Bother Guy! ปฏิบัติการตื๊ออันตรายคุณชายมาเฟีย

9.1

เขียนโดย Kreota

วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.22 น.

  30 ตอน
  3 วิจารณ์
  25.18K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 เมษายน พ.ศ. 2561 22.29 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

18) เผื่อเลือกหรอ?

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

-18-

เผื่อเลือกหรอ?

 

            “ไปกับพี่เถอะโบ ไปกับมันมีแต่จะพาซวยเปล่าๆ”  พี่ทิวพูดพร้อมกับกระตุกแขนฉันอีกครั้ง แต่คราวนี้ฉันไม่สามารถไปตามแรงดึงได้ เพราะอีกฝั่งก็ดึงฉันไว้ด้วยแรงมหาศาลไม่ต่างกัน

            “แกว่าไงนะ!!”  ปาวตะคอกเสียงดังลั่น จนผู้หญิง 2 คนที่กำลังเดินผ่านมาทางนี้สะดุ้งโหยงเลยทีเดียว ขนาดคนอยู่รอบนอกยังสะดุ้งแล้วคิดดูสภาพฉันจะเป็นยังไง =_=;;

            “ที่โบอิ้งต้องเป็นแบบนี้ ก็เพราะแกไม่ใช่หรอปาว...”  พี่ทิวพูดเสียงเรียบ ดูเหมือนมันจะมีผลต่อปาวพอสมควร เพราะเขาเงียบไปและคลายมือออก ทำให้ฉันสามารถเดินตามพี่ทิวมาได้

            ฉันเดินตามพี่ทิวมาเรื่อยๆ ระหว่างที่เดินมาก็แอบมองกลับไปหาปาวก็เห็นว่าเขายังมองมาอยู่ ฉันรีบหลบตาเขาทันทีแล้วเดินออกมาโดยไม่หันไปมองเขาอีก ฉันชอบเขามากก็จริงแต่ฉันคงจะเข้าไปอยู่ในโลกของเขาไม่ได้ โลกที่มีแต่ความโหดร้ายและความตาย

            เพราะฉัน...เกลียดการสูญเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น

            พี่ทิวพาแวะหาหมอที่โรงพยาบาลซึ่งเป็นทางผ่านบ้านของฉัน แม้ว่าตลอดทางเราไม่ได้คุยอะไรกันเลยแต่พี่เขากลับเทคแคร์ฉันทุกอย่างตั้งแต่เริ่มกดบัตรคิวจนกระทั่งนั่งรอเป็นเพื่อน

            “พี่ทิว โบหาหมอมาแล้วนะคะ นั่งอยู่แบบนี้เสียเวลาเปล่าๆ คงจะได้ยาแบบเดิมนั่นแหละ”

            “...”  พี่ทิวยังคงนั่งนิ่งตามเดิมเหมือนพี่เขาจะโกรธมากที่ปาวทำตัวเหมือนสนิทกับฉัน ถึงจะไม่สนิทมากเท่าไหร่แต่อย่างน้อยๆ ก็ดูสนิทมากกว่าคนอื่นๆ (รึเปล่านะ =_=)

            “รอคิวนานๆ แบบนี้โบไม่ไหวหรอกค่ะ โบปวดหัวมากเลย”  ฉันแกล้งทำตาปรือๆ ให้ดูเหมือนว่าจะหลับให้ได้ พี่ทิวก็เลยรีบเอามือมาอังหน้าผากฉันดู

            “ตอนเที่ยงกินอะไรรึยัง”  พี่ทิวพูดกับฉันเป็นประโยคแรกหลังจากที่ทำหน้าบึ้งมานาน ทำให้ฉันใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยที่แผนสำออยของตัวเองสำเร็จด้วยดี

            “ยังค่ะ”

            “เอายามาดูสิ”  พี่ทิวบอก ฉันเลยล้วงเอาถุงยาออกมาจากกระเป๋า

            “ยังไม่ได้กินอะไรแล้วจะกินยาเที่ยงได้ไง รอพี่ตรงนี้นะ”  พี่ทิวพูดอย่างหัวเสียแล้วทำท่าเหมือนจะลุกไปไหนสักแห่ง ฉันเลยต้องรีบคว้ามือพี่ทิวไว้ ถ้าพี่ทิวจะทิ้งฉันไว้ที่นี่ฉันกลับบ้านเองไม่ไหวแน่ T^T

            “พี่ทิวจะไปไหนคะ” 

            “ไปหาซื้อข้าวมาให้เรากินไง นั่งรอตรงนี้นะ ห้ามไปไหน”  พี่ทิวออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด จนฉันแอบเผลอคิดว่าตัวเองกลายเป็นลูกสาวของพี่ทิวไปแล้ว

            ฉันนั่งมองบรรยากาศที่เร่งรีบของสถานพยาบาลจนเริ่มเบื่อและเริ่มรู้สึกว่าตัวมันโงนเงนไปซ้ายทีขวาทีอย่างควบคุมไม่อยู่ เป็นอะไรไปเนี่ยมึนหัวชะมัด @_@

            “ไอ้ทิวมันพาเธอมาที่นี่น่ะหรอ”  จู่ๆ ปาวก็มานั่งตรงม้านั่งข้างๆ ฉัน ฉันหันไปมองก็เห็นเขากำลังมองไปรอบๆ แผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลอย่างสนอกสนใจ

            “นายตามมาทำไมเนี่ย”

            “ก็...ถ้าเธอจะหาหมอก็ต้องหาหมอคนเดิมสิ เขาจะได้รู้ว่าที่เธอไม่ดีขึ้นต้องทำยังไงต่อ ถ้ามาหาหมอคนใหม่ก็เท่ากับเริ่มนับหนึ่งใหม่ เธอก็ไม่ดีขึ้นสักทีน่ะสิ”

            “นายเป็นห่วงฉันหรอ”  ฉันหรี่ตามองปาวอย่างรู้ทัน แต่เขาก็เอาแต่มองคนที่เดินผ่านไปผ่านมาโดยไม่สนใจฉันเลย แค่รู้ว่าเขายังห่วงฉันอยู่บ้างก็ดีใจแล้วล่ะ >////<

            “ใครห่วง! พ่อฉันให้รับผิดชอบที่ทำเธอบาดเจ็บต่างหาก”

            “นายไม่ได้เป็นคนยิงฉันสักหน่อย ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรหรอก”

            “แต่ฉันเป็นคนพาเธอไปติดร่างแหด้วย”

            “เฮ้อ...โอเคๆ เอาไงก็เอา”  ฉันขี้เกียจเถียงกับปาวก็เลยยอมแพ้โดยดี ฉันชักจะเริ่มปวดหัวขึ้นมาจริงๆ ซะแล้วสิ

            “เธอเป็นอะไร ปวดหัวหรอ” 

            “ใช่ มันอยากจะเอนตัวลงนอนตรงนี้เลย ”  ฉันพูดพร้อมร่างที่เริ่มจะโงนเงนมากกว่าเมื่อครู่

            “งั้นกลับกันเถอะ อยู่ที่นี่มันอุดอู้”  ปาวพูดพร้อมกับคว้าข้อมือจะฉุดฉันให้ลุกขึ้นกับเขา แต่ฉันขืนตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้ลุกไปตามแรงดึงง่ายๆ

            “แล้วพี่ทิวล่ะ”

            “ช่างมันสิ”  ปาวพูดแล้วลากฉันออกมาจากที่นั่งทันที ด้วยแรงที่มีน้อยกว่าบวกกับสังขารที่แทบจะทรงตัวไม่อยู่ทำให้ฉันสามารถถูกลากไปได้อย่างง่ายดาย

            ที่จริงไม่ใช่คนใจง่ายขนาดนี้เลยนะ จริงจริ๊ง! >.<

            ระหว่างทางที่ปาวพาฉันมาที่ลานจอดรถพี่ทิวก็โทรตามจิกฉันเหมือนจะรู้ว่าฉันหนีออกมาแล้ว ทำไงดีถ้าฉันบอกว่าตอนนี้ฉันอยู่กับปาวแล้วก็เดินตามเขากลับบ้านต้อยๆ พี่ทิวต้องโกรธแน่เลย >_<!

            “ฮะ..ฮัลโหล”  ฉันรับสายพี่ทิวและพยายามซ่อนความรู้สึกอึดอัดเอาไว้ แต่เสียงมันไม่ยอมให้ความร่วมมือเลยพับผ่าสิ!

            [โบ! โบอยู่ไหน]  เสียงพี่ทิวดังมาจากปลายสายอย่างหัวเสีย

            “คือโบ...”

            [หรือว่าเป็นลม!! อยู่ในห้องฉุกเฉินรึเปล่า]

            “เปล่าค่ะ โบไม่ได้เป็นอะไร คือ...สงสัยที่โรงเรียนเขาโทรบอกแม่น่ะค่ะ แม่ก็เลยมารับ”  ฉันโกหกออกไปคำโต จนปาวที่กำลังรับบทเป็นแม่ของฉัน หันมาเหลือบมองอย่างหัวเสียบ้าง =_=;

            [อ้าว...หรอ แล้วนี่ถึงบ้านรึยัง]

            “ยังค่ะ กำลังเดินทาง ขอโทษนะคะที่ไม่ได้โทรบอกก่อน”

            [ไม่เป็นไร กลับบ้านไปก็พักผ่อนเยอะๆ นะ]

            “ค่ะพี่ทิว ขอบคุณมากนะคะ”  พี่ทิวรับคำ ฉันกดตัดสายด้วยความรู้สึกผิดก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถแต่ปาวกลับผลักประตูรถเอาไว้เพื่อไม่ให้ฉันเปิดออกได้

            “นี่เธอชอบฉันจริงๆ รึเปล่าเนี่ย?”  จู่ๆ ปาวก็ขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย และเหมือนจะต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้ซะด้วย อะไรของเขาเนี่ย >////<

            “ทำไมอยู่ดีๆ นายมาถามแบบนี้ล่ะ”

            “ไม่รู้สิ จากที่ฉันสังเกตเธอชอบไอ้ทิวมากกว่านะ พูดรักษาน้ำใจจนน่าคลื่นไส้ขนาดนั้น แคร์มันมากหรอ!”

            “แล้วนายจะให้ฉันพูดว่ายังไง อยากให้ฉันบอกว่าฉันกลับกับนายหรอ พี่ทิวจะมองว่าฉันเป็นผู้หญิงยังไง มากับอีกคนแต่กลับกับอีกคนแบบนี้”

            “เธอคบเผื่อเลือกรึเปล่าเนี่ย”

            “นี่!”

            “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าจะเลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว ฉันไม่อยากเป็นตัวเลือกของใคร”  ปาวพูดแล้วเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับ ทิ้งให้ฉันยืนจังก้าอยู่ที่เดิม เผื่อเลือก นี่เขาเห็นว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบนั้นงั้นหรอ

            แต่จะว่าไป...ฉันกับเขายังไม่ได้คบกันเลยไม่ใช่หรอ เรื่องความสัมพันธ์นี่มันซับซ้อนนะ =_=

 

            ฉันลาไป 2 วันอาการก็ดีขึ้น แผลก็แห้งดีไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไรฉันก็เลยมาโรงเรียน ช่วงนี้ฉันหยุดบ่อยจนจะจำไม่ได้อยู่แล้วว่าห้องเรียนตัวเองอยู่ที่ไหน =_=

            “อ้าวโบอิ้ง มาเรียนได้แล้วหรอ”  ฟานทักทายขณะที่เดินเข้ามาในโรงเรียนพร้อมกัน ฉันผงะไปข้างหลังนิดหน่อยเพราะว่าตกใจที่เขาเข้ามาในระยะประชิดเกินไป ถ้าเกิดปืนในกระเป๋าเขาลั่นใส่ฉันขึ้นมาจะทำไง >.<

            “เธอ...เป็นอะไร ยังไม่หายดีหรอ”  ฟานมองฉันด้วยสายตาแปลกๆ

            “ก็...อืม”  ฉันตอบสั้นๆ พร้อมกับรักษาระยะห่างเอาไว้

            “เธอทำท่าทางเหมือนกลัวฉันเลย กลัวอะไร?”  ฟานหรี่ตามองฉัน ทำไมรู้ล่ะ! นายมีเครื่องจับเท็จประจำตัวรึไงฟาน -_-?

            “เปล๊า ไม่ได้กลั๊ว”  

            โอ้ย!! >_<! ฉันอยากจะฟาดหัวตัวเองให้มันตายตรงนี้เลยจริงๆ พูดเสียงสูงออกไปโดยไม่รู้ตัวแบบนั้นได้ยังไง

            “งั้นหร๊อออ...ฮ่าๆๆๆ”  ฟานล้อเลียนฉันด้วยการทำเสียงสูงตอบกลับมาแล้วหัวเราะลั่น  “งั้นฉันไปดีกว่า เธอเดินคนเดียวคงจะสบายใจกว่า” 

            ฟานบอกแล้วเดินแยกไปอีกทาง ฉันมองฟานจนเขาเดินลับตาไปก่อนจะลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เรื่องมันผ่านมาเกือบอาทิตย์หนึ่งแล้ว แต่ฉันก็ยังระแวงและกลัวพวกเขาไม่หายโดยเฉพาะปาว เวลาเจอเขาเหมือนว่ามีป้ายคำว่า ‘มาเฟีย’ ห้อยคอเขามาด้วยทุกครั้งเลยให้ตายสิ!

            ทีแรกก็นึกว่าเป็นหนุ่มแว่น รักเรียน พูดน้อย ต่อยหนัก สุขุมนุ่มลึกเหมือนพระเอกในนิยายรักหวานแหววซะอีก แต่ที่ไหนได้นี่มันนิยายบู๊ล้างผลาญชัดๆ T^T

            ทั้งที่ฉันพยายามหลบและหลีกฟานอย่างเต็มที่ แต่พอมาที่โรงอาหารเพื่อกินมื้อเช้ากับเหมยและอ๋องกลับเจอกันอีก เจออย่างเดียวไม่พอยังนั่งโต๊ะข้างๆ กันอีก ครบแก๊งมาเฟียเลยที่นี้ Y_Y

            “ว่าไง เจอกันอีกแล้วนะ”  ฟานโบกมือไปมาพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ ปกติฟานจะไม่ค่อยพูดมากขนาดนี้นะแต่พอเขารู้ว่าฉันกลัวยิ่งแกล้งเลยทีนี้

            “อืม”  ฉันรับคำสั้นๆ แล้วนั่งลงตรงข้ามเหมยกับอ๋องที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว

            “ทำไมหน้าซีดๆ ดีขึ้นแล้วจริงหรอ”  เหมยถามด้วยความเป็นห่วง ที่หน้าซีดเพราะไอ้โต๊ะข้างๆ นี่แหละเหมย (ได้แค่คิด =_=)

            “ซีดขนาดนั้นเลยหรอ”

            “แล้วจะกินอะไร จะไปสั่งให้”  อ๋องถามอย่างแมนๆ ฉันหายไป 3-4 วัน เจอกันอีกทีดูแมนกว่าเดิมนิดหน่อยแล้วนะเพื่อนอ๋อง ^^

            “พวกแกกินเลยเดี๋ยวฉันไปซื้อเอง กะว่าจะซื้อนมกับขนมไปกินบนห้องน่ะ ที่นี่มัน...คนเยอะเกินไปฉันหายใจไม่ออก”  ฉันบอกแล้วรีบลุกจากที่นั่งทันที อึดอัดโว้ยยย >_<!!

            ฉันเดินมาซื้อน้ำเต้าหู้และขนมปังที่อยู่ร้านริมสุดเพราะว่าใกล้กับทางขึ้นตึก ฉันกำลังเลือกของอยู่ดีๆ ก็มีคนยื่นถุงมาให้ ฉันมองตามมือนั้นขึ้นไปน้ำเต้าหู้ในมือก็เกือบหล่นลงพื้น ดีที่เขาคว้าเอาไว้ได้ทัน

            “ปาว o_o”

            “เธอเป็นอะไร”

            “เป็นอะไร...หมายความว่าไง”  ฉันทำเป็นไขสือแล้วรีบเก็บของที่อยากกินใส่ถุงอย่างรีบร้อน

            “เธอทำเหมือน...กลัวอะไรสักอย่าง”  ประโยคสุดท้ายปาวพูดกับฉันเบาๆ

            “ฉันแค่กลัว...กลัวพวกชุดดำพวกนั้นน่ะ”  ฉันบอก ถึงแม้ว่ามันจะไม่เท่ากับที่ฉันกลัวปาวก็เถอะ แต่มันก็มีส่วนในความกลัวของฉันเหมือนกัน

            “พวกมันไม่มาอีกแล้วล่ะ”  ปาวพูดเหมือนพยายามทำให้ฉันสบายใจขึ้น แต่เปล่าเลย...

            “อ๋อ...ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงจะดีเน๊าะ”  ฉันบอกพร้อมกับจ่ายเงินแล้วรีบเดินขึ้นตึกทันที ฉันไม่ได้มองว่าเขาเดินตามขึ้นมารึเปล่า แต่พอเข้ามาในห้องก็มีงานเข้ารอบสองจนได้ =_=

            “เธอทำแบบนั้นกับพี่ชายฉันได้ยังไง”  โปรดนั่งกอดอกบนโต๊ะเรียนของฉันด้วยท่าทางโกรธๆ

            นี่มันหนีเสือปะจระเข้ชัดๆ หนีพี่ยังมาเจอน้องอีกหรอเนี่ย -_-;;

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา