1'st Metter High ร้ายสร้างรัก

9.1

เขียนโดย VoiceFuL

วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.11 น.

  18 chapter
  0 วิจารณ์
  15.31K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560 12.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ทาทีที่เปลี่ยนไป

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ท่าทีที่เปลี่ยนไป

เช้าวันรุ่งขึ้นฉันตื่นมาพร้อมกับสภาพเหมือนร่างไร้วิญญาณ ไม่สิ ฉันไม่ได้นอนเลยต่างหาก แล้วจะเรียกว่าตื่นได้ไง จริงมั้ย ? เรื่องเมื่อคืนมันกวนใจฉันจนนอนไม่หลับ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็มีแต่เสียงของหมอนั่นอยู่ในโสตประสาท แววตาที่ดูหม่นหมองของเขามันติดตาของฉันมาจนถึงตอนนี้…ทำไมฉันรู้สึกแย่แบบนี้นะ

ฉันเดินออกมานั่งที่ชิงช้าในสวนหลังบ้าน ตอนนี้ป้าคงจะออกไปทำบุญตั้งแต่เช้า กว่าจะกลับคงใกล้เที่ยง พี่เซตเองก็อาจจะทำงานที่สภานักเรียนแต่เช้าเลยล่ะมั้ง เพราะตั้งแต่ตื่นมาฉันยังไม่เจอใครเลยซักคน

ตอนนี้ฉันไม่ชอบความเงียบเอาซะเลย ยิ่งเงียบมันยิ่งทำให้ฉันคิดเรื่องนั้นมากขึ้นไปอีก

“โอ๋” เสียงพี่เซต! อ้าว นี่อยู่บ้านหรอกเหรอเนี่ย ? ฉันรีบหันไปมองตามที่มาของเสียง ก็พบพี่เซตยืนมองฉันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆเดินเข้ามานั่งข้างๆฉัน

 “พี่ลืมโทรศัพท์ไว้ที่โรงเรียนน่ะ ตอนไปเอาแบตมันก็หมดแล้ว พี่เพิ่งจะเห็นมิสคอลตอนชาร์ตนั่นล่ะ”

“อืม” นี่คงจะหมายถึงเรื่องเมื่อคืนงั้นสินะ

 “เมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้น แผลพวกนี้มันมาได้ยังไง” เขาว่าพลางมองสำรวจเนื้อตัว รวมไปถึงใบหน้า ที่ตอนนี้ยังคงทิ้งรอยแผลการจากถูกทำร้ายไว้ให้ได้เห็นเด่นชัด จะบอกตรงๆก็กลัวคนตรงหน้านี้จะเป็นห่วงมากจนเกินไป แต่หากจะโกหกก็คงทำไม่ได้ คนอย่างพี่เซต้า ไม่ใช่คนโง่ที่จะดูอะไรพวกนี้ไม่ออก ที่พอจะทำได้ก็แค่บอกปัดให้รู้ว่าฉันไม่อยากจะพูดถึงที่มาของแผลเหล่านี้อีกเท่านั้น

“ไม่มีอะไรมากหรอก พี่อย่าสนใจเลย”

เสียงถอนหายใจเบาๆลอดออกมาจากพี่ชายคนนี้ เขาเงียบอยู่อึดใจหนึ่ง จึงถามฉันต่อ

“แล้วมากับติวาได้ยังไง”

รู้ได้ยังไงกันว่าฉันมากับติวา! หรือว่าพี่เซตจะ… “นี่พี่เห็น ?”

“เห็นสิ เมื่อคืนนี้..หน้าบ้าน”

“พี่ได้ยินมันทั้งหมดเลยใช่มั้ย”

“อืม” สิ้นเสียงนี้ ความสับสนเริ่มเข้ามารบกวนฉันอีกครั้ง นี่ดีรึเปล่าที่พี่เซตรับรู้เรื่องราวพวกนี้แล้ว ใจนึงฉันไม่อยากให้เขารู้ เพราะมันเป็นเรื่องที่ฉันอยากจะลืมแม้จะทำได้ยาก แต่ฉันเชื่อว่าซักวันฉันต้องทำได้ แต่ทว่าอีกใจนึง หากคนที่ฉันรักและเคารพเหมือนพี่แท้ๆคนนี้รู้เรื่อง เขาอาจจะช่วยฉันได้ อย่างน้อยๆฉันก็ไม่ต้องเก็บเรื่องพวกนี้เอาไว้แค่คนเดียว มันอึดอัดมากที่ฉันต้องจมอยู่กับเรื่องบ้าๆพวกนี้ จะลืมก็ไม่ได้ บอกใครก็ไม่ได้เช่นกัน

แต่ในวันนี้ ไหนๆก็รู้เรื่องแล้ว ฉันได้แต่หวังว่าพี่เซตคงจะช่วยชี้ทางออกจากเรื่องนี้ให้ฉันได้

“พี่ว่าโอ๋ควรจะทำยังไง” ฉันถามพลางจ้องมองอย่างคาดหวัง แต่แล้วคำตอบมันก็….

“ไม่รู้สิ เรื่องนี้โอ๋ต้องถามตัวเองมากกว่าจะมาถามพี่นะ”

“โอ๋ถามแล้ว แต่มัน.. ไม่มีคำตอบ”

พูดให้ถูกคือฉันไม่รู้ว่าอะไรมันคือคำตอบมากกว่า เหมือนมีอะไรที่ขัดแย้งกันอยู่ในตัวฉัน ทั้งสองอย่างนี้ให้คำตอบกับฉันในแบบที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง จนทำให้ฉันไม่รู้ว่าสิ่งไหนกันแน่ คือสิ่งที่ควรจะทำจริงๆ

“ไม่มี หรือมีแล้วโอ๋ไม่ยอมรับมันคนละเรื่องนะ”

“พี่ต้องการจะพูดอะไรกันแน่”

“พี่บอกอะไรเราไม่ได้หรอก เวลามันจะเป็นตัวบอกทุกอย่างเอง พี่เชื่อว่าอีกไม่นานหรอก โอ๋จะต้องได้คำตอบ”

อีกไม่นาน… ฉันเองก็ภาวนาให้มันเป็นแบบนั้นเหมือนกัน

 

@โรงอาหารอีสเมทเทอร์สกูล

“ช่วงนี้โอ๋ดูแปลกๆไปนะ ไม่สบายรึเปล่า”

เสียงของไอรีนช่วยดึงฉันให้ตื่นจากภวังค์ ด้วยอะไรหลายๆอย่างทำให้ช่วงนี้ฉันค่อนข้างเหม่อลอย อีกทั้งภายนอกก็ดูอิดโรยคล้ายกับคนป่วย ถึงแม้ว่าแต่ก่อนฉันจะไม่ใช่คนสดใสร่าเริง แต่อย่างน้อยๆฉันก็พอจะรู้ว่าฉันไม่ได้แย่เท่าตอนนี้ ไม่แปลกเลยที่คนที่ชอบดูแลเอาใจใส่คนอื่นอย่างไอรีนจะรู้ถึงความผิดปกตินี้

“นิดหน่อยน่ะ”

“เพราะเรื่องเมื่อวันศุกร์ใช่มั้ย”

“ไม่ใช่ซะหน่อย เมื่อคืนแค่นอนดึกไปหน่อยเท่านั้นเอง”

“อ๋อ งั้นถ้าโอ๋รู้สึกไม่ไหวต้องรีบบอกรีนเลยนะ”

“อืม”

ไอรีนส่งยิ้มมาให้ฉันก่อนจะกลับไปจัดการกับจานอาหารตรงหน้าต่อ ฉันเองพยายามทำตัวให้ดูปกติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปได้ด้วยดี จนกระทั่ง

“ไงจ้ะน้องสาวทั้งสอง” เสียงของพี่ไอด้า ดังมาพร้อมกับเจ้าตัวที่ส่งยิ้มสดใสมาให้อย่างเคย เธอเข้ามาทักเราทั้งสองที่โต๊ะด้วยท่าทีดูสนิทสนม ทั้งๆที่ฉันกับพี่ไอด้าไม่ค่อยได้มีโอกาสพูดคุยกัน แต่คงเป็นเพราะฉันเป็นเพื่อนกับไอรีน จึงทำให้การแสดงออกที่มีต่อฉันไม่ต่างไปจากไอรีนซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆเลย

“พี่ด้า วันนี้ลงมาได้ด้วยเหรอคะ” ไอรีนถามพี่สาวด้วยสีหน้าสงสัย เป็นเพราะว่าปกติพวกเราไม่ค่อยได้เจอพี่ไอด้าที่โรงอาหารเลย เหตุผลอาจเป็นเพราะงานที่สภานักเรียน วันนี้จึงนับว่าแปลกมากที่เจอกันแบบนี้

“แหม ดูพูดเข้า ก็ได้สิ จริงๆพี่ก็ลงมาออกบ่อยไป คงคลาดกันล่ะมั้ง”

“ดีเลย งั้นมานั่งด้วยกันสิคะ”

“โอเค ^O^” แต่ยังไม่ทันจะได้นั่ง ‘เพื่อน’ ในกลุ่มของพี่ไอด้าก็ตามมาสมทบ ซึ่งหนึ่งในนั้น…

“จะนั่งนี่จริงเหรอ”

                เสียงพูดที่ฟังดูไร้อารมณ์ของผู้ชายคนที่ฉันไม่รู้จักมากนัก เท่าที่จำได้คือเขาชื่อ ‘คิน’ เป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของพี่ไอด้า แต่แน่ล่ะ คนที่ฉันพูดถึงก่อนหน้านี้ไม่ใช่รุ่นพี่คนนี้แน่นอน

                คนคนนั้นน่ะ เขายังไม่ได้พูดอะไรเลยนับตั้งแต่เจอกัน มีแค่สายตาที่ยังคงจ้องมองฉันนิ่ง ไม่เบี่ยงไปที่ไหนเลย มันยังคงหยุดอยู่ที่ฉันแบบนั้น และสร้างความอึดอัดให้กับฉันเป็นอย่างมาก

“ไอรีน ฉันปวดหัว ยังไงเดี๋ยวไปเจอกันที่ห้องเลยก็แล้วกันนะ”

“ปวดมากมั้ย เดินไหวรึเปล่าโอ๋” ไอรีนถามด้วยสีหน้ากังวล

“ไหวสิ สบายมาก กินยาเดี๋ยวก็หายแล้วล่ะ ไปนะ”

นั่นเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่ฉันจะเดินเลี่ยงออกมาจากโรงอาหาร ความจริงฉันแค่ต้องการจะหลบหน้าหมอนั่นเท่านั้น แต่พอเดินๆมาได้ซักพักฉันรู้สึกว่าควรจะต้องไปพักจริงๆซะแล้วล่ะ เพราะตอนนี้ความรู้สึกปวดหนึบที่หัวมันแล่นมาทำร้ายฉัน ภาพตรงหน้าเริ่มเบลอ พื้นก็เหมือนจะโคลงเคลงไปมาจนฉันเซ จวนเจียนจะล้มเต็มที

“ตั้งโอ๋!” เสียงนั่นมาพร้อมกับความช่วยเหลือ ที่กำลังพยุงไม่ให้ฉันล้มลงไป ฉันพยายามลืมตาแล้วปรับโฟกัสให้มองเห็นได้ถนัด แต่แล้วภาพตรงหน้ามันก็ทำให้ฉันอยากจะหายๆไปจากตรงนี้ซะเดี๋ยวนี้เลย!

“นาย..” เสียงของฉันแผ่ว จนไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะได้ยินรึเปล่า

“ยืนไม่ไหวก็อย่าฝืน เดี๋ยวฉันอุ้มเธอไปเอง”

“ไม่.. ไม่ต้อง”

“ตั้งโอ๋”

“อย่ามาโดนตัวฉัน” แขนของฉันพยายามพลักให้ออกห่างจากตัว แต่มันไม่ได้ต่างอะไรกับอยู่นิ่งๆเลยแม้แต่น้อย

“ขอโทษนะ แต่ฉันคงปล่อยเธอไม่ได้” พูดจบตัวฉันก็ลอยขึ้นจากพื้นทันที

“ปล่อย ปล่อยสิ ปล่อยให้ปล่อยไง” ฉันพยายามพูดให้ดังกว่าเดิม หมอนี่ไม่ได้ยินรึไง ทำไมไม่เอาแขนออกไปจากตัวฉันซักที! ฉันยังคงดิ้นไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่พอจะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลย

“ตัวเธอร้อนมากเลยรู้ตัวมั้ย หน้าก็ซีดด้วย”

 “เรื่อง ของฉัน นายมา..ยุ่งอะไร….” ฉันพยายามจะพูด แต่เหมือนเสียงจะไม่ออกตามที่คิดซะแล้ว มือของฉันอ่อนแรงจนยกไม่ขึ้น เปลือกตาหนักจนไม่สามารถมองอะไรได้อีก สิ่งที่รู้สึกได้มีแค่ความปวดราวกับหัวจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ เท่าที่สติพอจะรวบรวมได้คือ ฉันได้ยินเสียงที่ลอดเข้ามาเป็นประโยคสุดท้าย

“เพราะฉันเป็นห่วงเธอ ฉันเลยต้องยุ่ง”

…สติดับหายไปอย่างสมบูรณ์ พร้อมกับคำตอบที่ฉันไม่ต้องการจะได้ยิน…

 

ฉันลืมตาขึ้นมาก็พบกับห้องที่ไม่ค่อยคุ้นตาเท่าไหร่นัก หัวฉันยังตื้อๆอยู่เลย ภาพสุดท้ายที่จำได้มันที่ไหนกันนะ

ติวา…ใช่แล้ว! หมอนั่นอยู่ที่นี่งั้นสิ!!

“น้องโอ๋ฟื้นแล้วล่ะ” ฉันเพ่งมองคนที่เดินเข้ามาดูอาการฉัน คนแรกเป็นผู้หญิง อีกคนเป็นผู้ชาย ดูคุ้นมากแต่ตอนนี้ฉันยังมองได้ไม่ชัดเท่าไหร่เลย

“เป็นไงบ้าง”

เปลือกตาฉันกระพริบลงสามสี่ที ภาพตรงหน้าจึงกลับมาชัดดังเดิม ที่แท้สองคนตรงหน้านี่ก็คือ…

“พี่เซต พี่ไอด้า” ฉันถามเสียงแผ่วในขณะที่พี่เซตกำลังเอามือมาอังที่หน้าผากฉันอย่างเป็นห่วง

“ไข้ลงแล้วล่ะ ค่อยยังชั่วหน่อย”

“โอ๋อยู่ที่ไหน”

คราวนี้พี่ด้าเป็นคนพูดขึ้นบ้าง “ห้องสภานักเรียนน่ะ ติวาเป็นคนพามา มันบอกว่าน้องโอ๋คงไม่อยากไปห้องพยาบาล”

แน่ล่ะ ใครจะอยากไปที่แบบนั้นกัน ฉันเอามือยันตัวลุกขึ้นมาก่อนจะควานหาโทรศัพท์มือถือเพื่อนดูเวลา แจ่ดูเหมือนว่า ฉันจะลืมมันเอาไว้ในกระเป๋านักเรียน

“น้องโอ๋หาอะไรจ้ะ”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ว่าแต่ ตอนนี้กี่โมงแล้ว ?”

ฉันถามอย่างเกรงใจ เพราะไม่ได้รู้สึกสนิทด้วยเท่าที่ควร พี่ไอด้ายิ้มให้ฉันพร้อมกับมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง

“สี่โมงห้าสิบแล้วล่ะจ้ะ”

“นอนพักอีกหน่อย อีกสิบนาทีเราค่อยกลับพร้อมกัน”

พี่เซตพูดพลางส่งยิ้มให้ ฉันพยักหน้ารับน้อยๆแล้วนอนพักต่อ รอเวลาที่จะได้กลับบ้านในอีกสิบนาทีต่อมา

 

“เดินไหวใช่มั้ย” เสียงทุ้มของพี่เซต ถามขณะที่กำลังประคองตัวฉันลงจากอาคาร ฉันไม่ได้ตอบอะไร ทำแค่พยักหน้ารับเบาๆเท่านั้น

 “พี่ว่า เขาดูเป็นห่วงโอ๋มากนะ” เราเริ่มบทสนทนาโดยที่ไม่ได้มองหน้ากัน แต่ฉันก็ไม่ได้ให้คำตอบกับคำถามเมื่อสักครู่ แต่คนถามต้องหันมาปรายตามอง และถามคำถามถัดมา

“โอ๋ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร”

ยังคงไร้คำตอบจากฉันเช่นเคย..

 “ทำแบบนี้พี่ไม่เห็นว่ามันจะมีใครมีความสุขเลยนะ”

พี่เซตยังคงพูดต่อไป ฉันอยากจะหนีไปให้พ้นๆจากเรื่องพวกนี้ ทำไมถึงต้องคอยตอกย้ำอยู่เรื่อย ความเงียบผ่านไปเนิ่นนาน จนเดินมาจนถึงรถที่จอดเอาไว้ หลังจากเคลื่อนที่ออกจากที่นี่ไปได้ซักพัก พี่เซตทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างอีก ฉันจึงรีบขัดขึ้นมา

“พี่เลิกพูดเถอะ โอ๋ยังไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น” พูดจบจึงแสร้งพิงหลับไปกับเบาะตลอดการเดินทาง

หลังจากปิดเปลือกหน้าอันหนักอึ้งนั้นลงมาแล้ว ฉันก็นึกย้อนไปถึงคำถามที่ได้ยินมาเมื่อครู่

เขาดูเป็นห่วงฉัน ?

ใช่ แต่ฉันจะรู้ได้ยังไง ว่านั่นคือความจริง ไม่ใช่ภาพมายา

แล้วทำไมฉันต้องทำแบบนี้ ?

คำตอบของฉันมันดูจะเห็นแก่ตัวไปซักหน่อยนะ ฉันทำไปก็เพื่อที่จะปกป้องตัวฉันเองไงล่ะ ฉันผิดเหรอที่พยายามจะปกป้องตัวเอง ผิดเหรอที่ไม่อยากต้องเสียใจเหมือนแม่ ประสบการณ์มันสอนให้ฉันไม่ไว้ใจใคร มันสอนให้ใครไม่กล้าฝากใจไว้ที่ใคร ฉันก็แค่ไม่อยากโดนทำร้าย ไม่อยากเสียใจ แต่แปลกนะ ที่ฉันกำลังทำอยู่นี่ เพื่อปกป้องตัวเองจากความเสียใจ ในขณะที่ตอนนี้ฉันคงปฏิเสธไม่ได้เต็มปากหรอกว่าฉัน..ไม่ได้กำลังเสียใจอยู่จริงๆ

ความอ่อนล้าบวกกับพิษไข้เมื่อกลางวัน ทำให้ในเวลาต่อมา ฉันก็ดำดิ่งสู่ห้วงนิทราไปจริงๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา