พ่ายรักพรางหัวใจ

8.8

เขียนโดย Phaky

วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 17.45 น.

  33 ตอน
  4 วิจารณ์
  28.80K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560 14.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) เข้าใจผิด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“เอ่อ...คุณชาย”

เอริสาขยับตัวขึ้นจากเก้าอี้โดยสารที่ถูกปรับเอนนอนลงหลังจากที่เธอส่งดาร์เลเน่เข้าไปพักผ่อนในห้องนอนบนเครื่องบินส่วนตัวของตระกูลกริมเมอร์ที่กำลังทะยานอยู่เหนือน่านฟ้ามุ่งหน้าไปยังประเทศไทย หลังจากนั้นเธอจึงกลับมานั่งที่เก้าอี้โดยสารหน้าห้องนอนของคุณหนูตัวน้อยเหมือนเดิม ก่อนที่จะหลับตาลงเพื่อพักสายตาระหว่างที่เครื่องบินยังคงร่อนอยู่บนฟ้าเพราะระยะเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงจุดหมาย แต่เพียงเคลิ้มๆยังไม่ทันจะหลับสนิทดี เธอกลับรู้สึกเหมือนกำลังถูกใครสักคนจ้องมอง เปลือกตาบอบบางจึงลืมขึ้นและก็เจอกับดวงตาคมกริบของดาเนียลที่ไม่รู้ว่าออกมาจากห้องทำงานบนเครื่องบินลำนี้ตั้งแต่เมื่อไรนั่งมองเธออยู่ที่เก้าอี้โดยสารด้านข้าง แววตาราบเรียบของเขาที่ยังคงจ้องมองอยู่ไม่บ่งบอกความรู้สึกจนเธอทำตัวไม่ถูกว่าควรจะขอโทษที่เผลอหลับในเวลางานหรือควรจะเอ่ยทักทายเรื่องอื่นแก้เก้อ

“ขอโทษที่ทำให้ตื่น”

“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันไม่ได้หลับ แค่ตั้งใจพักสายตานิดหน่อย”

“พักสายตา? พักสายตาอะไรนานขนาดนั้น ฉันนั่งมองเธอเป็นนานสองนานกว่าเธอจะรู้ตัว”

“คือ...ดิฉันขอโทษค่ะ”

เพราะมัวแต่รู้สึกผิดที่เธอละเลยหน้าที่เผลอนอนหลับในเวลางานไม่ยอมนั่งเฝ้าดาร์เลเน่แม้ว่าตอนนี้จะอยู่บนเครื่องบินก็ตามทีจนถูกดาเนียลตำหนิ ทำให้เอริสาไม่ทันได้สังเกตประโยคที่ชายหนุ่มพูดให้ถ้วนถี่ว่าดาเนียลบอกว่าเขานั่งมองเธออยู่นานไปอย่างน่าเสียดาย หญิงสาวปลดเข็มขัดที่รัดอยู่ตรงหน้าท้องออกเพื่อหมุนตัวมาก้มศีรษะขอโทษเจ้านายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างได้ถนัด

“ช่างเถอะ”

ดาเนียลโบกมือข้างหนึ่งขึ้นเป็นเชิงปราม พลางถอนหายใจเบาๆอย่างเหนื่อยใจเมื่อเห็นท่าทางรู้สึกผิดเป็นอย่างมากของบอดี้การ์ดสาวคู่สนทนา นี่เอริสาไม่รู้จริงๆหรือแกล้งไม่รู้กันแน่ว่าประโยคที่เขาพูดเมื่อสักครู่เขาต้องการแซ็วเจ้าหล่อนเล่นหาใช่ตำหนิไม่ แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร เลยกลายเป็นว่านอกจากเขาจะเข้ามาในห้องโดยสารในส่วนที่เตรียมไว้ให้น้องสาวจนทำให้เอริสาตื่นตกใจแล้วเขายังทำให้เจ้าหล่อนรู้สึกผิดในหน้าที่อีกด้วยสินะ ดีจริงๆ!

“แล้วกินอะไรหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ”

เอริสาก้มหน้าตอบออกไปพยายามทำน้ำเสียงให้ราบเรียบที่สุดเพื่อปกปิดอาการประหม่าตื่นเต้นดีใจที่กำลังเกิดขึ้น สำหรับดาเนียล...คำถามนี้อาจเป็นคำถามที่ถามขึ้นเหมือนชวนคุยทั่วๆไปไม่ได้ใส่ความรู้สึกลงมาด้วย แต่สำหรับคนแอบรักอย่างเธอ...คำถามฟังดูคล้ายอาทรของเขากลับทำให้หัวใจดวงน้อยๆที่อกด้านซ้ายเต้นรัวเร็วด้วยความปลื้มปรีติจนกลัวว่าจะเผลอแสดงอาการดีใจออกไปให้ถูกจับได้

‘ตามมารยาทอลิสควรถามเรากลับไม่ใช่หรือ’

สิ้นคำตอบของเอริสา บทสนทนาก็เหมือนถูกกลืนหายไปในหลุมอากาศ ไม่มีคำพูดใดๆเอื้อนเอ่ยมาจากริมฝีปากของทั้งคู่ เนื่องจากคนหนึ่งต้องก้มใบหน้าลงต่ำเพื่อปิดซ่อนแววตาและเม้มปากไว้แน่นไม่ให้เรียวปากบางเย้ายวนเผลอแย้มยิ้มออกมา ในขณะที่อีกคนก็เงียบเพื่อรอคอย รอคอยให้คนที่เขาถามอย่างมีน้ำใจเอ่ยถามเขากลับมาบ้าง แม้เป็นการถามกลับตามมารยาทเขาก็อยากจะฟัง แต่หญิงสาวกลับเอาแต่ก้มหน้าหลบสายตาทำเหมือนไม่อยากสนทนากับเขาเสียอย่างนั้น

“ไปเมืองไทยครั้งนี้ อยากไปกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”

หลังจากปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมอยู่ครู่ใหญ่และค่อนข้างมั่นใจว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาเอง เพราะถ้ารอให้เอริสาเป็นฝ่ายเอ่ยปาก ไม่แน่ว่าอาจต้องรอให้เครื่องบินลงจอดที่สนามบินของประเทศไทยเสียก่อนซึ่งต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมง แต่เขาก็ไม่อยากเป็นตัวการที่ทำให้บรรยากาศระหว่างนี้อึดอัดอึมครึม พอๆกับยังไม่อยากพาตัวเองออกไปจากตรงนี้ ดาเนียลจึงเป็นฝ่ายเปิดปากถามขึ้นมาอีกครั้งทำลายความเงียบและเพราะเอริสามีสายเลือดชาวไทยเต็มตัว อีกทั้งเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมากว่าเก้าปีก่อนที่จะมาอยู่กับครอบครัวของเขาที่อเมริกาดาเนียลจึงคิดว่าบางทีเอริสาอาจคิดถึงรสชาติอาหารที่คุ้นเคยจึงถามออกไป

“ดิฉันกินอะไรก็ได้ค่ะ”

“แล้วอยากไปที่ไหนเป็นพิเศษไหม”

“ดิฉันแล้วแต่คุณหนูค่ะ”

แล้วก็เหมือนเดิมที่เอริสาตอบแบบประหยัดถ้อยประหยัดคำจนค่อนข้างงกในความรู้สึกของดาเนียล

“อืม เข้าใจแล้ว เธอนอนต่อเถอะ”

เมื่อเจอคำตอบแบบกำปั้นทุบดินของเอริสาซ้ำๆ สุดท้ายดาเนียลจึงต้องยอมเลิกรา ชายหนุ่มรู้ดีว่าต่อให้เขาพยายามชวนคุยเท่าไรแต่ถ้าบอดี้การ์ดสาวไม่ให้ความร่วมมือหรือคล้อยตามมันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เขาทำตัวน่ารำคาญด้วยการเซ้าซี้เอาคำตอบจากคนไม่เต็มใจ ดาเนียลจึงขยับกลับมานั่งตัวตรงพิงเก้าอี้โดยสารแล้วหลับตาลงคล้ายต้องการพักผ่อน ถือเป็นการตัดบทสนทนาน่าอึดอัดให้จบลงก่อนที่เขาจะอารมณ์เสียแล้วทำในสิ่งที่ไม่สมควรออกไป

หลังจากที่ดาเนียลยุติบทสนทนาด้วยการหลับตานิ่ง เอริสาจึงหันกลับมานั่งที่เก้าอี้โดยสารของตัวเองเช่นกัน พลางนึกเสียดายที่ไม่ได้ยินน้ำเสียงทุ้มเรียบของดาเนียลเอ่ยถามอะไรออกมาอีก ซึ่งเธอก็เข้าใจดี อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้สนใจเรื่องราวของเธอจริงจังตั้งแต่แรก เขาเพียงแค่ต้องการหาเพื่อนคุยฆ่าเวลาก็เท่านั้น พอเบื่อก็เลยหันหน้าหนีแล้วหลับตาลงดื้อๆ

“คาดเข็มขัดด้วยสิ”

แต่ระหว่างที่นั่งเหม่อลอยอยู่กับภวังค์ความคิดเรื่อยเปื่อยของตัวเอง อยู่ๆคนในความคิดกลับมาปรากฏอยู่ตรงหน้าของเธอในระยะประชิด ชิดจนใบหน้าคมคายมีเสน่ห์ของเขาอยู่ใกล้กับใบหน้าของเธอจนปลายจมูกแทบสัมผัสกัน ลมหายใจอุ่นๆของดาเนียลเป่ารดจนเธอเกร็งตัวแข็งทื่อแทบลืมหายใจ สองมือหนาวางทาบไปกับพนักวางแขนของเก้าอี้โดยสารที่เธอนั่งอยู่ นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เธอถูกโอบล้อมไว้ด้วยวงแขนแกร่ง แม้ไม่มีเสียงอุทานกรีดร้องด้วยความตกใจเหมือนผู้หญิงทั่วๆไป แต่ดวงตากลมหวานที่เบิกกว้างก็เป็นหลักฐานชั้นดีว่าเอริสานั้นตกตะลึงกับการกระทำของดาเนียลไม่น้อย

“ขะ..ขอบคุณค่ะคุณชาย”

เสียงสั่นๆเอ่ยขอบคุณแผ่วเบาตะกุกตะกักเพราะสติที่กระเจิงหายยังไม่เข้าที่เข้าทาง อีกทั้งเอริสายังไม่กล้าขยับริมฝีปากมากนัก เนื่องจากตอนนี้ใบหน้าหล่อคมคายของดาเนียลยังไม่ยอมผละออกห่างจากใบหน้าของเธอสักทีทั้งที่ชายหนุ่มช่วยรัดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อยแล้ว หากเธอขยับริมฝีปากมากเกินไปก็เกรงว่าริมฝีปากของเธอจะสัมผัสกับริมฝีปากได้รูปของเจ้านายหนุ่ม และที่เลวร้ายไปกว่านั้นที่ทำเอาหัวใจดวงน้อยๆเต้นรัวแรงไม่เป็นจังหวะคงหนีไม่พ้นดวงตาคมกริบของดาเนียลที่มองจ้องเธอในระยะประชิดอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนนับตั้งแต่รู้จักกันมา จ้องมองนิ่งอยู่แบบนั้นจนเธอทำอะไรไม่ถูกรู้สึกขัดเขินไปหมด จะหันหน้าหนีก็ไม่ได้เพราะถ้าทำแบบนั้นริมฝีปากของชายหนุ่มก็จะสัมผัสกับผิวแก้มเนียนนุ่มของเธอเข้าจังๆ เอริสาจึงต้องหลีกหนีจากสถานการณ์บีบรัดหัวใจด้วยการหลับตาลงไม่ยอมสบตากับดวงตาคมมีเสน่ห์คู่นั้นของดาเนียลเอาดื้อๆ จนได้ยินคล้ายเสียงหัวเราะแผ่วๆของดาเนียลดังอยู่ข้างหู

“วันหลังอย่าลืมคาดเข็มขัดอีกล่ะ รู้ไหม มันอันตราย”

“ค่ะ คุณชาย”

เอริสาตอบรับเสียงเบาด้วยความเขินจัดหลังจากที่ดาเนียลยอมผละใบหน้าออกห่างใบหน้าของเธอสักที แม้ว่าเขาจะยังมองจ้องใบหน้าร้อนผ่าวของเธอต่ออีกนิดจนเธอแทบหลอมละลายไปตรงหน้า แต่ที่ทำให้เธอขัดเขินเลือดลมฉีดพล่านจนแทบหยุดหายใจคงไม่พ้นตอนที่ชายหนุ่มเอ่ยเตือนว่าคราวหน้าอย่าลืมคาดเข็มขัด เพราะในระหว่างที่เจ้านายหนุ่มกำลังพูด ริมฝีปากของเขาก็แนบชิดอยู่แถวๆซีกแก้มบางใสจนเธอสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนของเรียวปากได้รูปของเขา นั่นก็หมายหมายความว่าเธอถูกดาเนียลจูบแก้มใช่หรือไม่ ความคิดนั้นทำให้หญิงสาวต้องหันหน้ามองออกไปทางหน้าต่างไม่ได้ฉุนโกรธ แต่เพื่อหลบซ่อนความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นไม่ให้นายใหญ่ตระกูลกริมเมอร์รู้ตัวว่าการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจของเขามีอิทธิพลกับหัวใจดวงน้อยๆของเธอมากเพียงใดต่างหาก

ในขณะที่เอริสากำลังเขินอายระคนสับสนกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ คนต้นเหตุที่พาตัวเองกลับมานั่งที่เก้าอี้โดยสารด้านข้างของบอดี้การ์ดสาวตัวเดิมก็ยังคงวางท่าเฉยเมยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เอริสาที่ลอบหันมามองดาเนียลมั่นใจว่าชายหนุ่มไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลยจริงๆ

และเพราะมัวแต่จมอยู่กับภวังค์ความคิดของตัวเองจึงทำให้เอริสาลืมนึกไปว่าทำไมดาเนียลถึงพาตัวเองมาอยู่ที่นี่ ในเมื่อตอนแรกชายหนุ่มออกปากยกพื้นที่โดยสารส่วนนี้ให้ดาร์เลเน่กับเธอครอบครองตามลำพัง ส่วนตัวเขาขอแยกไปอีกส่วนที่มีห้องสำหรับนั่งทำงานที่ยังค้างคา แต่ทำไปทำมาดาเนียลกลับตีเนียนเข้ามาอยู่ในห้องโดยสารนี้อีกคนซะอย่างนั้นจนห้องโดยสารที่เคยกว้างขวางกลับคับแคบไปถนัดตา

.........................................................................................................................................................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา