Bother Guy! ปฏิบัติการตื๊ออันตรายคุณชายมาเฟีย

9.1

เขียนโดย Kreota

วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.22 น.

  30 ตอน
  3 วิจารณ์
  25.22K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 เมษายน พ.ศ. 2561 22.29 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

19) น้องรหัสที่คาดไม่ถึง & แลมโบกินีสีแสด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

-19-

น้องรหัสที่คาดไม่ถึง & แลมโบกินีสีแสด

 

            “ฉะ...ฉัน ทะ...ทำอะไร” 

            “ก็พยายามหนีพี่ฉันไง!! ทำอย่างกับพี่ปาวเป็นเอเลี่ยนนอกโลกไปได้”  โปรดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  “ถึงครอบครัวเราจะเป็นมาเฟียแต่เราก็ไม่ฆ่าใครโดยไม่มีเหตุผล ไม่ต้องกลัวหรอก”

            “อ๋อหรอ”  ฉันส่งเสียงรับคำเบาๆ ถึงจะไม่ฆ่าใครโดยไม่มีเหตุผลก็เถอะ ยังไงฉันก็กลัวอยู่ดี T^T

            “อย่ามาอ๋อหรอแบบขอไปทีแบบนั้นนะ!”

            “แล้วจะให้ฉันพูดว่าไงล่ะ U.U”

            “ไม่รู้! แต่ฉันขอบอกไว้เลยว่าถ้าเกิดเธอยังเป็นแบบนี้อยู่ก็เลิกชอบพี่ฉันซะ ถ้าเธอชอบพี่ฉันจริงๆ เธอไม่มีทางเป็นแบบนี้หรอก!!”  โปรดพูดใส่หน้าฉันแล้วเดินกระแทกส้นออกไป อาการไปไวมาไวแบบนี้เหมือนปาวไม่มีผิด เฮ้อ...

            “ยัยนั่นมาทำอะไรที่นี่เนี่ย ให้คนขวางทางไว้ไม่ให้พวกเราเข้ามาในห้องอีก วางอำนาจชะมัดคิดว่าโรงเรียนเป็นของตัวเองคนเดียวหรือไง”  อ๋องบ่นเมื่อเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเพื่อนอีกหลายคนที่ทะลักเข้ามาในห้องเหมือนเหมือนเขื่อนแตก มิน่าถึงพูดเรื่องครอบครัวมาเฟียของตัวเองได้เต็มปากเพราะว่ามั่นใจว่าจะไม่มีใครเข้ามานี่เอง

            “ยัยโปรดมาทำอะไรแกรึเปล่า”

            “เปล่าหรอก แค่มาคุยอะไรนิดหน่อย”

            “มาคุยเรื่องอะไร”  อ๋องถามด้วยความอยากรู้ ส่วนเหมยก็นิ่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

            ‘ถ้าเธอชอบพี่ฉันจริงๆ เธอไม่มีทางเป็นแบบนี้หรอก!!’  เสียงโปรดลอยขึ้นมาทันทีที่อ๋องถามจบ โอ้ย! ทำไมฉันถึงรู้สึกผิดแบบนี้นะ ที่จริงปาวก็ไม่ได้ผิดเลยสักนิดที่เขาเกิดมาเป็นทายาทแก๊งมาเฟีย มันผิดที่ฉันคนเดียวที่มันขี้ขลาด!

            “อ้าวเงียบเลยทีนี้ ตกลงจะไม่เล่าใช่ไหม ช่วงนี้รู้สึกว่าจะมีความลับเยอะจริงๆ นะแม่คุณ”  อ๋องถามพร้อมกับทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างหัวเสีย

            “ขอโทษนะ ถ้าฉันพร้อมและเห็นว่าปลอดภัยฉันจะเล่าให้ฟังทั้งหมดเลย” 

            เมื่อก่อนฉันไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ขนาดฉันมีแฟนตอน ม. 4 ฉันยังเล่าให้อ๋องกับเหมยฟังเลยว่าจับมือกันครั้งแรกตอนไหน แต่สำหรับเรื่องปาว...ฉันไม่กล้าเล่าจริงๆ

           

            พักกลางวันวันนี้โปรดก็มานั่งกินข้าวกับฉันเหมือนปกติ แต่ที่ไม่ปกติเพราะปาวและผองเพื่อนเดินมานั่งที่โต๊ะข้างๆ นี่แหละ ทุกวันพวกเขาจะนั่งกันที่โต๊ะอาหารริมสุดของโรงอาหารเพราะมันใกล้กับทางขึ้นตึก

            “ว่าไงท่านอ๋อง ช่วงนี้เราเจอกันบ่อยจัง”  ท็อททักอ๋อง ก่อนจะลุกจากที่นั่งตัวเองมานั่งข้างๆ อ๋องแทน รู้สึกว่าในบรรดาชาหนุ่มหน้าตาดีที่ฉันรู้จักมา มีท็อทคนเดียวที่แหละที่ทำให้นังอ๋องน้อยหน้าหงิกได้แบบนี้ ฮ่าๆๆ

            “อืม”  อ๋องตอบกลับห้วนๆ

            “พี่ปาว มานั่งกับเค้าหน่อยสิเหลือที่ว่างตั้งเยอะ เค้าเหงา...”  โปรดร้องเรียกพี่ชายมานั่งข้างๆ ตัวเอง ปาวมีท่าทางอึดอัดนิดหน่อยแต่ก็ยอมเดินมานั่งโดยดี แต่ยัยโปรดกลับทำตัวเป็นคิวปิดขยับที่ให้พี่ชายนั่งตรงข้ามฉันซะนี่ แสนรู้ขึ้นมาเชียวนะยัยโปรด =_=!

            “จะกินข้าวลงไหมล่ะทีนี้”  ฟานพึมพำออกมาเบาๆ ฉันก็เลยหันไปส่งค้อนให้เขาแล้วก้มหน้าก้มตาตักกินข้าวของตัวเองจนเกลี้ยงจาน เห็นไหมล่ะกินไม่ลงตรงไหน วู๊! =_=

            ระหว่างที่กินฉันแอบเหลือบมองปาวไปด้วย เขาก็กินเอาแต่กินข้าวโดยไม่ได้สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนเหมือนกัน จะหัวเราะออกมาเป็นครั้งคราวเวลาที่ท็อทพูดแซวอ๋องน้อย แต่นอกนั้นเขาก็เอาแต่เงียบไม่ได้พูดอะไรกับใคร

            “โปอิ้ง อยู่นี่เองพี่หาตั้งนาน”  จู่ๆ พี่ทิวก็เดินเข้ามาหาฉันที่โต๊ะกินข้าว ทำให้เพื่อนร่วมโต๊ะทุกคนเงยหน้าขึ้นมาสนใจเราทั้ง 2 คน แต่มีแค่ปาวคนเดียวที่ยังคงกินข้าวต่อเหมือนพี่ทิวเป็นเพียงลมฟ้าอากาศที่พัดผ่านมา

            “มีอะไรหรอคะพี่ทิว”

            “วันนี้พี่ว่าจะชวนไปหาหลานรหัสด้วยกัน จะใกล้ถึงวันเลี้ยงสายรหัสแล้วนะ” 

            “จริงด้วย นัดกันทีไรก็ไม่ได้ไปกันสักที”

            “เพราะแบบนี้ไงพี่เลยมาแบบไม่นัด”

            “งั้นเราไปกันเลยไหมคะ”  ฉันถามแล้วลุกขึ้นยืนอย่างกระตือรือร้น ฉันนั่งอยู่ตรงข้ามปาวนานๆ แล้วมันอึดอัด ถ้าเขาช่างพูดได้สักครึ่งของท็อทก็คงจะดี -_-;

            “ก็ดี ไปกันเถอะ”

            “โทษนะคะพี่ทิว พี่ทิวอยู่ห้อง A ไม่ใช่หรอคะ ทำไมถึงมีสายรหัสอยู่ห้อง D ด้วยล่ะ”

            “เรื่องมันยาวน่ะโปรด ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็...มีสายรหัส 2 สายล่ะมั้ง ^^”  พี่ทิวพูดกับโปรดด้วยท่าทางสบายๆ ต่างจากตอนที่คุยกับปาวลิบลับ

            “อ๋อ แล้วหลานพี่ชื่ออะไรหรอคะโปรดจะได้เอารูปให้ดู จะได้หาเจอง่ายๆ ไง”

            “ชื่อเล่นพี่ไม่รู้จักนะ แต่พี่ไปหาชื่อจริงมาแล้ว”

            “โห...พี่ทิวพร้อมจังเลยนะคะ ขนาดโบยังไม่รู้เลยอ่ะ”

            “ก็พี่รู้ไงว่าโบต้องยังไม่รู้แน่ๆ ก็เลยไปหาชื่อมา ^_^”  พี่ทิวยิ้มอบอุ่นมาให้ ทำให้เกิดเสียงกรี๊ดเบาๆ จากอ๋องน้อยและเหมย ทีแรกไม่เขินนะจนเพื่อนแซวนี่แหละเขินเลย -///-

            “ชื่ออะไรคะ”  โปรดถาม หลังจากมหกรรมการแซวเสร็จสิ้นลง

            “น้องเขาชื่อว่าปราสิณี”

            “นั่นมันชื่อโปรดนะ =_=”  โปรดขมวดคิ้วมองพี่ทิว พี่ทิวก็มองโปรดตอบแล้วเงียบกันไปพักหนึ่ง

            “ในห้องมีใครชื่อปราสิณีอีกไหม คิดดีๆ สิ”  ฉันถามเพื่อคามแน่ใจ โลกมันจะกลมเกินไปแล้ว! อย่าบอกนะว่าฉันได้ยัยโปรดเป็นหลานรหัส!! T^T

            “มีฉันคนเดียวนี่แหละเพื่อน”  ยัยโปรดหันมายักคิ้วให้ฉัน เอ่อ...กลั้นใจตายตอนนี้ทันไหมนะ Y_Y

            “ฮึๆๆ โชคดีจริงๆ ว่ะได้ยัยโปรดเนี่ย”  อ๋องกระซิบเบาๆ เป็นเชิงประชด ฮึ่ม! นังอ๋องน้อยเหยียบกันเข้าไป -*-!! 

            “อ๋อ ที่เขาบอกว่าเพิ่งย้ายมาเรียนที่นี่ เป็นโปรดเองหรอกหรอ”

            “โชคดีจังนะคะได้พี่ทิวเป็นลุงรหัสเนี่ย ^^”  ยัยโปรดส่งยิ้มหวานไปให้ลุงรหัสสดๆ ร้อนๆ ของตัวเองโดยไม่สนใจป้ารหัสตัวเล็กๆ อย่างฉันเลย

            “เฮ้! ฉันก็เป็นป้ารหัสของเธอเหมือนกันนะ”

            “อะไรยัยโห้ เมื่อกี๊ยังชักสีหน้าไม่อยากได้ฉันเป็นหลานรหัสอยู่เลย”  ยัยโปรดเบ้ปากใส่ฉันแล้วหันไปยิ้มหวานให้พี่ทิวต่อ

            ปึก!

            อยู่ๆ ปาวก็กระแทกช้อนกับส้อมลงไปกับจานอย่างแรงแล้วเดินออกไปนอกโรงอาหารโดยไม่พูดอะไรกับใครสักคำ

            เออ...เราก็คุยกันอยู่ 3 คนจนลืมไปเลยว่ามีปาวกับเพื่อนๆ ร่วมโต๊ะด้วย ปาวต้องไม่พอใจมากแน่ๆ เลยที่ฉันคุยกับพี่ทิว พวกเขายิ่งไม่ถูกกันอยู่ด้วย U_U;

           

            หลังเลิกเรียนของทุกวันฉันต้องมายืนเป็นเพื่อนโปรดที่หน้าโรงเรียนเพื่อรอรถมารับ ซึ่งวันนี้ปาวเป็นคนขับรถมารับโปรดเอง แต่เขาก็ยังทำหน้าบึ้งเหมือนครั้งสุดท้ายที่เจอกันตอนกลางวัน

            “วันไหนไปซื้อของขวัญให้พี่ทิวก็นัดวันมาแล้วกัน ฉันจะได้ไปเลือกด้วย”  โปรดเปิดกระจกรถฝั่งข้างคนขับลง

            “นี่เธอคิดจะซื้อให้พี่ทิวคนเดียวรึไง ฉันเป็นป้ารหัสสายตรงของเธอนะ =_=”

            “ก็ช่าง แบร่~”  โปรดแลบลิ้นใส่ฉันแล้วปิดกระจกรถขึ้น ไม่นานปาวก็ขับรถออกไปจากหน้าโรงเรียนโดยไม่ได้บอกลาหรือพูดอะไรเลย คนอะไรบทจะเย็นชาก็เย็นชาจนเลือดเย็น

            ฉันพ่นลมหายใจตามหลังรถหรูของปาวไปแล้วเดินกลับไปนั่งรอรถกลับบ้านตัวเองบ้าง แต่ระหว่างที่กำลังเดินกลับไปนั่ง จู่ๆ ก็มีรถมาจอดอยู่ใกล้ๆ เสียงล้อบดกับถนนดังสนั่นจนฉันต้องหันไปมองเพราะจอดใกล้กับขาฉันมากเถอะ =_=

            แลมโบกินีสีแสดแสบตาปรากฏอยู่ข้างๆ ฉันจนไม่อยากจะเชื่อสายตา เคยเห็นแต่ในทีวีไม่นึกว่าจะมีโอกาสได้เจอของจริง กรี๊ดๆ โคตรเท่เลยอ่ะ >O<

            ครืด~

            เจ้าของรถค่อยๆ เลื่อนกระจกลงทำเอาหัวใจฉันเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ แวะมาถามทางรึเปล่านะ >.<

            “ไอ้โบ...ยืนบื้ออยู่ได้ ขึ้นรถสิ!”  ใบหน้าเรียวเล็กได้รูปสวยรับกับริมฝีปากหยักเป็นกระจับที่ถูกแต้มลิปสติกสีแดงสดทำให้ใบหน้าดูเซ็กซี่ขึ้นไปอีกระดับ ทุกอย่างมันดูลงตัวไปหมดทั้งเสื้อผ้าหน้าผมและรถหรูเงาวับ *O*

            “พี่โบลิ่ง!...มาได้ไงเนี่ย คิดถึงจัง >O<”  ฉันร้องเสียงหลงแล้วเดินไปเกาะขอบกระจกแลมโบกินีอย่างเบามือเพราะกลัวสีมันจะหลุดติดมืออกมา ของแพงต้องถนอมหน่อย >.<

            “คร่ำครวญอยู่นั่น จะกลับบ้านไหม”  พี่โบลิ่งพูดแล้วเลื่อนกระจกขึ้น ฉันรีบเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งทันทีอย่างไม่ลังเล ตอนที่อยู่ข้างนอกมองเข้ามาเหมือนว่ามันจะอึดอัดที่นั่งรถเตี้ยๆ แบบนี้ แต่พอเข้ามานั่งจริงๆ มันให้ความรู้สึกสบายสมกับราคาจริงๆ

            “คิดถึงจังเลย \>.</”  ฉันโผเข้าไปกอดพี่โบลิ่งไว้แน่น พี่โบลิ่งก็กอดตอบฉันเหมือนกัน นานมากแล้วสินะที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้

            “พี่หายไปเลย โทรก็ไม่โทร โบเป็นห่วงจนจะตามไปดูแล้วว่าเป็นไงบ้าง”  ฉันบ่นขณะที่เราผละออกจากกัน

            “มีค่าตั๋วหรอยะ”  พี่โบลิ่งถามพร้อมรอยยิ้ม

            “มีสิ เต็มบัญชีพี่เลย ^^”

            “ก็บอกว่าให้ใช้เลย เธอก็อคติเหมือนพ่อแม่ไปแล้วหรอเนี่ย”

            “เปล่านะ พ่อกับแม่ให้ค่าขนมมาโรงเรียนทุกวัน ถ้าไม่ใช่วันพิเศษที่ต้องใช้เงินจริงๆ มันก็ไม่ได้ใช้”

            “แล้วพ่อแม่เป็นไงบ้าง” 

            “สบายดี”

            “ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นเรื่องหนี้ต่างหาก ได้ข่าวว่าเป็นหนี้อยู่หลายล้านไม่ใช่หรอ”

            “พี่รู้ได้ไง O_O”  ฉันถามอย่างตกใจเพราะเท่าที่คุยกันครั้งสุดท้าย ฉันก็ไม่ได้เล่าเรื่องหนี้ให้ฟังนี่นา

            “ไอ้เปรี้ยวมันไปเที่ยวฝรั่งเศส เจอกันที่โน่นมันก็เลยเล่าให้ฟัง...เธอบังอาจมีความลับกับพี่หรอ”  พี่โบลิ่งพูดถึงเพื่อนสมัยเรียนคนหนึ่งพร้อมกับหรี่ตามองฉันอย่างตำหนิ อ๋อ...จะว่าไปฉันก็เห็นรูปพี่เปรี้ยวถ่ายคู่กับพี่โบลิ่งในเฟสบุ๊กผ่านๆ ตาอยู่เหมือนกันนะ

            “โธ่ พ่อกับแม่สั่งห้ามไว้นี่ ถ้าเกิดโบบอกพี่ พี่ก็ต้องรีบมาเคลียร์หนี้อยู่แล้วใช่ไหมล่ะ”

            “ก็ใช่น่ะสิ! รีบมาเคลียร์หนี้แล้วไม่ดีตรงไหน ชอบเป็นหนี้หรอ?”

            “เปล่า ถ้าพี่มาใช้หนี้ให้ พ่อกับแม่ก็ต้องรู้ว่าโบบอกพี่ โบไม่มีที่ซุกหัวนอนแน่ๆ ถ้าพ่อกับแม่โกรธ”

            “ไม่เห็นยาก ก็ไปอยู่กับพี่ไง ปล่อยให้พวกเขาแก่คาร้านขายของนั่นแหละ ลูกอยากจะเลี้ยงให้สุขสบายก็ไม่ยอม มัวแต่ยึดติดกับอุดมการณ์อยากให้ลูกเป็นข้าราชการอยู่ได้ หาเงินได้เยอะกว่าข้าราชการแล้วยังไม่พอใจอีก...”  พี่โบลิ่งบ่นแล้วเงียบไป คงกำลังนึกถึงวันเก่าๆ ที่เคยมีเรื่องกับพ่อแม่อยู่แน่ๆ ฉันไม่รู้จะพูดอะไรก็เลยเอื้อมมือไปบีบมือพี่โบลิ่งไว้เบาๆ

            “โอ้ย! พี่ไม่เป็นไรแล้วน่า ว่าแต่เธอเถอะ ผอมลงเยอะเลยนะเนี่ย”

            “เพิ่งหายป่วยน่ะ” 

            “แล้วนี่ไปโดนอะไรมา”  พี่โบลิ่งชี้มาไหล่ของฉันที่ยังมีผ้าพันแผลพันเอาไว้

            “เอ่อ...”  ถ้าพี่โบลิ่งรู้ว่าได้แผลมาจากเรื่องหนี้ล่ะก็ บุกไปใช้หนี้คุณปริญญ์ถึงบ้านวันนี้แน่ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็จะไม่ได้ใกล้ชิดพี่น้องปาวโปรดอีกน่ะสิ U_U;

 

 

 

 

***************************************************

เอาแล้วไง อยากใช้หนี้ก็อยากใช้อยากใกล้ป้อชายก็อยาก

เฮ้อ...ชีวิตโบอิ้ง 

ฝากติดตามด้วยนะคะมาดูกันซะว่าพี่โบลิ่งจะได้ใช้หนี้ให้รึเปล่า อิอิ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าจ้า 

*****************************************************

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา