I'm BOY : ผมนี่แหละ สตรีมีหาง [Yaoi]
-
เขียนโดย นนิรา
วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 15.13 น.
10 ตอน
0 วิจารณ์
9,674 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2562 15.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) บทที่ 8 : คู่จิ้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 8 : คู่จิ้น
ผมวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในโรงเรียน ผมวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตแต่ทว่าไม่ทัน...ผมวิ่งไปเข้าแถวไม่ทัน ถูกกักตัวอยู่ในแถวคนมาสายเสียก่อน เมื่อคืนผมไม่น่าเห่อในการฝึกเล่นกีต้าเลย ผมเล่นเพลินไปหน่อยกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ปาเข้าไปเกือบจะตีหนึ่งแล้ว วันนี้ผมเลยตื่นสายเป็นพิเศษ
ผมยืนฟังคุณครูพูดหน้าเสาธงไปได้สักพักก็เริ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของคนรอบข้างผม ที่พากันคุยซุบซิบแล้วหันมามองผมเป็นระยะ เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วผมจึงก้มสำรวจตัวเองอีกรอบ ผมไปนั่งทับอะไรมาหรือเปล่า? หรือว่าลืมรูดซิบกางเกง ก็ปกติดีทุกอย่างแล้วพวกเขามองอะไรกัน?
วันนี้เป็นครั้งแรกที่ผมมาโรงเรียนสายเลยถูกลงโทษแค่วิ่งรอบสนามสามรอบเท่านั้น ไม่ถูกหักจิตพิสัย แต่ไอ้ที่วิ่งสามรอบก็แทบจะขาดใจตายอยู่แล้ว หลังจากวิ่งครบรอบเรียบร้อยผมก็เดินหอบตรงไปยังตู้กดน้ำทันที ขอดื่มให้หายกระหายหน่อยแล้วกัน
หลังจากที่ดื่มน้ำจนหายอยากแล้วผมก็เดินโซเซลากสังขารของตัวเองขึ้นมายังห้องเรียน ผมวางกระเป๋านักเรียนก่อนนั่งอย่างหมดสภาพ
“ทำไรมาเหงื่อเต็มตัวเชียว” มานพถามผมแต่ผมยังไม่ตอบทันที ผมนั่งพักสักพักรอให้มีแรงจึงค่อยตอบมันออกไป
“วิ่งรอบสนามมา” ขณะพูดผมก็ยังหอบอยู่เล็กน้อย
“นึกไงออกกำลังกายตอนเช้าเนี่ย?”
“ออกบ้าออกบออะไร เรามาสายเลยโดนทำโทษ” ผมหันไปหยิบหนังสือเรียนวิชาแรกขึ้นมาเตรียมไว้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาไอ้ตูนกับอลิษาก็มาจับกลุ่มนั่งเม้าท์อยู่ตรงหน้าโต๊ะเรียนผม
“เนี่ยเมื่อวานไอ้วินมันได้ของจากบัดดี้ด้วย แต่พวกแกกลับไปก่อน กูล่ะหมั่นไส้” ไอ้ตูนสาธยายเรื่องที่มันเห็นเมื่อวานตอนเย็นด้วยความอิจฉาริษยาเพราะพวกมันยังไม่มีใครได้สักคน
“ป่านนี้บัดดี้กูตายห่าไปแล้วมั้ง!” อลิษาพูดขึ้นบ้าง เดี๋ยวนะบัดดี้ของอลิษาก็คือผม ทำไมผมรู้สึกเหมือนกำลังโดนด่ายังไงก็ไม่รู้ ผมก็ช่วยงานมันหลายอย่างนะ สงสัยคราวหน้าต้องมีของเล็ก ๆ น้อย ๆ เอาไปยัดใส่ใต้โต๊ะมันบ้างละ มันพูดทีเล่นเอาผมสะดุ้งเลย
“ใจเย็น ๆ สิษา เดี๋ยวก็มีมาเองแหละไม่ช้าไม่เร็วเดี๋ยวก็คงได้ เชื่อเราสิ” ผมรีบบอกกับอลิษา เผื่อจะใจเย็นลงบ้าง
“ถ้าไม่มีมาจริง ๆ นะ เทอมสองกูจะแฉให้อายไปทั้งห้องเลย” อลิษาทำหน้าขึงขังก่อนจะยกกำปั้นขึ้นมาทำท่าเหมือนจะต่อยหมัดฮุค เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวมาก ผมคงต้องระวังตัวไว้สักหน่อยแล้ว อ่อใช่แล้วอลิษายังเป็นแชมป์เทควันโดด้วย
“เออแล้วตกลงแกกับพี่เมฆมันเป็นยังไง ไหนเล่ามาสิ” จากอลิษาที่กำลังของขึ้นก็เปลี่ยนโหมดมาเป็นปกติก่อนจะมีสีหน้าฉายถึงความสอดรู้สอดเห็นขึ้นมา
“ไอ้ที่ว่ายังไงคือยังไง?” ผมถามกลับไปเพราะงงกับคำถามที่มันถามผม
“ก็อย่างงี้ไง” อลิษาหยิบมือถือขึ้นมาก่อนกดเข้าอินสตาแกรมและยื่นให้ผมดู ผมรับมือถือมาไว้ในมือก่อนเลื่อนดูรูปภาพ
ภาพแรกเป็นภาพที่ผมใส่เสื้อกีฬาของพี่เมฆ
ภาพที่สองเป็นภาพที่พี่เมฆกำลังนอนเท้าคางฟังผมเล่าเรื่องพระอภัยฯ
ภาพที่สามเป็นภาพที่ผมฝึกเล่นกีต้าเมื่อคราวที่ไปซ้อมดนตรี
ส่วนภาพสุดท้ายเป็นภาพที่ผมกำลังเอาน้ำให้พี่เมฆดื่ม
โดยแต่ละภาพก็มีแคปชั่นต่างกัน แต่ที่เหมือนกันก็คือความหมายโยงไปทางเดียวกันหมดเลย ประหนึ่งว่าคู่จิ้นคู่ใหม่ได้บังเกิดขึ้นแล้วในโรงเรียนแห่งนี้
“ก็ไม่ยังไง พวกแกก็อยู่ในเหตุการณ์ทั้งนั้นนี่ รูปพวกนี้” ผมยื่นมือถือกลับไปให้อลิษา ผมอยากรู้จริงเชียวว่าใครเป็นคนถ่ายรูปพวกนี้แล้วอัปลง มิน่าล่ะเมื่อเช้ามีแต่คนมองผมแปลก ๆ
“ที่ถามหมายถึงสองรูปสุดท้ายตะหากล่ะ” ผมจึงต้องเล่าทุกรายละเอียดให้พวกนี้ฟัง แต่เมื่อฟังแล้วก็ทำหน้าเหยเกไม่ค่อยจะเชื่อกันสักเท่าไหร่
หลังเรียนคาบเช้าเสร็จสิ้นแล้ว ผมและพวกเพื่อน ๆ ก็รีบไปเตรียมตัวขึ้นแสดงละครในวันสุนทรภู่ ซึ่งผมรับบทเป็นนางเงือก กลุ่มผมเป็นกลุ่มเดียวที่เลือกทำเรื่องสุนทรภู่พอมาถึงวันที่ 26 มิถุนายน คุณครูเลยให้กลุ่มของพวกผมขึ้นแสดงด้วยซะเลย จะได้ไม่ต้องหากลุ่มอื่นมาฝึกซ้อมให้เสียเวลา
เมื่อถึงบทบาทที่ผมต้องแสดง ผมก็ออกมายืนบนเวทีด้วยชุดอันสง่า? มีวิกผมสีน้ำตาลเข้มยาวกลางหลังสวมอยู่ที่หัวของผม ส่วนหางนางเงือกก็ถูกทำขึ้นด้วยเชือกฟางสีเขียว ที่ถูกฉีกเป็นฝอย ๆ เหมือนพู่ของเชียร์ลีดเดอร์
ผมก้มหน้าก้มตาแสดงบทของตัวเองให้ดีที่สุดและให้มันผ่านไปเร็วที่สุด ผมอยากลงจากเวทีแล้ว ตอนนี้อายจะแย่อยู่แล้ว และแล้วความปรารถนาของผมก็สำเร็จสักที ละครได้ปิดฉากจบอย่างสวยงาม
ผมเดินลงจากเวทีรับดอกไม้แสดงความยินดีจากแฟนคลับ พวกคุณฟังไม่ผิดหรอก ผมมีแฟนคลับตั้งแต่มีรูปพวกนั้นปรากฏขึ้นในโซเชียล
อยู่ดี ๆ กลุ่มคนที่รายล้อมผมก็แวกตัวออกอัตโนมัติพร้อมเสียงร้องกริ๊ดดังขึ้น ช่อดอกไม้ช่อโตลอยมาอยู่ตรงหน้าผมพร้อมยื่นมาให้ผม ผมจึงรับไว้ เมื่อผมรับมันไว้ในมือแล้วจึงทำให้เผยเห็นหน้าของคนเอามาให้จากที่ถูกดอกไม้บัง...พี่เมฆนั่นเอง มิน่าเขาถึงกริ๊ดสลบกัน
“พี่เมฆทำไรครับเนี่ย?” ผมกระซิบถามในขณะที่ยืนยิ้มถ่ายรูปไปด้วย
“เอาดอกไม้มาให้ไง”
ผมยืนถ่ายรูปไม่นานทุกคนก็เริ่มสลายตัวไปนั่งที่เพราะการแสดงที่สองกำลังจะเริ่มขึ้น เป็นการแสดงเกี่ยวกับต่อต้านยาเสพติด เนื่องจากวันนี้จะเป็นวันสุนทรภู่กวีเอกของโลกแล้วยังเป็นวันยาเสพติดโลกอีกด้วย การแสดงนี้เป็นส่วนหนึ่งของเด็กชั้นประถม
หลังจบงานผมก็เดินขึ้นห้องไปเก็บของเตรียมกลับบ้านแต่ก็พบลูกอมกับกระดาษโน้ตวางไว้บนโต๊ะเหมือนคราวก่อน ผมจึงหยิบกระดาษขึ้นมาอ่าน ‘วันนี้แสดงดีมากเลย’ ผมเก็บกระดาษแผ่นที่สองที่ได้มาไว้ในแฟ้มที่เคยเก็บแผ่นแรกมาก่อนแล้ว จากนั้นก็แกะลูกอมกินและไม่ลืมที่จะอ่านข้อความข้างในซองลูกอม
‘เริ่มรู้จักคำว่า รัก เมื่อฉันได้รู้จักเธอ’
คราวหน้าผมจะได้ข้อความว่าอะไรนะ? เริ่มสนุกกับการอ่านข้อความในห่อลูกอมแล้วสิ
“นี่ได้อีกแล้วเหรอวิน? เราว่าบัดดี้เราตายจากโลกไปแล้วแหง ๆ” อลิษาเดินมาพูดกับผมพร้อมตบโต๊ะดังป๊าบ ทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อยแต่ที่ตกใจมากกว่าคือมันแอบด่าผมอีกแล้ว วันนี้ผมยุ่งเฉย ๆ หรอก ตอนแรกก็กะว่าจะหยิบขนมมายัดใส่ใต้โต๊ะมันแต่ดันลืมหยิบมาจากบ้านซะงั้น อดไปนะอลิษา รอวันอื่นแทนแล้วกัน ไม่งั้นมันคงแช่งผมทุกวันแน่ ๆ
“เห้ย กูก็ได้ของจากบัดดี้แล้วว่ะ!” ไอ้ตูนหยิบห่อขนมสะบัดไปสะบัดมาเหนือศีรษะ หน้าซองถูกเขียนด้วยปากกาเมจิกว่า ‘จากบัดดี้’
“เราก็ได้เหมือนกัน” มานพเอื้อมมือไปหยิบของที่อยู่ใต้โต๊ะเอามาวางโชว์ไว้บนโต๊ะก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าไป
อลิษาเห็นทุกคนได้แต่ตัวเองไม่มีอยู่คนเดียวอารมณ์เซ็งเริ่มทวีคูณขึ้น ผมจึงรีบหาชวนมันไปหาอะไรอร่อย ๆ กินหลังเลิกเรียน
“เลิกเรียนแล้วไปกินไอติมกันป่ะ มีร้านเปิดใหม่แถวหน้าโรงเรียน มีทั้งไอติมทั้งบิงซู เค้กก็มีนะ” ผมรีบเอาของหวานเข้าล่อซึ่งมันก็ได้ผลเสียด้วย
“ไป ๆ อยากกินอะไรหวาน ๆ อยู่เหมือนกัน”
“กูว่าชวนพี่เมฆไปด้วยดีป่ะ?” จู่ ๆ ไอ้ตูนที่ไม่ค่อยเสนอความเห็นเกี่ยวกับการชวนคนอื่น วันนี้ดันคิดประหลาดเอ่ยถามถึงพี่เมฆอย่างนั้น
“ก็ดีเหมือนกันนะ เนี่ยเราว่าจะสมัครเป็นแฟนคลับเมฆวินแล้วเนี่ย” มานพพูดตบท้าย
ผมมองเพื่อนอย่างมึน ๆ อยู่ดี ๆ ทุกคนก็กลายมาสนับสนุนผมกับพี่เมฆเรื่องนี้ซะงั้น เมื่อมาถึงร้านไอติมแล้วก็พากันสั่งของหวานที่ตนเองอยากกินกัน
ผมนั่งตรงข้ามกับพี่เมฆ ไอ้ตูนกับมานพนั่งตรงข้ามกันและอลิษานั่งหัวโต๊ะ ไม่นานบิงซูนมสดราดด้วยซอสสตอเบอรี่ก็ถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับบิงซูชาเขียวโรยด้วยผงมัทฉะและมีนมข้นหวานแยกใส่ถ้วยน้อยเอาไว้เพิ่มรสชาติ
และการมากินครั้งนี้ก็มีรูปผมกับพี่เมฆอยู่ในอินสตาแกรมคู่จิ้นด้วย เป็นภาพที่พี่เมฆกำลังยื่นทิชชู่มาให้ผม ผมหรี่ตามองกวาดว่าใครกันแน่เป็นคนถ่ายแล้วส่งไปให้ทางนั้นลงรูป ไอ้ตูนคงไม่ใช่ ส่วนมานพที่ชอบถามทุกเรื่องก็ไม่น่าใช่ ถ้าผมเดาไม่ผิดนะคนที่ชงเยอะที่สุดน่าจะเป็นอลิษาเนี่ยแหละตัวดีเลย
“วินนี่ เดี๋ยวพี่ส่งรูปที่พวกเราแสดงวันนี้ให้นะ” พี่เมฆบอกกับผมก่อนหันไปบอกคนอื่น ๆ ด้วย “เดี๋ยวให้วินส่งต่อให้พวกเราอีกทีนะ” ที่พี่เมฆมีรูปพวกผมก็เพราะว่าวันนี้มาเป็นตากล้องจำเป็นให้โดยไม่ต้องร้องขอเลย ถึงผมจะอายกับชุดนางเงือกแต่ก็ถือว่าเก็บรูปไว้เป็นความทรงจำแล้วกันว่าครั้งหนึ่งเคยได้ทำอะไรแบบนี้
ผมวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในโรงเรียน ผมวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตแต่ทว่าไม่ทัน...ผมวิ่งไปเข้าแถวไม่ทัน ถูกกักตัวอยู่ในแถวคนมาสายเสียก่อน เมื่อคืนผมไม่น่าเห่อในการฝึกเล่นกีต้าเลย ผมเล่นเพลินไปหน่อยกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ปาเข้าไปเกือบจะตีหนึ่งแล้ว วันนี้ผมเลยตื่นสายเป็นพิเศษ
ผมยืนฟังคุณครูพูดหน้าเสาธงไปได้สักพักก็เริ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของคนรอบข้างผม ที่พากันคุยซุบซิบแล้วหันมามองผมเป็นระยะ เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วผมจึงก้มสำรวจตัวเองอีกรอบ ผมไปนั่งทับอะไรมาหรือเปล่า? หรือว่าลืมรูดซิบกางเกง ก็ปกติดีทุกอย่างแล้วพวกเขามองอะไรกัน?
วันนี้เป็นครั้งแรกที่ผมมาโรงเรียนสายเลยถูกลงโทษแค่วิ่งรอบสนามสามรอบเท่านั้น ไม่ถูกหักจิตพิสัย แต่ไอ้ที่วิ่งสามรอบก็แทบจะขาดใจตายอยู่แล้ว หลังจากวิ่งครบรอบเรียบร้อยผมก็เดินหอบตรงไปยังตู้กดน้ำทันที ขอดื่มให้หายกระหายหน่อยแล้วกัน
หลังจากที่ดื่มน้ำจนหายอยากแล้วผมก็เดินโซเซลากสังขารของตัวเองขึ้นมายังห้องเรียน ผมวางกระเป๋านักเรียนก่อนนั่งอย่างหมดสภาพ
“ทำไรมาเหงื่อเต็มตัวเชียว” มานพถามผมแต่ผมยังไม่ตอบทันที ผมนั่งพักสักพักรอให้มีแรงจึงค่อยตอบมันออกไป
“วิ่งรอบสนามมา” ขณะพูดผมก็ยังหอบอยู่เล็กน้อย
“นึกไงออกกำลังกายตอนเช้าเนี่ย?”
“ออกบ้าออกบออะไร เรามาสายเลยโดนทำโทษ” ผมหันไปหยิบหนังสือเรียนวิชาแรกขึ้นมาเตรียมไว้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาไอ้ตูนกับอลิษาก็มาจับกลุ่มนั่งเม้าท์อยู่ตรงหน้าโต๊ะเรียนผม
“เนี่ยเมื่อวานไอ้วินมันได้ของจากบัดดี้ด้วย แต่พวกแกกลับไปก่อน กูล่ะหมั่นไส้” ไอ้ตูนสาธยายเรื่องที่มันเห็นเมื่อวานตอนเย็นด้วยความอิจฉาริษยาเพราะพวกมันยังไม่มีใครได้สักคน
“ป่านนี้บัดดี้กูตายห่าไปแล้วมั้ง!” อลิษาพูดขึ้นบ้าง เดี๋ยวนะบัดดี้ของอลิษาก็คือผม ทำไมผมรู้สึกเหมือนกำลังโดนด่ายังไงก็ไม่รู้ ผมก็ช่วยงานมันหลายอย่างนะ สงสัยคราวหน้าต้องมีของเล็ก ๆ น้อย ๆ เอาไปยัดใส่ใต้โต๊ะมันบ้างละ มันพูดทีเล่นเอาผมสะดุ้งเลย
“ใจเย็น ๆ สิษา เดี๋ยวก็มีมาเองแหละไม่ช้าไม่เร็วเดี๋ยวก็คงได้ เชื่อเราสิ” ผมรีบบอกกับอลิษา เผื่อจะใจเย็นลงบ้าง
“ถ้าไม่มีมาจริง ๆ นะ เทอมสองกูจะแฉให้อายไปทั้งห้องเลย” อลิษาทำหน้าขึงขังก่อนจะยกกำปั้นขึ้นมาทำท่าเหมือนจะต่อยหมัดฮุค เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวมาก ผมคงต้องระวังตัวไว้สักหน่อยแล้ว อ่อใช่แล้วอลิษายังเป็นแชมป์เทควันโดด้วย
“เออแล้วตกลงแกกับพี่เมฆมันเป็นยังไง ไหนเล่ามาสิ” จากอลิษาที่กำลังของขึ้นก็เปลี่ยนโหมดมาเป็นปกติก่อนจะมีสีหน้าฉายถึงความสอดรู้สอดเห็นขึ้นมา
“ไอ้ที่ว่ายังไงคือยังไง?” ผมถามกลับไปเพราะงงกับคำถามที่มันถามผม
“ก็อย่างงี้ไง” อลิษาหยิบมือถือขึ้นมาก่อนกดเข้าอินสตาแกรมและยื่นให้ผมดู ผมรับมือถือมาไว้ในมือก่อนเลื่อนดูรูปภาพ
ภาพแรกเป็นภาพที่ผมใส่เสื้อกีฬาของพี่เมฆ
ภาพที่สองเป็นภาพที่พี่เมฆกำลังนอนเท้าคางฟังผมเล่าเรื่องพระอภัยฯ
ภาพที่สามเป็นภาพที่ผมฝึกเล่นกีต้าเมื่อคราวที่ไปซ้อมดนตรี
ส่วนภาพสุดท้ายเป็นภาพที่ผมกำลังเอาน้ำให้พี่เมฆดื่ม
โดยแต่ละภาพก็มีแคปชั่นต่างกัน แต่ที่เหมือนกันก็คือความหมายโยงไปทางเดียวกันหมดเลย ประหนึ่งว่าคู่จิ้นคู่ใหม่ได้บังเกิดขึ้นแล้วในโรงเรียนแห่งนี้
“ก็ไม่ยังไง พวกแกก็อยู่ในเหตุการณ์ทั้งนั้นนี่ รูปพวกนี้” ผมยื่นมือถือกลับไปให้อลิษา ผมอยากรู้จริงเชียวว่าใครเป็นคนถ่ายรูปพวกนี้แล้วอัปลง มิน่าล่ะเมื่อเช้ามีแต่คนมองผมแปลก ๆ
“ที่ถามหมายถึงสองรูปสุดท้ายตะหากล่ะ” ผมจึงต้องเล่าทุกรายละเอียดให้พวกนี้ฟัง แต่เมื่อฟังแล้วก็ทำหน้าเหยเกไม่ค่อยจะเชื่อกันสักเท่าไหร่
หลังเรียนคาบเช้าเสร็จสิ้นแล้ว ผมและพวกเพื่อน ๆ ก็รีบไปเตรียมตัวขึ้นแสดงละครในวันสุนทรภู่ ซึ่งผมรับบทเป็นนางเงือก กลุ่มผมเป็นกลุ่มเดียวที่เลือกทำเรื่องสุนทรภู่พอมาถึงวันที่ 26 มิถุนายน คุณครูเลยให้กลุ่มของพวกผมขึ้นแสดงด้วยซะเลย จะได้ไม่ต้องหากลุ่มอื่นมาฝึกซ้อมให้เสียเวลา
เมื่อถึงบทบาทที่ผมต้องแสดง ผมก็ออกมายืนบนเวทีด้วยชุดอันสง่า? มีวิกผมสีน้ำตาลเข้มยาวกลางหลังสวมอยู่ที่หัวของผม ส่วนหางนางเงือกก็ถูกทำขึ้นด้วยเชือกฟางสีเขียว ที่ถูกฉีกเป็นฝอย ๆ เหมือนพู่ของเชียร์ลีดเดอร์
ผมก้มหน้าก้มตาแสดงบทของตัวเองให้ดีที่สุดและให้มันผ่านไปเร็วที่สุด ผมอยากลงจากเวทีแล้ว ตอนนี้อายจะแย่อยู่แล้ว และแล้วความปรารถนาของผมก็สำเร็จสักที ละครได้ปิดฉากจบอย่างสวยงาม
ผมเดินลงจากเวทีรับดอกไม้แสดงความยินดีจากแฟนคลับ พวกคุณฟังไม่ผิดหรอก ผมมีแฟนคลับตั้งแต่มีรูปพวกนั้นปรากฏขึ้นในโซเชียล
อยู่ดี ๆ กลุ่มคนที่รายล้อมผมก็แวกตัวออกอัตโนมัติพร้อมเสียงร้องกริ๊ดดังขึ้น ช่อดอกไม้ช่อโตลอยมาอยู่ตรงหน้าผมพร้อมยื่นมาให้ผม ผมจึงรับไว้ เมื่อผมรับมันไว้ในมือแล้วจึงทำให้เผยเห็นหน้าของคนเอามาให้จากที่ถูกดอกไม้บัง...พี่เมฆนั่นเอง มิน่าเขาถึงกริ๊ดสลบกัน
“พี่เมฆทำไรครับเนี่ย?” ผมกระซิบถามในขณะที่ยืนยิ้มถ่ายรูปไปด้วย
“เอาดอกไม้มาให้ไง”
ผมยืนถ่ายรูปไม่นานทุกคนก็เริ่มสลายตัวไปนั่งที่เพราะการแสดงที่สองกำลังจะเริ่มขึ้น เป็นการแสดงเกี่ยวกับต่อต้านยาเสพติด เนื่องจากวันนี้จะเป็นวันสุนทรภู่กวีเอกของโลกแล้วยังเป็นวันยาเสพติดโลกอีกด้วย การแสดงนี้เป็นส่วนหนึ่งของเด็กชั้นประถม
หลังจบงานผมก็เดินขึ้นห้องไปเก็บของเตรียมกลับบ้านแต่ก็พบลูกอมกับกระดาษโน้ตวางไว้บนโต๊ะเหมือนคราวก่อน ผมจึงหยิบกระดาษขึ้นมาอ่าน ‘วันนี้แสดงดีมากเลย’ ผมเก็บกระดาษแผ่นที่สองที่ได้มาไว้ในแฟ้มที่เคยเก็บแผ่นแรกมาก่อนแล้ว จากนั้นก็แกะลูกอมกินและไม่ลืมที่จะอ่านข้อความข้างในซองลูกอม
‘เริ่มรู้จักคำว่า รัก เมื่อฉันได้รู้จักเธอ’
คราวหน้าผมจะได้ข้อความว่าอะไรนะ? เริ่มสนุกกับการอ่านข้อความในห่อลูกอมแล้วสิ
“นี่ได้อีกแล้วเหรอวิน? เราว่าบัดดี้เราตายจากโลกไปแล้วแหง ๆ” อลิษาเดินมาพูดกับผมพร้อมตบโต๊ะดังป๊าบ ทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อยแต่ที่ตกใจมากกว่าคือมันแอบด่าผมอีกแล้ว วันนี้ผมยุ่งเฉย ๆ หรอก ตอนแรกก็กะว่าจะหยิบขนมมายัดใส่ใต้โต๊ะมันแต่ดันลืมหยิบมาจากบ้านซะงั้น อดไปนะอลิษา รอวันอื่นแทนแล้วกัน ไม่งั้นมันคงแช่งผมทุกวันแน่ ๆ
“เห้ย กูก็ได้ของจากบัดดี้แล้วว่ะ!” ไอ้ตูนหยิบห่อขนมสะบัดไปสะบัดมาเหนือศีรษะ หน้าซองถูกเขียนด้วยปากกาเมจิกว่า ‘จากบัดดี้’
“เราก็ได้เหมือนกัน” มานพเอื้อมมือไปหยิบของที่อยู่ใต้โต๊ะเอามาวางโชว์ไว้บนโต๊ะก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าไป
อลิษาเห็นทุกคนได้แต่ตัวเองไม่มีอยู่คนเดียวอารมณ์เซ็งเริ่มทวีคูณขึ้น ผมจึงรีบหาชวนมันไปหาอะไรอร่อย ๆ กินหลังเลิกเรียน
“เลิกเรียนแล้วไปกินไอติมกันป่ะ มีร้านเปิดใหม่แถวหน้าโรงเรียน มีทั้งไอติมทั้งบิงซู เค้กก็มีนะ” ผมรีบเอาของหวานเข้าล่อซึ่งมันก็ได้ผลเสียด้วย
“ไป ๆ อยากกินอะไรหวาน ๆ อยู่เหมือนกัน”
“กูว่าชวนพี่เมฆไปด้วยดีป่ะ?” จู่ ๆ ไอ้ตูนที่ไม่ค่อยเสนอความเห็นเกี่ยวกับการชวนคนอื่น วันนี้ดันคิดประหลาดเอ่ยถามถึงพี่เมฆอย่างนั้น
“ก็ดีเหมือนกันนะ เนี่ยเราว่าจะสมัครเป็นแฟนคลับเมฆวินแล้วเนี่ย” มานพพูดตบท้าย
ผมมองเพื่อนอย่างมึน ๆ อยู่ดี ๆ ทุกคนก็กลายมาสนับสนุนผมกับพี่เมฆเรื่องนี้ซะงั้น เมื่อมาถึงร้านไอติมแล้วก็พากันสั่งของหวานที่ตนเองอยากกินกัน
ผมนั่งตรงข้ามกับพี่เมฆ ไอ้ตูนกับมานพนั่งตรงข้ามกันและอลิษานั่งหัวโต๊ะ ไม่นานบิงซูนมสดราดด้วยซอสสตอเบอรี่ก็ถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับบิงซูชาเขียวโรยด้วยผงมัทฉะและมีนมข้นหวานแยกใส่ถ้วยน้อยเอาไว้เพิ่มรสชาติ
และการมากินครั้งนี้ก็มีรูปผมกับพี่เมฆอยู่ในอินสตาแกรมคู่จิ้นด้วย เป็นภาพที่พี่เมฆกำลังยื่นทิชชู่มาให้ผม ผมหรี่ตามองกวาดว่าใครกันแน่เป็นคนถ่ายแล้วส่งไปให้ทางนั้นลงรูป ไอ้ตูนคงไม่ใช่ ส่วนมานพที่ชอบถามทุกเรื่องก็ไม่น่าใช่ ถ้าผมเดาไม่ผิดนะคนที่ชงเยอะที่สุดน่าจะเป็นอลิษาเนี่ยแหละตัวดีเลย
“วินนี่ เดี๋ยวพี่ส่งรูปที่พวกเราแสดงวันนี้ให้นะ” พี่เมฆบอกกับผมก่อนหันไปบอกคนอื่น ๆ ด้วย “เดี๋ยวให้วินส่งต่อให้พวกเราอีกทีนะ” ที่พี่เมฆมีรูปพวกผมก็เพราะว่าวันนี้มาเป็นตากล้องจำเป็นให้โดยไม่ต้องร้องขอเลย ถึงผมจะอายกับชุดนางเงือกแต่ก็ถือว่าเก็บรูปไว้เป็นความทรงจำแล้วกันว่าครั้งหนึ่งเคยได้ทำอะไรแบบนี้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ