Kiss of Winter จุมพิตแห่งเหมันต์

-

เขียนโดย โรสลินดา

วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.01 น.

  4 chapter 1 คืนแห่งความเปลี่ยนแปลง
  0 วิจารณ์
  5,927 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558 17.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) บทที่ 4 เจ้าชายแห่งเหมันต์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ในที่สุดวันแห่งการนัดหมายก็มาถึง เจ้าหญิงอเลนเธียร์และโอริลน์เฒ่ามาทิลด้าออกไปยืนรอรับพวกอาคันตุกะอยู่ที่ชายหาด มีเทรสเท่นยืนสงบนิ่งราวกับหินผาอยู่ด้านหลัง พอแสงสีทองของตะวันใกล้จะลับลงสู่เส้นขอบฟ้ามหาสมุทร ก็ปรากฏลำแสงสีเงินส่องประกายจากปลายสุดขอบฟ้า มันวิ่งเคลื่อนเข้าหาชายฝั่งอย่างรวดเร็ว เซียร่าที่ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่กับมีนาผ่านกระจกหน้าต่างห้องโถงถึงกับออกอาการตื่นเต้น โอริลน์สาวเอามือมาเขย่ามือของมีนาที่อยู่ใกล้ ราวกับกลัวว่าเธอจะพลาดสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไป

“เอส! ดูนั่นสิ พวกนั้นมากันแล้ว ตรงเขตน่านนำ้ที่เข้าใกล้จักรวรรดิโรเธียนได้มากที่สุด” เมื่อเข้ามาใกล้ แสงประหลาดก็เปลี่ยนสภาพเป็นยานบินสีเงินยวงที่ทุกด้านปิดทึบไร้ซึ่งหน้าต่างหรือรอยต่อใดๆ

“ดูสิ่งที่พวกนั้นสร้างสิ...” เซียร่าเอ่ยเสียงล่องลอย พอยานเคลื่อนมาถึงจุดหนึ่งของทะเลก็เปลี่ยนรูปทรง แล้วลงจอดลอยตัวอยู่บนแผ่นน้ำสีครามเข้มราวกับเกาะสีเงินขนาดเล็กที่พึ่งผุดขึ้นมาใหม่ใจกลางทะเล

“เอเลี่ยน!!?” มีนาร้องด้วยความตกใจ

เซียร่าตื่นเต้นเสียจนไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูด ทั้งคู่ชะเง้อมองเทรสเท่นออกเข็นเรือไม้สลักขนาดสิบคนนั่งมีกล่องแก้วบรรจุแสงสีขาวลึกลับประดับไว้ทั่วลำเรือลงน้ำ ก่อนจะกระโจนขึ้นไปพายอย่างคล่องแคล่ว เพื่อออกไปรับผู้มาเยือน เห็นดังนั้นเธอก็รีบหันมาเอามือทั้งสองจับมือคู่บางของมีนาไว้

“ผมฉันยังอยู่ทรงดีหรือเปล่าเอส!” พลางหันด้านข้างให้เธอดูเส้นผมสีน้ำผึ้งที่ถูกขดเป็นเกลียวม้วนเก็บไว้อย่างประณีต มีปิ่นทองคำประดับพลอยงามวิจิตรเข้ากับชุดราตรีสีทองคำที่หล่อนสวมใส่อยู่

“ก็ยังสวยหวานปานน้ำผึ้ง” เธอตอบด้วยใจที่ยังครุ่นคิดแต่ผู้ถูกชมยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนจะกึ่งลากกึ่งจูงเพื่อนสาวให้พ้นจากบานหน้าต่าง

มีนาอยู่ในชุดราตรีเกาะอกสีดำเรียบหรู ซึ่งเป็นชุดที่เรียบง่ายที่สุดในตู้เสื้อผ้าของเอสเมอรันดา เธอปล่อยผมหนาสีเข้มยาวงามตามธรรมชาติไม่ได้จัดแต่งทรงให้ลงมาปกคลุมบ่าเปลือยบอบบาง และสวมใส่เครื่องประดับมรกต เพื่อเป็นเกียรติแก่อาคันตุกะตามที่มาทิลด้าสั่ง เธอไม่เข้าใจโอริลน์เฒ่านักแต่ก็ยอมทำตาม

โต๊ะอาหารถูกประดับประดาไว้ด้วยเทียนสีขาวแท่งโตโผล่พ้นใบสมุนไพรและดอกไม้งามนานาพันธุ์ ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วห้องโถงซึ่งเวลานี้ถูกแต่งเติมไว้ด้วยผลหมากรากไม้สดๆ ที่ห้อยลงจากต้นในกระถางยักษ์ตามมุมต่างๆ โอ้อวดความอุดมสมบูรณ์ของจักรวรรดิ แสงสีทองเรืองรองไปทั่วจากเทียนไขที่อยู่ในกล่องแก้ว ซึ่งฐานทำจากเงินดัดขึ้นเป็นลวดลายอ่อนช้อย

ร่างบางแอบคิดไปว่า เวลานี้ห้องโถงแห่งคฤหาสน์โอริลน์ ช่างงามราวกับห้องอาหารของทวยเทพในตำนาน ในขณะที่เซียร่าพยายามจัดชุดและทรงผมให้เข้าที่ ฟรองค์ซึ่งนั่งอยู่อีกด้านกลับส่งเสียงหัวเราะเยาะ

“ให้เป็นแบบนี้ทุกปีเลยซิ” เขาทำท่าตรวจดูทรงผมล้อเลียนหล่อน มีนากลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ หากแต่เซียร่าเพียงแสร้งไม่สนใจ เก้าอี้ถูกกระชากเลื่อนออกมาให้เธอนั่งด้วยพลังที่มองไม่เห็น ก่อนที่โอริลน์สาวจะลอบมองเงาตัวเองกับจานเงินซึ่งถูกวางเตรียมไว้ตรงหน้า ไม่นานบานประตูห้องโถงก็เปิดออก

โอริลน์เฒ่าเดินกลับเข้ามาเป็นคนแรก ควักมือให้ทุกคนออกมายืนต้อนรับ ชายวัยกลางคนหน้าตาใจดีร่างอ้วนฉุ ไว้หนวดที่โค้งงอขึ้นตรงปลายราวกับมีเชือกล่องหนดึงอยู่ก้าวตามมาทิลด้าเข้ามา พร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างไม่มีเหตุผล

“ยินดี ยินดีเหลือเกิน ข้าตั้งหน้าตั้งตารอจะกลับมาพบท่านหญิงและท่านชายชาวโรเธรียนอยู่ทุกปี”

“ท่านทูตอาธีรา” เซียร่าเอ่ยพร้อมย่อกายลงอย่างสง่างาม อีกฝ่ายรับเอามือของโอริลน์สาวขึ้นมาจุมพิต แต่พอเขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นมีนาเท่านั้นเอง สีหน้าแดงก่ำไปด้วยความปรีดาเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นถอดสีไปอย่างฉับพลัน แต่หญิงสาวเคยชินกับอาการตกอกตกใจของคนที่พบกับเธอเป็นครั้งแรกเสียแล้ว และโดยไม่ทันได้มองบุคคลที่เดินคู่กันเข้ามากับเจ้าหญิงอเลนเธียร์

สายตาของมีนาก็ปะทะเข้ากับชายร่างสูงใหญ่พึ่งพายราวรูปสลัก เจ้าของดวงตาสีเทาเงินใต้คิ้วหนาสีเข้มทรงอำนาจ ผู้มีดวงหน้างดงามเยือกเย็นที่ทำให้แม้อิดสตรียังต้องอายในความงามของตนเอง ภาพชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้า ทำให้มีนาเกิดภาพฤดูหนาวที่เย็นจัดจนปกคลุมไปด้วยหิมะเสียทุกหนแห่งขึ้นมาในความคิด เจ้าชายหนุ่มสวมมงกุฎสีเงินประณีตแบบบางประทับอยู่บนเรือนผมที่มีสีเดียวกันกับดวงตา ประกาศก้องถึงสายเลือดอันสูงส่งของผู้สวมใส่

ฝ่ายตรงข้ามจ้องมองกลับมายังเธอ ฉายแววร้อนรนอยู่ในสายตาเพียงชั่วครู่ก่อนจะเปลี่ยนกลับเป็นนิ่งสงบดังเดิม กระทั่งเสียงท่านทูตเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในห้องโถง

“เจ้าชายไซโอรุส ท่านหญิงเอสเมอรันดากลับมาแล้ว!” ท่านทูตเอ่ยเสียงดัง “ข้าว่าแล้ว ข้าว่าแล้ว ว่าวันหนึ่งท่านจะต้องกลับมา” ชายร่างอ้วนคุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างทุลักทุเล แล้วเอื้อมมืออันสั่นเทายกมือหญิงสาวจากโลกเก่าขึ้นมาแตะริมฝีปากแบบผ่านๆ

“เอสเมอรันดา” เจ้าชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นแต่ทุ้มก้องไปทั่วห้องโถง

“ข้าขอแสดงความยินดีกับการกลับมาของท่าน” เจ้าของใบหน้างามกดใบหน้าลงเพียงเล็กน้อยพลางหลุบตาลงต่ำ ราวกับจะซ่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ นี่ฉันเพียงคนเดียวหรือเปล่า?ที่รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของเจ้าชายนี่ มีนาคิดพลางลอบมองเพื่อนสาวที่บัดนี้ดูสุขใจเคลิบเคลิ้มราวตกอยู่ในห้วงฝัน แม้แต่เจ้าหญิงอเลนเธียร์ผู้เศร้าสร้อยก็ยังปรากฏรอยยิ้มเอียงอายอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา เจ้าชายจากฝั่งออสโธปารูปกายราวทองคำแบบนี้นี่เองเล่า!

เธอเกิดความรู้สึกไม่พอใจน้อยๆขึ้นมา เพราะรู้สึกถึงความหยิ่งทระนงดุดันของเขา รูปงามแต่จองหองไว้ท่าอย่างกับผู้หญิง อย่าคิดว่าฉันจะหลงไปด้วยอีกคนก็แล้วกัน เร็วเท่าความคิดที่ฝ่ายตรงข้ามหันมามองเธอด้วยสายตาอันโกรธเกรี้ยว แม้จะเป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีหากแต่ทำหญิงสาวถึงกับตัวชา

เซียร่าเอาศอกมากระทุ้งเธอ พยักเพยิดหน้าให้เดินตามทุกคนไปที่โต๊ะอาหาร มีเทรสเท่นเดินรั้งท้ายแบกหีบโลหะหนักอึ้งไว้ด้วยใบหน้าเหยเก หลังจากที่ทุกคนนั่งลงประจำรอบโต๊ะที่ถูกจัดสรรตำแหน่งไว้โดยมาทิลด้า เจ้าชายไซโอรุสก็เปล่งเสียงขึ้นจากฝั่งที่นั่งตรงข้ามเธออย่างพอดิบพอดี

“ข้าขอขอบคุณท่านผู้เฒ่าโอริลน์ ที่ให้เกียรติเชิญพวกเรามาเยือนโรเธียนอีกครั้ง และปีนี้...” เจ้าชายส่งสัญณาณมือให้เทรสเท่นเปิดหีบ “เพื่อตอบแทนไมตรีจิตของชาวโรเธรียน”

เมื่อหีบโลหะสีเงินนวลเปิดออก ก็เผยให้เห็นสิ่งล้ำค่าที่จัดเรียงไว้อย่างสวยงามภายใน ทั้งถุงผ้าโปร่งใสที่มองทะลุเห็นเหรียญทองคำจำนวนมากอัดแน่นกันอยู่มากมายหลายถุง วางคู่อยู่กับแท่งโลหะสีเงินยาวหนึ่งคืบจำนวนนับไม่ถ้วน มีกล่องด้านในที่เปิดฝาไว้เผยให้เห็นเม็ดมรกตสีเขียวเข้มที่ยังไม่ถูกผ่านการเจียระไนกว่าสิบเม็ด ซึ่งล้วนแล้วแต่มีขนาดใหญ่โตทั้งสิ้น อีกกล่องข้างๆกันมีพลอยเนื้ออ่อนจำนวนมากซึ่งต่างแย่งกันส่องแสงกระทบดวงตาผู้พบเห็น ราวกับดวงดาวในคืนฟ้าโปร่งถูกนำมาเก็บรวบรวมไว้ในที่เดียวกัน ทั้งสองกล่องวางอยู่ใกล้กับกล่องที่สามที่ถูกฝากล่องมีตราประทับปิดไว้อย่างหนาแน่น ทั้งขวดแก้วเจียระไนที่บรรจุของเหลวลึกลับทอประกายอีกหลายขวด วางเอียงแอบไว้กับม้วนกระดาษหลายม้วนที่ถูกผูกไว้ด้วยเชือกเส้นบางอย่างหลวมๆ ซึ่งคาดว่าคงเป็นสาส์นของบุคคลสำคัญจากฝั่งแผ่นดินตรงข้าม

มีนารู้สึกหายใจได้ไม่ทั่วท้อง ไม่ใช่เพราะตื่นใจกับทรัพย์สมบัติจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน หากแต่เพราะว่าในขณะที่ทุกคนไม่เว้นแม้ตัวเทรสเท่นเองกำลังตื่นตากับสิ่งล้ำค่าในหีบ ดวงตาคมกริบของผู้เป็นเจ้าชายจากแดนไกล กลับจ้องมาที่เธอด้วยสายตามุ่งร้ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้เสียตรงนั้น เธอถอนหายใจขาดเป็นช่วงๆอย่างไม่รู้ตัว พยายามข่มใจตัวเองไม่ให้คิดเรื่องไม่ดีไม่ควรแต่ก็อดไม่ได้ หรือเจ้าชายนี่จะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเอสเมอรันดากัน?

งานเลี้ยงถูกดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและราบรื่น โดยที่ไม่มีใครซักถามเกี่ยวกับเรื่องราวของเธอเลยแม้แต่น้อย มีเพียงท่านทูตร่างกลมที่เปล่งเสียงหัวเราะดังลั่นอยู่เกือบตลอดเวลาในบทสนทนาต่างๆ สลับกับส่งเสียงสูงลากยาวอยู่เรื่อยๆว่า “เลิศรสอะไรอย่างนี้ อาหารที่นี่” หรือไม่ก็ “เยี่ยมเหลือเกิน เยี่ยมที่สุด” จนมีนาอดส่งยิ้มหวานให้ไม่ได้ หากแต่อาธีราหันมาเห็นเข้าก็กลับทำหน้าเจื่อนๆตอบกลับมา กระทั่งดึกดื่นทุกฝ่ายก็ลาแล้วแยกตัวกันไป โดยมีมุลธาเป็นผู้พาแขกแยกไปสู่ห้องที่จัดเตรียมไว้ให้

เซียร่าที่เดินตามมีนามา พุ่งเข้าเอาแขนมาคล้องกับแขนเธอไว้

“เธอคิดว่าเป็นยังไงกัน?” สาวร่างสูงโปร่งถามเพื่อนสาว

“ก็ดีนะ อาหารอร่อยมาก” ทว่าผู้ถามกลับส่ายหัวอย่างรำคาญใจ

“ไม่ใช่เอส ฉันหมายถึงเจ้าชายไซโอรุส องค์รัชทายาทแห่ง...” ยังไม่ทันจะพูดจบมีนาก็ยกมือขึ้นปรามกลัวว่าใครจะแอบมาได้ยินเข้า ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าแล้วกลั้นไว้ชั่วครู่

“เซียร่า เธอคิดว่าองค์ชายอะไรนี่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเอสเมอรันดาหรือเปล่า?”

“การหายตัวไปของเจ้าสมัยก่อน! เจ้าจำอะไรได้ขึ้นมาอย่างงั้นเหรอ?” เธอเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเคร่งเครียดทันที

“เปล่า! ไม่ใช่แบบนั้น นี่เป็นคำถาม คือว่าฉันไม่รู้หรอก แค่พ่อเจ้าชายภูเขาน้ำแข็งนั่นทำท่าทางแปลกๆก็เท่านั้นเอง” สีหน้าของเซียร่าจึงผ่อนคลายลง

“ก็ใครกันเล่า เจอเธอใหม่ๆแล้วจะไม่แปลกใจล่ะ ก็เล่นหายตัวไปตั้งกว่าสิบปี และภูเขาน้ำแข็งอะไรกันนั่น งามเยือกเย็นราวกับหิมะแรกในฤดูหนาวน่ะสิไม่ว่า” เซียร่าพูดเสียงแจ่มใส ก่อนจะหมุนตัวอย่างสวยงามราวกับเต้นรำแล้วโบกมือลาจากไป

เมื่อกลับมาถึงห้องนอนของเอสเมอรันดา ซึ่งยามนี้มีเพียงโคมเทียนใกล้หัวนอนถูกจุดรอเอาไว้ มันส่องแสงอุ่นสีทองร่ำไรผ่านลายฉลุอ่อนหวาน ทำให้เกิดเป็นลวดลายเดียวกันนั้นลางเลือนอยู่บนผนังจรดเพดานของห้อง ร่างบางนั่งลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้าจากใจที่เฝ้าครุ่นคิด

ก่อนจะบรรจงถอดรองเท้าส้นสูงที่ถักทอขึ้นจากเส้นโลหะสีทองเจือจางออก จะให้อีกกี่ปีผู้หญิงก็ยังต้องสวมเครื่องทรมานอันแสนสวยนี้สินะ มีนาโอดครวญขึ้นในใจ ก่อนขดเอาเท้าบอบบางทั้งคู่ขึ้นมาบีบนวดอย่างใจลอย แล้วก็ใจหายแปลบเพราะปรากฏมือยาวลึกลับเอื้อมเข้ามาช่วยเธอ และก่อนที่เสียงกรีดร้องจะได้เล็ดลอดออกจากลำคอมือแกร่งอีกข้างก็เอื้อมมาจากด้านหลังตรงเข้าปิดปากเธอไว้อย่างแน่นหนา

“เอสเมอรันดา เจ้าหายไปไหนมาถึงสิบสามปี เห็นความรู้สึกของข้าเป็นเพียงของเล่นหรืออย่างไรกัน” เสียงทุ่มกังวานของเจ้าชายไซโอรุสดังขึ้นอย่างใกล้ชิด แผ่นอกกว้างแข็งแรงถูกกดแนบเข้ากับหลังไหล่อันสั่นเทาของหญิงสาวที่อยู่ในอาการตื่นตระหนก ทั้งดิ้นรนพยายามแกะอุ้งมือแข็งแกร่งด้วยมือคู่น้อยอย่างสุดแรงแต่ก็ไม่เป็นผล

“ข้ารอฟังคำอธิบายของเจ้าอยู่” เขากระซิบ ก่อนจะค่อยเลื่อนมือลงจากใบหน้าของหญิงสาว ลากผ่านมันลงมารวบอยู่รอบลำคอบอบบางที่สะท้อนขึ้นลงเสียแทน แวบแรกมีนานึกอยากจะกรีดร้องให้ดังลั่น แต่พอคิดได้ก็เข้าใจเรื่องราวได้เองอย่างชัดเจน ว่าคนรักลับๆของเอสเมอรันดา ที่แท้ ก็คือเจ้าชายหนุ่มแห่งออสโธปานั่นเอง

แค่นึกถึงผลที่ตามมาหากว่าทุกคนได้ล่วงรู้ความจริงนี้เข้า ร่างบางก็เปลี่ยนมาทำใจดีสู้เสือแทน

“ฉันจะอธิบายให้คุณฟังนะคะ ว่าฉันไม่ใช่...คือตัวฉันไม่ได้” หญิงสาวส่งเสียงตะกุกตะกักด้วยความสับสนในคำพูดของตนเอง เมื่อจู่ๆก็นึกขึ้นได้ว่าถูกห้ามไม่ให้บอกกับใครว่าเธอไม่ใช่ยอดโอริลน์ แล้วนี่จะให้ฉันพูดยังไง! ยิ่งหันไปเจอสายตาคุกคามของไซโอรุสที่ยามนี้ไร้ซึ่งมงกุฎแห่งยศศักดิ์ มีเพียงเส้นผมสีอ่อนซีดล้อมกรอบใบหน้าไว้เท่านั้น ใบหน้าหล่อเหลาของเขาและลมหายใจร้อนจัดยื่นเข้ามาใกล้จนมีนาต้องเบือนหน้าหนี

“คือฉันไม่ใช่คนเดิมที่คุณคิดอีกต่อไปแล้ว” หญิงสาวจากโลกเก่าข่มใจกดน้ำเสียง ทว่าเขากลับใช้มืออีกข้างรวบรัดเอาร่างบางจากด้านหลังให้แนบเข้ากับร่างแกร่งของตน เธอดิ้นรนขัดขืนด้วยความกลัว

“อย่าาา!!!” ร่างน้อยยกท่อนแขนทั้งคู่ป้องทรวงอกตนไว้ด้วยสัญชาตญาณ

“เจ้าจะทำทีรังเกียจข้าไปทำไมท่านหญิง! ในเมื่อทั้งหัวใจและร่างกายของเจ้าก็ตกเป็นของข้าจนหมดสิ้นแล้ว หรือจะแสร้งให้ข้าเป็นบ้าคลั่งตาย” ไซโอรุสเค้นเสียงผสมความรุ่มร้อน จนแทบจะเผาไหม้ต้นคอระหง มันผลักดันให้มีนาพลั้งพรูคำพูดออกมาอย่างขาดความยั้งคิด

“ไซโอรุส! เรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ มันจบลงไปนานแล้ว และฉันก็หมั้นหมายไว้กับชายคนอื่นแล้วด้วย” ได้ผลทันที เขาลุกพรวดพละจากร่างอ้อนแอ้นของเธอขึ้นไปยืนนิ่ง ก่อนจะก้าวไปหยิบเสื้อคลุมยาวที่พาดไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งมาสะบัดสวมอย่างใจเย็น

เจ้าชายหนุ่มเดินมาจ้องมองมีนาที่ยังนั่งขดร่างอยู่บนเตียง ด้วยสายตาที่เจ็บแค้นอย่างสุดแสนจะบรรยาย

“หมั้นหมายกับใคร!?” เสียงเขาดังขึ้นอย่างฉุนเฉียว หากแต่หญิงสาวนิ่งเงียบ ด้วยเกิดนึกผวาว่าร่างสูงใหญ่จะตรงเข้ามาปลิดชีพเธอเสียทันที แต่ก็เปล่า ชายหนุ่มกลับเพียงแต่เม้นปากเป็นเส้นตรงก่อนจะพยักหน้าให้อย่างช้าๆ

“ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะจากไปเอง ไม่แม้จะมีคำร่ำลาใดๆให้กับข้า และนี่หรือ คือคำพูดที่ข้ารอฟังจากปากของเจ้ามานานกว่าทศวรรษ” เขาเอ่ยเสียงเย็นชา ก่อนจะหมุนร่างเดินจากไป ปล่อยให้มีนาที่ทั้งโล่งใจและสับสนไปพร้อมๆกันนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง

เธอพยายามนึกหาเหตุผลขึ้นมาปลอบใจตัวเองให้สงบลง แล้วจะให้ฉันทำยังไงเล่า ถ้าไม่พูดจาทำร้ายจิตใจเขาไปแบบนั้น ใครกันจะรอคนรักที่จากไปเป็นสิบปี แล้วก็มาถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย แต่ฉันไม่มีทางเลือกนี่ นึกเสร็จเธอก็หวั่นใจถึงรุ่งเช้าที่กำลังจะมาเยือน ซึ่งรู้สึกคลับคล้ายราวกับว่า จะมีภัยบางอย่างรอตัวเธออยู่ สัญชาติญาณบางอย่างกระตุ้นเตือน

ร่างน้อยรู้สึกหนาว อาจจะเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่ หรือไม่ก็เพราะลมที่พัดเข้ามาทางระเบียงห้องซึ่งถูกเปิดทิ้งไว้ บานประตูกระจกแบบเก่าส่งเสียงสั่นไหวจากแรงของลมทะเล เธอลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า ก้าวไปทางระเบียงราวกับกลัวว่าจะยังมีใครซ่อนตัวอยู่ มีนาอดก้มดูด้านล่างที่สูงชันไม่ได้ นึกสงสัยถึงวิธีของแขกที่ไม่ได้รับเชิญเมื่อครู่ ก่อนมองเหม่อออกไปยังโพ้นทะเลในคืนเดือนหงายที่ดวงจันทร์ดูใหญ่โตผิดปกติ มันส่งแสงกระทบกับเกาะสีเงินที่ยังคงลอยคว้างอยู่กลางทะเลอย่างไม่ขยับเขยื้อน

แต่พลันเธอก็เห็นร่างเล็กๆร่างหนึ่งกำลังเริ่มออกว่ายน้ำจากชายหาดมุ่งตรงไปทางยานสีเงินของชาวออสโธปา

“อาเมียร์!!!” มีนาตะโกนดังสุดเสียง ก่อนจะวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตออกมาจากห้อง กระทั่งแทบพลาดตกบันไดห้องโถง กว่าจะออกมาถึงชายหาดจุดที่มองเห็นอาเมียร์ เด็กชายก็ว่ายน้ำทะเลไปเกือบจะครึ่งทางแล้ว มีนาตะโกนลั่น

“หยุดเดี๋ยวนี้!!อาเมียร์” ทว่าลมทะเลพัดพาเอาเสียงเหล่านั้นหายไปหมด ร่างเล็กนั่นไม่มีทีท่าใส่ใจ ยังคงว่ายจ้ำมุ่งเข้าหาตัวยาน มีนาตัดสินใจถอดชุดราตรีที่ยาวรุ่มร่ามออกเหลือแต่ชุดชั้นในก่อนจะกระโจนลงไปในทะเลทันที

แรกเริ่มเธอพยายามเปล่งเสียงเรียกชื่อเด็กชาย แต่ไม่นานก็รู้สึกเหนื่อยหอบเกินกว่าจะเปล่งเสียงใดๆออกมา ทั้งน้ำเค็มเย็นยะเยือกที่ถูกซัดเข้ามาในปากและจมูกจนเธอสำลัก แต่ร่างบางก็ยังกระเสือกกระสนว่ายฝ่ากระแสคลื่น มุ่งไปยังร่างเล็กเบื้องหน้า ที่เคลื่อนเข้าใกล้ยานสีเงินของออสโธปาเข้าไปทุกขณะ

น้ำทะเลเย็นจัดโถมคลื่นเข้าใส่มีนา ราวกับขุมพลังที่พยายามปัดต้านร่างของเธอออกไป หากแต่จิตใจของหญิงสาวนั้นไม่ยอมแพ้ เสี้ยววินาทีที่เธอนึกถึงชั้นเรียนว่ายนำ้สมัยมัธยม เธอว่ายน้ำได้เร็วกว่าใครแล้วความอึดอดทนเล่า หญิงสาวคิดประเมินตัวเองในใจเพียงสี่รอบสระใหญ่เธอก็ต้องหยุดเสียแล้ว

พอเข้าใกล้ตัวอาเมียร์ มีนาก็รวบรวบเรี่ยวแรงที่เหลือเปล่งเสียงร้องห้ามอีกครั้ง เด็กชายดวงตาเข้มโตหันมามองเธอก่อนจะถูกแสงเลเซอร์สีแดงจากเกาะสีเงินเบื้องหน้ายิงเข้าใส่จมหายลงไปต่อหน้าต่อตา เธอรีบดำดิ่งตามลงไปทันที ในความมืดมิดกับคลื่นน้ำเค็มทำให้มองอะไรไม่เห็น มีนาดิ้นรนสุดแรงว่ายพุ่งไปสู่ตำแหน่งที่ร่างเด็กชายจมลงไป พยายามเอื้อมมือไขว้คว้าหาร่างเล็กนั้น ก่อนที่อีกลำแสงสีแดงจะพุ่งทะลุผ่านผืนน้ำเข้าใส่ตัวเธออย่างจัง พลันสติสัมปชัญญะของหญิงสาวจากโลกเก่าก็ดับมืดลง

ไซโอรุสอุ้มช้อนร่างหญิงอดีตคนรักที่ต่างเปียกปอนไปด้วยน้ำทะเลปนเลือดเข้ามาในตัวยาน เขาใช้มือกดห้ามเลือดที่ไหลไม่หยุดออกมาจากบาดแผลตรงท้องน้อยของร่างบางซีดเผือด

“หมอ!!!” เจ้าชายหนุ่มแผดเสียงตะโกน พลันชายผู้หนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามารับร่างไร้สติไป “ออกเดินทางกลับควอซ่าร์เดี๋ยวนี้” ไซโอรุสออกคำสั่งเฉียบขาด

“แต่ท่านทูตยังอยู่บนฝั่งนะครับท่าน”

“เดี๋ยวนี้!” พอสิ้นเสียงตวาดนั่น ไม่นานยานบินก็ลอยขึ้นส่งผลให้เกิดฟองผุดขึ้นจากน้ำทะเลเบื้องล่าง ก่อนยานจะเปลี่ยนรูปทรงกลับคืนดังเดิมแล้วพุ่งขึ้นหายลับไปอย่างรวดเร็ว

ทิ้งให้บรรดาเหล่าโอริลน์รวมทั้งเทรสเท่นและท่านทูตอาธีรา ที่ออกมายืนแหงนหน้ามองลำแสงสีเงินที่เพิ่งจะพุ่งหายขึ้นไปบนท้องฟ้ากลางดึกอย่างตื่นตะลึง พลันชายวัยกลางคนร่างอ้วนในชุดที่ไม่น่าดูนักก็วิ่งถลาลงไปยังน้ำทะเล ทั้งโบกไม้โบกมือตะโกนกู่ร้อง

“ท่านชาย!!! ท่านชายลืมอะไรไว้หรือเปล่า” ก่อนที่จะหันมาหามาทิลด้าพร้อมยกฝ่ามือทั้งคู่ขึ้นมา “ข้าเชื่อว่าองค์รัชทายาทจะต้องมีเหตุผลอันสมควรอย่างแน่นอนท่านโอริลน์หญิง”

หากแต่ใบหน้าของหญิงชราผิวเข้มนั้นไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ

“ฟรองค์ช่วยพาท่านทูตแห่งออสโธปากลับเข้าคฤหาสน์ด้วย” อีกฝ่ายปฏิบัติตามคำสั่งทันที พอชายทั้งคู่ลับร่างไป เซียร่าที่อยู่ในอาการกระวนกระวายก็ส่งเสียงดัง

“ข้าคิดว่าเอสก็อยู่บนยานนั่นด้วย! จะทำยังไงดีท่านแม่เฒ่า” หากแต่พอมองเห็นรอยยิ้มจางๆผุดขึ้นบนใบหน้าของมาทิลด้าแล้ว หล่อนก็หันกลับไปมองยังท้องฟ้าตรงจุดที่แสงนั้นลับหายไป ก่อนที่สีหน้าทุกข์กังวลใจของเซียร่าจะค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธระคนริษยาขึ้นมา

ในสติที่เลือนรางมีนาได้ยินเสียงกระซิบกระซาบพูดคุยกัน

“เธอช่างโชคดีเหลือเกินค่ะท่าน ที่รอดมาได้ราวกับปฏิหาริย์” ร่างน้อยค่อยๆฝืนลืมตาขึ้นมองเห็นชายหญิงหลายคนยืนรายล้อมเธออยู่ที่ปลายเตียง แต่พอทุกคนแลเห็นเธอฟื้นขึ้นมา ก็ต่างพากันแยกย้ายเดินหายไปจากห้องอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงไซโอรุสที่เกาะกุมมือน้อยของเธอไว้

“เอสเมอรันดา เจ้าปลอดภัยแล้ว”

“ อาเมียร์ล่ะ เด็กผู้ชายที่ว่ายน้ำออกไปก่อนหน้าฉัน เขาอยู่ที่ไหน” ชายหนุ่มนิ่งเงียบก่อนจะเอ่ยนำ้เสียงนิ่งเรียบ

“ข้าเสียใจด้วยกับเรื่องเพื่อนของเจ้า” หญิงสาวเปล่งเสียงร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด กระชากเอามือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย

“ไอ้พวกเลว! ฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กที่ไร้เดียงสา”

“ท่านโอริลน์หญิง! เจ้าน่าจะรู้เรื่องกฎระหว่างสองดินแดนนี้อยู่แก่ใจ ทั้งตัวยานก็ไม่มีใครอยู่เลย ระบบก็ทำตามคำสั่งที่ถูกติดตั้งเอาไว้อย่างเคร่งครัดเท่านั้น”

“นี่มันบ้า! บ้าคลั่งชัดๆ” มีนาโอดครวญทั้งน้ำตาพลางหันไปมองรอบๆตัวซึ่งเป็นห้องขนาดเล็กสีขาวปลอด

“เจ้าอยู่บนยานโวตไวเปอร์ กำลังมุ่งตรงกลับสู่เมืองท่าควอซ่าร์” หญิงสาวพยุงตัวจะลุกขึ้น หากแต่กลายเป็นว่าร่างที่สวมเพียงผืนผ้าฝ้ายขาวกลับร่วงพับลงอย่างไม่เป็นท่า ชายหนุ่มเข้ามาอุ้มพยุงร่างของเธอไว้ได้ทัน

“ไปให้พ้น!ออกไป อย่ามาโดนตัวฉัน ฉันต้องการกลับคฤหาสน์โอริลน์” หญิงสาวร้องทั้งพลักไสทุบตีเข้าที่ร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายด้วยเรี่ยวแรงที่อ่อนด้อย

“เจ้าจำเป็นต้องไปรักษาตัวต่อที่ควอซ่าร์เพราะบนยานไม่มีเครื่องมือที่ดีพอ” ผู้พูดค่อยๆวางร่างที่ดิ้นรนนั้นลงบนเตียงคนไข้อย่างอดทน

“แล้วคนพวกนั้นล่ะ คุณบอกว่าไม่มีใครอื่นบนยาน แล้วคนพวกนั้นล่ะ อย่ามาโกหกฉันนะ พวกคุณฆ่าอาเมียร์ ฮืออ”

“พวกนั้นล้วนแต่เป็นเครื่องจักรกล เอสเมอรันดา พวกนั้นคือหุ่นจำลองตามอย่างมนุษย์...หุ่นยนต์” ไซโอรุสพูดพลางถอดเอาเสื้อสีเข้มของตนออกมาคลุมร่างเปราะบางไว้ แล้วคว้าแท่งเข็มฉีดยาสีเงินมากดลงที่ท่อนแขนของมีนา เร็วจนเธอไม่มีโอกาสได้ขัดขืน พลันสติของหญิงสาวก็ดับหายลงไปอีกครั้งในชั่วเสี้ยววินาที

แสงสว่างจากนอกหน้าต่างส่องเข้ามากระทบกับใบหน้าเธอ ภาพแรกที่หญิงสาวแลเห็นคือองค์รัชทายาทหนุ่มแห่งออสโธปา ซึ่งนั่งเอนกายพิงกับพนักเก้าอี้อยู่ข้างเตียง ร่างสูงใหญ่สง่างามนั้นจ้องมองมาที่เธออย่างเย็นชาจนแทบจะเป็นความชิงชังเสียด้วยซ้ำ ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องโดยไม่ยอมพูดจาใดๆ

พอมีนาจะลุกขึ้นนั่งก็มีร่างผอมบางของหญิงสาวนางหนึ่งเข้ามาช่วยเหลือ

“ให้ฉันช่วยค่ะท่านหญิง” ใบหน้าเรียวสวยนั้นเอ่ยด้วยริมฝีบากบางเฉียบ

“คุณเป็นใคร” หญิงสาวจากโลกเก่าเอ่ยอย่างหวาดระแวง

“ดิฉันชื่อหมายเลขเจ็ดค่ะ” สาวผมซอยสั้นเอ่ยดังชัดอย่างภาคภูมิ มีนาขมวดคิ้วน้อยๆ ก่อนจะพบว่าร่างของตนถูกคลุมไว้ด้วยเสื้อของชายหนุ่มที่เพิ่งจะอันตรธานตัวหายไปจากห้องเมื่อครู่ เธอรีบดึงเสื้อสีน้ำเงินเข้มก่ำนั้นหมายจะเอาออกไปให้พ้นตัว แต่แล้วกล่องสี่เหลี่ยมพื้นผ้าขนาดเล็กสีเงินก็ร่วงออกมา หญิงสาวอีกนางรีบฉวยเอาเสื้อของผู้เป็นนายไป

“ดิฉันจะนำไปส่งคืนให้ท่านชายเองค่ะ” มีนาหยิบกล่องสีเงินเล็กๆที่ดูคล้ายกล่องแบ่งบรรจุยามีลวดลายสวยงามขึ้นมาดู ก่อนจะยื่นให้อีกฝ่ายตามไปด้วย

“เกิดอะไรขึ้นกับฉันเหรอคุณ...ทำไมมีชื่อเป็นตัวเลข!?”

“ได้โปรดเรียกฉันว่าหมายเลขเจ็ดค่ะท่านหญิง เพราะดิฉันเป็นหุ่นยนต์รับใช้ตัวที่เจ็ดขององค์รัชทายาท ตอนนี้คุณพักฟื้นจากบาดแผลที่ช่องท้องอยู่ในตึกกลางแห่งเมืองท่าควอซ่าร์ แต่บาดแผลได้รับการรักษาจากเครื่องเยียวยาเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ” ร่างนั้นให้ข้อมูลอย่างละเอียดว่องไว

มีนาสำรวจดูที่หน้าท้องของตนเอง พบเพียงรอยเล็กจางๆเท่าปลายนิ้วเท่านั้น

“มันจะค่อยๆหายไปเองค่ะ” อีกฝ่ายยิ้มร่า หากแต่หญิงสาวกลับเอนตัวลงนอนแล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทางด้วยหยดน้ำตาที่ซึมคลออยู่ในดวงตา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา