เป็นนางร้ายอยู่ดี ๆ ทำไมนางเอกมาชอบฉันล่ะ
-
เขียนโดย _LYNN_
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 21.37 น.
4 ตอน
11 วิจารณ์
4,194 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2564 21.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) เดบูตองต์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเดบูตองต์
“กลับยังไงเนี่ย” หลังจากที่ยืนงงอยู่สักพักเพราะคนที่ช่วยมาดันพามาส่งริมป่า สภาพป่าโซนนี้เป็นป่าโปร่ง มีต้นสนเต็มไปหมด ดูสวยเหมือนอยู่ในซีรีส์ในเน็ตฟลิกซ์ที่เคยดู แต่พอมาอยู่คนเดียวก็แอบหลอนหน่อย
ถ้าโลกนี้มีมือถือก็ดีซิ ดูตอนนี้ลำบากมาก google map ก็ไม่มี แชร์โลเคชั่นเรียกเบตตี้มารับก็ไม่ได้ ทำได้แต่เดินไปเรื่อย ๆ ดีหน่อยที่ป่าตรงนี้ใกล้กับปราสาทมากจนแปลกใจหรือว่าเขาตั้งใจจะพามาส่งที่บ้าน ไม่หรอกมั้ง คงบังเอิญแหละ เพราะนอกจากสายตาที่มองมาเหมือนไม่พอใจอะไรตลอดเวลา ระหว่างทางแทบจะไม่คุยกันเลย คนอะไรน่ากลัวจัง
“ช่างเหอะ รีบเดินกลับบ้านดีกว่า” ถือว่าดวงดีนะเนี่ย เดินกลับบ้านถูกด้วย
พอเดินกลับมาถึงบ้าน พวกอัศวินก็พากันตกใจ เนื่องจากอยู่ดี ๆ ท่านหญิงของพวกเขาก็หายตัวไปกะทันหัน ทำเอาทุกคนช่วยกันตามหากันแทบวุ่น
“ท่านหญิง!!!!”
“ท่านกลับมาแล้วจริง ๆ ด้วย”
หลังจากนั้นฉันก็กลับเข้าปราสาทโดยม้าที่พวกอัศวินนำมาให้ ถึงจะเป็นการขี่ม้าแบบที่อัศวินพาเดินจูงจนถึงปราสาทก็เถอะ พอฉันถึงหน้าปราสาท ท่านพ่อและท่านแม่ก็มารอหน้าประตูพร้อมทั้งโผเข้ากอดลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของพวกเขา
“หายไหนมาลูก พ่อเป็นห่วงแทบแย่”
“นั่นซิลูก เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนมั้ย”
“หนูไม่เป็นไรเลยค่ะ สบายดี ท่านพ่อท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
“ไม่เป็นไรได้ยังไงลูก ไหน ไหน มาให้แม่ดูหน่อย”
“ตายจริง!!! ลูกมีแผลด้วย ไปตามท่านหมอมาเร็ว”
หลังจากนั้นทุกคนก็วุ่นวายกันไปหมด เพราะฉันดันไปมีแผลถลอกนิดหน่อยตรงข้อศอก น่าจะเกิดขึ้นตอนที่พยายามปืนขึ้นสะพาน แถมพวกเขายังขอกำลังอัศวินจากบ้านท่านดยุกเออร์กี้ มาช่วยกันค้นหาจนทั่วเมือง เพราะคิดว่าฉันโดนลักพาตัว ไม่น่าเชื่อว่าหนีเที่ยวแค่ครึ่งวัน เล่นเอาคนทั้งเมืองมาช่วยตามหาขนาดนี้
ในนิยายเรื่องนี้ผู้หญิงชนชั้นสูงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านโดยไม่มีผู้ติดตามเด็ดขาด นอกจากเรื่องของประเพณีแล้ว เมืองนี้เป็นเมืองท่ามีผู้คนมากมายเข้าออกเสมอ ทำให้หลายครั้งเกิดการลักพาตัวชนชั้นสูงเกิดขึ้น
ดังนั้นหญิงสาวชนชั้นสูงจริงไม่ออกนอกบ้านเท่าไหร่ อยากได้อะไรก็ให้คนสนิทไปซื้อให้ ถ้าเป็นตระกูลที่รวยหน่อย ก็ให้เจ้าของร้านขนแบบทุกอย่างที่มีในร้านมาให้เลือก ดังนั้นตอนฉันขอออกไปข้างนอกคนติดตามเลยเยอะมากจนแทบจะปิดทั้งตรอก
นี่มันลิดรอนสิทธิกันสุด ๆ ถึงจะสุขสบาย แต่ก็ไม่ต่างจากการอยู่ในกรงทอง ดังนั้นสตรีชั้นสูงจึงจัดงานอีเว้นท์กันบ่อยมาก โดยเฉพาะงานเลี้ยงน้ำชา ที่จัดกันแทบจะทุกอาทิตย์ แต่โชคดีหน่อยด้วยความร้ายกาจของไอรีนจึงไม่มีใครชวนเธอไปงานแบบนี้อีกเลย
แต่มีอีเว้นท์หนึ่งที่จำเป็นต้องเชิญสตรีชั้นสูงแทบจะทุกคนไปร่วมงาน แม้ว่าไอรีนจะร้ายกาจขนาดไหน แต่พ่อของเธอเป็นถึงผู้ขุนนางการท่าผู้ร่ำรวย และยังเป็นหนึ่งในตระกูลดยุกทั้งสี่ เพื่อผลประโยชน์ในอนาคตทุกคนจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องส่งบัตรเชิญมาให้
งานนั้นคือ งานเดบูตองต์ คล้ายกับงานเลี้ยงเต้นรำของหญิงสาวที่มีอายุ 18 ปี นอกจากจะเป็นงานแกรนด์โอเพนนิ่งตัวเองแล้ว ยิ่งมีชนชั้นสูงมาร่วมงานเท่าไหร่ก็บ่งบอกความมีบารมีของตระกูลเท่านั้น
ส่วนใหญ่ไอรีนจะปฏิเสธงานเหล่านี้ได้ แต่ไม่ใช่กับงานครั้งนี้ งานเดบูตองต์ของเจ้าหญิงอลิซาเบธ ซึ่งเป็นพระธิดาองค์เล็กของท่านพระราชา ไม่ว่าใครก็ไม่อาจปฏิเสธงานนี้ได้
ที่น่าปวดหัวกว่านั้น คือ ฉันต้องไปงานนี้กับท่านดยุกในฐานะคู่หมั้น ทำตัววุ่นวายมากก็อาจโดนเจ้าหญิงสั่งขัง แต่ที่น่ากลัวกว่าก็พระเอกเนี่ยะแหละ ทำไงให้พระเอกเอ็นดู อีก 2 ตอนก็จะเจอนางเอกแล้ว
ฉันต้องวางแผนทุกอย่างให้รอบคอบที่สุด ยิ่งใกล้เวลาที่จะเจอนางเอกเท่าไหร่ก็ยิ่งน่ากลัวเท่านั้น
อีกสองวันจะถึงงานเดบูตองต์ ไอรีนก็จำเป็นต้องมีงานนี้เป็นของตัวเอง ตอนนี้เธออายุเพียง 15 ปี เท่านั้น แต่ความร้ายกาจของเธอทำให้เธอไม่ได้มีชีวิตอยู่ไปถึงตอนนั้น งานเดบูตองต์ที่เธอจะไปมีเพียง 2 งานเท่านั้น คือ งานของเจ้าหญิงและงานของนางเอก ซึ่งหลังจากผ่านงานของนางเอกในตอนที่ 4 ก็ถูกนางเอกหมายหัว และฆ่าตายในตอนที่ 5 อย่างอนาถ ดังนั้นการอยู่ห่าง ๆ นางเอกจึงเป็นเรื่องที่ทำให้ชีวิตปลอดภัยที่สุด ซึ่งโชคดีที่ตอนนี้ ‘เอวา’ นางเอกยังไม่กลับมาที่เมือง
การเตรียมเสื้อผ้าหน้าผมให้สวยที่สุดในงานเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะนอกจากจะพรีเซ็นต์ตัวเองให้โดดเด่นในงานสังคมแล้วยังเป็นหน้าของตระกูลด้วย ยิ่งมีบุตรีที่งดงามและเพียบพร้อมเท่าไหร่ ส่งผลให้ตระกูลนั้นเป็นที่จับตามองไปด้วย ดังนั้นไอรีนจึงมีช่างหน้าช่างผมเกือบ 10 คน คอยดูแลอย่างดี หลังจากที่ดีลกับทุกคนเสร็จ ก็ต้องมาสปาร์แบบโบราณ เตรียมตัวยิ่งกว่าเจ้าของงานอีกมั้งเนี่ยะ
งานวันนี้เป็นงานปาร์ตีทีมหน้ากาก เบตตี้ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในงานด้วย ความรู้สึกประหม่าเกิดขึ้นในใจ ฉันไม่ใช่คนที่จะไปพบปะผู้คนเท่าไหร่ในโลกเดิมเพื่อนสักคนก็ไม่มี ปากเก่ง เฟรนลี่ แค่ในเพจเท่านั้นแหละ แถมยังมีข่าวเสียๆ หายๆ ของไอรีนอยู่เต็มไปหมด ใครจะกล้ามาคุยด้วยล่ะทีนี้ งานนี้เท่ากับว่าว้าเหว่แบบสุดๆ ไปเลยยยย
ไอรีนยืนกลัดกลุ้มอยู่หน้ากระจกนานสองนานกับใจที่ไม่อยากไปงานเลี้ยงด้วยรู้ชะตากรรมของตัวเองดี แต่ปฏิเสธไม่ได้เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นถึงเจ้าหญิง ดังนั้นทำได้เพียงยืนเป็นตุ๊กตาให้ช่างแต่งหน้าทำผมและหญิงรับใช้ช่วยกันแปลงโฉม
เพียงไม่นานทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์ รถม้าของท่านดยุกเออร์กี้เข้ามาในปราสาท พร้อมกับท่านดยุกที่สง่างามเป็นที่หมายปองของหญิงสาวลงมาจากรถม้าเพื่อมารับคู่หมั้นไปงานเลี้ยงวันนี้ ท่านดยุกสวมใส่หน้ากากสีน้ำเงินเข้มและชุดสูทสีเข้ากันที่ดูดีไม่น้อย
รอเพียงไม่นานไอรีนพร้อมด้วยชุดราตรีสีเหลืองพาสเทลที่แสนจะฟูฟ่องกับหน้ากากขนนกสีเดียวกันที่ปิดเพียงใบหน้าครึ่งบนเช่นเดียวกับของท่านดยุกที่ดูยังไงชุดของทั้งคู่ก็เหมือนไม่ได้นัดกันมา
ถึงฉันจะรู้เนื้อเรื่องอยู่แล้วว่าท่านดยุกชอบสีน้ำเงินดำ แล้วไงใครจะสนกัน ฉันชอบสีเหลือง ฉันจะใส่สีเหลือง ใครจะทำไม!!! ถึงแม้ช่างหน้า ช่างผม รวมถึงเบตตี้จะคอยทักท้วงให้ฉันใส่สีน้ำเงินเข้มก็ตาม สร้างความแปลกใจให้กับท่านดยุกไม่น้อย
“วันนี้เลดี้ช่างงดงามแปลกตายิ่งนัก”
“ขอบคุณนะคะ ท่านดยุกก็เช่นกันค่ะ” ถึงแม้จะรู้สึกตงิดใจกับคำชม แล้วก็รู้ว่าเป็นแค่คำชมตามมารยาท แต่ก็ต้องแสร้งว่าดีใจไว้ก่อน จากนั้นท่านดยุกก็ประคองฉันขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางไปพระราชวัง
การเดินทางค่อนข้างนานพอควรจึงจะถึงพระราชวัง ความรู้สึกตอนนี้เหมือนซิลโดเรล่ากำลังเข้าพระราชวังเพื่อเต้นรำกับเจ้าชาย เดี๋ยวววว ตื่นค่ะ นางซิลอะไรล่ะเรื่องนี้มีนางเอกแล้ว แค่อยู่รอดต่อไปและใช้ชีวิตแบบสุขสบายก็พอแล้ว เรื่องอื่นช่างมันเถอะ
ทันทีที่มาถึงก็ถูกเชิญให้เข้าไปภายในงานเลี้ยงข้างใน เหมือนงานเลี้ยงในการ์ตูนที่เคยดูเลย ทุกอย่างประดับตกแต่งอย่างสวยงาม สมแล้วที่เป็นอีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่แห่งปี ในนิยายไม่ได้ให้ความสำคัญกับฉากนี้เท่าไหร่ แค่มีให้รู้ถึงความน่ารำคาญของไอรีนเท่านั้น
“เป็นบุญตาจริง ๆ อลังการอะไรขนาดนี้เนี่ยะ” แค่นี้ก็รู้สึกคุ้มสุด ๆ ที่ได้เข้ามาอยู่ในนิยายเรื่องนี้ ถ้าไม่นับเรื่องที่นางเอกจะตามฆ่าอ่ะนะ มันปริ๊มปริ่มแบบสุด ๆ
ยืนชื่นชมอยู่ได้ไม่นานก็ถึงเวลาเปิดตัวเจ้าของงาน เจ้าหญิงผมบลอนด์ในชุดสีเขียวอ่อน ดวงตาสีฟ้าอ่อนแสนสวยที่โดดเด่นภายใต้หน้ากากบ่งบอกถึงความเป็นราชวงศ์เช่นเดียวกับของพระราชาและท่านดยุกเออร์กี้ ควงแขนมาพร้อมกับพระราชาสุดเทห์ เพื่อเปิดฟลอร์เต้นรำ มันสวยมากจริง ๆ เหมือนหลุดมาจากนิยายเลย เอ่อออ ก็นี้มันนิยายนี่นา อยากตัดจบแค่นี้เลยยยยยย
หลังจากนั้นงานเต้นรำก็เริ่มขึ้น ท่านดยุกก็มาโค้งพาฉันไปเต้นรำ ด้วยความประหม่าเลยเผลอไปเหยียบเท้าท่านดยุกหลายครั้ง ถึงแม้จะซ้อมกับเบตตี้มาอย่างดีแล้วเนี่ยะ แต่น่าแปลกมาท่านดยุกไม่ยังจะโกรธ สงสัยกินยาผิดมาแหงเลย
หลังจากงานเต้นรำจบ ฉันก็อยู่แบบเหงา ๆ ไม่มีคนมาคุยด้วยตามคาด ถึงจะใส่หน้ากาก แต่ผมแดงขนาดนี้ มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าเป็นไอรีน
“ไม่มีใครคุยด้วยก็ช่าง วันนี้ฉันจะกินทุกอย่างในงานเลยยย”
หลังจากนั้นก็มุ่งตรงไปโซนของกินอย่างไว ซึ่งตามคาด นอกจากอาหารพวกนี้จะหน้าตาสวย มันยังอร่อยสุด ๆ ด้วยยย แถวน้ำหวานสีสวย ๆ นี้ก็รสชาติดีจนซัดไปหลายแก้ว นี่มันสวรรค์จริงจริ๊งงงงงง
แต่แปลกใจอยู่อย่างหนึ่งมีหญิงรับใช้หน้าตาคุ้น ๆ คนหนึ่งมายื่นเครื่องดื่มพวกนี้ให้ตลอดเลย แถมยังมองด้วยสายตาแปลก ๆ ด้วย หลังจากยืนกินอยู่นานสองนานก็เริ่มรู้สึกมึน ๆ งง ๆ ด้วยความเหงาแล้วตรงนั้นไม่มีใครเลยนอกจากหญิงรับใช้คนนี้ ชวนคุยเลยละกัน ก็คนมันเหงาง่ะ ~ ~ ~
“เธอ ๆ ชื่ออะไรเหรอ”
“อีฟค่ะ”
“ฉันชื่อ ไอรีน นะ ยินดีที่ได้รู้จักกก”
“ข้าทราบค่ะ ว่าท่านคือเลดี้ไอรีน”
“ฉันดังขนาดนี้เลยเหรอเนี่ยะ เธอรู้จักแล้วไม่กลัวฉันเหรอออออ ~ ~ ~”
“ดูจากตอนนี้ ท่านก็ดูไม่มีอะไรให้น่ากลัวนะคะ”
“ใคร ๆ ก็กลัวฉันทั้งนั้นแหละ ทั้งงานไม่มีใครคุยกับฉันสักคน เห็นฉันเป็นแม่มดรึไงก็ไม่รู้ววว”
“คงเป็นเพราะเลดี้ อาจเคยทำอะไรไม่ดีใส่คนอื่นก็ได้นะคะ ข้าว่าท่านหญิงดูเหมือนจะไม่ไหว ตรงนี้มีผู้คนพลุกพล่าน เลดี้อยากไปตรงอื่นมั้ยคะ”
“อื้อ!! ไปซิ”
TALK : น้อนจะเดินตามใครก็ไม่รู้ไม่ได้นะลู๊กกกกกก
ถ้าพบเห็นคำผิดยังไงแจ้งไรท์ได้ตลอดนะคะ คอมเม้นท์ติชมกันไดน้าาาา
“กลับยังไงเนี่ย” หลังจากที่ยืนงงอยู่สักพักเพราะคนที่ช่วยมาดันพามาส่งริมป่า สภาพป่าโซนนี้เป็นป่าโปร่ง มีต้นสนเต็มไปหมด ดูสวยเหมือนอยู่ในซีรีส์ในเน็ตฟลิกซ์ที่เคยดู แต่พอมาอยู่คนเดียวก็แอบหลอนหน่อย
ถ้าโลกนี้มีมือถือก็ดีซิ ดูตอนนี้ลำบากมาก google map ก็ไม่มี แชร์โลเคชั่นเรียกเบตตี้มารับก็ไม่ได้ ทำได้แต่เดินไปเรื่อย ๆ ดีหน่อยที่ป่าตรงนี้ใกล้กับปราสาทมากจนแปลกใจหรือว่าเขาตั้งใจจะพามาส่งที่บ้าน ไม่หรอกมั้ง คงบังเอิญแหละ เพราะนอกจากสายตาที่มองมาเหมือนไม่พอใจอะไรตลอดเวลา ระหว่างทางแทบจะไม่คุยกันเลย คนอะไรน่ากลัวจัง
“ช่างเหอะ รีบเดินกลับบ้านดีกว่า” ถือว่าดวงดีนะเนี่ย เดินกลับบ้านถูกด้วย
พอเดินกลับมาถึงบ้าน พวกอัศวินก็พากันตกใจ เนื่องจากอยู่ดี ๆ ท่านหญิงของพวกเขาก็หายตัวไปกะทันหัน ทำเอาทุกคนช่วยกันตามหากันแทบวุ่น
“ท่านหญิง!!!!”
“ท่านกลับมาแล้วจริง ๆ ด้วย”
หลังจากนั้นฉันก็กลับเข้าปราสาทโดยม้าที่พวกอัศวินนำมาให้ ถึงจะเป็นการขี่ม้าแบบที่อัศวินพาเดินจูงจนถึงปราสาทก็เถอะ พอฉันถึงหน้าปราสาท ท่านพ่อและท่านแม่ก็มารอหน้าประตูพร้อมทั้งโผเข้ากอดลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของพวกเขา
“หายไหนมาลูก พ่อเป็นห่วงแทบแย่”
“นั่นซิลูก เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนมั้ย”
“หนูไม่เป็นไรเลยค่ะ สบายดี ท่านพ่อท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
“ไม่เป็นไรได้ยังไงลูก ไหน ไหน มาให้แม่ดูหน่อย”
“ตายจริง!!! ลูกมีแผลด้วย ไปตามท่านหมอมาเร็ว”
หลังจากนั้นทุกคนก็วุ่นวายกันไปหมด เพราะฉันดันไปมีแผลถลอกนิดหน่อยตรงข้อศอก น่าจะเกิดขึ้นตอนที่พยายามปืนขึ้นสะพาน แถมพวกเขายังขอกำลังอัศวินจากบ้านท่านดยุกเออร์กี้ มาช่วยกันค้นหาจนทั่วเมือง เพราะคิดว่าฉันโดนลักพาตัว ไม่น่าเชื่อว่าหนีเที่ยวแค่ครึ่งวัน เล่นเอาคนทั้งเมืองมาช่วยตามหาขนาดนี้
ในนิยายเรื่องนี้ผู้หญิงชนชั้นสูงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านโดยไม่มีผู้ติดตามเด็ดขาด นอกจากเรื่องของประเพณีแล้ว เมืองนี้เป็นเมืองท่ามีผู้คนมากมายเข้าออกเสมอ ทำให้หลายครั้งเกิดการลักพาตัวชนชั้นสูงเกิดขึ้น
ดังนั้นหญิงสาวชนชั้นสูงจริงไม่ออกนอกบ้านเท่าไหร่ อยากได้อะไรก็ให้คนสนิทไปซื้อให้ ถ้าเป็นตระกูลที่รวยหน่อย ก็ให้เจ้าของร้านขนแบบทุกอย่างที่มีในร้านมาให้เลือก ดังนั้นตอนฉันขอออกไปข้างนอกคนติดตามเลยเยอะมากจนแทบจะปิดทั้งตรอก
นี่มันลิดรอนสิทธิกันสุด ๆ ถึงจะสุขสบาย แต่ก็ไม่ต่างจากการอยู่ในกรงทอง ดังนั้นสตรีชั้นสูงจึงจัดงานอีเว้นท์กันบ่อยมาก โดยเฉพาะงานเลี้ยงน้ำชา ที่จัดกันแทบจะทุกอาทิตย์ แต่โชคดีหน่อยด้วยความร้ายกาจของไอรีนจึงไม่มีใครชวนเธอไปงานแบบนี้อีกเลย
แต่มีอีเว้นท์หนึ่งที่จำเป็นต้องเชิญสตรีชั้นสูงแทบจะทุกคนไปร่วมงาน แม้ว่าไอรีนจะร้ายกาจขนาดไหน แต่พ่อของเธอเป็นถึงผู้ขุนนางการท่าผู้ร่ำรวย และยังเป็นหนึ่งในตระกูลดยุกทั้งสี่ เพื่อผลประโยชน์ในอนาคตทุกคนจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องส่งบัตรเชิญมาให้
งานนั้นคือ งานเดบูตองต์ คล้ายกับงานเลี้ยงเต้นรำของหญิงสาวที่มีอายุ 18 ปี นอกจากจะเป็นงานแกรนด์โอเพนนิ่งตัวเองแล้ว ยิ่งมีชนชั้นสูงมาร่วมงานเท่าไหร่ก็บ่งบอกความมีบารมีของตระกูลเท่านั้น
ส่วนใหญ่ไอรีนจะปฏิเสธงานเหล่านี้ได้ แต่ไม่ใช่กับงานครั้งนี้ งานเดบูตองต์ของเจ้าหญิงอลิซาเบธ ซึ่งเป็นพระธิดาองค์เล็กของท่านพระราชา ไม่ว่าใครก็ไม่อาจปฏิเสธงานนี้ได้
ที่น่าปวดหัวกว่านั้น คือ ฉันต้องไปงานนี้กับท่านดยุกในฐานะคู่หมั้น ทำตัววุ่นวายมากก็อาจโดนเจ้าหญิงสั่งขัง แต่ที่น่ากลัวกว่าก็พระเอกเนี่ยะแหละ ทำไงให้พระเอกเอ็นดู อีก 2 ตอนก็จะเจอนางเอกแล้ว
ฉันต้องวางแผนทุกอย่างให้รอบคอบที่สุด ยิ่งใกล้เวลาที่จะเจอนางเอกเท่าไหร่ก็ยิ่งน่ากลัวเท่านั้น
อีกสองวันจะถึงงานเดบูตองต์ ไอรีนก็จำเป็นต้องมีงานนี้เป็นของตัวเอง ตอนนี้เธออายุเพียง 15 ปี เท่านั้น แต่ความร้ายกาจของเธอทำให้เธอไม่ได้มีชีวิตอยู่ไปถึงตอนนั้น งานเดบูตองต์ที่เธอจะไปมีเพียง 2 งานเท่านั้น คือ งานของเจ้าหญิงและงานของนางเอก ซึ่งหลังจากผ่านงานของนางเอกในตอนที่ 4 ก็ถูกนางเอกหมายหัว และฆ่าตายในตอนที่ 5 อย่างอนาถ ดังนั้นการอยู่ห่าง ๆ นางเอกจึงเป็นเรื่องที่ทำให้ชีวิตปลอดภัยที่สุด ซึ่งโชคดีที่ตอนนี้ ‘เอวา’ นางเอกยังไม่กลับมาที่เมือง
การเตรียมเสื้อผ้าหน้าผมให้สวยที่สุดในงานเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะนอกจากจะพรีเซ็นต์ตัวเองให้โดดเด่นในงานสังคมแล้วยังเป็นหน้าของตระกูลด้วย ยิ่งมีบุตรีที่งดงามและเพียบพร้อมเท่าไหร่ ส่งผลให้ตระกูลนั้นเป็นที่จับตามองไปด้วย ดังนั้นไอรีนจึงมีช่างหน้าช่างผมเกือบ 10 คน คอยดูแลอย่างดี หลังจากที่ดีลกับทุกคนเสร็จ ก็ต้องมาสปาร์แบบโบราณ เตรียมตัวยิ่งกว่าเจ้าของงานอีกมั้งเนี่ยะ
งานวันนี้เป็นงานปาร์ตีทีมหน้ากาก เบตตี้ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในงานด้วย ความรู้สึกประหม่าเกิดขึ้นในใจ ฉันไม่ใช่คนที่จะไปพบปะผู้คนเท่าไหร่ในโลกเดิมเพื่อนสักคนก็ไม่มี ปากเก่ง เฟรนลี่ แค่ในเพจเท่านั้นแหละ แถมยังมีข่าวเสียๆ หายๆ ของไอรีนอยู่เต็มไปหมด ใครจะกล้ามาคุยด้วยล่ะทีนี้ งานนี้เท่ากับว่าว้าเหว่แบบสุดๆ ไปเลยยยย
ไอรีนยืนกลัดกลุ้มอยู่หน้ากระจกนานสองนานกับใจที่ไม่อยากไปงานเลี้ยงด้วยรู้ชะตากรรมของตัวเองดี แต่ปฏิเสธไม่ได้เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นถึงเจ้าหญิง ดังนั้นทำได้เพียงยืนเป็นตุ๊กตาให้ช่างแต่งหน้าทำผมและหญิงรับใช้ช่วยกันแปลงโฉม
เพียงไม่นานทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์ รถม้าของท่านดยุกเออร์กี้เข้ามาในปราสาท พร้อมกับท่านดยุกที่สง่างามเป็นที่หมายปองของหญิงสาวลงมาจากรถม้าเพื่อมารับคู่หมั้นไปงานเลี้ยงวันนี้ ท่านดยุกสวมใส่หน้ากากสีน้ำเงินเข้มและชุดสูทสีเข้ากันที่ดูดีไม่น้อย
รอเพียงไม่นานไอรีนพร้อมด้วยชุดราตรีสีเหลืองพาสเทลที่แสนจะฟูฟ่องกับหน้ากากขนนกสีเดียวกันที่ปิดเพียงใบหน้าครึ่งบนเช่นเดียวกับของท่านดยุกที่ดูยังไงชุดของทั้งคู่ก็เหมือนไม่ได้นัดกันมา
ถึงฉันจะรู้เนื้อเรื่องอยู่แล้วว่าท่านดยุกชอบสีน้ำเงินดำ แล้วไงใครจะสนกัน ฉันชอบสีเหลือง ฉันจะใส่สีเหลือง ใครจะทำไม!!! ถึงแม้ช่างหน้า ช่างผม รวมถึงเบตตี้จะคอยทักท้วงให้ฉันใส่สีน้ำเงินเข้มก็ตาม สร้างความแปลกใจให้กับท่านดยุกไม่น้อย
“วันนี้เลดี้ช่างงดงามแปลกตายิ่งนัก”
“ขอบคุณนะคะ ท่านดยุกก็เช่นกันค่ะ” ถึงแม้จะรู้สึกตงิดใจกับคำชม แล้วก็รู้ว่าเป็นแค่คำชมตามมารยาท แต่ก็ต้องแสร้งว่าดีใจไว้ก่อน จากนั้นท่านดยุกก็ประคองฉันขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางไปพระราชวัง
การเดินทางค่อนข้างนานพอควรจึงจะถึงพระราชวัง ความรู้สึกตอนนี้เหมือนซิลโดเรล่ากำลังเข้าพระราชวังเพื่อเต้นรำกับเจ้าชาย เดี๋ยวววว ตื่นค่ะ นางซิลอะไรล่ะเรื่องนี้มีนางเอกแล้ว แค่อยู่รอดต่อไปและใช้ชีวิตแบบสุขสบายก็พอแล้ว เรื่องอื่นช่างมันเถอะ
ทันทีที่มาถึงก็ถูกเชิญให้เข้าไปภายในงานเลี้ยงข้างใน เหมือนงานเลี้ยงในการ์ตูนที่เคยดูเลย ทุกอย่างประดับตกแต่งอย่างสวยงาม สมแล้วที่เป็นอีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่แห่งปี ในนิยายไม่ได้ให้ความสำคัญกับฉากนี้เท่าไหร่ แค่มีให้รู้ถึงความน่ารำคาญของไอรีนเท่านั้น
“เป็นบุญตาจริง ๆ อลังการอะไรขนาดนี้เนี่ยะ” แค่นี้ก็รู้สึกคุ้มสุด ๆ ที่ได้เข้ามาอยู่ในนิยายเรื่องนี้ ถ้าไม่นับเรื่องที่นางเอกจะตามฆ่าอ่ะนะ มันปริ๊มปริ่มแบบสุด ๆ
ยืนชื่นชมอยู่ได้ไม่นานก็ถึงเวลาเปิดตัวเจ้าของงาน เจ้าหญิงผมบลอนด์ในชุดสีเขียวอ่อน ดวงตาสีฟ้าอ่อนแสนสวยที่โดดเด่นภายใต้หน้ากากบ่งบอกถึงความเป็นราชวงศ์เช่นเดียวกับของพระราชาและท่านดยุกเออร์กี้ ควงแขนมาพร้อมกับพระราชาสุดเทห์ เพื่อเปิดฟลอร์เต้นรำ มันสวยมากจริง ๆ เหมือนหลุดมาจากนิยายเลย เอ่อออ ก็นี้มันนิยายนี่นา อยากตัดจบแค่นี้เลยยยยยย
หลังจากนั้นงานเต้นรำก็เริ่มขึ้น ท่านดยุกก็มาโค้งพาฉันไปเต้นรำ ด้วยความประหม่าเลยเผลอไปเหยียบเท้าท่านดยุกหลายครั้ง ถึงแม้จะซ้อมกับเบตตี้มาอย่างดีแล้วเนี่ยะ แต่น่าแปลกมาท่านดยุกไม่ยังจะโกรธ สงสัยกินยาผิดมาแหงเลย
หลังจากงานเต้นรำจบ ฉันก็อยู่แบบเหงา ๆ ไม่มีคนมาคุยด้วยตามคาด ถึงจะใส่หน้ากาก แต่ผมแดงขนาดนี้ มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าเป็นไอรีน
“ไม่มีใครคุยด้วยก็ช่าง วันนี้ฉันจะกินทุกอย่างในงานเลยยย”
หลังจากนั้นก็มุ่งตรงไปโซนของกินอย่างไว ซึ่งตามคาด นอกจากอาหารพวกนี้จะหน้าตาสวย มันยังอร่อยสุด ๆ ด้วยยย แถวน้ำหวานสีสวย ๆ นี้ก็รสชาติดีจนซัดไปหลายแก้ว นี่มันสวรรค์จริงจริ๊งงงงงง
แต่แปลกใจอยู่อย่างหนึ่งมีหญิงรับใช้หน้าตาคุ้น ๆ คนหนึ่งมายื่นเครื่องดื่มพวกนี้ให้ตลอดเลย แถมยังมองด้วยสายตาแปลก ๆ ด้วย หลังจากยืนกินอยู่นานสองนานก็เริ่มรู้สึกมึน ๆ งง ๆ ด้วยความเหงาแล้วตรงนั้นไม่มีใครเลยนอกจากหญิงรับใช้คนนี้ ชวนคุยเลยละกัน ก็คนมันเหงาง่ะ ~ ~ ~
“เธอ ๆ ชื่ออะไรเหรอ”
“อีฟค่ะ”
“ฉันชื่อ ไอรีน นะ ยินดีที่ได้รู้จักกก”
“ข้าทราบค่ะ ว่าท่านคือเลดี้ไอรีน”
“ฉันดังขนาดนี้เลยเหรอเนี่ยะ เธอรู้จักแล้วไม่กลัวฉันเหรอออออ ~ ~ ~”
“ดูจากตอนนี้ ท่านก็ดูไม่มีอะไรให้น่ากลัวนะคะ”
“ใคร ๆ ก็กลัวฉันทั้งนั้นแหละ ทั้งงานไม่มีใครคุยกับฉันสักคน เห็นฉันเป็นแม่มดรึไงก็ไม่รู้ววว”
“คงเป็นเพราะเลดี้ อาจเคยทำอะไรไม่ดีใส่คนอื่นก็ได้นะคะ ข้าว่าท่านหญิงดูเหมือนจะไม่ไหว ตรงนี้มีผู้คนพลุกพล่าน เลดี้อยากไปตรงอื่นมั้ยคะ”
“อื้อ!! ไปซิ”
TALK : น้อนจะเดินตามใครก็ไม่รู้ไม่ได้นะลู๊กกกกกก
ถ้าพบเห็นคำผิดยังไงแจ้งไรท์ได้ตลอดนะคะ คอมเม้นท์ติชมกันไดน้าาาา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ