Love Forever ชาติไหนก็รักเธอ
9.4
5) ผู้ชายคนนั้น . . /คำขอของแม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความทบทวนตัวละครก่อนอ่านนนน(เนื่องจากกระแสจำชื่อตัวละครไม่ได้ มาแรง)
ภาณุ = ป๊อปปี้ ปลายฟ้า = ฟาง
ธานนท์ = โทโมะ กอหญ้า = แก้ว
ดนัย = เขื่อน ม่านแก้ว = เฟย์
รินลดา = จินนี่ ภาพร = พิม
กานดา = ขนมจีน นิภพ = จองเบ
ริสา = หวาย
ตอนที่ 5
“อืมมมมมมมม ~”เวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง จนร่างบางตื่น สายตามองไปทั่วห้อง หวังเจอใครสักคน แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า . .
“โอ๊ย! ปวดหัวจัง . . . ทำไมไม่มีใครอยู่เลย”ในใจหวังเจอน้องสาวสุดที่รัก วิ่งมาไถ่ถามอาการ แต่เมื่อไม่เห็น เธอก็เริ่มหวั่นใจเป็นห่วงน้องสาว กลัวจะเป็นอันตราย
“สงสัยจะลงไปหาอะไรทาน ออกไปตามคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง”พูดเองเออเองแล้วรีบลุกทันที แต่เมื่อลุกเร็วเกินไปอาการปวดหัวก็จิ๊ดขึ้นมา จำต้องนั่งให้อาการหายเสียก่อน จึงค่อยๆลุกโดยลากเสาน้ำเกลือไปด้วย..
ร่างกายที่มีแรงเหลือน้อยเดินชิดกำแพงเพราะกลัวขาหมดแรงแล้วจะล้มไปถูกผู้ป่วยคนอื่น เดินไปอย่างหวาดระแวง เพราะที่นี่เป็นโรงพยาบาลใหญ่ แล้วอีกอย่างเธอก็ไม่เคยมา ถ้าจะเดินหลงบ้างมันคงไม่แปลกใช่มั้ย?
“ไปทางไหนล่ะทีนี้”เมื่อเดินมาถึงทางแยกก็ต้องคิดหนัก จะเดินกลับไปที่ห้องก็จำทางไม่ได้ เดินหน้าต่อก็คงจะไปกันใหญ่ ยืนคิดอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจกลับหลังหัน
ตุบ!
“โอ๊ย!”คงเป็นเพราะหันไม่ดูทางทำให้หันไปชนชายร่างสูงจนเธอเซไปติดกำแพง
“ขอโทษนะครับ พอดีผมรีบ”เขาหันมาบอกเธอก่อนจะวิ่งไปทางห้องพักพิเศษทันที
“ค่ะ . . . 0_0!!”
‘เมื่อกี้ . . . ผู้ชายคนนั้น?!’
‘‘ฟาง ปิดเครื่องทำไม ป๊อปโทรไปหาตั้งหลายครั้ง!’’
‘‘เอ่อ....คือ พะ พอดีแบตหมดน่ะ’’
‘‘เอ่อ...ขอโทษนะ ป๊อปแค่เป็นห่วง’’
‘‘.............’’
“อะ โอ๊ยยยยยย!! ฮึก ภาพอะไรอีก! ออกไปนะ ออกไป!!!”ขาหมดแรงทรุดลงกับพื้น มือกุมขมับอย่างทรมาน เป็นจังหวะเดียวกับที่ม่านแก้วเดินมา เมื่อสายตาของคนเป็นน้องสะดุดเข้ากับร่างบางที่นั่งดิ้นสีหน้าบ่งบอกถึงความทรมาน ก็ไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปหา แทบจะโยนข้าวของทิ้งเลยก็ว่าได้ เพราะสัญชาตญาณของพี่น้องดูก็รู้ทันทีว่าร่างบางที่นั่งอยู่คือพี่สาวของเธอ
“พี่ฟ้า! พี่ฟ้าออกมาจากห้องทำไม พี่ฟ้าเป็นอะไร!!”
“ม่านแก้ว! ช่วยพี่ด้วย พี่ปวดหัว! เอาภาพพวกนี้ออกไปที!!!”เริ่มงงกับสิ่งที่พี่สาวพูด แต่ในตอนนี้ความเป็นห่วงพี่สาวอยู่เหนือสิ่งใด รีบตามพยาบาลให้มาช่วย กว่าจะสงบก็ต้องใช้ยานอนหลับอีกรอบ . . .
“แม่ครับ! แม่เป็นยังไงบ้าง!”
“ภาณุ! มาได้ไงลูก ”ตกใจเมื่อเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนวิ่งมาอยู่ข้างเตียง
“ทำไมแม่ไม่ให้คนที่บ้านโทรบอกผม! แม่รู้มั้ยว่าผมเป็นห่วงแทบแย่ ถ้าคุณน้าไม่โทรมาถามอาการของแม่กับผม ผมก็คงจะไม่รู้!”(คุณน้าที่ว่าคือแม่ของดนัยและกานดา) เขาพูดเสียงดังแต่แฝงด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อเห็นสีหน้าของคนเป็นแม่ก็อ่อนลง รู้ตัวแล้วว่าพูดอะไรลงไป
“เอ่อ . . ผมขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่ผิดเองที่ไม่บอกลูกตั้งแต่แรก”
“แจน เธอกลับบ้านไปทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวฉันดูแลคุณแม่เอง”หันไปพูดกับคนใช้ที่มาเฝ้าแม่ของตน (ไม่รู้ว่าบอกดีๆหรือไล่ - -)
“ค่ะคุณภาณุ”เดินออกไปอย่างเงียบๆ ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงสองแม่ลูก
“ลูกกลับไปทำงานเถอะ ไม่ต้องมาดูแลแม่หรอก แม่ไม่ได้เป็นอะไรมาก”ไม่อยากให้ลูกชายต้องเสียงานเพราะตน จึงพูดไปอย่างนั้น
“เป็นลมแล้วตกบันได้เนี่ยนะครับไม่เป็นอะไรมาก?”
“. . . . . . . . . .”
“เฮ้อ แม่ครับ แม่ไม่ต้องกลัวผมเสียงานหรอกนะครับ”รู้ว่าแม่ตนเองคิดยังไง
“ก็แม่กลัวลูกเป็นห่วงแม่มากไป”
“ชั่งเถอะครับ แล้วคุณหมอบอกแม่ยังไงบ้าง”เมื่อเห็นว่าบทสนทาคงมีต่ออีกยาวจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“หมอเค้าบอกว่า แม่มีรอยซ้ำที่สะโพก แขน แล้วก็ . . . .”
“อะไรครับแม่?”
“. . . ตรวจเจอโรคมะเร็ง”
“ห๊ะ! โรคมะเร็ง”ร้องออกมาอย่างตกใจ ใครจะไปคิดว่าคนที่รักษาสุขภาพเป็นประจำจะเป็นโรคร้ายขนาดนี้
“ใช่ลูกฟังไม่ผิดหรอก แล้วหมอก็บอกด้วยว่าแม่จะอยู่ได้อีกไม่นาน. .”
“คุณแม่”เขาโผเข้ากอดแม่ตนเองแน่น ราวกับว่าท่านจะหายไปในนาทีนี้
“ถ้าแม่ขอให้ลูกทำอะไรสักอย่างก่อนที่แม่จะจากไปได้ไหม?”ถ้าเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำให้กับแม่ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธ
“. . . . . . . . อะไรครับแม่”
“โธ่เว้ยยยยยย !!!”
“เฮ้ย! ไอ้ณุ แกเป็นอะไรว่ะเนี่ย เมื่อตอนบ่ายยังดีๆอยู่เลย ไหงถึงมานั่งกระดกเหล้าเข้าปากแบบนี้”งงกับอาการและอารมณ์ที่แปรปรวนของเพื่อนชาย ที่หลังจากแยกกันตอนนั้นไม่กี่ชั่วโมง ก็โดนโทรตามให้มาหาที่คอนโด แต่พอมาถึงก็เจอภาพเพื่อนชายนั่งกินเหล้าอย่างต่อเนื่อง แล้วยังร้องโวยวาย ทำลายข้าวของบ้างชิ้นอีกด้วย
‘บอกฉันหน่อยเถ๊อะ! ฉันตามอารมณ์แกไม่ทัน -*-’
“เรื่อง ดะ เดิม เอิ้ก! แกโค้งรู๊นะดนัยน้อยยยยย!”
“ฉันจะไม่รู้ไอ้ตรงที่แกพูดนี่แหละ = =”
“ว่าแล๊ววววว! แกต้องช่วยยยฉานมายด้าย! ไปๆ! กลับไปเลยยยย!!”
“แกก็พูดมาดิว่ะ! อะไรๆก็ไล่ บ้าไปแล้วหรือไง!”จับแก้วเหล้าออกจากมือ แล้วพยายามกล่อมให้เพื่อนชายสงบสติอารมณ์ แต่รู้สึกจะต้องบอกตัวเองก่อนเสียแล้ว เพราะไอ้ประโยคร่ายยาวและจับใจความไม่ได้ทำให้เขาอารมณ์เสียเหมือนกัน
“เอิ้ก ! แม่ฉานเป็นโรคมะเร็ง”เมื่อหยุดกินเหล้าได้สักพัก ข้อความต่างๆที่พ่นออกมาจากปากก็ดูจะฟังได้เข้าใจมากขึ้น
“หะ?! แม่แกเนี่ยนะ เป็นไปได้ไง? . . . แล้วยังไงต่อ”ไม่ค่อยเชื่อกับสิ่งที่ตัวเองได้ยินสักเท่าไร แต่ก็รับรู้แล้วถามต่อ
“หึๆ แล้ว . . . . . . . . .”
“ม่านแก้ว! ฉันมาแล้ววว ”
“ชู่ๆ! เบาๆหน่อยสิกอหญ้า หมอเพิ่งให้ยานอนหลับไปเมื้อกี้เองนะ อะ อ้าว! สวัสดีจ๊ะธานนท์ มาด้วยหรอ?”
“อืม พอดีต้องมาทำธระแถวนี้ ก็เลยแวะมาส่งยัยแสบนี้ซะหน่อย ”ไม่พูดเปล่า ยังชี้ไปที่เธออีก จนเจ้าตัวนึกหมั่นไส้(รู้สึกว่าจะหมั่นไส้กันตั้งนานแล้วนะ -..-)
“หื้มมมม! ชิ! อ่อ แล้วทำไมหมอต้องให้ยานอนหลับด้วยล่ะ?”
“ก็ . . . . .”เล่าเรื่องราวที่ตนสามารถจับต้นชนปลายได้
“น่าสงสารคุณฟ้าจริงๆ ไม่น่าเจอเรื่องอย่างนี้เลย”
“แต่ฉันก็ยังสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง”
“อะไรม่านแก้ว?”อาการอยากรู้กำเริบทันที แต่เรื่องแบบนี้ รู้ไว้ก็ถูกต้องแล้วล่ะ
“ตอนที่พี่ฟ้าร้องขอให้ฉันช่วย พี่ฟ้าพูดด้วยว่า เอาออกไป เอาภาพพวกนี้ออกไป”
“หะ?”
“ทั้งๆที่แถวนั้นไม่มีภาพอะไรติดอยู่เลย ฉันว่ามันยังไงๆอยู่นะ ว่ามั้ยกอหญ้า ธานนท์?”
“บ้างทีคุณฟ้าอาจจะมีอาการทางจิต. . . .”
“นายจะบอกว่าพี่ฟ้าเป็นบ้าหรอ! 0[]0”
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย -__-”สิ่งที่ทั้งสองพูด มันก็คล้ายๆมุกนะ แต่สงสัยมุกนี้จะทำให้ม่านแก้วเครียดหนักกว่าเดิม
“ม่านแก้ว . . ฉะ ฉันขอโทษ”เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรที่ไม่ได้ออกไป จึงรีบขอโทษเพื่อนสาว
“ไม่เป็นไรหรอกกอหญ้า ว่าแต่ทั้งสองคนทานข้าวมารึยัง?”
“ยังเลย”พอพูดถึงอาหารท้องก็ร้องขึ้นมาทันที ดูถ้างานนี้ต้องจัดอาหารชุดใหญ่ซะแล้ว
“งั้นเราลงไปทานข้าวกันเถอะ อีกประมาณ 3-4 ชั่วโมงพี่ฟ้าถึงจะตื่น”ทั้งหมดพากันลงไปทานข้าว แต่ม่านแก้วก็ยังไม่วายหันหลังมาดูพี่สาวตนเอง สายสัมพันธ์พี่น้องยังไงก็ตัดไม่ขาด . . . . . จริงมั้ย?
“ฮึ่ย!! ตัวหนักจริง”เมื่อเหล้าหมดฤทธิ์ เพื่อนชายก็เริ่มไม่ตอบสนอง แถมยังมีเสียงกรนมาให้รำคาญหูอีก ก็ต่อเป็นภาระของดนัยน้อยที่เขาเรียก ต้องอุ้ม(หรือลาก?)จากห้องนั่งเล่นไปยังห้องนอน ตัวก็ไม่ใช่เบาๆซะด้วย - -
“เฮ้อ~ เรื่องนี้ฉันช่วยแกไม่ได้จริงๆว่ะ เมื่อไรแม่กับคุณป้าจะหยุดคิดเรื่องคลุมถุงชนสักที” . . .
“. . . . . . . . อะไรครับแม่”
“แต่งงานกับหนูกานดา”
“แม่ครับ! แต่ผม. . . .”
“สิ่งสุดท้ายที่แม่ขอก่อนตายลูกทำให้แม่ไม่ได้หรอ!”
“……………….”
“……………….”
“งั้นผมขอคิดดูก่อน”
~เขาเลว.. แต่เธอก็ทน เขาเลว.. แต่เธอก็ยอม~
“ฮัลโหล ว่าไงดา”
“พี่ดนัยรู้เรื่องแล้วใช่มั้ย?”รับสายน้องสาวสุดที่รัก หวังจะได้ยินน้ำเสียงสดใส แต่กลับได้ยินน้ำเสียงเศร้าๆกลับมาแทน
“เรารู้แล้วหรอ?”
“ค่ะ ดากลับมาบ้านคุณแม่ก็บอกดาเลย . . . มันไม่มีทางแก้ไขเลยหรอค่ะพี่”เจ้าตัวนิ่งไปสักพัก แต่ตอนนี้สมองของเขายังคิดอะไรไม่ออกหรอก
“พี่ขอโทษดา พี่ . . . คิดไม่ออกจริงๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ดาเข้าใจ แล้วพี่ณุรู้รึยังค่ะ?”
“รายนี้เมาหัวราน้ำไปแล้ว เพราะไอ้เรื่องบ้าๆนี่แหละ คืนนี้พี่คงต้องอยู่เป็นเพื่อนมันก่อน เกิดตื่นขึ้นมาแล้วคิดสั้น คนที่ซวยก็คือพี่ ฝาก(โกหก)บอกคนที่บ้านด้วยนะ”
“ได้ค่ะพี่ ฝันดีค่ะ”
“ตอนนั้นมันอะไรกัน?”นั่งคิดอยู่บนเตียงผู้ป่วยได้สักพัก แต่ก็คิดอะไรไม่ออกเลย . . . ใช่ เธอตื่นแล้ว เธอไม่โวยวาย เธอไม่ปวดหัว เธอมีแค่ . . . . ความสงสัย
แอ๊ดดดดดด~
“ฮ่าๆ หนังสนุกมากเลยกอหญ้า 555 . . . พี่ฟ้า! พี่เป็นไงบ้าง!! ยังปวดหัวอยู่รึเปล่า?!”หลังจากไปทานข้าว ธานนท์ก็ชวนไปดูหนัง กว่าจะกลับก็ปาเข้าไปหลายชั่วโมง กลับมาถึงห้องก็เจอพี่สาวนั่งคิดขมิ้ว น้องสาวสุดที่รักก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที
“ไม่แล้วล่ะ แล้วเราไปไหนมา ? . . . นี่ใครหรอ?”
“สวัสดีค่ะพี่ฟ้า”เมื่อถูกถามเจ้าตัวก็ยกมือไหว้ไว้ก่อน
“อ๋อ! นี่เพื่อนม่านแก้วเอง ชื่อกอหญ้า ที่ม่านแก้วเคยเล่าให้พี่ฟังไง พวกเราไปทานข้าวมา แล้วก็เลยไปดูหนัง คิดว่าพี่ยังไม่ตื่น . .”
“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนิ”
“น่าเสียดายที่ธานนท์กลับก่อน ไม่อย่างนั้นคงจะได้คุยธุระกับพี่ฟ้าด้วย”
“นั่นสิ แต่แกไม่ต้องเรียกพี่ฟ้าว่าพี่หรอ แกกับพี่ฟ้าอายุเท่ากัน”
“อ่าวหรอ? งั้นกอหญ้าขอเรียกว่าฟ้าเฉยๆนะค่ะ ^0^”
“ค่ะ ^^ ว่าแต่มีธุระอะไรจะคุยกับฟ้าหรอค่ะ แล้วธานนท์คือใคร?”
“ธานนท์เป็นเจ้านายกอหญ้าเองค่ะ พอดีที่บริษัทเค้าต้องการช่างภาพที่ฝีมือดีๆไปร่วมงาน กอหญ้าก็เลยอยากจะชวนฟ้าไปร่วมงานด้วย”
“มันจะดีหรอค่ะ?”เกิดความไม่แน่ใจในตัวเอง อาการปวดหัวจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ไม่รู้ เธอไม่อยากให้งานมันเสียเพราะเธอนะ
“เอาเถอะน่าพี่ฟ้า เดี๋ยวค่อยคิดก็ได้ ยัยกอหญ้ายังไม่ได้รีบตอนนี้ พี่นอนพักเถอะ จะได้ออกจากโรงพยาบาลไวๆ”ถึงจะทำตามที่น้องบอก แต่เจ้าตัวก็ยังคิดหนักอยู่ดี . .
‘ฉันก็ไม่ใช่ช่างภาพฝีมือดีขนาดนั้นหรอกนะ . . . ไหนจะเรื่องผู้ชายคนนั้นอีก โอ๊ย! มีแต่เรื่อง - -’
-ทั้งๆที่แถวนั้นไม่มีภาพอะไรติดอยู่เลย ฉันว่ามันยังไงๆอยู่นะ ว่ามั้ยกอหญ้า ธานนท์-
-Mankaew-
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระนางได้เจอกันแล้ว(แบบผ่านๆ - -) จะโดนเตะมั้ยเนี่ย TT
พระเอกเครียดจัด นางเอกปวดหัวบ่อย เฮ้อ จะเป็นยังไงล่ะทีนี้ . . . ♥
ภาณุ = ป๊อปปี้ ปลายฟ้า = ฟาง
ธานนท์ = โทโมะ กอหญ้า = แก้ว
ดนัย = เขื่อน ม่านแก้ว = เฟย์
รินลดา = จินนี่ ภาพร = พิม
กานดา = ขนมจีน นิภพ = จองเบ
ริสา = หวาย
ตอนที่ 5
“อืมมมมมมมม ~”เวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง จนร่างบางตื่น สายตามองไปทั่วห้อง หวังเจอใครสักคน แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า . .
“โอ๊ย! ปวดหัวจัง . . . ทำไมไม่มีใครอยู่เลย”ในใจหวังเจอน้องสาวสุดที่รัก วิ่งมาไถ่ถามอาการ แต่เมื่อไม่เห็น เธอก็เริ่มหวั่นใจเป็นห่วงน้องสาว กลัวจะเป็นอันตราย
“สงสัยจะลงไปหาอะไรทาน ออกไปตามคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง”พูดเองเออเองแล้วรีบลุกทันที แต่เมื่อลุกเร็วเกินไปอาการปวดหัวก็จิ๊ดขึ้นมา จำต้องนั่งให้อาการหายเสียก่อน จึงค่อยๆลุกโดยลากเสาน้ำเกลือไปด้วย..
ร่างกายที่มีแรงเหลือน้อยเดินชิดกำแพงเพราะกลัวขาหมดแรงแล้วจะล้มไปถูกผู้ป่วยคนอื่น เดินไปอย่างหวาดระแวง เพราะที่นี่เป็นโรงพยาบาลใหญ่ แล้วอีกอย่างเธอก็ไม่เคยมา ถ้าจะเดินหลงบ้างมันคงไม่แปลกใช่มั้ย?
“ไปทางไหนล่ะทีนี้”เมื่อเดินมาถึงทางแยกก็ต้องคิดหนัก จะเดินกลับไปที่ห้องก็จำทางไม่ได้ เดินหน้าต่อก็คงจะไปกันใหญ่ ยืนคิดอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจกลับหลังหัน
ตุบ!
“โอ๊ย!”คงเป็นเพราะหันไม่ดูทางทำให้หันไปชนชายร่างสูงจนเธอเซไปติดกำแพง
“ขอโทษนะครับ พอดีผมรีบ”เขาหันมาบอกเธอก่อนจะวิ่งไปทางห้องพักพิเศษทันที
“ค่ะ . . . 0_0!!”
‘เมื่อกี้ . . . ผู้ชายคนนั้น?!’
‘‘ฟาง ปิดเครื่องทำไม ป๊อปโทรไปหาตั้งหลายครั้ง!’’
‘‘เอ่อ....คือ พะ พอดีแบตหมดน่ะ’’
‘‘เอ่อ...ขอโทษนะ ป๊อปแค่เป็นห่วง’’
‘‘.............’’
“อะ โอ๊ยยยยยย!! ฮึก ภาพอะไรอีก! ออกไปนะ ออกไป!!!”ขาหมดแรงทรุดลงกับพื้น มือกุมขมับอย่างทรมาน เป็นจังหวะเดียวกับที่ม่านแก้วเดินมา เมื่อสายตาของคนเป็นน้องสะดุดเข้ากับร่างบางที่นั่งดิ้นสีหน้าบ่งบอกถึงความทรมาน ก็ไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปหา แทบจะโยนข้าวของทิ้งเลยก็ว่าได้ เพราะสัญชาตญาณของพี่น้องดูก็รู้ทันทีว่าร่างบางที่นั่งอยู่คือพี่สาวของเธอ
“พี่ฟ้า! พี่ฟ้าออกมาจากห้องทำไม พี่ฟ้าเป็นอะไร!!”
“ม่านแก้ว! ช่วยพี่ด้วย พี่ปวดหัว! เอาภาพพวกนี้ออกไปที!!!”เริ่มงงกับสิ่งที่พี่สาวพูด แต่ในตอนนี้ความเป็นห่วงพี่สาวอยู่เหนือสิ่งใด รีบตามพยาบาลให้มาช่วย กว่าจะสงบก็ต้องใช้ยานอนหลับอีกรอบ . . .
“แม่ครับ! แม่เป็นยังไงบ้าง!”
“ภาณุ! มาได้ไงลูก ”ตกใจเมื่อเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนวิ่งมาอยู่ข้างเตียง
“ทำไมแม่ไม่ให้คนที่บ้านโทรบอกผม! แม่รู้มั้ยว่าผมเป็นห่วงแทบแย่ ถ้าคุณน้าไม่โทรมาถามอาการของแม่กับผม ผมก็คงจะไม่รู้!”(คุณน้าที่ว่าคือแม่ของดนัยและกานดา) เขาพูดเสียงดังแต่แฝงด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อเห็นสีหน้าของคนเป็นแม่ก็อ่อนลง รู้ตัวแล้วว่าพูดอะไรลงไป
“เอ่อ . . ผมขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่ผิดเองที่ไม่บอกลูกตั้งแต่แรก”
“แจน เธอกลับบ้านไปทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวฉันดูแลคุณแม่เอง”หันไปพูดกับคนใช้ที่มาเฝ้าแม่ของตน (ไม่รู้ว่าบอกดีๆหรือไล่ - -)
“ค่ะคุณภาณุ”เดินออกไปอย่างเงียบๆ ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงสองแม่ลูก
“ลูกกลับไปทำงานเถอะ ไม่ต้องมาดูแลแม่หรอก แม่ไม่ได้เป็นอะไรมาก”ไม่อยากให้ลูกชายต้องเสียงานเพราะตน จึงพูดไปอย่างนั้น
“เป็นลมแล้วตกบันได้เนี่ยนะครับไม่เป็นอะไรมาก?”
“. . . . . . . . . .”
“เฮ้อ แม่ครับ แม่ไม่ต้องกลัวผมเสียงานหรอกนะครับ”รู้ว่าแม่ตนเองคิดยังไง
“ก็แม่กลัวลูกเป็นห่วงแม่มากไป”
“ชั่งเถอะครับ แล้วคุณหมอบอกแม่ยังไงบ้าง”เมื่อเห็นว่าบทสนทาคงมีต่ออีกยาวจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“หมอเค้าบอกว่า แม่มีรอยซ้ำที่สะโพก แขน แล้วก็ . . . .”
“อะไรครับแม่?”
“. . . ตรวจเจอโรคมะเร็ง”
“ห๊ะ! โรคมะเร็ง”ร้องออกมาอย่างตกใจ ใครจะไปคิดว่าคนที่รักษาสุขภาพเป็นประจำจะเป็นโรคร้ายขนาดนี้
“ใช่ลูกฟังไม่ผิดหรอก แล้วหมอก็บอกด้วยว่าแม่จะอยู่ได้อีกไม่นาน. .”
“คุณแม่”เขาโผเข้ากอดแม่ตนเองแน่น ราวกับว่าท่านจะหายไปในนาทีนี้
“ถ้าแม่ขอให้ลูกทำอะไรสักอย่างก่อนที่แม่จะจากไปได้ไหม?”ถ้าเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำให้กับแม่ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธ
“. . . . . . . . อะไรครับแม่”
“โธ่เว้ยยยยยย !!!”
“เฮ้ย! ไอ้ณุ แกเป็นอะไรว่ะเนี่ย เมื่อตอนบ่ายยังดีๆอยู่เลย ไหงถึงมานั่งกระดกเหล้าเข้าปากแบบนี้”งงกับอาการและอารมณ์ที่แปรปรวนของเพื่อนชาย ที่หลังจากแยกกันตอนนั้นไม่กี่ชั่วโมง ก็โดนโทรตามให้มาหาที่คอนโด แต่พอมาถึงก็เจอภาพเพื่อนชายนั่งกินเหล้าอย่างต่อเนื่อง แล้วยังร้องโวยวาย ทำลายข้าวของบ้างชิ้นอีกด้วย
‘บอกฉันหน่อยเถ๊อะ! ฉันตามอารมณ์แกไม่ทัน -*-’
“เรื่อง ดะ เดิม เอิ้ก! แกโค้งรู๊นะดนัยน้อยยยยย!”
“ฉันจะไม่รู้ไอ้ตรงที่แกพูดนี่แหละ = =”
“ว่าแล๊ววววว! แกต้องช่วยยยฉานมายด้าย! ไปๆ! กลับไปเลยยยย!!”
“แกก็พูดมาดิว่ะ! อะไรๆก็ไล่ บ้าไปแล้วหรือไง!”จับแก้วเหล้าออกจากมือ แล้วพยายามกล่อมให้เพื่อนชายสงบสติอารมณ์ แต่รู้สึกจะต้องบอกตัวเองก่อนเสียแล้ว เพราะไอ้ประโยคร่ายยาวและจับใจความไม่ได้ทำให้เขาอารมณ์เสียเหมือนกัน
“เอิ้ก ! แม่ฉานเป็นโรคมะเร็ง”เมื่อหยุดกินเหล้าได้สักพัก ข้อความต่างๆที่พ่นออกมาจากปากก็ดูจะฟังได้เข้าใจมากขึ้น
“หะ?! แม่แกเนี่ยนะ เป็นไปได้ไง? . . . แล้วยังไงต่อ”ไม่ค่อยเชื่อกับสิ่งที่ตัวเองได้ยินสักเท่าไร แต่ก็รับรู้แล้วถามต่อ
“หึๆ แล้ว . . . . . . . . .”
“ม่านแก้ว! ฉันมาแล้ววว ”
“ชู่ๆ! เบาๆหน่อยสิกอหญ้า หมอเพิ่งให้ยานอนหลับไปเมื้อกี้เองนะ อะ อ้าว! สวัสดีจ๊ะธานนท์ มาด้วยหรอ?”
“อืม พอดีต้องมาทำธระแถวนี้ ก็เลยแวะมาส่งยัยแสบนี้ซะหน่อย ”ไม่พูดเปล่า ยังชี้ไปที่เธออีก จนเจ้าตัวนึกหมั่นไส้(รู้สึกว่าจะหมั่นไส้กันตั้งนานแล้วนะ -..-)
“หื้มมมม! ชิ! อ่อ แล้วทำไมหมอต้องให้ยานอนหลับด้วยล่ะ?”
“ก็ . . . . .”เล่าเรื่องราวที่ตนสามารถจับต้นชนปลายได้
“น่าสงสารคุณฟ้าจริงๆ ไม่น่าเจอเรื่องอย่างนี้เลย”
“แต่ฉันก็ยังสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง”
“อะไรม่านแก้ว?”อาการอยากรู้กำเริบทันที แต่เรื่องแบบนี้ รู้ไว้ก็ถูกต้องแล้วล่ะ
“ตอนที่พี่ฟ้าร้องขอให้ฉันช่วย พี่ฟ้าพูดด้วยว่า เอาออกไป เอาภาพพวกนี้ออกไป”
“หะ?”
“ทั้งๆที่แถวนั้นไม่มีภาพอะไรติดอยู่เลย ฉันว่ามันยังไงๆอยู่นะ ว่ามั้ยกอหญ้า ธานนท์?”
“บ้างทีคุณฟ้าอาจจะมีอาการทางจิต. . . .”
“นายจะบอกว่าพี่ฟ้าเป็นบ้าหรอ! 0[]0”
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย -__-”สิ่งที่ทั้งสองพูด มันก็คล้ายๆมุกนะ แต่สงสัยมุกนี้จะทำให้ม่านแก้วเครียดหนักกว่าเดิม
“ม่านแก้ว . . ฉะ ฉันขอโทษ”เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรที่ไม่ได้ออกไป จึงรีบขอโทษเพื่อนสาว
“ไม่เป็นไรหรอกกอหญ้า ว่าแต่ทั้งสองคนทานข้าวมารึยัง?”
“ยังเลย”พอพูดถึงอาหารท้องก็ร้องขึ้นมาทันที ดูถ้างานนี้ต้องจัดอาหารชุดใหญ่ซะแล้ว
“งั้นเราลงไปทานข้าวกันเถอะ อีกประมาณ 3-4 ชั่วโมงพี่ฟ้าถึงจะตื่น”ทั้งหมดพากันลงไปทานข้าว แต่ม่านแก้วก็ยังไม่วายหันหลังมาดูพี่สาวตนเอง สายสัมพันธ์พี่น้องยังไงก็ตัดไม่ขาด . . . . . จริงมั้ย?
“ฮึ่ย!! ตัวหนักจริง”เมื่อเหล้าหมดฤทธิ์ เพื่อนชายก็เริ่มไม่ตอบสนอง แถมยังมีเสียงกรนมาให้รำคาญหูอีก ก็ต่อเป็นภาระของดนัยน้อยที่เขาเรียก ต้องอุ้ม(หรือลาก?)จากห้องนั่งเล่นไปยังห้องนอน ตัวก็ไม่ใช่เบาๆซะด้วย - -
“เฮ้อ~ เรื่องนี้ฉันช่วยแกไม่ได้จริงๆว่ะ เมื่อไรแม่กับคุณป้าจะหยุดคิดเรื่องคลุมถุงชนสักที” . . .
“. . . . . . . . อะไรครับแม่”
“แต่งงานกับหนูกานดา”
“แม่ครับ! แต่ผม. . . .”
“สิ่งสุดท้ายที่แม่ขอก่อนตายลูกทำให้แม่ไม่ได้หรอ!”
“……………….”
“……………….”
“งั้นผมขอคิดดูก่อน”
~เขาเลว.. แต่เธอก็ทน เขาเลว.. แต่เธอก็ยอม~
“ฮัลโหล ว่าไงดา”
“พี่ดนัยรู้เรื่องแล้วใช่มั้ย?”รับสายน้องสาวสุดที่รัก หวังจะได้ยินน้ำเสียงสดใส แต่กลับได้ยินน้ำเสียงเศร้าๆกลับมาแทน
“เรารู้แล้วหรอ?”
“ค่ะ ดากลับมาบ้านคุณแม่ก็บอกดาเลย . . . มันไม่มีทางแก้ไขเลยหรอค่ะพี่”เจ้าตัวนิ่งไปสักพัก แต่ตอนนี้สมองของเขายังคิดอะไรไม่ออกหรอก
“พี่ขอโทษดา พี่ . . . คิดไม่ออกจริงๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ดาเข้าใจ แล้วพี่ณุรู้รึยังค่ะ?”
“รายนี้เมาหัวราน้ำไปแล้ว เพราะไอ้เรื่องบ้าๆนี่แหละ คืนนี้พี่คงต้องอยู่เป็นเพื่อนมันก่อน เกิดตื่นขึ้นมาแล้วคิดสั้น คนที่ซวยก็คือพี่ ฝาก(โกหก)บอกคนที่บ้านด้วยนะ”
“ได้ค่ะพี่ ฝันดีค่ะ”
“ตอนนั้นมันอะไรกัน?”นั่งคิดอยู่บนเตียงผู้ป่วยได้สักพัก แต่ก็คิดอะไรไม่ออกเลย . . . ใช่ เธอตื่นแล้ว เธอไม่โวยวาย เธอไม่ปวดหัว เธอมีแค่ . . . . ความสงสัย
แอ๊ดดดดดด~
“ฮ่าๆ หนังสนุกมากเลยกอหญ้า 555 . . . พี่ฟ้า! พี่เป็นไงบ้าง!! ยังปวดหัวอยู่รึเปล่า?!”หลังจากไปทานข้าว ธานนท์ก็ชวนไปดูหนัง กว่าจะกลับก็ปาเข้าไปหลายชั่วโมง กลับมาถึงห้องก็เจอพี่สาวนั่งคิดขมิ้ว น้องสาวสุดที่รักก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที
“ไม่แล้วล่ะ แล้วเราไปไหนมา ? . . . นี่ใครหรอ?”
“สวัสดีค่ะพี่ฟ้า”เมื่อถูกถามเจ้าตัวก็ยกมือไหว้ไว้ก่อน
“อ๋อ! นี่เพื่อนม่านแก้วเอง ชื่อกอหญ้า ที่ม่านแก้วเคยเล่าให้พี่ฟังไง พวกเราไปทานข้าวมา แล้วก็เลยไปดูหนัง คิดว่าพี่ยังไม่ตื่น . .”
“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนิ”
“น่าเสียดายที่ธานนท์กลับก่อน ไม่อย่างนั้นคงจะได้คุยธุระกับพี่ฟ้าด้วย”
“นั่นสิ แต่แกไม่ต้องเรียกพี่ฟ้าว่าพี่หรอ แกกับพี่ฟ้าอายุเท่ากัน”
“อ่าวหรอ? งั้นกอหญ้าขอเรียกว่าฟ้าเฉยๆนะค่ะ ^0^”
“ค่ะ ^^ ว่าแต่มีธุระอะไรจะคุยกับฟ้าหรอค่ะ แล้วธานนท์คือใคร?”
“ธานนท์เป็นเจ้านายกอหญ้าเองค่ะ พอดีที่บริษัทเค้าต้องการช่างภาพที่ฝีมือดีๆไปร่วมงาน กอหญ้าก็เลยอยากจะชวนฟ้าไปร่วมงานด้วย”
“มันจะดีหรอค่ะ?”เกิดความไม่แน่ใจในตัวเอง อาการปวดหัวจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ไม่รู้ เธอไม่อยากให้งานมันเสียเพราะเธอนะ
“เอาเถอะน่าพี่ฟ้า เดี๋ยวค่อยคิดก็ได้ ยัยกอหญ้ายังไม่ได้รีบตอนนี้ พี่นอนพักเถอะ จะได้ออกจากโรงพยาบาลไวๆ”ถึงจะทำตามที่น้องบอก แต่เจ้าตัวก็ยังคิดหนักอยู่ดี . .
‘ฉันก็ไม่ใช่ช่างภาพฝีมือดีขนาดนั้นหรอกนะ . . . ไหนจะเรื่องผู้ชายคนนั้นอีก โอ๊ย! มีแต่เรื่อง - -’
-ทั้งๆที่แถวนั้นไม่มีภาพอะไรติดอยู่เลย ฉันว่ามันยังไงๆอยู่นะ ว่ามั้ยกอหญ้า ธานนท์-
-Mankaew-
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระนางได้เจอกันแล้ว(แบบผ่านๆ - -) จะโดนเตะมั้ยเนี่ย TT
พระเอกเครียดจัด นางเอกปวดหัวบ่อย เฮ้อ จะเป็นยังไงล่ะทีนี้ . . . ♥
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ