นาฬิกาย้อนเวลา

-

เขียนโดย TeddyBaer

วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.27 น.

  1 session
  1 วิจารณ์
  4,306 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556 16.31 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) นาฬิกาย้อนเวลา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 “นาฬิกาย้อนเวลา”
            ผมชื่อ ไบรอัน ผมอาศัยอยู่กับน้องสาวของผม เธอชื่อ อริส เราอยู่ที่ลอนดอนในประเทศอังกฤษ เราอาศัยในกระท่อมหลังเล็กๆกลางป่า หาผลไม้หรือเข้าไปขโมยของในเมืองมาประทังชีวิตของผมและน้องสาว เรามีกันแค่สองคนเพราะว่า....พ่อแม่ของพวกเรา ได้เสียชีวิตไปแล้ว พ่อของเราเป็นทหาร แล้ววันหนึ่ง ตอนที่พ่อของเราไปออกทำศึกสงครามในเวลากลางคืน แถบชายแดน (ประมาณ 3 ทุ่มกว่า วันที่ 24 เดือน มกราคม ค.ศ. 1825) ก็โดนทหารของฝ่ายตรงข้าม ยิงปืนเข้าที่ปอดด้านขวา พ่อของเราอาการสาหัสมาก สุดท้ายก็ทนพิษของบาดแผลไม่ไหวและขาดใจตายกลางสนามรบ ซึ่งมีทหารคนหนึ่งที่อยู่ใกล้กับพ่อของเราในขณะที่พ่อโดนยิงมาบอกพวกเรา (ในตอนที่แม่ยังไม่เสียชีวิต) ว่า คนที่ทำให้พ่อของเราตาย เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง อาจเป็นฝ่ายตรงข้าม อายุคงไล่ๆกับผม เป็นคนเหนี่ยวไกใส่พ่อของผม
            หลังจากที่พ่อตายไปได้ไม่นาน เราก็ต้องขายบ้านในตัวเมือง เพราะว่าเราไม่มีเงินพอเลี้ยงชีพ แล้วจึงมาทำกระท่อมเล็กๆอาศัยอยู่ในป่า เวลาผ่านไปได้ 1 เดือน.....แม่ของเราก็ตายด้วย โรคไข้ป่า (โรคมาลาเรีย) และแล้ว....ผมก็อาศัยอยู่กับน้องสาวของผมเพียงแค่ 2 คน...... วันนี้ผมตั้งใจจะไปขโมยและหาของในตัวเมืองมาเลี้ยงน้องผม อ้อ! ผมลืมบอกไปว่าผมอายุ 12 ปีแล้ว ส่วนน้องของผมอายุ 6 ปี เธอเป็นเด็กที่ไร้เดียงสาสำหรับผม “เดี๋ยวพี่จะเข้าไปในเมือง น้องรอพี่อยู่ที่บ้านห้ามออกไปไหนนะ” ผมบอกน้องสาวที่แสนรักของผมพลางเก็บของเตรียมพร้อมเข้าเมือง บ้านของเราไม่ได้ไกลจากตัวเมืองมากนักใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมง ก็ถึงแล้ว “พี่จะไปนานมั้ยคะ” อริสถามผมก่อนที่ผมจะเดินออกจากบ้านไป “ไม่นานหรอก...พี่สัญญาว่าจะกลับมาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน” ผมพูดแล้วหันหลังไปขยี้หัวของอริสเบาๆอย่างเอ็นดู “สัญญาได้มั้ยคะ” เธอพูดจบ ก็ยืนนิ้วก้อยเล็กๆของเธอมาเกี่ยวก้อยสัญญากับผม “อืม...พี่สัญญา” ผมพูดจบก็เดินออกบ้านมา
            ผมใช้เวลาชั่วโมงเศษ ก็เดินมาถึงในตัวเมือง ขณะที่ผมเดินไปในตลาดกลางเมือง ผมก็เห็นผู้ชายคนหนึ่ง แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าขาดวิ่นและดูเก่าคล่ำคลา นอนหมดสภาพอยู่ข้างทาง ท่าทางเหมือนว่าเขาจะเมาอยู่ พอเขาตื่น เขาก็พูดเอะอะโวยวายจนใครๆก็ไม่อยากอยู่ใกล้ เมื่อผมเดินเข้าไปใกล้เขา จู่ๆเขาก็พูดขึ้นมาว่า “เฮ้ย!ไอ้หนู นายคงเป็นพวกยากจนสินะ เอานี่ไป...ฉันให้นาย” เขาพูดจบ ก็หยิบถุงเงินขนาดเล็กที่ดูท่าทางเก่ามากจากในกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นให้ผม ซึ่งผมก็รับมาโดยไม่คิดอะไร จากนั้นก็รีบวิ่งออกห่างจากชายคนนั้นโดยเร็ว
            ตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้ว อีกไม่นานพระอาทิตย์ก็จะลับขอบฟ้า ของที่ผมขโมยหรือหามาได้ก็มีแค่ เศษขนมปังขนาดเท่ากำปั้นมือ 2 ชิ้น ลูกอมรสมิ้น 1 เม็ด และถุงเงินที่ชายคนนั้นเอาให้ ก็แค่นี้เอง แต่ถึงอยากหาของต่อแค่ไหนก็ต้องกลับ เพราะผมสัญญาไว้กับอริสแล้วนี่....ว่าจะกลับก่อนอาทิตย์ตกดิน
ผมใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกับอีก 10 นาทีกว่าก็กลับมาถึงกระท่อมกลางป่าของผม (ผมวิ่งมาผลัดเดินบางครั้ง) “อริส!” ผมตะโกนเรียกชื่อของเธอในขณะที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ถึงกระท่อม พอผมมาถึงหน้ากระท่อม แทนที่จะมีน้องสาวของผมขานรับหรือเปิดประตูแล้วกระโดดกอดผม มันกลับมีเพียงความว่างเปล่า.... ผมจึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป ภาพที่ผมได้เห็นต่อหน้ามันทำให้ผมแทบช็อค เพราะภาพที่ผมเห็นคือ ภาพของอริส ที่นอนจมกองเลือดอยู่ที่ใต้โต๊ะกลางบ้านและมีลูกธนูปักอยู่กลางอก! ใครกัน...ที่ทำแม้กระทั่งเด็กน้อยไร้เดียงสาอย่างอริสของผม!?
            ในเย็นนั้น ผมฝังศพของน้องสาวผมใต้ต้นไม้ใหญ่หลังบ้าน ผมวางลูกอมรสมิ้นที่ตั้งใจหามาให้น้องสาวและเด็ดดอกไม้ป่าที่เธอชอบมาวางไว้หน้าหลุมศพของน้องสาวผม น้ำตาของผมค่อยๆไหลออกมาช้าช้า........ หลังจากยืนไว้อาลัยน้องสาวของผม ผมก็กลับมานั่งที่เก้าอี้ของโต๊ะกลางบ้านแล้วเปิดดูของที่ผมไปขโมยและหามาได้จากในตัวเมือง ผมกินขนมปังไปชิ้นหนึ่งและก็เปิดดูว่าในถุงเงินของชายคนนั้นเอาให้มีอะไรบ้าง... ในถุงเงินนั้นมี เศษเงินจำนวนหนึ่ง ด้ายสีน้ำเงินยาวหนึ่งนิ้ว และสร้อยเส้นหนึ่งที่มีจี้เป็นนาฬิกา และมีกระดาษแผ่นเล็กๆแผ่นหนึ่งแนบไว้กับนาฬิกา มันเขียนไว้ว่า “หากอยากย้อนเวลา จงหมุนเข็มนาฬิกานี้ แล้วบอกเวลาสถานที่ คิดให้ดีก่อนจะทำ..... ” พอผมอ่านมันจบ ผมก็เกิดความคิดขึ้นมา ... ผมคิดที่จะย้อนเวลาไปแก้แค้นให้พ่อและน้องสาวของผม! ถามว่าผมคิดดีแล้วเหรอ!? แน่นอนสิ!ผมคิดดีแล้ว ผมจะย้อนเวลาไปแก้แค้นให้พ่อและน้องสาว
            เมื่อผมคิดได้อย่างนั้น ผมจึงหมุนเข็มนาฬิกาไปในเวลาประมาณ 4 โมง เพราะน้องของผมคงตายในเวลานั้น “กลับไปในเวลา 4 โมง ของวันนี้ ที่หน้ากระท่อมในป่า” สิ้นเสียงของผม ภาพของโลกทั้งโลกก็หมุนบิดเบี้ยวไปหมด รู้ตัวอีกที่ผมก็นั่งที่เก้าอี้หน้าบ้านของกระท่อมเวลา 4 โมง ซึ่งตอนนี้น้องสาวของผมก็นั่งร้องเพลงอยู่บนเก้าอี้ของโต๊ะกลางห้อง ผมตั้งสติได้ ก็รีบเปิดประตูเข้าไปในบ้าน “พี่กลับมาแล้ว!” อริสพูดจบเธอก็กระโดดกอดผม....ผมคิดถึงอ้อมกอดนี้จัง “อริสรีบหลบเร็วจะมีคนมาทำร้ายเธอ!” ผมรีบบอกเธอโดยเร็ว อริสวิ่งไปหลบใต้โต๊ะกลางบ้าน แล้วผมก็เดินออกจากบ้านพร้อมทั้งคว้าธนูคันเก่าของพ่อออกมาด้วย “พี่จะไปไหน!?” อริสถามผม “ปกป้องเธอ!” ผมพูดจบ ก็รีบเดินออกมาแล้วปีนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ใกล้บ้าน แล้วหลบอยู่ที่ที่มีใบไม้เยอะๆเพื่อพรางตัว จากนั้นก็เตรียมพร้อมยิงธนูใส่คนร้ายที่จะมาทำร้ายน้องของผม
            เวลาผ่านไปจนใกล้เวลาที่ผมจะกลับมาแล้ว ยังไม่มีวี่แววของคนร้าย “ทำไมยังไม่มาสักทีนะ” ผมคิดในใจ จากนั้นผมพึ่งคิดได้ว่าผมไม่ได้ยิงธนูมานานแล้ว ผมจึงลองเล็งไปที่แจกันบนโต๊ะกลาง....จากนั้นก็ปล่อยลูกธนูไป แล้วจู่ๆสิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น! “พี่ไบรอัน” อริสตะโกนเรียกชื่อผม แล้วยืนขึ้นตรงตำแหน่งเดียวกับแจกันบนโต๊ะกลางห้อง “อริส!!” ผมตะโกน แต่มันสายไปแล้ว....เพราะลูกธนูที่ผมยิงไป ปักอยู่ที่กลางอกของอริสแล้ว “ไม่!!” ผมตะโกน จากนั้นก็ผมรีบปีนลงจากต้นไม้แล้วมาวิ่งเข้ามาในบ้าน “ปัง!” เสียงประตูที่ผมเปิดชนกับฝากระท่อม “พี่....คะ...” อริสพยายามพูด ตอนนี้ เธอนอนอยู่ใต้โต๊ะกลางบ้านและมีเลือดค่อยๆไหลออกจากแผลที่อกของเธอ “อยู่นิ่งนิ่งอริส น้องจะต้องไม่ตาย!” ผมค่อยประคองหัวของเธอให้นอนอยู่บนตักของผม ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูกแล้ว! ผมจะทำยังไงดี!? “พี่คะ....” อริสพูด “อยู่นิ่งนิ่งอริส น้องต้องรอด!” ผมพูด อริสส่ายหน้าเบาเบา...... “หนู ไม่ รอดแน่....ตัวเมือง ก็....อยู่ ไกล จาก ที่นี่......หนู...รัก....พี่...นะ...คะ....” สิ้นเสียงสุดท้ายของเธอ เธอก็ไม่มีลมหายใจอีก น้ำตาของผม....มันไหลลงมาอีกแล้ว ผมวางศพของน้องสาวของผมไว้ที่ใต้โต๊ะจากนั้นก็เดินออกมาจากในกระท่อม ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงคนเดินมา ผมจึงรีบปีนขึ้นไปบนต้นไม้ใกล้บ้านแล้วรอดูว่าคนที่มาเป็นใคร “อริส!”  นี่มันเสียงของผมนี่!...ไม่นานตัวของผมในอดีตก็เดินมาถึงหน้ากระท่อม แล้วเปิดประตูเข้าไป... ผมดูช่วงเวลานี้ซ้ำอีกไม่ไหวจึงแอบปีนลงมาจากต้นไม้ใกล้บ้านของผม แล้ววิ่งไปทางเข้าตัวเมือง
            ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงผมก็วิ่งมาถึงในตัวเมือง “แฮ่ก...แฮ่ก...” ผมหอบเพราะความเหนื่อยที่วิ่งมาจากกระท่อมในป่าจนถึงตัวเมืองโดยไม่หยุดตอนนี้ พระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าแล้ว ทั้งโลกมืดไปหมด!เหลือเพียงแสงจากพระจันทร์ที่ส่องให้ผมพอมองเห็นทาง ผมไม่เหลืออะไรแล้ว! ทั้งน้องสาว ทั้งแม่ และพ่อของผม ส่วนเจ้านาฬิกาย้อนเวลานี่...ก็เดินทางไปอนาคตไม่ได้.... แต่เดี๋ยวก่อนนะ!?....ผมยังย้อนเวลาไปช่วยพ่อของผมได้ ถ้าผมช่วยพ่อผมได้น้องสาวและแม่ของผม ต้องไม่ตายแน่!
ผมคิดได้แล้วอย่างนั้น ก็หมุนเข็มนาฬิกาไปในเวลา 3 ทุ่ม... “กลับไปในเวลา 3 ทุ่ม วันที่ 24 เดือน มกราคม ค.ศ. 1825 ที่สนามรบแถบชายแดน” สิ้นเสียงของผม โลกทั้งโลกก็หมุนบิดเบี้ยวอีกครั้ง รู้สึกตัวอีกที ผมก็อยู่ท่ามกลางสงครามที่กำลังชุลมุนอยู่ “ปัง...ปัง...ปัง!” ผมได้ยินเสียงหัวลูกกระสุน 220 เกรน พุ่งแหวกอากาศด้วยความเร็วสูงเฉียดแขนของผมไป 3 นัด อย่างหวุดหวิด! ผมวิ่งหาที่หลบและก็วิ่งไปสะดุดล้มลงที่กลางสนามรบ “โอ๊ย!” ผมร้องออกมาด้วยความเจ็บ พอผมหันไปสิ่งที่ผมสะดุดนั่นก็คือ ปืนแม็กนั่มแอฟริกัน ผมเงยหน้าขึ้นมาก็เจอมีชายทหารคนหนึ่ง แต่ผมเห็นหน้าเขาไม่ค่อยชัดนัก เพราะตอนนี้มันมืดมาก เขาเล็งปืนสั้น .22 แม็กนั่ม หันมาทางผม เขากำลังจะแตะไกปืนสั้น .22 แม็กนั่ม แต่แล้วเขาก็ลดมันลง ผมจึงคว้าปืนแอฟริกันมา แล้วแตะไกแม็กนั่มแอฟริกันระเบิดลำกล้องออกไป แรงอัดของมันทำให้ผมกระเด็นจากพื้นที่ตรงนั้น แล้วหล่นลงอีกที่ที่หนึ่ง ซึ่งไกลจากพื้นที่เดิมมาประมาณ 1 เมตร ผมเห็นชายทหารคนนั้นกระเด็นแล้วล้มลงนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ผมจึงรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปดูว่าชายคนนั้นเป็นใคร เมื่อผมได้เห็นหน้าของชายทหารคนนั้น มันทำให้ผมแทบช็อค เพราะชายคนนี้คือพ่อของผมเอง!
“พ่อฮะ!” ผมเขย่าตัวของพ่อผม แต่ไม่มีเสียงตอบและไม่มีแม้แต่ลมหายใจ ผมคุกเข่าซบหน้าร้องไห้ลงที่กลางอกของพ่อผม ผมได้กลิ่นคาวเลือดที่อกด้านขวา...... ผมคงยิงไปโดนที่อกด้านขวาของพ่อ พอผมตั้งสติ คิดได้ว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่กลางสนามรบ ผมก็รีบลุกและวิ่งหนีจากสถานที่ตรงนั้น โดยปล่อยให้ร่างกายของพ่อผมนอนอยู่ตรงนั้น.....ตรงที่ผม....ฆ่าพ่อตัวเอง!
ตอนนี้ดูเหมือนว่า ปืนแม็กนั่มแอฟริกัน กระบอกนี้มันหนักเกินไป! มันทำให้ผมวิ่งได้ช้าลง “ปัง....ปัง!” เสียงปืนไรเฟิลดังขึ้น ซึ่งหัวกระสุนของมัน เฉียดขาทั้งสองข้างของผมไปอย่างไม่น่าเชื่อ ว่ามันจะพลาดไปได้! ผมวิ่ง วิ่ง และวิ่ง แล้วจู่ๆร่างของผมก็กระเด็นด้วยแรงอัดของระเบิดที่มีคนโยนมาตกลงห่างจากตัวผมเพียง 2 เมตร ร่างของผมตกลงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วผมก็หมดสติไป...
ผมไม่รู้ว่าผมหมดสติไปนานเท่าไร พอผมรู้สึกตัวอีกทีก็ค่อยๆลุกขึ้นมา ตอนนี้สงครามยังไม่เลิกรา แต่ผมไม่ได้ยินเสียงปืนเลยแม้แต่นิด ไม่ได้ยินแม้แต้เสียงหายใจของตัวเอง! อา.....ทำไมผมถึงรู้สึกว่าตัวมันเบาขนาดนี้นะ??.... ผมหันมองไปที่ที่ใต้ต้นไม้เพื่อที่จะหยิบ ปืนแม็กนั่มแอฟริกันขึ้นมา..... แต่สิ่งที่ผมได้เห็นคือ ร่างของเด็กชายคนหนึ่งนอนจมกองเลือดที่ไหลออกมาจากแผลรอบตัวที่เกิดจากสะเก็ดระเบิด เด็กชายคนนั้นไม่มีลมหายใจแล้ว! ถ้าคุณจะเดา ว่าเด็กคนนั้นเป็นตัวผมล่ะก็......ใช่! เด็กชายคนนั้นคือ ผม! ไบรอัน ผู้ที่เสียทุกอย่างไป..... น้องสาว... แม่ ....และพ่อ!! ผมมองร่างของผมอย่างสังเวช แล้วหันหลังให้กับร่างที่ไร้วิญญาณของผม พอผมเงยหน้าขึ้น ผมก็มองเห็นบันไดสีขาวที่ทำจากปุยเมฆเป็นทางขึ้นไปด้านบนฟ้า ผมไม่แน่ใจว่าทางของปุยเมฆนี้จะพาผมไปที่ไหนแต่ที่สำคัญคือ...ที่หน้าบันได มีครอบครัวของผมมารอรับผมอยู่....
“เดินขึ้นมาสิไบรอัน เราจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง....” แม่ของผมพูด
“ขึ้นมาเถอะ พี่ไบรอัน” อริสพูด แล้วยิ้มให้ผม
“ไบรอัน ถึงเวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปแล้วล่ะลูก....” พ่อของผมพูดแล้วยื่นมือมาทางผม.... ผมไม่สนใจแล้วว่าพวกเขาจะชวนผมหรือไม่ เพราะผมรอเวลาที่จะไปอยู่พร้อมกับครอบครัวของผมมานานแล้ว.....
    จบแว้วนะ...งุงิ บ๊ายบาย

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา