดินออกมาพร้อมกับนางพยาบาลที่ช่วยกันเข็นเตียงคนไข้ที่ยังนอนไม่ได้สติ บาดแผลตามร่างกายไม่ได้ฟกช้ำอะไรมากมายนอกจากแผลถลอกเล็กน้อย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือศีรษะที่ถูกพันด้วยผ้ากอซ
"อาการของเขาเป็นยังไงบ้างคะ" อั้มเอ่ยถามเสียงรัวเร็ว ขณะที่สายตายังไม่ละจากใบหน้าหวานของคนบนเตียง
"พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือสมองที่ถูกกระทบกระเทือนอย่างหนักอาจต้องดูอาการอีกสักระยะหนึ่ง"
"เฮ้อ โล่งอก" พี่เอถอนใจยาวเฮือกใหญ่และยกมือขอบคุณคุณหมอ "ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ"
"ไม่เป็นไรครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวไปตรวจคนไข้รายอื่นต่อนะครับ" พูดจบ หมอก็เดินจากไป
จากนั้นอั้มก็ขอให้ทางโรงพยาบาลช่วยนำคนไข้ไปอยู่ห้องพิเศษ เมื่อนางพยาบาลทั้งหมดเดินออกจากห้องไป อั้มก็หันมาดูใบหน้าหวานของคนร่างเล็กที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงอย่างเป็นกังวล เช่นเดียวกันกับผู้จัดการส่วนตัวที่มีสีหน้าเคร่งเครียด หากอุบัติเหตุนี้รู้ไปถึงหูนักข่าวมีหวังดาราสาวเดือดร้อนแน่นอน
"หวังว่าเขาคงไม่เป็นอะไรมากนะพี่"
"คงไม่เป็นอะไรหรอก หมอก็บอกแล้วว่าไม่ต้องห่วง" พี่ว่าพลางขยับตัวเข้ามาดูเด็กสาวร่างเล็กใกล้ๆ ก่อนจะขมวดคิ้วยุ่ง "เอ๊ะ พี่รู้สึกคุ้นๆ หน้าเด็กคนนี้จัง"
"พี่เคยเจอเขาหรอ" อั้มเลิกคิ้วสูง ประกายตาดูมีความหวังขึ้นมาทันควัน หากเป็นคนรู้จักก็น่าจะทำให้สถานการณ์เหล่านี้เบาบางลงได้
"ขอนึกก่อนนะ"
พี่เอตีหน้าครุ่นคิดอยู่นานหลายนาที ก่อนใบหน้าตึงเครียดจะแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด สายตาจ้องมองคนบนเตียงราวกับเห็นของแปลกประหลาดที่ดูน่ากลัวอย่างไรอย่างนั้น
"ชะ ใช่จริงๆ ด้วย เด็กคนนี้..."
"พี่รู้จักใช่ไหม"
"อั้มเราตายแน่!" อยู่ๆ พี่เอก็โวยวายลั่น สองเท้าเดินวนไปมารอบห้องราวกับคนสติแตกเล่นเอานักแสดงสาวถึงกับมึนงงกับอาการของผู้จัดการส่วนตัว
"ทำไงดี หากทางนั้นรู้ว่าเด็กในค่ายของตนตกอยู่ในสภาพนี้ เราต้องแย่แน่ๆ เลยค่ะคุณน้อง"
"พี่เลิกโวยวายแล้วช่วยบอกอั้มได้มั้ยว่าเด็กคนนี้เป็นใคร" อั้มกล่าวเสียงเข้ม นึกหงุดหงิดกับอาการสติแตกของคนตรงหน้า
"น้องนทไงล่ะ คุณน้องไม่รู้จักหรอ เด็กคนนี้เป็นนักร้องและเป็นไอดอลขวัญใจวัยรุ่นทั่วประเทศเลยนะยะ หากแฟนคลับรู้ว่านางเอกดังอย่างเธอไปขับรถชนนักร้องดัง เรื่องจะใหญ่แค่ไหนคิดดู!"
“หา!”
อั้มเบิกตากว้างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ดวงตาสีนิลหันกลับมามองร่างเล็กบนเตียงที่ดูยังไงก็เป็นแค่เด็กธรรมดาคนหนึ่ง ไม่น่าจะมีชื่อเสียงโด่งดังอะไรขนาดนั้น สงสัยคนเราคงดูกันที่ภายนอกไม่ได้จริงๆ แล้วคราวนี้เธอจะทำยังไงดี
“เอาไงดี พี่มือไม้สั่นไปหมดแล้วนะ” พี่เอยังคงเดินวนไปมารอบห้องไม่หยุด
“พี่ก็โทรบอกผู้จัดการส่วนตัวของเขาสิ” อั้มเสนอความเห็นหลังนิ่งเงียบไปนาน
“พี่ไม่มีเบอร์เขา” พี่เอว่าเสียงอ่อย “เอาอย่างนี้ละกันเดี๋ยวพี่จะจัดการปัญหาเรื่องนี้เอง ส่วนคืนนี้เธอก็อยู่เฝ้าดูแลน้องนทไปก่อนละกัน พี่กลับก่อนนะ”
"อ้าว พี่เอ!"
อั้มทำท่าจะเดินไปรั้งแขนผู้จัดการส่วนตัวไว้แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะอีกฝ่ายดันเล่นสาวเท้าเดินลิ่วออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เธออยู่กับคนไข้สองคนในห้องที่เงียบกริบ มีเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของคนบนเตียง
"โอ๊ย! ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วย" ร่างสูงกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหงุดหงิด
หากเด็กคนนี้ไม่ไปเดินเล่นข้ามถนนแถวนั้น อุบัติเหตุครั้งนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น และถ้าเด็กคนนี้ไม่เป็นถึงนักร้องขวัญใจวัยรุ่นทั้งประเทศ เธอก็คงไม่ต้องมานั่งปวดหัวอย่างนี้
คิ้วเรียวสวยขมวดกันยุ่งจ้องมองคนร่างเล็กบนเตียงอย่างครุ่นคิดว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี โดยไม่ให้นักข่าวหรือสื่อมวลชนนำไปตีพิมพ์เผยแพร่ให้แฟนคลับและประชาชนทั้งประเทศรับรู้ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวแทบจะระเบิด
"...แอป"
เสียงแหบแห้งที่ฟังดูแผ่วเบา หากไม่ได้อยู่ในห้องเงียบๆ ก็คงไม่ได้ยิน เรียกนัยน์ตาสีนิลให้หันไปมองเจ้าของเสียงที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ริมฝีปากหยักได้รูปกำลังขยับพูดอะไรบางอย่าง ด้วยความอยากรู้ร่างสูงจึงลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้เตียงและโน้มตัวเอียงหูฟังเสียงคนร่างเล็ก
"อย่าทิ้งพี่...."
สิ้นเสียง น้ำตาใสใสก็เอ่อคลอไหลอาบแก้มเนียนนุ่มนั่น ร่างสูงเห็นดังนั้นก็ตกใจจึงใช้นิ้วชี้ปาดเช็ดน้ำตาให้คนร่างเล็กเบาๆ อย่างอ่อนโยน
อยากรู้จังว่าเด็กคนนี้ฝันอะไรอยู่ อะไรที่ทำให้เขาร้องไห้แม้ยามหลับ
น้ำตาของคนไข้ทำให้ดาราสาวลืมคิดวิธีปกป้องชื่อเสียงของตนไปชั่วขณะ มือเรียวลูบไล้ใบหน้าหวานน่ามองไปมาอย่างเผลอไผล แก้มเนียนนุ่มน่าหยิกกับจมูกโด่งรั้นที่น่าบิดเล่น โดยเฉพาะริมฝีปากหยักได้รูป มันช่างน่าดึงดูดนัก
ด้วยความอยากสัมผัสความหวานของปากคนไข้ ดาราสาวจึงโน้มตัวลงไปประทับจูบปากคนร่างเล็กเบาๆ เนิ่นนาน ก่อนจะเบิกตากว้างและผละตัวออกห่างจากเตียงอย่างนึกตกใจกับการกระทำของตน
นี่เราจูบผู้หญิงอย่างนั้นเหรอ?
อั้มลูบปากตัวเองพลางมองปากของคนบนเตียงที่ตัวเองเพิ่งจะสัมผัสไปอย่างอึ้งๆ ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะโรคจิตเผลอไปจูบผู้หญิงแบบนี้ หากใครรู้เข้ามีหวังทุกคนต้องมองเธอเป็นเลสเบี้ยนแน่!!
ร่างสูงสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆ นั่นออกไปและเดินกลับไปล้มตัวลงนอนบนโซฟา หันหลังให้ร่างเล็ก มือเรียวหยิบหมอนใบหนึ่งมาปิดหน้าตัวเองที่ร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ยิ่งนึกถึงตอนที่ตัวเองโน้มหน้าไปจูบคนเตียง... เธอยิ่งอยากมุดดินหนีไปไกลๆ เสียตอนนี้
หากเด็กคนนี้ตื่นมาแล้วรู้ว่าเสียจูบให้หญิงวัยสามสิบอย่างเธอ…จะเป็นยังไง ไม่อยากจะนึกเลย!!
-------------------------------------------
ติดตามอ่านต่อทั้งหมดได้ที่ http://writer.dek-d.com/nrokasin/story/view.php?id=881153
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ