7Swords

9.6

เขียนโดย จิ้งจอกมายา

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 23.29 น.

  31 chapter
  3 วิจารณ์
  24.63K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 23.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) Anchor

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนที่ 10 Anchor
 
ตกยามเย็น ที่พ็อตเทอร์รี่ยังคงเซ็งแซ่กันอยู่ ผู้คนบางส่วนกลับบ้านไปเพราะลมหนาวและการวางแผนที่นานเหลือเกิน
จนในที่สุดรัตติกาลก็กลืนกินแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ดวงดาวดาษดาเรียงรายอยู่เต็มฟากฟ้าแต่คืนนี้ไร้วี่แววของดวงจันทร์
“ทุกๆครั้งในการรบเราต้องเข้าใจปัจจัยประกอบโดยรวมก่อนจึงค่อยเข้าสู่สนามรบ” เอเคลเซธเอ่ยในที่ประชุม เขาเว้นวรรคไว้หน่อย ราวกับจะตำหนิการรบที่ใช้แต่อารมณ์ของเรคัสโดยไม่มีเสียง “เช่นคืนนี้ที่ไร้แสงจันทร์ เป็นคืนเดือนมืดแบบนี้ เหมาะที่สุดสำหรับการลอบจู่โจม” เขาเอ่ยพลางมองไปรอบๆทะเลที่มืดมิด เว้นแต่บริเวณกองเรือของโจรสลัดที่สว่างสไวด้วยเสียงไฟ
“แล้วเราจะลงมือได้หรือยัง?” เรคัสถามกระชากเสียง
“ข้าไม่ได้เพิ่งบอกไปหรือ เซอร์โรแลนด์ว่าการรบที่ไม่ใช่สมองมันเป็นวิธีรบของคนโง่?” เอเคลเซธเอ่ยและจ้องมองเรคัสตรงๆ ทั้งสองสบตากันนานมาก ชายหนุ่มไม่ยอมกระพริบตาเช่นเดียวกับเรคัส จนในที่สุดแม้จะมีท่าทีขัดขืน แต่เรคัสก็ยอมพยักหน้าพร้อมส่งเสียงคำรามตอบรับเบาๆ
“แต่เท่าที่ดู.....” เรคอมป์เอ่ยพลางพิจารณาเรือโจรสลัดที่จุดไฟสว่างมองเห็นบริเวณโดยรอบ “ไม่ว่าจะบุกเข้าหาจากทางไหนพวกเขาก็ต้องสังเกตเห็นแน่ๆ”
“เห็นแล้วทำได้กับเห็นแล้วทำอะไรไม่ได้มันต่างกันนะ พ่อคนที่ฉลาดที่สุดแห่งพ็อตเทอร์รี่” เอเคลเซธอดเหน็บเรคอมป์ไม่ได้ ชายหนุ่มหันมาสบตากัน
“ท่านมีแผนอะไร?”
“นี่แนะ เซอร์โลแลนด์” เอเคลเซธเอ่ยหลังจากเหม่อมองท้องฟ้าได้สักครู่ เขาเดินเข้าไปกระซิบข้างหูเรคัสผู้มีสีหน้าบิดเบี้ยวอย่างครุ่นคิดหน่อยๆ “ทำตามที่บอกแค่นี้แหละได้มั้ย?”
“ตกลง” เรคัสเอ่ยพลางเดินออกจากหอบัญชาการไปโดยสั่งให้เรียกทหารตามไปด้วยประมาณหนึ่งพัน แต่แปลกที่พวกเขาไม่เอาคบเพลิงติดตัวไปด้วยเลย เรคอมป์ทำท่าจะเดินตามไปแต่เอเคลเซธห้ามเขาไว้
“อ๊ะๆ สำหรับเซอร์โรแลนด์คนลูก -- ”
“ข้าไม่ได้ยศเซอร์ --” เรคอมป์พูดอย่างไม่พอใจ
“โอ้ จริงรึ?” เอเคลเซธแสยะยิ้ม “ข้าก็มีงานสำหรับบัณฑิตสุดหล่อเช่นกัน......”
“งานอะไร?” เรคอมป์ถามอย่างเคลือบแคลง
เอเคลเซธยืดตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะผายมือไปยังโต๊ะวางแผนและพูดว่า “เขียนจดหมาย.....”
 
เลยยามเที่ยงคืนไปแล้ว ที่ใจกลางอ่าวนั้นกระแสน้ำยังคงสาดซัดจนแม้เรือใหญ่ก็ยังมีโคลงเคลงหน่อยๆ เสียงลั่นของไม้ที่เบียดและยืดออกนิดๆตามการโคลงของเรือ ดังราวกับเปิดประตูบานใหญ่ๆและทึบทึน กระแสลมเย็นที่เหน็บหนาวก็ยังพัดสาดใส่ข้างรำเรือ พวกโจรสลัดต่างหลบอยู่ด้านในเรือกันเป็นกระจุกจะมีออกมาบ้างเพื่อสลับเวรยามกันทุกๆชั่วโมง
“ไอ้นกบ้านั่นมาอีกแล้ว” ลูกเรือคนหนึ่งเอ่ยอย่างหัวเสียเมื่อเห็นเรเวนบินฝ่าสายลมเข้ามาเกาะที่กาบเรือพร้อมกับจดหมายที่ผูกติดมา “เล่นส่งมาทุกๆครึ่งชั่วโมงแบบนี้มันคิดอะไรกันวะ?”
“จะไปรู้เรอะ เอามานี่ ข้าจะเอาไปให้กัปตัน” ลูกเรืออีกคนเอื้อมมือมารับจดหมาย ซึ่งชายคนแรกเหยียดให้พ้นเงื้อมมือของเขา
“ฝันไปเถอะ แกเพิ่งจะมาเปลี่ยนเวรเอง นี่คงกะจะเอาจดหมายไปให้กัปตันแล้วหลบลงท้องเรือไปเลยสิ ไม่ได้แอ้มข้าหรอก!!” แล้วเขาก็เดินตัวงอฝ่าสายลมเข้าไปในเรือซึ่งอุ่นสบายกว่านิดหน่อย ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องกัปตันซึ่งอุ่นสบายที่สุดเพราะเป็นห้องที่มีเตาผิงอยู่ด้วย “จดหมายจากพวกมัน อีกฉบับครับ” เขารายงานต่อชายที่มีหนวดเคราสีดำยาวที่มีหงอกสีขาวแซมประปราย อายุน่าจะใกล้ๆหกสิบ เขาสวมหมวกทรงโจรสลัดที่มีพู่ห้อยสีดำ ใส่เสื้อคลุมสีดำ
ชายผู้เป็นกัปตันมือหนึ่งเท้าคางอีกมือหนึ่งพรมนิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ เบื้องหน้าของเขาคือจดหมายหลายต่อหลายฉบับที่ส่งมาก่อนหน้านี้ เขาพยักหน้าให้ชายที่มารายงานโดยไม่เหลือบตามอง เหมือนกับบอกให้เขาอ่านออกเสียง
ชายที่นำจดหมายมายื่นให้กับชายอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ชายคนนั้นเลิกคิ้ว “ก็ข้าอ่านหนังสือไม่ออก”
ชายคนนั้นรับมาด้วยสีหน้าทั้งเซ็งและอารมณ์บูดเต็มที่ก่อนจะหยิบจดหมายมาและอ่านออกเสียงดังๆ
“ด้วยความห่วงใยจากพ็อตเทอร์รี่มาถึงหัวหน้าโจรสลัดกัปตันผู้ยิ่งใหญ่ วานตูร์ -- มูโอ -- เซียร์” เขาหน้าเหยจากการพยายามอ่านชื่อ “พวกมันจงใจเขียนชื่อกัปตันผิดอีกแล้ว!!” เขาระเบิดออกมาอย่างโมโห แต่กัปตันวัยกลางคนเพียงส่งเสียงคำรามเบาๆสั่งให้อ่านต่อ “ตามที่เราได้ส่งจดหมายมาถามถึงความสะดวกสบายใจของเราท่าน ที่ท่านกรุณายกกองเรือมาปิดอ่าวของเราอยู่นานวัน และเราได้ถามถึงความประสงค์ของท่านเพื่อเราจะได้หาหนทางข้อตกลงร่วมกัน ตามที่ทางเราได้กล่าวขอท่านมาหลายต่อหลายครั้ง -- ด้วยความนับถือ โรแลนด์ เรคอมป์”
“กัปตันครับ” ชายคนที่เอาจดหมายมาส่งเอ่ย “จริงๆข้าว่าเราเรียกค่าไถ่ในการเปิดอ่าวแล้วรีบไปจากที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอครับ? ที่นี่หนาวจนพวกเราจะบ้าตายอยู่แล้ว อีกอย่างเราก็ได้เรือมาฟรีๆสองลำแล้ว”
“ข้าไม่เข้าใจ” ชายผู้เป็นกัปตันนวดคิ้วของเขา “พวกมันตั้งใจจะทำอะไร?”
“มันต้องการขอยอมแพ้ต่อเรา เพราะพวกมันไม่อาจเปิดอ่าวขายของได้ไงขอรับ”
“แล้วไอ้ที่มันจงใจเขียนชื่อข้าผิดๆมาตั้งหลายต่อหลายฉบับนี่คืออะไรกัน?” กัปตันเอ่ยขึ้นอย่างมีโมโห “ชื่อของข้าคือ แวน เดอ มูชเชอร์โว้ย!!” แล้วเขาก็ล้มโต๊ะ
“ใจเย็นๆขอรับกัปตัน!!” ชายคนที่อ่านจดหมายรีบบอก
“ข้าไม่เจรจงเจราห่าเหวอะไรทั้งนั้นแหละ” กัปตันแวนกล่าว “ถ้าเรเวนตัวต่อไปมาล่ะก็ ทุบมันให้เละไปเลย -- ” ยังไม่ทันที่กัปตันแวนกล่าวจบก็มีเสียงตะโกนดังลั่นตัดมา
“มีการเคลื่อนไหว -- ที่ชายฝั่งมีการเคลื่อนไหว!!” ทั้งหมดวิ่งออกจากห้องกัปตันขึ้นไปบริเวณกาบเรือและมองผ่านความมืดเข้าไปในเมือง พวกเขาพบว่าแสงจากเทียนไขในเมืองค่อยๆดับลงจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว
“นี่พวกมันนัดกันหลับหรือไง” โจรสลัดคนหนึ่งปล่อยมุก ส่งผลให้เพื่อนๆของพวกเขาหัวเราะกันครืน
“พวกมันคิดจะทำอะไรกัน” กัปตันแวนพูดด้วยเสียงกระซิบ เขาไม่ขำไปกับบันดาลลูกเรือ เขาหันซ้ายหันขวากองเรืองทั้งยี่สิบลำและเรืออีกสองลำที่ยึดมาได้ก็ลอยนิ่งอยู่เป็นปกติ “เงียบๆซิพวกแก!!” กัปตันแวนตะโกนก้อง ลูกเรือของเขาเงียบกริบทันที
เขาเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจผ่านเสียงคลื่นลมและคลื่นทะเล เสียงไม้ลั่นดังอย่างเกียจคร้านราวกับปิศาจกำลังบิดตัวช้าๆ “ฟังซิ......” กัปตันแวนพูด “มีเสียงอะไรนอกจากเสียงลมกับน้ำด้วย” พวกโจรสลัดที่เหลือเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ท่ามกลางความมืดรอบๆตัว โดยมีแสงสว่างวูบวาบจากเรือของพวกเขาเท่านั้น
มันดังขึ้นและดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงแปลกๆที่ว่า มันคือเสียงของอะไรที่กำลังแหวกน้ำ นับร้อยๆพันๆครั้งในคราวเดียวกัน
“นั่นเสียงอะไรน่ะ!!” ลูกเรือคนหนึ่งกรีดร้องอย่างตกใจ
“เงียบ!!” คราวนี้กัปตันแวนเพ่งมองไปยังที่มาของเสียงในความมืด ก่อนจะชี้นิ้วไปยังบริเวณมืดๆไกลๆนั้น “ตรงนั้น!!”
เอเคลเซธยืนอยู่บนหัวเรือลำเล็ก พวกเขาใช้คนพายเรือเล็กแหวกฝ่าคลื่นอย่างรวดเร็ว เทียบกันแล้วเรือพายเล็กนั้นเร็วกว่าตอนเรือใหญ่ใช้คนพายเยอะมาก กองเรือที่ติดตามเอเคลเซธมาจากชายฝั่งมีประมาณห้าสิบลำหรือ ประมาณห้าร้อยคน
“เตรียมธนูเพลิง!!” กัปตันแวนร้องสั่ง พวกโจรสลัดขยับเตรียมทันที “พอพวกมันเข้ามาในระยะก็ยิงได้เลย!!”
แต่เมื่อใกล้ถึงระยะยิง เอเคลเซธก็จุดคบเพลิงขึ้นและส่งสัญญาณให้กองเรือเล็กหยุด
“อะไรกัน..... ทำไม? มันจะใช้เรือเล็กประชิดเร็วไม่ใช่หรือ?” กัปตันแวนมองอย่างงุนงง
“กัปตันครับ!! ข้างหลัง!!” โจรสลัดคนหนึ่งร้อง เมื่อเห็นเรือประมงนับยี่สิบลำกองใบเรือ อาศัยลมที่พัดเข้าชายฝั่งพุ่งเข้าหากองเรือที่เรียงเป็นหน้ากระดาน
“ยิงเลย!! ยิงธนูเพลิงใส่พวกมัน!!” กัปตันแวนตะโกนลั่นเมื่อเห็นเรือประมงแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกโจรสลัดที่ง้างธนูเพลิงรอทั้งยี่สิบลำก็ระดมยิงลูกศรติดเพลิงพุ่งเข้าหากองเรือประมงที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วนั้น
เมื่อลูกศรเพลิงสัมผัสกับเรือประมงก็ลุกพรึ่บเป็นเรือไฟอย่างรวดเร็ว พวกโจรสลัดโห่ร้องอย่างสะใจ
“ไม่......” กัปตันแวนเพ่งมองไปยังกองรอที่ติดไฟอย่างรวดเร็วทั้งลำนั่น “เดี๋ยว.....” และเขาก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าไม่มีคนกรีดร้องบนเรือประมงนั้นเลย ตรงกันข้าม เรือที่ราดน้ำมันไว้ชุ่มกำลังพุ่งเข้าหาพวกเขา
โดยที่ไม่ทันตะโกนสั่งอะไรอีก เรือประมงติดไฟทั้งยี่สิบลำก็พุ่งเข้าชนเรือกองโจรสลัด ทั้งควันไฟพวยพุ่งทั้งเปลวไฟที่โหมสูง ใช้เวลาเพียงอึดใจเดียวเรือโจรสลัดก็ลุกติดไฟ
“วิดน้ำ!!” มีเสียงตะโกนให้ตักน้ำขึ้นมาดับไฟทั้งเสียงไอโขลก
“ไม่..... ไม่ทันแน่!!”
“สละเรือๆๆๆๆๆ” เสียงร้องระงมอย่างปั่นป่วนท่ามกลางเปลวไฟและควัน
“อย่าเพิ่ง!!” กัปตันแวนตะโกนก้องกลบเสียงร้องให้สละเรือของพวกโจรสลัดที่ร้องบอกต่อๆกัน “ไปที่เรือเชลย -- ที่นั่นยังไม่ไหม้!!”
 พวกลูกเรือต่างก้มหลบควันที่พวยพุ่งมาทั้งลมพัดบางคนคลาน บางคนวิ่งไปจนถึงกาบเรือและพากันขึ้นไปยังเรือสองลำที่ยึดได้จากพ็อตเทอร์รี่ พวกที่ขึ้นไปถึงได้ก่อนก็คอยช่วยเพื่อนให้คนมาบนเรือ จนเมื่อผ่านไปราวสิบนาทีเรือจากพ็อตเทอร์รี่ทั้งสองลำก็ต้องรีบถอนสมอเรือเพื่อกินแรงลมและหนีความร้อนและเขม่าควันจากเรือโจรสลัดที่ลุกไหม้ทั้งยี่สิบลำ
บนเรือทั้งสองลำแน่นขนัดเต็มไปด้วยโจรสลัดเกือบพันคนทั้งสองลำ หน้าตาแต่ละคนเปื้อนเขม่าควันและมีรอยไฟลวกกันเกือบทุกคน กัปตันแวนตบหมวกของเขาที่ไฟกำลังไหม้พู่ให้ไฟดับ
*“Drop the Anchors!!” เสียงสั่งลอยมาตามสายลม กัปตันแวนเบียดลูกเรือของเขาไปที่กาบเรืออย่างทุลักทุเล
“เจ้า..... -- พวกเจ้า!!” กัปตันแวนเบิกตากว้างและมองไปบริเวณโดยรอบที่พวกเขาโดนกองเรือเล็กล้อมอยู่ “เอาธนูมานี่!!”
“อ๊ะๆ ถ้ายังเหลียวหลังไหวดูอะไรตรงโน้นสิ” เอเคลเซธตะโกนบอก และเมื่อพวกโจรสลัดมองตามก็เห็นเรือประมงชุ่มน้ำมันอีกสองลำที่พร้อมจะพุ่งเข้าหาเรือที่บรรทุกเกินจำนวนทั้งสองลำ “ถ้ายิงธนูลูกนั้นออกมา.... ทางเลือกของท่านก็มีสองอย่างคือ ตายในกองไฟ หรือ จมน้ำตาย” เอเคลเซธหันไปพยักหน้าให้กับพวกทหารสั่งให้พายเรือเข้าไปใกล้ “แต่หากท่านทิ้งสมอเรือ เราจะได้คุยกันสบายๆแทน.... จะเอาแบบไหน?”
กัปตันแวนหันไปมองลูกเรือโจรสลัดแต่ละคนที่บาดเจ็บและหมดกำลังใจ ทั้งต้องยืนเบียดกันไม่ให้ตกลงไปในทะเล “ทิ้งสมอ!!” เขากัดฟันพูด
“ดี..... เอาละ ทีนี้ -- ” เอเคลเซธสั่งให้โจรสลัดลงเรือเล็กพร้อมกับเชือกที่มัดปากและมือเท้าไว้แล้วลำเลียงไปที่ชายหาด ก่อนจะถ่ายเอาทหารจากพ็อตเทอร์รี่ทั้งห้าร้อยคนขึ้นเรือที่พวกโจรสลัดยึดไป และเรคัสก็พาเรือเล็กและเรือประมงมาสมทบ ก่อนที่ทั้งหมดจะพากันกลับสู่ชายฝั่ง
“เซอร์คาร์ลดีเซน” เรคัสเอ่ยเรียก เอเคลเซธที่ยืนชะเง้อคอมองแสงของวันใหม่ที่เริ่มทอขึ้นตรงขอบฟ้า
“เรียกข้า เอเคลเซธเฉยๆก็ได้.......” ชายหนุ่มเอ่ย “ถ้าท่านจะให้ข้าเรียกท่านว่า ท่านเรคัส -- ” เขาเสริม
“แค่เรคัสก็พอ” ชายวัยกลางคนดูราวกับยุ่งยากใจพอสมควรก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “ข้าต้องขออภัยสำหรับก่อนหน้านี้......”
“เค้าว่ากันว่าคนที่เคยเกลียดกัน พอได้รักกันจะรักกันมากนะครับ” เอเคลเซธเอ่ยยิ้มๆพลางหลิ่วตาให้กับเรคัส
“นี่มันเหลือเชื่อเลย..... ใช้เวลารบเพียงไม่ถึงครึ่งหนึ่งจากเมื่อตอนกลางวัน แถมใช้ทหารแค่พันห้า เราได้เรือที่ถูกปล้นไปกลับมา -- แล้วที่น่าทึ่งที่สุดคือ ไม่ต้องสู้รบกันแม้แต่น้อย.....” เรคัสเอ่ยอย่างชื่นชม “แล้วพวกเราก็ชนะ......”
“ใช่..... ชนะ......” เอเคลเซธเอ่ย เขาเหลียวมองซ้ายขวาและตัดสินใจพนันเสี่ยงเดิมพัน เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆกำลังยุ่งอยู่ และเขาสามารถคุยเป็นการส่วนตัวกับเรคัสได้นิดหน่อย “ฟังนะ ท่านเรคัส ข้าแน่ใจว่าท่านเป็นคนดี..... และท่านคงสงสัยในท่าทีของลอร์ดคราเวน” เอเคลเซธเอ่ยกระซิบ
เรคัสหันไปมองและเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครมองอยู่เขาก็ทำเป็นชี้ชวนให้เอเคลเซธมองอากาศยามรุ่งสางก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้ารู้...... แบบนี้ไม่ปกติเอาเสียเลย.....”
“ข้าเชื่อมั่นท่านได้หรือเปล่าว่า ท่านจะไม่หันปลายดาบเข้าหาเราโดยไม่เตือนเราก่อน.....” ชายหนุ่มถามอย่างไม่อ้อมค้อม เรคัสเข้าใจความหมายที่เอเคลเซธพูด
“หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล ข้าจะรีบเตือนเอง”
“ขอบคุณ ท่านเรคัส.....” เอเคลเซธเหม่อมองไปยังบริเวณชายฝั่งที่พวกเชลยกำลังนั่งรอพวกเขาอยู่ ก่อนที่เขาจะเสริมว่า “ข้าลังเลระหว่าง การสอบสวน อาหารเช้า หรือเตียงนอนก่อนดี?”
____________________________________________________________
*“Drop the Anchors!!” Akelzeth's Quote: "ทิ้งสมอเรือซะ"
การทิ้งในที่นี้หมายถึงเอเคลเซธสั่งให้พวกโจรสลัดจอดเรือ ไม่ใช่ให้เอาสมอเรือโยนทิ้ง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา