IF

9.3

เขียนโดย Tsmit

วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 18.13 น.

  6 ตอน
  6 วิจารณ์
  7,078 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 19.16 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) บทที่ 5 : เบอร์โทรศัพท์มือถือ 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

บทที่ 5

เบอร์โทรศัพท์มือถือ

 

 ITSARA อิสระ 


 

เสียงนาฬิกาปลุกดังสนั่นลั่นไปทั่วทั้งห้อง

อิสระกดปิดทีวีด้วยความรำคาญ นึกว่าจะเป็นแค่หนังเงียบๆ เสียอีก ตอนนี้เขาต้องใช้สมาธิอยู่กับเสื้อสีเหลืองตัวใหม่ที่เขาบรรจงเพ้นท์ด้วยความตั้งใจมาตั้งแต่เมื่อกลางดึก เขาไม่แน่ใจว่าเป็นตอนดึกหรือเช้ามืด รู้แค่ว่าเป็นเวลากลางคืนที่ไม่มีแสงอาทิตย์ แต่เมื่อกี้มีเสียงนาฬิกาปลุก เพราะฉะนั้นตอนนี้คงจะเป็นเวลาเช้าแล้ว

เขาจะเอาเสื้อตัวนี้ไปให้ฟ้า!

ชายหนุ่มหันไปมองนาฬิกาตั้งโต๊ะ เมื่อเห็นว่าเข็มสั้นจวนจะชี้ที่เลขแปดแล้วเขาจึงรีบเร่งมือเก็บอุปกรณ์ต่างๆ เป็นพัลวัน

เดี๋ยวนะ วันนี้เป็นวันเสาร์ต่างหาก

อิสระหันขวับไปมองที่ปฏิทินแขวนตู้เสื้อผ้า สับสนว่าวันนี้เป็นวันอะไรกันแน่ เขามักจะลืมวันลืมคืนอยู่บ่อยๆ ดังนั้นชายหนุ่มจึงรีบลุกไปคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนเตียงขึ้นมากดดูวันที่

วันเสาร์จริงๆ ด้วย ไม่นะ แล้วเขาจะเอาเสื้อไปให้ฟ้าได้ยังไงกันล่ะ

ชายหนุ่มตัดสินใจเปิดประตูตู้เสื้อผ้า หยิบกระเป๋าเป้ออกมาเพื่อที่จะไปบ้านของอิงฟ้า แต่แล้วก็พบอุปสรรคข้อใหญ่อีกข้อ นั่นก็คือเสื้อยังไม่แห้ง

แต่ว่าวันนี้เขาจะไปบ้านของฟ้า เพราะฉะนั้นเขาจะไปบ้านของฟ้า!

อิสระปล่อยเสื้อให้วางแผ่อยู่กับพื้นห้องเพื่อตากลมต่อไป แล้วเดินไปหยิบสมุดจดสัพเพเหระของตัวเองยัดใส่กระเป่าเป้แทน จากนั้นก็กวาดอุปกรณ์เครื่องเขียนจำนวนหนึ่งที่วางระเกะระกะบนโต๊ะใส่ลงกระเป๋าไปด้วย

สิบนาทีต่อมาเขาก็วิ่งมายืนรออยู่ที่หน้าประตูรั้วบ้าน รถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอดรับตามที่เขาโทรไปบอกให้พี่ยามประจำป้อมยามหน้าหมู่บ้านช่วยเรียกรถแท็กซี่ให้ ชายหนุ่มรีบขึ้นไปนั่งแล้วบอกย้ำสถานที่ที่เป็นจุดสังเกตใกล้กับบ้านของอิงฟ้า

วันเสาร์ช่วงเช้าช่างเป็นเวลาที่เส้นทางการจราจรค่อนข้างลื่นไหล ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงครึ่งอิสระก็มาถึงหน้าบ้านของอิงฟ้า เขาจำรั้วสีฟ้าอ่อนและตู้ไปรษณีย์สีแดงหน้าบ้านของเธอได้อย่างแม่นยำตั้งแต่คราวที่มาครั้งที่แล้วเพราะว่าสีของมันเด่นสะดุดตามาก แต่สิ่งที่ต่างไปจากคืนนั้นก็คือในตอนนี้มีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเสียบอยู่ที่ช่องรับไปรษณีย์

หลังจากจ่ายค่าแท็กซี่และลงจากรถมาแล้ว อิสระก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรเรียกฟ้า แต่แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่มีเบอร์มือถือของฟ้า

ทันใดนั้นเองประตูรั้วบ้านของอิงฟ้าก็ค่อยๆ เปิดออก ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก้าวเดินออกมาหยิบหนังสือพิมพ์ที่เสียบอยู่กับช่องรับไปรษณีย์ แล้วเหลือบมาเห็นเขาพอดีในระหว่างที่จะเดินกลับเข้าไปข้างใน คุณลุงคงจะนึกสงสัยว่าเขามายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ถึงได้ขมวดคิ้วฉงน

“เธอมีอะไรรึเปล่า” น้ำเสียงเรียบเอ่ยถาม

อิสระรีบยิ้มกว้างให้ทันที

“ผมมาหาฟ้าครับ!”

“ฟ้า?” คุณลุงทำหน้างงกว่าเดิม “บ้านนี้ไม่มีคนชื่อฟ้านะ”

“อิงฟ้าน่ะครับ”

“อ๋อ...” คนตรงหน้าลากเสียงยาวเป็นอันเข้าใจ “มาหายัยอิง...อิงออกไปเรียนพิเศษแล้วล่ะ วันเสาร์เขามีเรียนตอนเก้าโมง”

อิสระยิ้มเจื่อนลงเล็กน้อยด้วยความผิดหวัง

“แล้วเธอมีอะไรรึเปล่า มาหาถึงนี่” คุณลุงเอ่ยถามต่อพร้อมกับไล่สายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “เธอเป็นเพื่อนของอิงจากที่โรงเรียนเหรอ”

“ใช่ครับ เราเป็นเพื่อนกัน” ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างทันทีอย่างมั่นใจ “ผมขอเบอร์ฟ้าหน่อยได้มั้ยครับ”

“ขอเบอร์?” คนตรงหน้าสวนกลับทันที “บอกว่าเป็นเพื่อนอิง แต่ไม่รู้เบอร์ได้ยังไง”

คุณลุงใช้น้ำเสียงและสีหน้าที่พวกเพื่อนๆ รวมทั้งเหล่าอาจารย์ในโรงเรียนมักจะใช้กับเขาอยู่เสมอ เป็นน้ำเสียงและสีหน้าที่ทำให้เขามักหลบสายตาของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

“ผมลืมถามน่ะครับ” ชายหนุ่มตอบไปตามตรง เขาลืมถามเบอร์มือถือของฟ้าจริงๆ

“ฉันเป็นพ่อของอิงฟ้า” เสียงเย็นชาประกาศกร้าว ยกสองแขนขึ้นกอดอกอย่างอาจารย์เข้มงวดในหนัง “ฉันคงจะเที่ยวไล่แจกเบอร์ของลูกสาวให้กับใครที่ไหนก็ไม่รู้ไม่ได้ เธอกลับไปซะเถอะ”

“ผมเป็นเพื่อนกับฟ้าจริงๆ นะครับ”

“ยังจะตื๊ออยู่อีก จะเชื่อได้ยังไง รีบไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นฉันจะเรียกตำรวจ!” คุณลุงขึ้นเสียงดังพร้อมกับม้วนหนังสือพิมพ์ใช้ทำเป็นอาวุธขู่จะฟาดเขา

“ผมพูดความจริงนะครับ” อิสระตอบย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจังพลางเอี้ยวตัวหลบหนังสือพิมพ์พิฆาตของคุณลุง “ผมเป็นเพื่อนกับฟ้าจริงๆ”

คุณลุงหยุดการโจมตีแล้วยืนจ้องมาที่เขาตาเขียว

“งั้นก็รอเจ้าตัวกลับมาแล้วไปถามเอาเองแล้วกัน” เสียงเย็นชาเอ่ยบอกก่อนที่จะเดินเข้าประตูรั้วกลับเข้าไปในบ้านโดยไม่สนใจเสียงประท้วงของเขาเลยสักนิด

“เดี๋ยวก่อนสิครับ คุณลุง!”

อิสระเขย่าประตูรั้วบ้านครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าจะไม่มีวี่แววของคุณลุงผู้เป็นพ่อของฟ้าเลยแม้แต่น้อยก็ตาม จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายสิบนาที ในที่สุดชายหนุ่มก็ตระหนักได้ถึงความไม่ยอมแพ้ของคุณลุง เขาจึงตัดสินใจเดินออกจากซอยบ้านของฟ้าไปจนถึงหน้าถนนใหญ่เพื่อเรียกรถแท็กซี่

ตอนแรกอิสระตั้งใจจะถามเบอร์ฟ้าจากเพื่อนบ้าน แต่พอมานึกๆ ดูแล้ว เพื่อนบ้านของฟ้าอาจจะไม่ได้มีเบอร์ฟ้าด้วยก็ได้ อย่างเพื่อนบ้านเขาก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร

คนที่จะรู้เบอร์ของฟ้าได้นั้น นอกจากพ่อแม่แล้วก็คงจะเป็นเพื่อนร่วมห้อง

ใช่แล้ว!

อิสระรีบบอกชื่อหมู่บ้านแห่งหนึ่งให้กับพี่แท็กซี่ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ หมู่บ้านนั้นเป็นบ้านของวิน นักศึกษาดีเด่นแห่งห้องม.5/1 มีผลการเรียนเยี่ยมยอดเป็นอันดับห้าของโรงเรียน เมื่อปีที่แล้วอาจารย์พิมพ์ บรรณารักษ์ประจำห้องสมุดเคยพาเขาไปช่วยขนหนังสือเก่าที่บ้านของวินหลังจากที่เขาทำให้ห้องสมุดพัง ช่วงนั้นเขาต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านของวินและโรงเรียนอยู่หลายวันจึงทำให้เขาจำที่อยู่ของวินได้ขึ้นใจ

ชายหนุ่มกดกริ่งหน้าบ้านของวินทันทีที่ลงมาจากรถแท็กซี่ แล้วยืนรอด้วยความตื่นเต้น เขามั่นใจว่าวินรู้ทุกอย่าง วินเป็นคนเก่ง แถมยังสอบได้ที่ห้าของโรงเรียนอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นเขาจึงมั่นใจว่าวินจะต้องมีเบอร์ของฟ้าแน่นอน

ประตูบ้านถูกเปิดออกพร้อมกับมีใบหน้าคุ้นเคยของชายหนุ่มคนหนึ่งชะโงกหน้าออกมา

“วิน” อิสระส่งเสียงเรียกชื่อของอีกฝ่ายด้วยความดีใจ รอยยิ้มกว้างสดใสระบายไปทั่วทั้งใบหน้า ผิดกับวินที่ทำหน้าหงุดหงิดทันทีที่เห็นเขา

“มาที่นี่ทำไม” เสียงเย็นชาเอ่ยทัก “ไอ้ตัวตลก”

“ขอเบอร์ฟ้าหน่อยสิ” ชายหนุ่มชี้แจงความต้องการของตัวเอง ถ้าวินรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนกับฟ้า วินก็จะต้องบอกเบอร์ของฟ้าให้กับเขาแน่นอน

“หา? ฟ้าไหน?”

“อิงฟ้า เพื่อนร่วมห้องของนายไง”

วินยกแขนขึ้นกอดอก มองตรงมาด้วยสายตากึ่งขำขันและสงสัย ในหัวของอิสระปรากฏภาพคุณลุงซึ่งเป็นพ่อของฟ้าขึ้นซ้อนทับกับคนตรงหน้า

“ตัวตลกอย่างแกมีเพื่อนกับเขาด้วยเหรอ เท่าที่ฉันเห็น แกมาที่ห้องทีไรก็ไม่เห็นอิงจะสนใจแกเลย นี่น่ะเหรอเพื่อน”

คำพูดนั้นทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบในอก เขารู้ว่ามันแทงใจดำ แต่เขาจะไม่ปล่อยให้ประโยคไร้สาระ ของอีกฝ่ายมาทำลายความรู้สึกสีเหลืองในวันนี้โดยเด็ดขาด ถ้าหากว่าเขาไม่ไปสนใจคำพูดพล่อยๆ พวกนั้น ต่อให้มันเป็นเหมือนดาบคมกริบสักแค่ไหนก็จะไม่มีวันทำอะไรเขาได้

“อื้อ” ชายหนุ่มตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง พร้อมกับนึกย้อนไปถึงรอยยิ้มน้อยๆ ของฟ้าตอนที่อยู่บนดาดฟ้าเมื่อวันก่อน “เพื่อนคือคนที่ทำให้เรารู้สึกสบายใจ เพื่อนคือคนที่เรารู้สึกห่วงใย เพื่อนคือคนที่ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองยังมีคุณค่า”

“นั่นแกฝันไปเองคนเดียวต่างหาก อย่าหวังเลยว่าอิงมันจะนับแกเป็นเพื่อน”

“ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรจากฟ้าสักหน่อย” อิสระแย้งด้วยความรู้สึกขุ่นเคือง เขาชักจะฉุนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ความเป็นเพื่อนคือความสัมพันธ์บริสุทธิ์ที่เกิดจากความจริงใจต่างหาก ไม่ใช่ความคาดหวัง

คนตรงหน้าหลุดขำพรืดออกมาเสียงดังพร้อมกับจ้องตรงมาที่เขาด้วยสายตาสมเพช ซึ่งเขาเกลียดสายตาแบบนั้น สายตาน่าโมโหที่เหล่าอาจารย์และนักศึกษาคนอื่นๆ ชอบใช้กันเป็นประจำ แม้ว่าความไม่ชอบใจจะกลายเป็นความเคยชินไปแล้วก็ตาม

“เดี๋ยวนะ...แกมาขอเบอร์ไอ้อิง? แล้วไอ้ประโยคสวยหรูเมื่อกี้นี่คืออะไรวะ ถ้าเป็นเพื่อนกันจริง ทำไมแกต้องมาขอเบอร์อิงจากฉันด้วยล่ะ ไปขอเจ้าตัวเองดิ แกนี่น่าขำสมกับฉายาตัวตลกชะมัด มีบริการโชว์ให้ถึงหน้าบ้านซะด้วย”

วินล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง จากนั้นก็ยกมือถือขึ้นเล็งมาทางเขาเหมือนจะถ่ายรูป อิสระขมวดคิ้วด้วยความงุนงงว่าคนตรงหน้าคิดจะทำอะไร

“ก้มกราบฉันซะสิ” เสียงเย็นเฉียบกล่าวพร้อมกับเชิดคางขึ้นอย่างผู้อยู่เหนือกว่า “แล้วฉันจะบอกเบอร์อิงให้”

ชายหนุ่มรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นที่บริเวณใบหน้าอย่างฉับพลัน ได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นโครมครามอยู่ในอก ทั้งรัวเร็วและรุนแรงเสียจนทำให้เขารู้สึกว่ามันกำลังจะระเบิดทะลุออกมาจากอกในอีกไม่ช้า เขากัดฟันกรอด จ้องเขม็งไปที่คนตรงหน้าด้วยความโกรธ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าอยากจะปล่อยหมัดใส่ใครสักคน แม้กระทั่งในตอนที่เขาถูกรุมซ้อม เขาก็มักจะพยายามหาจังหวะสวนกลับไปเสมอ แม้ว่ามันจะไร้ผลก็ตาม

แต่เขารู้ว่าการใช้กำลังไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง

ถ้าหากว่าวินไม่ยอมบอกเบอร์ของฟ้า เขาไปถามเอาจากเพื่อนคนอื่นก็ได้

“อ้าว ตัดใจแล้วเหรอ” วินส่งเสียงเย้ยไล่หลังทันทีที่เขาหมุนตัวเดินจากมา

อิสระพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองพร้อมกับพยายามไม่ไปสนใจเสียงหัวเราะของคนข้างหลัง แล้วเร่งฝีเท้าขึ้นอีก

เขาไม่ได้หนี เขาไม่ได้กลัวอะไรทั้งนั้น เขารู้ว่าคนใช้กำลังเป็นคนไม่ดี อย่างเจอโรมที่เป็นคนไม่ดี... เขาเป็นเพื่อนกับฟ้า และอิงฟ้าเป็นคนดี เพราะฉะนั้นคนที่เป็นเพื่อนกับฟ้าจะต้องไม่ใช่คนไม่ดีเด็ดขาด

ความคิดในหัวแล่นไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงจนเริ่มทำให้เกิดอาการมึนหัว ราวกับว่าร่างกายขยับไปตามความคิดที่อยู่ในหัวไม่ทัน รู้สึกตัวอีกทีอิสระก็พบว่าตัวเองเดินหนีมาจนถึงทางเข้าหน้าหมู่บ้านแล้ว ชายหนุ่มหยุดยืนหายใจหอบด้วยความเหนื่อยหลังจากที่ฝืนรัวฝีเท้ามาพักหนึ่ง เหลือบตามองเหล่ารถยนต์บนถนนที่แล่นฉิวผ่านไปคันแล้วคันเล่า

เขาค่อยๆ หลับตาลง เค้นหาความทรงจำเกี่ยวกับที่อยู่ของเพื่อนๆ แต่ว่าเขาไม่เคยไปบ้านเพื่อนคนไหนเลย เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะพยายามนึกเท่าไหร่ก็คงไม่มีวันนึกออก

ถ้าหากว่าไม่รู้ที่อยู่ของเพื่อน...เขาก็ต้องไปหาอาจารย์!

อิสระรีบเรียกแท็กซี่ด้วยความกระตือรือร้น แล้วบอกชื่อถนนหน้าบ้านของอาจารย์พงษ์ให้กับพี่คนขับรถทันทีที่เปิดประตู พี่คนขับพยักหน้ารับอย่างจริงจัง สมกับเป็นนักรบที่พร้อมรับคำสั่งจากผู้บัญชาการแล้วร่วมทำภารกิจค้นหาเบอร์มือถือของฟ้าไปด้วยกัน

อาจารย์พงษ์เป็นอาจารยประจำชั้นม.5/8 เพราะฉะนั้นอาจารย์จะต้องมีเบอร์ของอาจารย์ดวงกมลที่ประจำชั้น 5/1  และอาจารย์ดวงกมลก็จะต้องมีเบอร์ของฟ้า!

แผนการสมบูรณ์แบบ!

ยิ่งคิดมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น อยากให้ถึงหน้าบ้านของอาจารย์พงษ์ไวๆ พี่นักรบเหลือบมองเขาผ่านกระจกหน้ารถเป็นพักๆ ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น บรรยากาศภายในรถจึงอยู่ภายใต้ความเงียบไปตลอดทาง

ในที่สุดรถแท็กซี่ก็เลี้ยวเข้าสู่ถนนจุดหมายปลายทางที่ต้องการ พี่แท็กซี่เป็นนักรบที่ดี ทำภารกิจได้อย่างรวดเร็วและเงียบเชียบจนกระทั่งถึงที่หมาย ดังนั้นเขาจึงมอบค่าตอบแทนภารกิจให้เกินกำหนดก่อนที่จะต้องแยกย้ายจากกัน

อิสระวิ่งไปที่กริ่งหน้าประตูบ้านของอาจารย์พงษ์ เขากดกริ่งเรียกไปหนหนึ่ง แล้วยืนรออยู่หน้าประตู หยิบมือถือออกมานับเวลาผ่านไปสิบห้าวินาที แต่สำหรับเขามันรู้สึกเหมือนกับว่าเวลาได้ผ่านไปแล้วสิบห้าชั่วโมง ดังนั้นเขาจึงกดกริ่งซ้ำอีกสองที แล้วก็ซ้ำอีกทีหนึ่ง

ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างทันทีที่เห็นอาจารย์พงษ์เปิดประตูบ้านชะโงกหน้าออกมา

“อาจารย์! ผมเองครับ!” เขายกแขนโบกไปมาพร้อมกับกระโดดตัวโหยงๆ ด้วยความดีใจ

“นายอิสระ!” อาจารย์พงษ์ทำหน้าฉงนแบบเดียวกันกับสีหน้าของเพื่อนโต๊ะข้างๆ ในตอนที่เห็นกระดาษข้อสอบเลขเป็นครั้งแรก “มาทำอะไรที่นี่เนี่ย!?”

“ผมเป็นเพื่อนกับฟ้าครับ” เขารีบโพล่งอธิบายออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อยืนยันว่าตัวเองเป็นเพื่อนกับฟ้าจริงๆ อาจารย์พงษ์คืออาจารย์ที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นอาจารย์จะต้องยอมบอกเบอร์มือถือของฟ้าให้กับเขาแน่นอน

อาจารย์พงษ์ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง มองตรงมาที่เขาด้วยสีหน้าหงุดหงิด

“เธอจะมาก่อเรื่องอะไรอีก วันก่อนก็เพิ่งขนเอาพานไหว้ครูมาวางกองไว้ที่หน้าบ้านครูเต็มไปหมด ดีแต่ทำเรื่องวุ่นจริงๆ”

“ผมไม่ได้มาก่อเรื่องนะครับ อา...”

“ยังจะแก้ตัวอีก ไอ้สิ่งที่เธอคิดจะทำเนี่ยมันมีแต่เรื่องก่อกวนไม่ก็เรื่องไร้สาระทั้งนั้น”

อิสระจับความรู้สึกได้ว่าเสียงของอาจารย์เริ่มทวีความเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ

“ไม่ใช่นะครับ วันนี้...”

“พอๆๆ ไม่ต้องพูดแล้ว แล้วก็ไม่ต้องมาอีกเลยนะ ไปจากบ้านครูซะ!” อาจารย์พงษ์ตวาดลั่นแล้วปิดประตูบ้านดังปัง ทำให้ชายหนุ่มได้แต่ยืนเลิกลั่กทำอะไรไม่ถูก ไม่คาดคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมให้เบอร์ของอิงฟ้า เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกอาจารย์จะต้องกีดกันพวกเขาสองคนด้วย

ทันใดนั้นเองชายหนุ่มก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างได้

ใช่แล้ว!

อิสระยิ้มกว้างออกมาทันทีแล้วเร่งฝีเท้าวิ่งกลับไปทางถนนใหญ่ ถ้าอาจารย์พงษ์ไม่ยอมให้เบอร์ เขาก็ต้องไปหาอาจารย์คนอื่น!

ระหว่างที่นั่งรถแท็กซี่ไปที่บ้านของอาจารย์พิมพ์ ชายหนุ่มใช้มือถือค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของอาจารย์พิมพ์ในอินเทอร์เน็ตเพราะทนนั่งรอเฉยๆ อยู่บนรถไม่ไหว กว่าจะไปถึงก็อีกตั้งหลายสิบนาที

หน้าเว็บไซต์ประกาศขายบ้านปรากฏขึ้นมา มีชื่ออาจารย์พิมพ์และเบอร์โทรศัพท์อยู่ข้างๆ รูปบ้านหลังหนึ่ง ดังนั้นอิสระจึงรีบกดโทรออกไปหาเบอร์นั้นโดยพลัน น่าเสียดายที่เขาไม่รู้นามสกุลของฟ้า ไม่แน่ว่าเขาอาจจะค้นหาเบอร์โทรของเธอเจอในอินเทอร์เน็ตด้วยก็ได้

อ้อ! ไม่แน่ว่าบางทีอาจารย์พิมพ์อาจจะรู้จักนามสกุลของฟ้าก็ได้

‘สวัสดีค่ะ’ เสียงปลายสายดังขึ้น

“อาจารย์! อาจารย์ช่วยบอกนามสกุลของฟ้าให้ผมหน่อยสิครับ” เขาโพล่งออกไปทันทีด้วยความตื่นเต้น มั่นใจเต็มร้อยว่าอาจารย์พิมพ์จะต้องยอมบอกนามสกุลของฟ้าให้กับเขาแน่

‘หา นี่คุณเป็นใครคะ’

“ผมเองไงครับอาจารย์ นามสกุลของฟ้าคืออะไรเหรอครับ”

‘เธอชื่ออะไร แล้วฟ้าที่ว่านี่เป็นใครฮึ พูดอะไรไม่รู้เรื่อง’

“ผมอิสไงครับ เป็นเพื่อนกับอิงฟ้า”

‘อิส?’ อาจารย์พิมพ์เงียบเสียงไปพักหนึ่งขณะกำลังประมวลผล “อ๋อ...ที่แท้ก็นายอิสระนี่เอง ครูก็นึกแล้วเชียว พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้มีเธออยู่คนเดียวนี่แหละ’

เขาจับความรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของอาจารย์แฝงความรู้สึกรำคาญเอาไว้อยู่เต็มเปี่ยม ดังนั้นชายหนุ่มจึงรีบย้ำความต้องการของตัวเองอีกครั้ง

“ผมอยากรู้นามสกุลของฟ้าน่ะครับ”

‘ฟ้าไหน ห้องอะไร แล้วครูเป็นแค่บรรณารักษ์ ไม่ได้เป็นครูประจำชั้น จะไปรู้ได้ยังไง’ น้ำเสียงหงุดหงิดใส่อารมณ์ฉุนเฉียวมากขึ้นอีก ‘แค่นี้นะ’

“ดะ...”

อาจารย์กดตัดสายไป เสียงตรู๊ดดังลากยาวอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะกลายเป็นเสียงเงียบงัน

อิสระก้มมองมือถือของตัวเองด้วยความผิดหวัง เลื่อนดูเว็บไซต์ประกาศขายบ้านอย่างเนือยๆ สงสัยเขาจะต้องไปถามเบอร์ของฟ้าจากอาจารย์ดวงกมล แต่เขาก็ไม่รู้ว่าบ้านของอาจารย์ดวงกมลอยู่ที่ไหน แล้วก็ไม่รู้นามสกุลของอาจารย์ด้วย...

ใช่แล้ว!

ชายหนุ่มยิ้มกว้างทันทีที่นึกอะไรบางอย่างออก แล้วหันไปบอกจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ให้กับพี่แท็กซี่ พี่คนขับพยักหน้ารับอย่างงงๆ ก่อนที่จะเข้าเลนขวาสุดเพื่อเตรียมกลับรถ

อิสระจำได้ว่าหัวหน้าห้องของเขาเคยขอให้นักศึกษาชั้นม.5/8 ทุกคนกรอกที่อยู่ของตัวเองลงในใบอะไรสักอย่าง เพื่อจัดเก็บเป็นข้อมูลให้กับโรงเรียน รู้สึกว่ากระดาษแผ่นนั้นจะอยู่เสียบอยู่ในหนังสือเรียนที่บ้านเพราะว่าเขาลืมเอาไปให้หัวหน้าห้อง

เมื่อรถแท็กซี่มาจอดที่หน้าประตูบ้าน ชายหนุ่มก็รีบบอกให้พี่คนขับจอดรออยู่ก่อน แล้วลงจากรถ วิ่งพรวดพราดเข้าไปในบ้าน เร่งฝีเท้าขึ้นไปยังห้องของตัวเองบนชั้นสองอย่างรวดเร็ว อีกสองวันถึงจะครบกำหนดวันที่แม่บ้านจะต้องเข้ามาจัดห้อง ดังนั้นห้องของเขาในตอนนี้จึงค่อนข้างเละเทะพอควร พื้นห้องเปรอะไปด้วยสีสัน ส่วนบนโต๊ะก็เต็มไปด้วยกองหนังสือ ชายหนุ่มปรี่เข้าไปคว้าหนังสือบนโต๊ะขึ้นมาเปิดดูเร็วๆ ด้วยความเร่งรีบ ผ่านไปเล่มแล้วเล่มเล่าเขาก็ยังไม่เจอกระดาษแผ่นที่ต้องการ จนกระทั่งถึงเล่มรองสุดท้ายที่มีแผ่นกระดาษพับเสียบเอาไว้ เมื่อคลี่ออกดูก็พบว่าเป็นแผ่นข้อมูลที่อยู่ของเพื่อนร่วมห้องทั้งสามสิบหกคนอย่างที่ต้องการ

อิสระยิ้มกว้างทันทีด้วยความดีใจ แล้วพับกระดาษในมือยัดใส่กระเป๋ากางเกง จากนั้นก็วิ่งกลับไปหาพี่แท็กซี่โดยที่ไม่ลืมล็อกประตูบ้านทิ้งท้าย

ปลายทางแห่งแรกคือบ้านของเอก นักศึกษาเลขที่ 1 ของห้องม.5/8 เอกบอกว่าไม่รู้จักฟ้า แล้วก็ปิดประตูใส่หน้าเขา ทั้งน้ำเสียงสีหน้าและท่าทางเหมือนกับอาจารย์พงษ์ไม่มีผิด สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์เบอร์หนึ่งของอาจารย์

อิสระบอกที่อยู่ของเพื่อนๆ ในแผ่นกระดาษให้กับพี่แท็กซี่โดยไล่ตามไปทีละคน บางคนก็ไม่ได้เขียนที่อยู่เอาไว้ ดังนั้นเขาจึงต้องโทรศัพท์ไปถามแทน แต่พวกเขาก็ตอบกลับมาแค่ว่าไม่รู้จักคนชื่อฟ้าแล้วกดตัดสายทิ้งทันที ส่วนเพื่อนบางคนก็ไม่ได้เขียนทั้งที่อยู่และเบอร์มือถือ เขาจึงต้องข้ามไปอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อไล่รายชื่อลงมาจนถึงชื่อของหิน เลขที่ 17 ภาพความทรงจำในห้องน้ำตอนช่วงพักเที่ยงของเกือบทุกวันก็ผุดเข้ามาในหัว รวมทั้งกลิ่นสนิมเหล็กที่ทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้

ชายหนุ่มชะงักไปในทันใดด้วยความรู้สึกลังเล แล้วตัดสินใจอ่านข้ามรายชื่อไปเป็นชื่อของเพื่อนเลขที่ 18 แทน

รถแท็กซี่ขับเวียนวนอยู่ในเมืองไปตามแต่ละบ้านของเพื่อนๆ จนกระทั่งตะวันตกดิน และยาวนานต่อไปเรื่อยๆ ท่ามกลางแสงสีและแสงจันทร์ยามค่ำคืน หลังจากเลยเวลาเที่ยงคืนไปได้สามชั่วโมง ในที่สุดก็ครบจำนวนเพื่อนทั้งยี่สิบสี่คน โดยมีเพื่อนสิบคนไม่ได้เขียนที่อยู่และหินกับเต้ที่เขาจงใจอ่านข้ามไป

อิสระหยิบมือถือออกมาดูเวลาหลังจากถูกเพื่อนคนสุดท้ายไล่ให้กลับขึ้นมานั่งบนรถแท็กซี่อีกครั้ง

03:28 น.

“น้อง...” พี่แท็กซี่ถอนหายใจยาว แล้วหันมาพูดกับเขาอย่างปลงๆ “พี่ขอบอกรอบที่ล้าน พอเถอะนะ”

ชายหนุ่มนิ่งมองพี่คนขับอยู่พักหนึ่ง อีกฝ่ายดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด แต่เขาก็ไม่ควรไปบังคับให้พี่คนขับทำตามความต้องการของตัวเองอีกต่อไป แบบนั้นมันเห็นแก่ตัว ดังนั้นชายหนุ่มจึงตัดสินใจบอกที่อยู่บ้านของตัวเองเป็นการปิดท้าย

ภารกิจล้มเหลว...

เขาต้องทำใจยอมรับผลครั้งนี้

ครึ่งชั่วโมงถัดมาอิสระก็กลับมาถึงบ้านอันสงบสุขของตัวเอง เขาเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่เปิดไฟสว่างเหมือนทุกคืน และเห็นพ่อนั่งอยู่ที่โซฟาเหมือนอย่างเคย แว่นตาของพ่อปรากฏแสงสะท้อนเล็กน้อยจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ พ่อเหลือบขึ้นมามองสบตากับเขาแวบหนึ่งก่อนที่จะตวัดสายตากลับไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ดังเดิม

ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น ราวกับเป็นภาพซ้ำๆ ที่เกิดขึ้นเป็นประจำจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน

อิสระปิดประตูห้องของตัวเองแล้วล้มตัวนอนลงบนเตียง ลืมตาโพลงมองเงาตะคุ่มของโคมไฟบนเพดานในความมืด เขาไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่นิดเดียว อีกทั้งยังไม่เห็นความจำเป็นของการนอนเลยสักนิด

เสียเวลา

ชายหนุ่มตัดสินใจกระโดดลงจากเตียง เดินวนไปวนมาอยู่ในห้องทั้งที่ยังคงปิดไฟมืดสนิท เขารู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้เบอร์มือถือของฟ้า และโกรธตัวเองที่เห็นใจพี่แท็กซี่ เขาไม่น่ากลับมาบ้านมาเลยจริงๆ ทั้งๆ ที่ยังมีอะไรให้ทำอีกตั้งเยอะแยะ บางทีพี่แท็กซี่อาจจะกังวลเรื่องค่ามีตเตอร์ว่าเขาจะไม่มีเงินจ่ายละมั้ง คราวหลังเขาคงจะต้องบอกให้แน่ชัดไปเลยว่าไม่ต้องสนใจเรื่องเงิน

ใช่แล้ว!

เขาควรจะกลับไปที่บ้านฟ้าอีกครั้ง

อิสระพุ่งตัวไปที่ประตูแล้วเปิดประตูพรวดออกไปจากห้องโดยพลันด้วยความรีบร้อน วิ่งกระโดดลงบันไดทีละสองขั้นไปยังหน้าประตูบ้าน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พ่อเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นพอดี พ่อเหลือบตามาทางเขาเล็กน้อยก่อนที่จะเดินผ่านไปโดยไม่พูดอะไร

ชายหนุ่มวิ่งออกมาจากบ้านด้วยความรู้สึกตื่นเต้น แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมเรียกรถแท็กซี่ ดังนั้นเขาจึงหยิบมือถือออกมาโทรหาพี่ยามที่ป้อมยามหน้าหมู่บ้าน ขอให้พี่ยามช่วยเรียกแท็กซี่ให้ด้วย

ระหว่างที่กำลังยืนรอรถมารับ อิสระก็เดินวนไปวนมาอยู่หน้าบ้าน ความคิดในหัวแล่นฉิวท่องโลกอนาคตไปแล้วเรียบร้อย อีกไม่กี่สิบนาทีเขาจะไปถึงบ้านของฟ้า แล้วก็จะได้พบกับฟ้า แล้วฟ้าก็จะบอกเบอร์โทรศัพท์กับเขา แล้วพวกเขาก็จะคุยนัดกันเรื่องภารกิจอย่างมีความสุข แต่ก็มีเรื่องน่ากังวลว่าพ่อของฟ้าจะยอมให้เขาพบกับฟ้าหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นเขาก็ต้องหาเบอร์มือถือของเธอด้วยวิธีอื่น

เขาจะไปที่โรงเรียน!

ถ้าอาจารย์ไม่รู้ เพื่อนไม่รู้ ผู้อำนวยการโรงเรียนจะต้องรู้แน่นอน!

อิสระเปิดประตูรถแท็กซี่เข้าไปนั่งอย่างรวดเร็ว ในหัวปรากฏภาพตัวเองหัวเราะร่วนอยู่กับผอ.และกำลังถือกระดาษแผ่นหนึ่งที่มีเบอร์มือถือของฟ้าเขียนเอาไว้

“จะไปที่ไหนครับ” พี่คนขับหันมาถามเสียงเรียบ

ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปากบอกชื่อโรงเรียน แต่ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง เขาก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ บางทีผอ.อาจจะไม่มีเบอร์ของฟ้าก็ได้ มิน่าล่ะพวกอาจารย์ถึงไม่มีใครมีเบอร์ของฟ้ากันเลยสักคน เพราะฉะนั้นเขาจะต้องไปหาเบอร์ของฟ้าจากที่ที่เป็นองค์กรใหญ่กว่านี้ เรื่องสำคัญแบบนี้จะเก็บอยู่แค่ในโรงเรียนได้ยังไง

ใช่แล้ว!

 

“ไปกระทรวงศึกษาฯครับ!” ชายหนุ่มเอ่ยตอบพี่แท็กซี่ด้วยรอยยิ้มสดใส

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา