Trap Evil กับดักร้อน กับดักร้าย

-

เขียนโดย Piano_sp

วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 08.34 น.

  20 ตอน
  0 วิจารณ์
  13.29K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 08.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

19) Trap Evil : 18

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

18

 

“เฮ้ย ไปโดนอะไรมา แว่นตาถึงได้แตกอย่างนี้”

ทันทีที่ฉันเดินมาถึงมิลาก็ร้องทักด้วยความตกใจแล้วเธอก็รีบปรี่เข้ามาหาฉันทันที

“อ่อ ซุ่มซ่ามอีกแล้วนะ แฮะๆ”

ฉันพูดแล้วก็หัวเราะแห้งๆ ให้กับตัวเองอย่างสมเพช เรื่องความซุ่มซ่ามของฉันมันคงเป็นอะไรที่แก้ไม่หายจริงๆ นั่นแหละ

“แกนี่นะ วันหลังไม่ปล่อยให้ไปไหนคนเดียวอีกแล้ว”

มิลาบ่นพึมพำพลางมองสำรวจร่างกายฉันไปด้วย ฉันนี่ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่ตลอดเลย ไม่ไหวจริงๆ เลยฉัน

“แล้วนี่กลับยังไงให้ไปส่งไหม”

มิลาถาม เพราะตอนนี้เราก็ไม่มีเรียนกันแล้ว ไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร

“ไม่ต้องอ่ะ เดี๋ยวมีคนมารับ”

“ใคร พันแสงเหรอ”

มิลาถามเพราะหลังๆ มานี้พันแสงมารับฉันตลอดแทบจะทุกวัน แต่วันนี้เขาไม่มารับฉันหรอกเพราะเขาไม่ว่าง คนที่มารับฉันวันนี้คือภูเบศต่างหากละ

“เปล่า”

ฉันตอบมิลาแล้วก็ยิ้มให้เธอด้วยความอารมณ์ดี มิลามองมาที่ฉันแบบนี้ เธอต้องสงสัยอะไรอีกแน่เลยว่าฉันยิ้มแบบนี้หมายความว่ายังไง

“กลับกันเถอะ”

แต่ยังไม่ทันที่มิลาจะได้ถามคำถามที่เธอกำลังสงสัยออกมา ร่างสูงของภูเบศก็เดินมาถึงโต๊ะที่พวกฉันนั่งกันอยู่แบบไม่ทันได้ตั้งตัวอะไร อ่า จริงสิมิลายังไม่เคยเจอกันกับภูเบศเลยสักครั้งนี่นา ฉันเลยหันไปมองหน้าของภูเบศแล้วก็ส่งยิ้มให้เขาอย่างที่ทำบ่อยๆ ภูเบศเหมือนจะยิ้มตอบแต่เขากลับทำหน้าหงุดหงิดแทนเมื่อเห็นสภาพแว่นตาที่อยู่บนหน้าฉัน

“ไปโดนอะไรมา”

ภูเบศถามเสียงห้วน

“อ่อ นี่เหรอ”

ฉันกล่าวแล้วจับที่แว่นตาที่ตัวเองสวมอยู่

“พอดีล้มแล้วแว่นตามันตกพื้น มันเลยเป็นสภาพอย่างที่เห็นแหละ”

ฉันอธิบายให้คนขี้หงุดหงิดฟัง ภูเบศที่ยืนจ้องหน้าฟังสิ่งที่ฉันพูดอยู่ก็เริ่มกลับคืนสู่โหมดปกติ ส่วนมิลาที่นั่งฟังพวกเราคุยกันอยู่ก็ยังคงสงสัยว่าภูเบศเป็นใคร

“แล้วไป”

“อ่อ ลืมเลยมิลานี่ภูเบศ ภูเบศนี่มิลา”

ฉันแนะนำให้ทั้งสองคนให้รู้จักกัน มิลาหันไปยิ้มให้ภูเบศเป็นเชิงว่ายินดีที่ได้รู้จัก ส่วนภูเบศก็ยังไม่สนใจอะไรอยู่ดี หมอนี่นิสัยไม่ดีจริง

“จะกลับยัง”

ภูเบศถามแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดียวกันกับฉัน อะไรของเขากัน เก้าอี้ว่างๆ ก็มีทำไมต้องมานั่งเบียดกันด้วย ร้อนก็ร้อน ฉันหันไปส่งสารตาตำหนิใส่ภูเบศแต่คนอย่างภูเบศหรือจะสะทกสะท้านกับเรื่องแค่นี้ ฉันเลยหันไปยิ้มแห้งๆ ให้กับมิลาที่นั่งมองดูพวกเราอยู่แทน

“ขออยู่ต่ออีกนิดน่ะ ยังไม่อยากกลับห้อง”

ฉันตอบไปส่วนภูเบศก็พยักหน้าแทนคำตอบ ฉันเลยหันมายิ้มให้กับมิลาอีกที

“มีอะไรจะสารภาพฉันไหม”

มิลาถามหลังจากที่เงียบไปได้สักพักแล้ว

“ก็น่ะ”

“เธอสองคนเป็นอะไรกัน”

มิลาถามทำให้ฉันเงียบไปสักพัก ฉันก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี ภูเบศไม่เคยขอฉันคบเป็นแฟนสักครั้งแต่การกระทำของเขาก็บ่งบอกว่ามีแต่คนที่เป็นแฟนกันเท่านั้นถึงจะทำได้ ฉันควรจะตอบไปยังไงดี

“เอ่อ คือ”

“แค่พูดว่าเป็นแฟนกันทำไมพูดยากจังวะ”

ก่อนที่ฉันจะทันได้ตอบคำถามของมิลา ภูเบศก็ชิงตอบตัดหน้าฉันไป แต่แทนที่มันจะเป็นคำตอบแต่กลับกลายเป็นว่าเขาหันมาถามฉันแทน

“ก็นายไม่เคยขอฉันคบ ฉันจะไปรู้เหรอว่าเป็นไรกัน”

ฉันโต้ตอบกลับไปอย่างไม่เกรงกลัวเขาเลยสักนิด

“ทำถึงขนาดนี้ยังไม่ชัดอีกเหรอ ยัยเอ๋อเอ๊ย”

ภูเบศพูดแล้วก็ทำหน้าเอือมระอาใส่ฉัน

“เอ๋อแล้วมารักฉันทำไมกันละ”

แต่คนอย่างฉันใช่ว่าจะยอมง่ายๆ กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ฉันกับภูเบศกำลังนั่งทะเลาะกันอยู่

“ก็มันรักไปแล้วจะให้ทำไง”

หลังจากที่ภูเบศกล่าวประโยคเมื่อกี้ออกมามันทำให้ทั้งฉันและเขาเงียบไปทั้งคู่แต่กลับมานั่งหน้าแดงมองหน้ากันไม่ติดอยู่เนี้ย นี่เขาสารภาพรักฉันเหรอเมื่อกี้ฉันแอบชำเลืองมองหน้าภูเบศนิดๆ เขากำลังหันหน้าไปทางอื่นถึงจะไม่เห็นหน้าฉันก็รู้ว่าเขาก็กำลังเขินอยู่เพราะหูของภูเบศกำลังแดงก่ำด้วยความอายนั่นเอง น่ารักจริงๆ ผู้ชายคนนี้

“เอ่อ..เอาเป็นว่าฉันกลับก่อนดีกว่าน่ะ”

ลืมไปเลยว่ามีมิลานั่งอยู่ด้วย มาทะเลาะกันให้เธอเห็นแบบนี้ได้ไงฉันนี่ละก็

“จะกลับแล้วเหรอ”

ฉันหันไปถามเธอพร้อมกับใบหน้าที่ยังคงร้อนผ่าวอยู่

“อืม”

“งั้นกลับดีๆ น่ะ”

“จ้า แล้วเจอกัน”

แล้วมิลาก็เดินจากไปปล่อยให้ฉันอยู่กับภูเบศแค่สองคน ภูเบศยังคงเฉไฉมองไปทางอื่นอยู่ ฉันได้แต่ส่ายหัวให้กับความน่ารักของผู้ชายตัวโตคนนี้

“จะไปไหน”

ภูเบศพูดพร้อมกับจับแขนฉันไว้เมื่อฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่

“กลับห้องสิ”

ฉันตอบไป

“เธอนี่น่า ฉันบอกรักเธอแล้วนี่ไม่คิดจะบอกคืนเลยเหรอ”

ภูเบศพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อแล้วทำหน้างอกอดอกตัวเองเหมือนกับเด็กๆ ที่กำลังโกรธผู้ใหญ่ นี่เขาลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองไม่ใช่เด็กแล้ว

“ใช่สิ ฉันไม่สำคัญ”

ฉันเห็นท่าทางงอนๆ ของภูเบศเลยไม่อยากจะให้เขางอนฉันนานๆ ฉันเลยก้มหน้าไปใกล้ๆ กับหูของเขาแล้วกระซิบว่า

“ฉันรักนายน่ะ”

ฉันกล่าวเสร็จแล้วก็หอมแก้มเขาเบาๆ ทีหนึ่งพอหอมแก้มเสร็จฉันก็รีบวิ่งออกมาทันทีเพราะทนความอายอยู่ตรงนั้นไม่ได้จริง เมื่อกี้ฉันทำอะไรลงไปเนี้ย บ้าไปแล้วฉัน

“เพราะนี่แหละฉันถึงรักเธอ”

ไม่รู้ว่าภูเบศตามฉันมาทันได้ไงรู้ตัวอีกทีไหล่ฉันก็ถูกโอบไว้ด้วยแขนของเขา เขาโอบไหล่ฉันแล้วเราก็เดินไปด้วยกันพร้อมกับประโยคซึ้งๆ ที่ออกจากปากของผู้ชายที่เดินอยู่ข้างๆ ฉัน ตอนนี้ฉันมีความสุขที่สุดเลย

 

 

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา