mask of fetish : หน้ากากแห่งความใคร่

7.0

เขียนโดย Ebonyz

วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.53 น.

  15 ตอน
  0 วิจารณ์
  13.41K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) เกม 7 วันอันตราย (2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ต้นยังคงอยู่ในกลุ่มเดิม เขาเจอทั้งเอกและเก่ง ทั้งสองคนทักทายเขาในตอนเช้าไปแล้ว แต่ด้วยกิจกรรมที่ต้องเดินเป็นแถวทำให้ส่วนใหญ่แล้ว ต้นมักจะเดินคู่ไปกับหนุ่มคมเข้มกล้ามโตที่ชื่อเก่งเสมอ
“เมื่อวานเป็นไงมั่งโทษทีนะ” เขาพูดขณะที่กำลังเดินเปลี่ยนฐาน
“อย่าไปคิดมากเลยเก่ง มันเป็นเกมเฉยๆ”
“เฮ้ย เราจริงจังนะต้น เรื่องแพ้เกมก็เรื่องหนึ่งแต่ที่ยอมไม่ได้นี่มันก็” แล้วเขาก็หยุดพูดไป
“ก็อะไรเหรอ”
“ก็ยอมไม่ได้ที่พวกนั้นมาเยาะเย้ยไง” แล้วเขาก็หัวเราะกลบเกลื่อน
“แต่ว่าต้นเต้นเก่งดีนะ”
“ไม่เอาอย่าพูดถึงเรื่องนี้ เราอายน่ะ” ต้นหน้าแดงขึ้นมาจริงๆ
“โห ไม่เห็นจะน่าอายเลยต้น น่ารักดีออก” เขาพูดพร้อมหัวเราะ
“อย่ามาแซวกันน่า”
“พูดจริง” เขาทำหน้าซีเรียสขึ้นมาทันที
“แหม คุยอะไรกัน น่าสนุกจริงครับ” หนุ่มขาวตี๋เดินเร่งความเร็วขึ้นมาจากด้านหลัง แทรกระหว่างตรงกลางสองคนพอดิบพอดี เก่งไม่ตอบและออกเดินต่อไป
“ก็ไม่มีอะไรหรอก พูดถึงเองเมื่อวาน”
“อ่อ ที่เมื่อวานพี่ต้นออกไปเต้นเหรอ อูววหูววว เซ็กซี่”
“นี่ก็อีกคนแล้ว อย่าแซวกันได้ไหมเล่า” ต้นหน้าแดง พร้อมๆ กับที่สองคนนั้นหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน
 
____________________________________
ครูหนุ่มพักสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ เขาไม่ได้อยู่ในฝ่ายกิจกรรมรับน้องเลยขึ้นมาเตรียมงานและแผนการสอนสำหรับเปิดเทอมใหม่ ในห้องนั้นมีเขากับครูผู้ใหญ่อีกสองคนนั่งอยู่ และมีเอ้ที่กำลังวุ่นวายกับการหาแบบประเมินอะไรสักอย่าง
“สน แกเห็นแบบประเมินของพี่ไหม แบบประเมินแผนของปีที่แล้วน่ะ”
“สน”
“คะ ครับ” เขาละล่ำละลักตอบ เพราะกำลังใจลอยอยู่
“เดี๋ยวผมไปช่วยหาพี่” เขาลุกขึ้นส่งผลให้สิ่งที่ใส่ทั้งสองชั้นเกิดการเสียดสีกันขึ้น และมาพร้อมๆ กับความอึดอัดที่เกิดขึ้นด้านล่าง เขามักจะระแวงทุกครั้งที่เดินผ่านหรืออยู่ใกล้ใคร เพราะกลัวว่าจะสังเกตสิ่งที่เขาใส่มาวันนี้
สน ออกไปช่วยหาของอย่างระมัดระวังและหวาดระแวง
“สวัสดีครับ ครูจิรายุอยู่ไหมครับ” เสียงนุ่มมีความหวานแฝงในความทุ้มของเสียงพูดขึ้นหลังจากที่ประตูเปิด
“เอ้า ครูเค ครูจิรายุอยู่นี่” เอ้ บอกพร้อมกับชี้ไปที่สนที่กำลังหาของให้อยู่
“ผมมารับไปกินข้าวครับ” เขาเดินเข้าไปหา
“เอ้าไปสนิทกันตอนไหนล่ะเนี่ยสองคนนี้” หญิงสาวถามด้วยความแปลกใจ
“เมื่อวานนี้แหละ” หนุ่มร่างสูง เดินเข้าประชิดตัวหนุ่มอีกคนที่สูงน้อยกว่า และโดยที่ไม่มีใครคาดคิด เขาแบมือออกไปข้างหน้า
“ป่ะ ไปกินข้าว”
ไม่มีคำพูดออกมาจากอีกฝ่าย แต่ครูหนุ่มก็ยื่นมือให้เขา ร่างที่สุงกว่าก็คว้ามือนั้นเอาไว้ และสอดนิ้วทั้งห้าเข้าร่องนิ้วของอีกฝ่าย
“ไปก่อนนะครับ” เขาพูดพร้อมจูงมือครูสนออกไปนอกห้อง ทิ้งไว้แต่เสียงกระซิบที่ดังขึ้นมาหลังจากนั้นเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่
 
“ดีมากที่รัก เล่นบทบาทแฟนได้ดี”
อีกฝ่ายไม่พูด แต่สะบัดมือที่กุมออก เมื่อมือหยุด แขนกำยำตวัดไปที่มือที่พึงสลัดจบหลุดออกทันที เขายกมันขึ้นแล้วกดเข้ากับกำแพง
“ขัดขืนได้ดีเลยทีเดียว เรามาเล่นเกมข่มขืนกันดีกว่า”
เขาพูดพร้อมเอาอีกมือมาจับแขนข้างที่เหลือกดเข้ากับกำแพงเช่นเดียวกัน อีกฝ่ายอยู่ในสภาพ ชูแขนขึ้นทั้งสองข้าง และตรึงติดกับกำแพง
“อย่านะ” ร่างที่โดนกดพูดขึ้น เมื่ออีกฝ่ายกำลังยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“เริ่มเกมได้ดี” เขาพูดพร้อมบดริมฝีปากเข้าไปปากของอีกฝั่ง อีกฝ่ายเม้มปากแน่น เขาจึงทำได้แต่ใช้ริมฝีปากแตะแค่นั้น และหยุดการกระทำทุกอย่างลง อีกฝ่ายเบือนหน้าหนี
“ขอโทษนะ” เขามีทีท่าที่ดูสำนึกผิด
แต่เปล่าเลย
“แต่ผมหักห้ามใจยากจริงๆ” มิสเตอร์เครุกต่อ โดยการหมุนตัวเข้าซ้อนด้านหลังและใช้แขนทั้งสองข้างรัดตัวของจิรายุเอาไว้ มือหนึ่งเริ่มชอนไชไปที่หน้าอก เขี่ยคลึงและหมุนวนอย่างช้าๆ บริเวณรอบๆ เนื้อนูนนั้น จมูกและปากทำหน้าที่ซอกซอนบริเวณใบหูและแก้ม เมื่อโดนกระตุ้นแบบนี้ อีกฝ่ายก็เริ่มที่จะทานทนไม่ไหว
“อ่ะ อืมมม” เสียงเล็กๆ รอดผ่านลำคอออกมา
มือข้างหนึ่งค่อยๆ เอื้อมมาปลดเข็มขัด และมืออีกข้างปลดกระดุมเสื้ออย่างชำนาญไปพร้อมๆ กับการกระตุ้น และเมื่ออีกฝ่ายกำลังเคลิ้ม เขาก็ดึงเสื้อและกางเกงออกจากตัวอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“ไม่นะ” ร่างขาวในชุดว่ายน้ำสีส้มขดตัวเพื่อดึงเสื้อและกางเกงกลับ แต่ไม่ทันอีกฝ่ายที่ไวและแข็งแรงกว่า ยกตัวลอยขึ้นจากพื้น และทั้งกางเกง เสื้อกล้าม และเสื้อเชิ้ต ถูกกระชากออกจากตัวไปเรียบร้อย
“อย่านะ”
“ขอคืนเถอะ”
ชายในชุดว่ายน้ำและถุงน่องสีเนื้อพยายามจะยื้อยุด เพื่อแย่งเสื้อผ้าคืน แต่อีกฝ่ายก็ยกเสื้อผ้าหลบ เกิดเป็นภาพที่เหมือนผู้ใหญ่กำลังหลอกล่อเด็กอยู่
“ชู่วว เบาเสียงหน่อยอยากให้คนอื่นมาเห็นในสภาพนี้เหรอ”
สนต้องจำยอมอีกฝ่าย เขายืนอยู่นิ่งๆ สองมือยกขึ้นมาปิดด้านบน และขาทั้งสองหนีบชิดติดกัน ตัวงอลงมาเพื่ออำพรางบริเวณที่นูนผิดปกติจากตัวล็อก
มิสเตอร์เค เดินไปแหวกชุดว่ายน้ำเบื้องล่างออก และถลกถุงน่องลงมาด้านล่าง เผยให้เห็นตัวล็อกพลาสติกที่มีก้อนเนื้ออัดแน่นอยู่ข้างใน
“ถ้าคุณยังตื่นตัวอยู่แบบนี้ มันจะแกะออกลำบากนะ หายใจเข้าลึกๆ”
สนสูดหายใจเข้าจนเต็มปอด เพื่อสงบใจของตัวเองตามที่เขาพูด
เสียงดังแกร็กเกิดขึ้น พร้อมกับการแกะส่วนที่ประกบกันอยู่ออกอย่างชำนาญ ความจุกเสียดเกิดขึ้นบริเวณแก่นกายเมื่อเขาดึงห่วงบริเวณโคนออก ปล่อยก้อนเนื้อที่ห้อยย้อยให้เป็นอิสระอีกครั้ง
“ไม่ต้องดีใจไปหรอก ผมจะถอดให้เฉพาะตอนที่เราอยู่ด้วยกันเท่านั้น” เขาพูดพร้อมดึงถุงน่องกลับ และจัดชุดให้เข้าที่
“เอาล่ะคุณพริตตี้มอร์เตอร์โชว์ เราไปเดินโชว์ตัวกันหน่อยไหม ชั้นสี่ไม่มีคนอยู่ คุณเดินขึ้นบันไดไป และผมจะไปรอรับพร้อมเสื้อผ้าของคุณอีกฝั่งหนึ่ง”
“ไม่ ไม่นะ” เขาร้องด้วยความอับอายรู้สึกถึงเลือดที่ฉีดพล่านไปทั่วตัวและใบหน้า
“จะไปเดินที่ชั้นสี่ หรือจะใส่ชุดนี้เดินไปโรงอาหารล่ะ”
“ไปได้แล้ว” เขาพูดแกมบังคับ พร้อมกับตีเข้าที่ก้นไปหนึ่งที
สนค่อยๆ เดินขึ้นบันไดอย่างช้าๆ ด้วยหัวใจที่เต้นแรง เขาไม่อยากเจอใครทั้งนั้นในเวลานี้ ตอนที่เขาใส่ชุดว่ายน้ำและถุงน่องราวกับพริตตี้ที่ขาดแค่รองเท้าส้นสูง
ที่ชั้นล่างมิสเตอร์เคยืนส่งยิ้มมาให้เป็นกำลังใจ
เขากลั้นใจเดินขึ้นบันได ไปยังชั้นบน
ที่ชั้นสี่ เป็นโถงทางเดินยาวประมาณ 50 เมตร มองเห็นประตูห้องที่ปิดอยู่เรียงราย เดิมทีชั้นนี้เป็นชั้นสำหรับห้องเรียนวิชาสังคม แต่เนื่องจากยังปิดเทอม จึงไม่มีคนมาใช้ห้อง แน่นอนว่าไม่มีคน แต่ในทางกลับกันก็หมายความว่า ตลอดทั้งความยาวของทางเดิน เขาจะไม่มีที่ให้หลบหรือซ่อนตัว
ความอัดอั้นด้านล่างดันจนชุดว่ายน้ำที่รัดแน่นเกิดความนูนออกมาบดเบียดกับช่วงขาทั้งสอง
เขาทรุดตัวลงกุมหน้าด้วยความอับอาย ใบหน้าร้อนผ่าว เขาใช้เวลาทำใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ และเดินจ้ำไปตามความยาวของทางเดิน ความรู้สึกของเขาในตอนนี้เหมือนเด็กที่เดินผ่านป่าช้าวัดในตอนกลางคืนที่ต้องเร่งให้ผ่านไปได้โดยเร็ว แต่ความต่างกันมีแค่ตอนนั้นเร่งเดินเพราะกลัวผี แต่ครั้งนี้เร่งเดินเพราะกลัวคนอื่นมาเจอ แม้จะตื่นเต้นและหวาดระแวงด้วยสถานการณ์คับขัน แต่ด้านล่างกลับไม่ได้เป็นใจ ผงาดตัวขึ้นมาทำให้การเดินยากขึ้นไปอีก
 
เสียงของนักเรียนที่ทำกิจกรรมด้านล่างยังคงดังขึ้นมา แต่เขาคิดว่าคงไม่มีใครสังเกตและมองขึ้นมาด้านบน แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังเดินชิดกับฝั่งห้อง เพื่อหลบเลี่ยงสายตาคนด้านล่าง
ความรัดรูปและแนบชิดกับลำตัวทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ในตอนแรก แต่ในตอนนี้เมื่อชินแล้ว สัมผัสเหล่านั้นก็ไม่ได้แย่ไปเสียทีเดียว ซ้ำยังเกิดความรู้สึกที่สบายและกระชับเสียด้วยซ้ำ
ร่างบางในชุดว่ายน้ำสีส้มสะท้อนแสงเดินด้วยความเร็ว จนจะถึงหัวมุมที่เป็นบันได ตรงที่คนที่บังคับให้เขาเดินนัดหมายว่าจะมารออยู่ เขาเร่งเดินโดยไม่หันไปมองด้านหลัง เพราะในใจกลัวว่าจะมีคนที่เดินผ่านไปผ่านมาผ่านมาเจอเข้า
เขาแทบจะกระโดดเข้ามุม เพื่อลงบันได
แต่คนที่ควรจะอยู่ตรงนั้น กลับไม่อยู่ มิสเตอร์เคไม่ได้มารอเขาอยู่ที่ตรงนั้นตามที่บอก ใจที่ระทึกเป็นทุนเดิมยิ่งมากขึ้นไปอีก เขาไม่กล้าที่จะลงบันไดไปข้างล่างเพื่อที่จะเสี่ยงดูว่าเขาอยู่แถวนั้นหรือไม่ เพราะมันเสี่ยงที่จะเจอคนอื่นมากกว่า
 
เสียงฝีเท้าคนดังขึ้น และเหมือนจะเดินมาตรงบันได
สนนั่งลงต่ำเพื่อที่จะใช้ราวบันไดที่ทึบปิดบังตัว เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาเรื่อยๆ พร้อมกับความตื่นเต้นที่ทวีคูณ ในใจเขาภาวนาให้คนที่เดินมาเป็นมิสเตอร์เค แต่ความรู้สึกไม่คุ้นเสียงของการเดินทำให้เขาไม่แน่ใจ
ใจของสนตกไปที่ตาตุ่มเมื่อคนที่เดินพ้นแนวลับตาออกมาไม่ใช่เขา แต่คือวิรัตน์ เพื่อนครูที่มาพร้อมกันนั่นเอง เขาก้มต่ำทันทีเพื่อหลบเพื่อนครู แต่ไม่ทันเสียแล้ว
“ใครน่ะ! ขึ้นไปทำอะไรข้างบน” วิรัตน์เห็นเข้าเสียแล้ว
สนรีบหลบฉากออกมาทันที หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมาจากตัว เขาหันหลังกลับทางเดิน การวิ่งกลับไปที่เก่า เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ เขาออกวิ่ง โดนที่มีเสียงไล่หลังตามมา
“เธอ หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เสียงดังมาพร้อมกับเสียงวิ่ง
 
สนวิ่งมาได้ครึ่งทาง ตอนที่ครูวิรัตน์โผล่ตัวขึ้นมาบนชั้นสี่พอดี
“หยุด! ” เสียงดังไปทั้งชั้น สนหยุดนิ่งกับที่หายใจแรงด้วยความตื่นเต้น แต่ไม่ยอมหันหลังกลับไป
“ทำไมเธออยู่ในสภาพนี้เนี่ย เล่นอะไรแผลงๆ” ครูวิรัตน์เดินเข้ามาใกล้ๆ
สนยืนตัวแข็งไม่กล้าหันกลับไปมองเพื่อน เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ สนตื่นเต้นและกลัวจนแทบจะหยุดหายใจ
“เธอ หันหน้ามาทางนี้” สนไม่ทำตามคำสั่ง
“เอ้าไม่ได้ยินเหรอ ครูบอกให้หันหน้ามา”
สนกลั้นใจหันหน้ากลับไป เผชิญหน้ากับเพื่อน
“เอ้า สน! ” สีหน้าของครูวิรัตน์มีทั้งแปลกใจ ตกใจ และตกตะลึง แต่ก็แค่แวบเดียวเท่านั้น สีหน้าของครูวิรัตน์ก็เปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ เป็นคลางแคลงใจและสงสัย
“ทำไมแกใส่ชุดอะไรแบบนี้วะเนี่ย มีรสนิยมแบบนี้เหรอ” เขามองหัวจรดเท้า
สนอายและอยากเอามือขึ้นมาปิดหน้ามาก คิดว่าตอนนี้ตัวเองน่าจะหน้าแดงไปจนถึงหู ใบหน้าร้อนผ่าว และใจเต้นแรงจนพูดอะไรไม่ออก
 
“ครูสนเขาเพิ่งมาพูดกับผมเมื่อวานน่ะ ว่าจริงๆ แล้วเขาจะลงประกวดอะไรสักอย่างที่จะมีการแต่งหญิงด้วย ผมจำชื่อไม่ได้แฮะ” เสียงนุ่มอันคุ้นเคยดังขึ้น มิสเตอร์เคนั่นเอง
“เขาเลยให้ผมดูชุดให้น่ะครับ ครูวิรัตน์”
“อ่อ” ครูวิรัตน์ ร้องอ๋อ และทำหน้าเหมือนเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง
“จริงๆ แล้ว ครูสนเขาเอ่อ.... เขาเป็น”
“เป็นอย่างว่าใช่ไหมครับ” ครูวิรัตน์ต่อให้
“ใช่ๆ ๆ เขาเป็น”
“ใช่ไหม” มิสเตอร์เคหันมาขยิบตาให้สน เขารู้ทันที แม้จะอายแต่เขาก็ต้องเอาตัวรอด อย่างน้อยมีข่าวลือแปลกๆ ว่าเป็นกะเทยก็ดีกว่าเป็นโรคจิตใส่ชุดว่ายน้ำผู้หญิง
“อ่อ.. ชะใช่ค่า”
“ขอบคุณครูเคมากเลยนะคะที่มาดูชุดให้” สนแอ๊บท่าทางให้ใกล้เคียงที่สุด แม้มันจะดูไม่ใกล้เคียง น่าอายและดูกระอักกระอ่วนมาก หน้าเขาแดงขึ้นยิ่งกว่าเดิม
 
มิสเคอร์เค และวิรัตน์มองหน้ากัน และทั้งสองก็หัวเราออกมาประสานกันอย่างดัง
“ฮ่าๆ ๆ ๆ ผมบอกคุณแล้ว”
“ผมเชื่อพี่แล้วพี่เค สุดยอดจริงๆ”
ท่าทีของทั้งสองสร้างความสับสนและความไม่เข้าใจให้กับสนยิ่งนัก
“ฉันรู้ว่าแกไม่ได้เป็นหรอกสน แต่เมื่อกี้เล่นได้น่าดูดีว่ะ น่ารักใช้ได้”
“นี่มันอะไรกัน” สนยิ่งสับสนหนักขึ้นไปกว่าเดิม
“ฉันกับพี่เค อยู่ในกลุ่มลับเดียวกันตั้งแต่ฉันเข้ามาที่นี่แล้ว และเมื่อกี้ก็เป็นแผนการแกล้งของพี่เค ให้แกตื่นเต้นเล็กๆ น้อยๆ ไงล่ะสน”
สนรู้สึกช็อกจนพูดอะไรไม่ออก
“เอ้า รีบใส่ชุด” มิสเตอร์เคส่งชุดคืนให้สน
“เดี๋ยวถ้าแต่งตัวเรียบร้อยแล้วพาเพื่อนเราไปที่รถนะ พี่ไปเอาของที่ห้องก่อน”
สนรับเสื้อผ้ามาใส่ เขาอับอายเพื่อนจนพูดอะไรไม่ออก ใบหน้ายังคงแดงระเรื่อ เขาไม่เข้าใจอย่างมากว่ามันเกิดอะไรขึ้น และอยู่ๆ ดีๆ ก็เหมือนว่าเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันกลับกลายไปเป็นอีกคนหนึ่งไปเสียแล้ว
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา