7Swords

9.6

เขียนโดย จิ้งจอกมายา

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 23.29 น.

  31 chapter
  3 วิจารณ์
  24.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 23.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

24) Knight

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนที่ 24 Knight
 
“นี่มันบ้าอะไรกัน?” กิลเมซมองตาค้างไปที่กำแพงแบบปกติที่ควรจะเป็น ทางลื่นน้ำแข็งหายไปแล้ว แสงแดดส่องสะท้อนเขาหรี่ตามองก็เห็นลอร์ดเบโอวูล์ฟยืนคอยท่าอยู่บนกำแพงแล้ว กิลเมซรู้สึกแปลกใจ เหมือนกับพวกไวท์ฟอร์ทรู้ทันว่าพวกเขาจะใส่เกือกหนามมาเพื่อไต่ขึ้นทางลาดนั้น เลยเอาออกไป? แต่ที่น่าแปลกใจคือ ทางลื่นที่สูงและใหญ่ขนาดนั้นมันหายไปได้อย่างไรกัน?
แม้กิลเมซจะรู้สึกว่าการบุกกำแพงสูงง่ายกว่าทางลาดนั้น.... แต่การเห็นทางลาดนั่นหายไปชั่วข้ามวันมันก็รู้สึกตะหงิดๆอย่างไรบอกไม่ถูก เขาจึงสั่งถอนทัพเพื่อเรียกให้ทหารเตรียมการบุกแบบปกติ คือเตรียมเชือก และบันไดมาพาดกำแพงเมืองและปีนขึ้นไป --
สองชั่วโมงต่อมาแสงแดดหายลับเข้ากลีบเมฆ กิลเมซกลับมาพร้อมกับทหารที่ใส่เกราะตามปกติ เพื่อป้องกันธนูหรือหอกน้ำแข็ง ทหารพากันเดินตัวสั่นและเข้าแถวเตรียมบุก ครั้งนี้เรคอมป์ออกมาด้วยเพื่อดูสถานการณ์รบและจะได้ให้คำแนะนำได้ทันท่วงที
“ก็ดูเรียบร้อยดีนะครับ” เรคอมป์ให้ความเห็น เขามองไปรอบๆ “สะอาดเรียบไม่เห็นแม้แต่ศพของพวกเราเลย”
“นั่นแหละที่ข้าสงสัย” กิลเมซกระชับเสื้อคลุมบนหลังม้า เมื่อปราศจากแสงแดดแล้ว อากาศราวกับหนาวขึ้นมากกว่าเดิมสองเท่า เขามองไปบริเวณรอบๆ ทุกที่ต่างดูเงียบสงบอย่างแปลกๆ ไม่น่าไว้วางใจ
ลอร์ดเบโอวูล์ฟยังคงยืนนิ่งมองจากกำแพงเมืองลิบๆ ลมหายใจสีขาวของเขาราวกับไอเดือดที่ล่องลอยไปตามลม
“ข้าอยากฆ่าไอ้บ้านั่นจริงๆเลยให้ตายสิ -- ” กิลเมซยกมือขวาขึ้นและตวัดลงทำขนานกับพื้น คนให้สัญญาณก็ตะโกนดังสุดคอหอยว่า
“บุกกกกกกกก!!”
เสียงเฮละโลของพวกพ็อตเทอร์รี่ดังลั่นเมื่อได้รับสัญญาณการบุก ทหารเดนตายวิ่งดาหน้าเข้าไปที่กำแพงเมืองพร้อมกับแบกบันไดไม้วิ่งเข้าไปตรงๆ
และหอกน้ำแข็งก็พุ่งลงมาใส่พวกทหารที่แบกเข้าไปราวกับห่าฝน ซึ่งขว้างจากกำแพงเมืองทีละห้าสิบลำตามจำนวนทหารที่เฝ้าบนกำแพง
“บุกเข้าไปปปปป!!” พวกทหารจากพ็อตเทอร์รี่ตะโกนร้องเสียงดังและในที่สุดก็สามารถพาดบันไดเข้ากับกำแพงได้ พวกทหารหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและปีนขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว
ซ่า --
ทหารบนกำแพงเมืองสาดน้ำเย็นจัดลงมา ด้วยอุณหภูมิที่ลดลงอย่างฉับพลันบวกกับอากาศที่หนาวชนิดแทบจะจับเป็นน้ำแข็ง พวกทหารที่โดนน้ำก็กรีดร้องไม่ต่างจากโดนน้ำร้อนเท ใส่เพียงเวลาแค่ไม่กี่วินาทีทหารที่โดนน้ำเปียกโชกก็น้ำแข็งขึ้นตามตัวและเคลื่อนไหวช้าลงก่อนจะหลุดและตกจากบันใดไม้นั้น
ทหารบางคนที่ไม่ยอมปล่อยมือออกจากบันใดก็โดนน้ำแข็งเชื่อมต่อมือกับบันใดนั้น กลายเป็นอุปสรรคในการปีนขึ้นของคนข้างล่าง
เรคอมป์รีบสั่งให้พลธนูเข้าไปใกล้รัศมียิง แต่ก็โดนหอกน้ำแข็งต้านทานไว้ รัศมีของธนูไม่สามารถไปถึงบริเวณด้านบนของกำแพงเมืองได้ อีกทั้งหอกน้ำแข็งแม้จะเปราะแต่ก็มีน้ำหนักที่เบากว่าหอกเหล็ก ดังนั้นพวกพลธนูจึงไม่อาจเข้าใกล้รัศมีที่จะยิงขึ้นไปบนกำแพงเมืองได้เลย
ทหารของไวท์ฟอร์ทใช้น้ำเป็นอาวุธ เมื่อบวกกับปัจจัยสิ่งแวดล้อมก็เกิดเป็นอาวุธที่ทรงพลังและคาดไม่ถึง
กิลเมซไม่ทันสั่งถอนทัพทหหารเดนตายก็เสียหายไปอีกหนึ่งพัน แม้จะยังไม่ตาย แต่ก็นอนดิ้นและคลานอยู่ข้างล่าง อวัยวะที่เริ่มจับแข็งถ่วงให้พวกเขาไม่อาจเดินได้ง่ายๆ ยิ่งเกราะเหล็กที่ดูดความเย็นด้วยแล้ว ยิ่งทำให้น้ำที่ซึมเข้าไปข้างในแข็งเร็วขึ้น
“ใครจะไปคาดว่า แค่สาดน้ำก็ส่งผลให้ทหารหมดสภาพได้เร็วแบบนี้” เรคอมป์เอ่ยอย่างสยองเมื่อเห็นภาพทหารที่ติดกันแน่นเป็นพวงน่าขยะแขยงบนบันไดไม้ “ถ้าท่านกำลังคิดจะสั่งให้ทหารไปช่วยพวกที่ใกล้ตายอยู่นั่นล่ะก็ เลิกคิดไปได้เลย พวกเขาเล็งหอกน้ำแข็งอยู่ พอเข้าไปใกล้ระยะก็จะโดนสาดน้ำอีก”
“นี่ท่านจะให้ข้ายืนดูพวกทหารโดนน้ำแข็งกัดจนตายหรือ?” กิลเมซหันใบหน้าดุร้ายที่กระวนกระวายมาหา
“ถ้าเราทำแบบนั้น ก็เท่ากับเราส่งทหารเข้าไปตายอีก” เรคอมป์เอ่ยอย่างใจเย็น “วิธีที่จะละลายน้ำแข็งก็คือเอาน้ำมันขว้างใส่พวกเขาแล้วก็จุดไฟใส่นั่นแหละ..... มีแค่วิธีนั้น -- ”
“บ้าเอ้ย!!” กิลเมซสบถเสียงดังลั่นก่อนจะสั่งถอนทัพกลับไปยังทุ่งน้ำแข็ง
 
“เออเฮอะ..... ไม่ยักกะมาช่วยพวกที่โดนแช่แข็งแฮะ” แม่ทัพริชาร์ดเลิกคิ้วขณะวางหอกน้ำแข็งลง.....
“คงมีพวกมีสมองติดมาด้วยล่ะมั้ง......” ไลโอซ่าร์ป้องตามองแผ่นหลังของเรคอมป์ที่อยู่ลิบๆ ก่อนจะหันไปตะโกนกับพวกคนข้างล่างว่า *“Today is ours!!”
ชาวเมืองด้านล่างร้องเฮดังลั่น ปรากฏว่ามีคนแค่สองร้อยคนที่ช่วยงานด้านล่าง ซึ่งเปิดน้ำจากท่อซึ่งเป็นท่อที่ลำเลียงน้ำมาจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของไวท์ฟอร์ท และเทลงในพิมพ์เหล็กหอกน้ำแข็งซึ่งใช้เวลาไม่นานนักเพราะเหล็กนั้นดูดความเย็นไว้อยู่แล้ว ก่อนจะแซะออกและส่งให้กับทหารที่มีหน้าที่ขว้างหอกและทหารที่มีหน้าที่เทน้ำซึ่งเรียงสลับกันอย่างละห้าสิบคน
ไลโอซ่าร์ใช้คนน้อยแต่ก็เกิดผลมหาศาลเพราะใช้อำนาจจากธรรมชาติให้เป็นประโยชน์ควบคู่ไปด้วย เขาเรียนรู้วิธีการต่อสู้โดยใช้ธรรมชาติด้วยของไวท์ฟอร์ทจากพ่อลูกจิ้งจอกและตอนนี้เพียงไม่กี่วันทหารของพ็อตเทอร์รี่ก็พร่องไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว
ไลโอซ่าร์ร่วมแสดงความยินดีกับพวกทหารและชาวเมืองที่เฮลั่นและเอาอาหารกับเครื่องดื่มออกมา ทหารทั้งร้อยคนลงจากกำแพงเมืองเพื่อไปฉลองด้านล่าง ทหารเวรต่อไปอีกห้าคนก็ขึ้นไปเฝ้าบนกำแพงเพื่อดูท่าทีของข้าศึก และเตรียมเรียกทหารอีกร้อยคนในเวรกะต่อไป ไลโอซ่าร์ตักซุปร้อนๆขึ้นไปให้ทหารยามพร้อมกับกำชับว่าพอหมดกะให้รีบลงมาหาเครื่องดื่ม เขาเดินลงจากกำแพงเมืองและคว้าเหล้าที่ใส่ในเหยือกดีบุกเดินไปตามพวกทหารและรินเหล้าให้พวกทหาร
“ลอร์ดเบโอวูล์ฟ” ริชาร์ดเดินเข้ามาใบหน้าแดงก่ำ โดยปกติแล้วเขาคออ่อนมาก “ข้าว่าพวกมันคงท้อใจแล้วไม่คิดจะบุกในอีกสองสามวันนี้แน่ๆ”
“ดีแล้วล่ะ” ไลโอซ่าร์ยิ้มและตบบ่าแม่ทัพริชาร์ด “ท่านเก่งมาก”
“มาน่า..... นายท่าน มาฉลองกัน!!” ริชาร์ดเอ่ยสำทับกับพวกทหารที่โห่ร้องชูแก้วเหล้าไชโยกันอยู่
“ได้ๆ หลังจากไปหอเรเวนแล้วนะ -- ” ไลโอซ่าร์เอ่ยและวางเหยือกเหล้าที่ว่างแล้วก่อนจะเดินฝ่าสายลมหนาวที่พัดพาหิมะให้ตกลงอีกครา เขาเดินดุ่มไปยังหอเรเวน ซึ่งผู้เฝ้าหอชรากำลังป้อนหนอนให้กับนกเรเวนในกรงอยู่
“กินซะสิ... น่าน อย่างนั้น.... -- โอ้ลอร์ดเบโอวูล์ฟ” ผู้เฝ้าหอเรเวนกระทำเคารพเมื่อเขาสังเกตเห็นไลโอซ่าร์ และโดยที่ไลโอซ่าร์ไม่ต้องเอ่ยอะไร ชายชราคนนั้นยื่นมือเข้าไปในกรงที่มีเรเวนตัวเดียวและดึงจดหมายออกมา “เพิ่งมาถึงสักครู่นี้แหละขอรับ”
“ขอบใจ..... -- ” ไลโอซ่าร์เอ่ย เขาปล่อยให้ขาเดินไปเองและเปิดจดหมายที่ม้วนยาวออกมา -- มันเป็นจดหมายจากลิมพาเนีย.....
เมื่อขาของไลโอซ่าร์พามาถึงสระน้ำศักดิ์สิทธ์ของไวท์ฟอร์ท เขาก็กำลังยิ้มอยู่และอ่านจดหมายจากภรรยาทวนเป็นรอบที่สาม
เธอเอ่ยถึงการเดินทางที่เรียบง่ายและสงบ นักบวชฮานทั้งสอนวิชาการต่อสู้แบบมือเปล่าและเล่านิทานสอนใจให้กับไลโอเนลฟัง เธอไม่ได้บอกลูกของเธอว่าที่ไวท์ฟอร์ทกำลังมีสงคราม เธอบอกให้เขาวางใจ และย้ำเตือนให้เขารักษาสุขภาพ
ไลโอซ่าร์มองจดหมายอย่างรักใคร่...... ก่อนความรู้สึกละอายใจจะก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
 
แม่ทัพริชาร์ดคาดการณ์ผิด เพราะในอีกสองวันต่อมา ไลโอซ่าร์ก็ถูกตามไปที่กำแพงเมืองเมื่อทหารยามแจ้งว่าข้าศึกมีการเคลื่อนไหว ชายวัยกลางคนห่มผ้าคลุมหมาป่าก่อนจะเดินเร็วๆไปยังกำแพงเมือง
“ว่าไงบ้าง?” ไลโอซ่าร์เอ่ยถามแม่ทัพริชาร์ดซึ่งกำลังเพ่งมองดูข้าศึก
“พวกนั้นคงคิดแผนจะบุกตอนหิมะตก..... แต่ก็ดันเกิดล่าช้า -- จนเราสังเกตเห็นก่อน”
ไลโอซ่าร์หยีตามองผ่านพายุหิมะที่กำลังตกจนพื้นที่โดยรอบขาวโพลนไปหมดขนาดจะมองไปข้างหน้ายังยากที่จะมองเห็น การที่จะบุกมายังไวท์ฟอร์ทให้ถูกทางคงเป็นเรื่องยาก
“ทางขึ้นภูเขาไรท์ฮิลล์ล่ะ?” ไลโอซ่าร์เอ่ยถามทหาร
“ไม่มีร่องรอยการปีนขึ้นมาเลยขอรับ -- ”
“คนที่บ้าพอจะปีนภูเขาผ่านหน้าผานรกนั่นคงมีแต่ท่านล่ะน่ะ ลอร์ดเบโอวูล์ฟ -- ” แม่ทัพริชาร์ดเอ่ยยิ้มๆ
“ข้าไม่ยอมให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแน่” ไลโอซ่าร์หลิ่วตาให้กับแม่ทัพริชาร์ด “ถ้าพวกข้าศึกมาถึงระยะหอกก็ขว้างใส่พวกมันได้เลยนะ” เขาหันมาสั่งพวกทหารซึ่งตอบรับอย่างขันแข็ง
 
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดกองทัพของพ็อตเทอร์รี่ก็ฝ่าหิมะสูงท่วมหัวเข่ามาถึงเขตที่พอจะมองเห็นไวท์ฟอร์ท
“อีกนิดหนึ่ง -- ” ไลโอซ่าร์เอ่ยเมื่อคำนวณระยะที่จะพุ่งหอกน้ำแข็ง
แต่แล้วสยตาของเขาก็ถูกอะไรบางอย่างดึงดูดไป -- ท่ามกลางพายุหิมะที่ตกลงมาจนมองอะไรแทบไม่เห็น ไลโอซ่าร์เป็นแสงอะไรบางอย่างแว่บๆเป็นสีขาวจุดเล็กๆก่อนแสงนั้นจะขยายจนสว่างจ้าและพุ่งขึ้นบนฟ้าอย่างรวดเร็วและส่งเสียงคำรามดังลั่น
 
เปรี้ยงงงงงงงง!!!!!!
 
พวกทหารไวท์ฟอร์ทบนกำแพงที่ไม่ทันตั้งตัวจากแสงและเสียงที่ดังสนั่นนั้นถึงกับล้มทั้งยืนเมื่อเจอแสงสว่างวาบเข้าดวงตา เสียงของสายฟ้าแม้จะหายไปแล้วแต่ก็ยังคงก้องอยู่ในหู
ไลโอซ่าร์รีบขยับไปที่ขอบกำแพงอย่างตกตะลึง ท้องฟ้าที่เคยขมุกขมัวเพราะเมฆสีหม่นที่โปรยหิมะให้ตกลงมากลายเป็นรูโหว่และหลีกแตกออก ขยายตัวออกเป็นวงกลมที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ไปสุดปลายฟ้า
ก่อนที่ฝนจะตกลงมา....
ทว่า....!! มันเป็นฝนอุ่นๆ ไม่ใช่ฝนที่หนาวเย็นจนแทบจะจับแข็ง และสิ่งที่พวกไวท์ฟอร์ทรับรู้ต่อมาก็คือ อากาศที่เคยหนาวเหน็บจนเข้ากระดูกดำนั้นหายไป แทนที่ด้วยอากาศเย็นจนถึงอุ่นพอเหมาะพอดี
ไลโอซ่าร์ยกมือที่เปียกฝนขึ้นมาเขาใช้นิ้วลูบไล้มือที่เปียกอย่างประหลาดใจ ราวกับหิมะโดนลวกจนเดือดกลายเป็นฝนตกลงจากฟ้า และฝนอุ่นก็หายไป -- ไลโอซ่าร์เพ่งตามองไปยังร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งที่ยืนอยู่ล้ำจากกองทัพของพ็อตเทอร์รี่ออกมา ร่างนั้นสวมชุดเกราะสีดำในมือขวานั้นถือดาบรูปทรงประหลาดแปลกตาซึ่งถ้าเขาเข้าใจไม่ผิด.....
ดาบนั้นมีสายฟ้าไหลแล่นอยู่!!
อัศวินคนนั้นลดระดับดาบที่ชี้ขึ้นฟ้าลง ก่อนสายฟ้าที่ไหลอยู่บนตัวดาบจะหายไป วินาทีต่อมาอัศวินเกราะดำก็เงื้อดาบในท่าเตรียมขว้าง
“ลงจากกำแพง -- ” ไลโอซ่าร์ตะเบ็งสุดเสียงสายตามองตามดาบประหลาดนั้นซึ่งพุ่งมาด้วยความเร็วสูง ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ดาบนั้นก็พุ่งมาถึงกำแพงเมือง และ --
 
ตูมมมมมมมมมมมม!!!!!!
 
กำแพงเมืองด้านขวาระเบิดออกพร้อมกับแสงสว่างวาบและเสียงของสายฟ้าฟาดที่ดังสนั่น แรงระเบิดพัดเอาไลโอซ่าร์กระเด็นไปชนกับป้อมหินบนกำแพงก่อนที่กำแพงซีกขวาที่เหลือจะพังคลืนลงมาพร้อมๆกับป้อมจนทับร่างของไลโอซ่าร์
 
เสียงเฮละโลพร้อมกับเสียงการรบดังลั่นปลุกให้ไลโอซ่าร์ตื่นขึ้น เขาพบว่าตัวเองนอนคว่ำอยู่ เขาครางอย่างเจ็บปวดก่อนจะดันร่างของตัวเองลุกขึ้น กำแพงที่ทับตัวเขาอยู่ปริและแตกออกเป็นสองเสี่ยง เมื่อเขาผลักมันออก
ไลโอซ่าร์กลิ้งตกจากซากปรักที่เคยเป็นกำแพงของไวท์ฟอร์ท เขาร้องครางอีกครั้ง เลือดไหลเต็มใบหน้าซีกขวา แต่แขนขาของเขายังปกติอยู่แม้จะเคล็ดขัดยอกอยู่ก็ตาม
เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อมองไปบริเวณโดยรอบ และภาพที่ไลโอซ่าร์มองเห็นก็ราวกับเป็นฝันร้าย..... --
ทหารและชาวเมืองไวท์ฟอร์ทที่ยังไม่ได้ตั้งตัวดีเพราะแรงระเบิด ต่างถูกทหารของพ็อตเทอร์รี่ไล่ฆ่าฟันกันอย่างไม่ยั้ง ภาพของชาวเมืองที่ถูกฆ่า ถูกทำร้าย และความสับสนอลหม่านจากการหนีแตกพล่านของชาวเมืองเพื่อหนีตาย -- ภาพของทหารออกเวรที่ออกมาจากโรงฝึกเพื่ออารักขาชาวเมืองโดนทหารที่จำนวนมากกว่าเข่นฆ่าอย่างง่ายดาย
ไลโอซ่าร์ออกแรงและคำรามเสียงดังก่อนจะดึงเศษไม้ทั้งปักอยู่ตรงชายโครงของเขาออก ก่อนจะยืนขึ้น และใช้ดาบของเขาพยุงตัวเอง -- เขาไม่เคยรู้สึกว่าดาบของเขาหนักขนาดนี้มาก่อน
ทหารของพ็อตเทอร์รี่สองคนวิ่งเข้าใส่เขาก่อนจะโดนไลโอซ่าร์ฟันเข้าใส่และล้มกลิ้งคนหนึ่งดาบหักเป็นสองท่อนพร้อมกับลำตัว อีกคนเอามือขึ้นลูบคลำที่ลำคอและพบว่าอะไรอุ่นๆพุ่งทะลักออกมาก่อนจะตาเหลือกและล้มลง
ไลโอซ่าร์ไล่ฟาดฟันพวกทหารจากพ็อตเทอร์รี่ทุกคนที่เขาฟันถึง เขาไม่สนว่าแผลในตัวจะเจ็บเพียงใด ต่อให้เขาจะเหลือตัวคนเดียวเขาก็จะสู้ถ่วงเวลาให้ชาวเมืองได้หนีไปให้ได้มากที่สุด แม้คนเดียวก็ยังดี
พวกทหารจากพ็อตเทอร์รี่ล้อมหน้าล้อมหลังไลโอซ่าร์ซึ่งถือดาบอยู่และเหลียวซ้ายแลขวา ทหารจากพ็อตเทอร์รี่เลิกพุ่งเข้าใส่ไลโอซ่าร์เมื่อพบว่าพวกที่พุ่งเข้าใส่ก่อนหน้านอนตายอยู่แทบเท้าของลอร์ดเบโอวูล์ฟผู้นี้นับสิบ
“ว่าไงล่ะ ชาวพ็อตเทอร์รี่!?” ไลโอซ่าร์ตะคอก “อยากได้หัวของข้าไม่ใช่เรอะ? เข้ามาเอามันสิ!!”
ทว่าไม่มีทหารคนใดพุ่งเข้าใส่ แต่ทหารทางด้านหลังของไลโอซ่าร์ ค่อยๆแหวกออกเป็นช่อง
...... -- อัศวินเกราะสีดำที่ถือดาบประหลาดที่มีสายฟ้าแล่นผ่านดังเปรี๊ยะๆ...... เดินเข้ามาหาเขาช้าๆ
 
*“Today is ours!!” Liozar’s Quote: “วันนี้เป็นของเรา!!”
ไลโอซ่าร์ตะโกนไปแบบนั้น นัยหนึ่งคือดีใจที่ได้รับชัยชนะ และอีกนัยหนึ่งก็แปลว่าวันนี้อาจได้รับชัยชนะ แต่วันพรุ่งนี้อาจไม่ได้เป็นแบบวันนี้ จึงเป็นการบอกให้ไม่ควรประมาทไปในตัว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา