XENON LIFER อมนุษย์พันธุ์ทมิฬ

8.3

เขียนโดย TwentySIX

วันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 10.59 น.

  13 chapter
  1 วิจารณ์
  12.99K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มกราคม พ.ศ. 2560 11.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) Promise That

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     อาณาจักรในเมืองลอสท์นั้นมีแต่ความมืดมิดเสียส่วนใหญ่ ประกอบกับความหนาวเหน็บอันโหดร้ายนี้ ก็คงไม่มีอะไรจะแย่ยิ่งไปกว่าการออกเดินทางแล้วไม่มีปัจจัยสี่ แต่ยังโชคดีที่ซีน่อนพกสัมภาระจุกจิกมาหลายอย่าง จึงทำให้เขาสามารถก่อกองไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่เพื่อนร่วมทางได้ อีกทั้งเขายังช่วยไปหาล่านกมาย่างให้อาคัลกินอีกต่างหาก

     “รีบๆกินแล้วไปเข้านอนซะ...เดี๋ยวเรายังต้องเดินทางกันต่ออีกไกล”

     ชายหนุ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าปกติ อาคัลนั้นแทบจะนึกภาพชายปริศนาสุดโหดแทบไม่ออก แต่พอเขาเห็นว่าข้างๆตัวซีน่อนมีร่างจิตของหญิงสาวนอนอยู่ แถมเธอยังเอาแขนชายหนุ่มไปกอดด้วย นั่นก็ทำให้อาคัลพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา

     “มองอะไร...”

     ชายปริศนาที่หยิบมีดสั้นขึ้นมาตรวจเช็คถาม เขานำอาวุธเก็บกลับเข้าแถบผ้าหนังที่พาดแทยงหัวไหล่จรดเอว ก่อนจะหันมาขยับศีรษะหญิงสาว ให้นอนซบไหล่เขาดีๆ แล้วค่อยใช้นิ้วเสยผมเธอให้ทัดใบหูอย่างนุ่มนวล

     "ข้าคิดว่าท่านน่าจะลองบอกอะไรกับเธอบ้างนะ" อาคัลพูดไปกินไป พนันเลยว่ามื้อนี้จะไม่ใช่มื้อสุดท้าย ที่เขาจะต้องมานั่งกินนกปีศาจย่าง

     "แกกำลังพูดถึงเรื่องอะไรเนี่ย..." ซีน่อนถามเสียงค่อย เหมือนกับเขากลัวว่าถ้าทำเสียงดังแล้วเดี๋ยวจิลจะสะดุ้งตื่นขึ้นมา อีกอย่างยัยจอมจุ้นนี่ก็ดันมาหลับทั้งๆที่ยังอยู่ในร่างจิต มันพาลให้ซีน่อนคิดไปว่าทำไมหล่อนถึงไม่กลับไปนอนดีๆที่ร่างเนื้อ

     อาคัลอมยิ้มน้อยๆ เมื่อกี้เด็กหนุ่มได้ยินเสียงจิลละเมอออกมา เธอพูดพึมพำประมาณว่า 'อดทนไว้นะ ซีน่อน' ซึ่งนั่นก็ช่วยยืนยันสมมุติฐานที่เด็กหนุ่มคิดเองเออเองยิ่งขึ้นไปอีก

     "ข้าว่าท่านควรจะบอกความรู้สึกในใจของท่านให้เธอรู้ เผื่อฝ่ายหญิงจะได้รู้ว่าท่านคิดยังไงกับเธอ"

     "แต่ฉันว่าแกกำลังมโนไปเอง..."

     ซีน่อนตัดบทจบ แล้วค่อยเอื้อมมือไปหยิบกิ่งไม้มาโยนใส่กองไฟ เพื่อเปลวเพลิงลุกโชนยิ่งขึ้น เสียงสะเก็ดไฟดังเปรี้ยงๆ ก่อนประกายไฟจะแตกตัวออกมา พร้อมกับลอยขึ้นไปยังท้องฟ้าเหมือนหิ้งห้อย

     'ความรู้สึกดีๆงั้นเหรอ?'

     ภาพเบื้องหน้าที่เห็นขณะนี้คือเพดานไม้สีน้ำตาลอ่อนๆ กับเสียงดังจอแจของผู้คนด้านนอก ก่อนผู้ที่นอนอยู่บนเตียงนอนจะดันตัวลุกขึ้นนั่ง สัดส่วนโค้งเว้าภายใต้ชุดนอนตัวโปรดสีชมพู ทำให้ได้รู้ว่าเธอคือหญิงสาว

     "อือ...มึนหัวจัง..."

     จิลบอกกับตัวเอง ก่อนจะใช้นิ้วปัดเส้นผมที่ปรกตาไปด้านข้าง นัยน์ตาสีครามมองไปรอบๆตัวอย่างเหม่อลอย ก่อนเธอจะลุกออกจากเตียง แล้วไปเปิดบานหน้าต่างออกเพื่อรับแสงแรกของเช้าวันใหม่ 

     ตามท้องถนนของเมืองคาล มีชาวบ้านหลายคนออกมาเดินซื้ออาหารมื้อเช้า พ่อค้าบางคนก็ตะโกนเรียกลูกค้ากันจ้าละหวั่น ชายหนุ่มบางคนยืนขบคิดอยู่หน้าร้านขายปลาตั้งนานสองนาน ก็เพราะว่าเขาจำไม่ได้ ว่าภรรยาของตัวเองใช้ให้มาซื้อปลาอะไร

     "เอาล่ะ!"

     จิลตบหน้าแล้วเดินออกไปจากห้องนอน เธอคิดว่าวันนี้จะต้องจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย จากนั้นค่อยถอดวิญญาณกลับไปหาซีน่อนอีกครั้ง

     ภารกิจทำลายเขตอาคมของเมืองลอสท์คงจะยากมากๆ แต่ไม่ว่ามันจะยากเย็นสักแค่ไหน หรือต่อให้ทำจนเสร็จสิ้นแล้วไม่มีใครยอมรับเขาอย่างไร

     เธอก็จะขอยืนเคียงข้างชายหนุ่มผู้นี้ตลอดไป

     "จะกลับไปแล้วเหรอ?"

     ทอชเห็นมัสแตงเก็บข้าวเก็บของที่เตรียมมาใส่ถุงย่าม ทางด้านชายหนุ่มผมทองก็หันมายิ้มน้อยๆ แล้วค่อยตอบกลับไป

     "ผมมีเรื่องที่อยากจะไปตรวจสอบนิดหน่อย"

     "เรื่องของซีน่อนใช่มั้ย"

     ทอชเดาใจชายหนุ่มได้ไม่ยาก และแน่นอนว่าเขายังรู้อีก ว่าสาเหตุที่มัสแตงต้องถ่อมาถึงเมืองคาล ก็คงเป็นเพราะชายหนุ่มโดนสั่งให้พักงานแน่ๆ เพราะตามปกติแล้วมัสแตงเป็นคนที่ขยันขันแข็งแบบเสมอต้นเสมอปลาย

     "ก็ประมาณนั้นครับ"

     มัสแตงพูดก่อนจะเดินออกมายืนหน้าบาร์เหล้า ตรงนั้นมีรถเกวียนขับมาหยุดรอตั้งนานแล้ว พอทอชเห็นว่าชายหนุ่มจะไปจากเมืองนี้ เขาก็เดินออกมาส่งเป็นเพื่อน และเมื่อชายหนุ่มขึ้นไปนั่งบนเกวียน ทอชก็โบกมืออำลาพร้อมด้วยรอยยิ้ม

     ยังมีเรื่องอีกมากมายที่มัสแตงอยากจะรู้ ทั้งอดีตของชายปริศนา และเหตุผลที่อาจารย์ฆ่าพ่อของเขาด้วย

     เขาคิดว่าสถานที่ๆน่าจะให้คำตอบแก่เขาได้ น่าจะเป็นหอสมุดของศาสนจักรแสง ถ้าเป็นที่นั่นละก็ บางทีอาจจะมีคำตอบรอเขาอยู่

     รถเกวียนควบออกห่างจากบาร์เหล้ามากขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มนั่งทอดสายตาออกไปด้านนอก เขามองเห็นชาวบ้านมากมายกำลังเดินจับจ่ายซื้อของ เด็กตัวเล็กๆวิ่งเล่นรอบสนามหญ้าอย่างสนุกสนาน ขณะที่มัสแตงกำลังหวนรำลึกเรื่องราวสมัยก่อน เขาก็ต้องเบิกตากว้างค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ

     ห่างออกไปไกลจากเกวียนเพียงแต่ไม่กี่สิบเมตร ที่ข้างๆร้านขายปลาแห่งหนึ่ง มีหญิงสาวผมยาวสลวยสีน้ำตาล ใส่เสื้อแขนยาวสีขาวกระโปรงยาวสีแดง เธอคนนั้นกำลังนั่งเล่นอยู่กับลูกแมวข้างๆร้าน ตรงข้างตัวหล่อนมีจานใส่น้ำนมวางเอาไว้อยู่ โดยในจังหวะที่รถเกวียนวิ่งผ่าน เธอก็เผลอใช้ดวงตาสีครามมองกลับไปยังมัสแตง ก่อนจะหันกลับมาให้ความสนใจกับลูกแมวอีกครั้ง

     ไม่ผิดแน่

     นั่นมันผู้หญิง...ที่อยู่กับอาจารย์ในตอนนั้นนี่นา!

     ในห้องบัลลังก์ของเรเบอร์ดอส ตอนนี้เขากำลังจุดไฟที่คบเพลิง เพื่อเตรียมวาดรูปแอปเปิ้ลอยู่ข้างๆหน้าต่าง เงาของเขาวูบไหวไปมาตามแสงไฟ เสียงผิวปากอย่างอารมณ์ดีดังเล็กลอดมาเป็นระยะๆ ภาพวาดของเขาเป็นรูปเป็นร่างอย่างรวดเร็ว เรเบอร์ดอสใช้พู่กันจุ่มสีแดงในถาดสี จากนั้นจึงนำไปละเลงบนรูปภาพผลแอปเปิ้ล

     จังหวะนั้นเองปีศาจอีกาที่เป็นผู้ส่งสาร ก็โผล่ออกมารบกวนสมาธิอีกครั้ง มันเดินมาคุกเข่าก้มหน้าก่อนจะรายงานข่าวให้แก่ผู้เป็นนาย

     "คือเรื่องของพ่อมดปีศาจซาลาส...ตอนนี้เขา..."

     "ข้ารู้ตั้งนานแล้ว"

     เรเบอร์ดอสหยุดวาดรูปเพราะรู้สึกอารมณ์เริ่มไม่ค่อยดี เขาโยนถาดสีกับพู่กันไปกองอีกที่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวที่บัลลังก์สีทอง ตอนนี้เขารู้สึกว่าอะไรหลายๆอย่างในเมืองของเขาไม่ค่อยเป็นไปตามใจคิด เริ่มตั้งแต่การมีผู้ร่วงหล่นเข้ามาในเมืองเป็นว่าเล่น ความมืดสีขาวที่ทำลายเรือนจำมรณะ ซาลาสที่ไม่ยอมกลับมากับทางกองทัพ หลังจากได้ของที่ต้องการในหมู่บ้านเขตอาคม...และต่อมาไอ้เจ้าพ่อมดนั่นก็ถูกฆ่าตาย!

     เมืองของเขามันกำลังเป็นบ้าอะไรกันแน่!!!

     "แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อไป?"

     "หนวกหู!! ข้ากำลังใช้ความคิดอยู่ไม่เห็นรึไง!!"

     เรเบอร์ดอสตวาดใส่ดังๆ เจ้าปีศาจอีกาก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย ตอนนี้ราชาปีศาจต้องกลับมาขบคิดคนเดียวอีกครั้ง หากเป็นสมัยก่อนที่ซาลาสยังอยู่ด้วยกับเขา เจ้าพ่อมดนั่นก็พอจะออกความคิดเห็นดีๆได้บ้าง

     ตอนนี้ปัญหาหลักๆภายในเมืองลอสท์ ก็คือเรื่องของผู้ร่วงหล่นจำนวนมหาศาล แต่เมื่อไม่นานมานี้เขาได้รู้ว่าผู้ร่วงหล่นได้หายสาปสูญไปกันหมด ซึ่งเขาคิดว่าไอ้พวกนั้นอาจถูกฆ่าตายไปแล้ว

     เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือความมืดสีขาวแน่ๆ...แต่มันน่าจะเป็นฝีมือของไอ้องค์ชาย

     ถ้างั้นมันจะฆ่าผู้ร่วงหล่นไปทำไมกันล่ะ?

     หน้าที่ของมัน? ก็ไม่น่าจะใช่

     เรเบอร์ดอสลองสร้างเปลวเพลิงสีเขียวขึ้นมา โดยจำลองเปลวเพลิงเป็นรูปชายปริศนากับองค์ชายคนนั้น เขามองร่างทั้งสองบนฝ่ามืออย่างครุ่นคิด สองคนนี้มันมีอะไรคล้ายๆกันอยู่ โดยคนๆหนึ่งเป็นเหมือนกับความมืดแต่มีสีขาวอยู่ลึกๆ ส่วนอีกคนเหมือนแสงสว่างที่มีสีดำอยู่ด้านใน

     มันสองคนมีอะไรเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า?

     "ชิ!!"

     ยิ่งคิด คำถามก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เรเบอร์ดอสจึงจัดการสลายเปลวเพลิงในมือออกไป ตอนนี้เขามีคำถามมากมาย ที่ไม่รู้ว่าจะไปหาคำตอบจากตรงไหน และไม่รู้ว่าควรจะไปคิดจุดไหนก่อนไหนหลัง

     และเมื่อความอดทนถึงขีดสุด เรเบอร์ดอสจึงสั่งการอะไรกับปีศาจอีกา เขากระแทกหลังเข้ากับบัลลังก์ อย่างไม่ค่อยชอบใจกับสถานการณ์ตอนนี้สักเท่าไหร่

     "ไปสั่งให้พรีเดเตอร์ คอยเดินตรวจตรารอบๆเมืองในระแวกนี้ซะ แล้วถ้าเจอมนุษย์หรือไอ้องค์ชายนั่นเมื่อไหร่...ก็ให้ฆ่าทิ้ง"

     เวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ อาคัลคลี่เปลือกตาออกช้าๆ เขามองท้องฟ้าสีดำกับพระจันทร์สีแดง ซึ่งทั้งสองอย่างนั้นไม่มีท่าทีว่าจะเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ท้องฟ้ามืดยังไงก็มืดอยู่อย่างงั้น ดวงจันทร์เต็มสีแดงอยู่ตำแหน่งไหน ก็ยังคงอยู่ตำแหน่งนั้น

     หากจะบอกว่า เวลาภายในเมืองลอสท์ตายกันไปหมดแล้ว อาคัลก็คงจะยอมเชื่อเช่นนั้นเป็นแน่

     "ถ้าตื่นแล้วก็รีบลุกขึ้นมา"

     ซีน่อนบอกก่อนจะลุกออกไปเก็บสัมภาระ เขาจัดการดับกองไฟเพื่อคืนความมืดให้แก่บริเวณโดยรอบ โดยระหว่างที่อาคัลยังนั่งสะลืมสะลือ ซีน่อนก็เดินมาเตะขาเด็กหนุ่มสองที เพื่อกระตุ้นให้เด็กหนุ่มภูตรีบๆลุกขึ้นซะที

     "ลุกขึ้นมาได้แล้ว ไอ้พวกขี้อู้"

     "เรียกแค่ครั้งเดียวข้าก็รู้แล้วล่ะน่า" อาคัลเกาหัวยิกๆก่อนจะยันตัวลุกขึ้น ตอนนี้จิลยังไม่กลับมาหาพวกเขา อาจเป็นไปได้ว่าข้างนอกเมืองยังเช้าอยู่ เพราะส่วนใหญ่แล้วจิลมักจะถอดจิตเข้ามา เฉพาะตอนที่เธอนอนหลับเท่านั้น

     และนี่ก็เป็นอีกครั้ง ที่เพื่อนร่วมทางเขาเหลือเพียงแต่ชายหนุ่มผู้มีบรรยากาศอันน่าอึดอัด เด็กหนุ่มยืนบิดขี้เกียจไม่กี่ที ซีน่อนก็นำมีดคูครีที่เป็นหนึ่งในอาวุธประจำกาย มายื่นส่งให้กับมืออาคัล เด็กหนุ่มภูตทำหน้างงๆเล็กน้อย

     "ผมแกน่ะยาวเกะกะ...ไปตัดออกซะ"

     อาคัลเดาใจซีน่อนไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ อารมณ์ของคนๆนี้เข้าใจยากเสียยิ่งกว่าอะไรดี แต่เพื่อไม่ให้มันยุ่งยาก อาคัลจึงยอมตัดผมที่ยาวเกือบเรียดพื้นออก โดยให้เหลือเอาไว้พอประบ่า ก่อนเด็กหนุ่มจะส่งมีดคูครีคืนไปให้ อาคัลก็ใช้พลังควบคุมไม้ให้บิดเกลียวมาเป็นเชือก แล้วจัดการรวบมัดผมตัวเองไม่ให้เกะกะสายตา

     พอซีน่อนเห็นว่าเรื่องทุกอย่างมันเรียบร้อย เขาก็ควงมีดเก็บเข้าซองมีดที่ไขว้กลางหลังใต้ชายเสื้อโค้ท พร้อมหยิบกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมติดมือไปด้วย

     "แกคงต้องไปหาเสื้อผ้าใหม่..."

     ซีน่อนเอ่ยปากบอกขณะเดินตัดผ่านป่าไม้ นี่อาจนับว่าเป็นครั้งแรก ที่อาคัลได้เห็นซีน่อนเป็นฝ่ายเริ่มต้นการสนทนา เด็กหนุ่มพยักหน้ารับคำให้กับความคิดดีๆนั้น

     "ไม่ทราบว่า...ท่านมาเป็นนักล่าอะไรแบบนี้กี่ปีแล้ว"

     อาคัลลองถามอาชีพการงาน ถ้าชายปริศนามีส่วนเกี่ยวข้องกับศาสนจักรแสง เขาก็น่าจะทำงานเป็นนักล่าให้กับพวกนั้น เพราะงานทำลายเขตอาคมของเมืองลอสท์ น่าจะเป็นงานที่ไม่น่าจะเป็นไปได้

     "ไม่ต้องรู้..."

     และนั่นแหละคือคำตอบจากปากซีน่อน บางทีอาคัลน่าจะรู้ตัวตั้งนานแล้วล่ะ ว่าการตั้งคำถามอะไรกับซีน่อน มักจะไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการทุกที ดังนั้นแล้วเด็กหนุ่มภูตจึงลองถามอะไรไปอีกอย่าง ตามประสาความอยากรู้อยากเห็นของเขา

     "ท่านซีน่อนชอบจิลใช่มั้ย?"

     โครม!!!

     ต้นไม้ที่อยู่ใกล้มือชายปริศนา โดนกำปั้นต่อยจนปลิวหลุดไปทั้งลำต้น ก่อนซีน่อนจะหันหน้ากลับมาจ้องอาคัล ด้วยแววตาเหมือนเป็นปกติ ริมฝีปากขยับพูดให้คำตอบ

     "ไม่ชอบ..."

     แน่ใจเรอะ?

     อันที่จริง อาคัลก็อยากจะบอกว่าซีน่อนปากแข็ง แต่มาลองคิดดูอีกทีแล้วอย่าดีกว่า เพราะเขายังไม่อยากมีสภาพเหมือนต้นไม้ต้นนั้น

     และการเดินทางก็ยังเงียบไปตลอดเช่นเคย อาคัลไม่รู้ว่าตัวเองเดินมาจนถึงที่แห่งนี้ได้ยังไง แล้วเขาใช้ชีวิตยังไงถึงได้มาพบเจอกับซีน่อน

     จะเรียกว่าเขาคือภูตตนแรกของตระกูลบัคคลีโอ้ก็ได้ ที่ตัดสินใจยอมรับใช้ชายผู้ที่ไม่ใช่มนุษย์

     แต่ไม่ว่ามันจะเป็นการกระทำที่โง่เขลา หรืออาจทำให้เขาไม่ได้รับการยอมรับก็ตาม อาคัลก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว ว่าตนจะขอติดตามรับใช้ซีน่อนไปทุกๆที่ และไม่ว่าที่แห่งนั้นจะมีอุปสรรคอะไรรออยู่ก็ตาม เขาก็จะร่วมสู้อยู่กับชายผู้นี้ไปจนถึงวินาทีสุดท้าย

     'อาจจะฟังดูน้ำเน่า และน่าเบื่อเกินไปในสายตาของท่าน'

     'แต่ข้าก็อยากจะให้ท่าน ได้รับรู้เอาไว้ว่า...'

     'ข้า...จะขอรับใช้ท่านเอง...ท่านซีน่อน' 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา