หฤทัยเสน่หา

9.8

เขียนโดย เอเจลิส

วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 19.42 น.

  8 ตอน
  12 วิจารณ์
  9,759 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2557 19.51 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) หมูน้อยผู้อยากได้ความรัก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

            ดวงประจำประเดือนนี้ ของหญิงสาวชาวราศีตุล

            ..หญิงสาวที่เกิดในราศีตุล เดือนนี้ท่านจะสุขสมหวังในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูรุ่งโรจน์ไปเสียหมด และท่านยังจะได้รับของขวัญชิ้นใหญ่ที่แสนจะถูกใจเอามากๆด้วย! ส่วนดวงด้านความรัก.. ท่านที่มีคนรักอยู่แล้ว ก็จะหวานชื่นจนใครๆพากันอิจฉาตาร้อน ส่วนท่านที่ยังไร้คู่คอยอยู่เคียงข้าง ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะภายในเดือนนี้! ท่านจะได้พบกับเนื้อคู่ที่สุดยอดมากๆ และจะมีความรักที่ไม่ธรรมดาเลย..

 

          “เชอะ! พบเนื้อคู่บ้าอะไรกัน? พบแต่การ์ดเชิญไปงานแต่งสิไม่ว่า..” หญิงสาวเจ้าของผมยาวสีดำขลับ เอ่ยพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย ในขณะมือบางก็โยนหนังสือนิตยสารที่ตนอ่านเมื่อสักครู่ทิ้งลงถังขยะ ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนอนหนานุ่ม แล้วก็นอนคว่ำหน้าอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะตะแครงใบหน้าหันไปมองการ์ดใบหรูสีทอง ที่ตั้งวางอยู่บนเตียงนอนของตน พร้อมกับเอ่ยพูดพึมพำออกมา “งานแต่งงานงั้นเหรอ..? มันเป็นงานปาร์ตี้สังสรรค์หลังเลิกงานหรือไงกันนะ ถึงได้จัดติดๆกันแบบนี้ได้..เฮ้อ!

               

          ..ก็อกๆ...

          “คุณรันค่ะ! คุณท่านเรียกพบค่ะ..”

          เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นมา พร้อมกับตามมาด้วยเสียงพูดของใครบางคน ที่ดังแทรกผ่านประตูห้องเข้ามานั้น ทำให้หญิงสาวเจ้าของเส้นผมยาวสีดำขลับ ผู้ถูกเรียกขานว่า.. คุณรัน หันเสี้ยวหน้าไปมองบานประตูห้องนอนอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แล้วก็ฟุบหน้าลงกับเตียงนอนอยู่เนิ่นนาน ก่อนที่จะยอมขยับเขยื้อนร่างกายอวบๆ ของตน ลุกขึ้นจากเตียงนอน เดินไปเปิดประตูห้องนอน..

          “แมรี่..รู้หรือเปล่าว่าคุณพ่อมีธุระอะไรกับฉัน?” รัน หรือ รัตมณี อังเคย์เคล เอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ในขณะดวงตาสีฟ้าเข้มก็จ้องมองเมดสาวคนสนิทของตน ที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง..

          “ค่ะ..ดูเหมือนว่าคุณหนูแคทลีน กับคุณชายฟรังซัว จะไปฟ้องคุณท่าน ว่าคุณรันไปด่าว่าพวกเธอเรื่องปาร์ตี้ที่จัดเมื่อคืนวานนะค่ะ”

          “อา..งานเข้าอีกแล้วสินะ! โทษทีนะแมรี่.. ที่ทำให้เธอต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยอีกแล้ว ถ้าหากว่าฉันไม่อยู่ที่นี่.. ไม่สิ! ถ้าตายไปเลย ก็คงจะดี..

          “คุณรัน..”

          “หึ..ล้อเล่นน่า! ฉันไปรับฟังคำเทศนาจากคุณพ่อก่อนแล้วกัน..”

          ..เมดสาวเจ้าของนาม แมรี่ ทอดสายตามองหญิงสาวร่างสูงอวบ ผู้ซึ่งเป็นคุณหนูของบ้านหลังนี้ ที่ตนดูแลอย่างใกล้ชิด และสนิทสนมด้วยเหมือนกับว่าเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความสงสาร และความหดหู่ใจยิ่งนัก..

          ..รัตมณี อังเคย์เคล.. ลูกสาวคนโตของบ้านหลังนี้ มีสถานะไม่แตกต่างไปจากของประดับตั้งโชว์ที่ไร้ค่า แม้ว่าภายในบ้านหลังนี้ จะยังเหลือบิดาที่มีสายเลือดเดียวกัน ทว่า.. โจนาธาน อังเคย์เคล ผู้เป็นบิดา ก็ไม่เคยสนใจไยดีลูกสาวคนนี้อีกเลย หลังจากที่แต่งงานกับภรรยาใหม่ และมีลูกสาวกับลูกชายเพิ่มขึ้นมา..

 

          “คุณจะออกไปจากบ้านหลังนี้เมื่อไหร่ ก็ย่อมทำได้อยู่แล้ว คุณรัน.. คุณจะอดทนไปถึงไหนกันนะ?” เมดสาวแมรี่เอ่ยพูดพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะเบือนสายตามองไปทางอื่น พร้อมกับหันหลังเปิดประตูห้องนอนของผู้เป็นคุณหนูของตน และเดินเข้าไปในห้องนอนอย่างรู้งานของตน เมื่อได้ยินเสียงด่าทอของผู้เป็นนายใหญ่ของบ้าน ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องทำงาน หลังจากที่หญิงสาวผู้เป็นคุณหนูของตน เปิดประตูเข้าไปในห้องได้ไม่นานมากนัก..

 

          ..อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องทำงานหรูหรา ของผู้เป็นนายใหญ่ แห่งตระกูลอังเคย์เคล ร่างสูงอวบของรัตมณีกำลังยืนนิ่งเงียบ อยู่เบื้องหน้าโต๊ะทำงานของผู้เป็นบิดา ฟังผู้เป็นบิดาด่าทอตนเอง ในขณะที่ดวงตาคมสีฟ้าเข้ม ก็ทอดมองผู้เป็นบิดาของตน และน้องสาวกับน้องชายต่างมารดา ที่กำลังยืนแสดงสีหน้าสมน้ำหน้าตน อยู่ข้างๆกายของผู้เป็นบิดา..

          “ทีหลังแกอย่าสะเออะไปว่าน้องของแกอีก..!”

          “ได้ค่ะ.. ถ้าคุณพ่อต้องการให้บ้านของตัวเอง เป็นสถานที่จัดปาร์ตี้ยาไอซ์ คราวหน้ารันจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว..”

          “แกว่าไงนะ..?! นี่แกจะใส่ร้ายน้องๆของแกหรือไง..? ยัยรัน!!”  

          “คนที่ต้องทำงานให้คุณพ่อแบบถวายหัว ทั้งที่ต้องเรียนหนังสือไปด้วย อย่างรัน.. คงจะมีเวลาว่างมาใส่ความลูกรักของคุณพ่ออยู่หรอกนะค่ะ ถ้าอย่างไง.. จะลองหันไปถามลูกรักทั้งสองของคุณพ่อดูก็ได้นะค่ะ ว่ามันจริงหรือเปล่า? ที่รันพูด..”

          “ยัยรัน..!!!”

          “ขอโทษด้วยค่ะ คุณพ่อ.. แต่เห็นทีคงต้องหยุดการเทศนาของคุณพ่อ เอาไว้เพียงแค่นี้ก่อน! เพราะหลังจากนี้รันยังมีงานเลี้ยงรับรองลูกค้าของบริษัท และงานแต่งงานของเพื่อนที่ต้องไปอีก อ่อ..แล้วก็ รันไม่คิดว่าลูกรักทั้งสองของคุณพ่อ จะยอมพูดความจริงอยู่แล้ว ดังนั้น รันจะขอรับโทษไล่ออกจากบ้าน เป็นเวลาหนึ่งเดือน ไปเลยก็แล้วกันค่ะ..” รัตมณีเอ่ยพูดจบ ก็หันหลังเดินตรงไปที่ประตูห้องทำงาน แล้วเปิดประตูเดินออกไปจากห้องทำงาน โดยที่ไม่สนใจจะหยุดยืนฟังเสียงด่าทอของผู้เป็นบิดา ที่ดังตามไล่หลังของตนออกมาแต่อย่างใด..

          ..หากแต่พอบานประตูห้องทำงานปิดลงเรียบสนิท ร่างสูงอวบก็กลับมีอาการไหล่ตกลงเล็กน้อย พร้อมกับมีเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้นมา ก่อนที่ใบหน้างามจะเบือนหน้าหันไปมองเมดสาวคนสนิท ซึ่งเวลานี้กำลังยืนอยู่หน้าห้องนอนของเธอ พร้อมกับกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ ที่เธอมักจะใช้เดินทางเสมอ..

          รัตมณีมองเมดสาวของตนอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินตรงเข้าไปอีกฝ่าย พร้อมกับเอ่ยพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง ในขณะที่ยื่นมือไปรับกระเป๋าสัมภาระจากอีกฝ่าย..

          “ฮ่าๆ ดูเหมือนว่าฉันจะได้เวลาออกไปผจญภัย ในโลกกว้างอีกแล้วล่ะแมรี่ อย่างไงก็.. ฝากดูแลคุณพ่อด้วยนะแมรี่ แล้วขากลับฉันจะซื้อขนมอร่อยๆมาฝากเธอ..”

          “คุณรัน ไม่โกรธคุณท่านหรือค่ะ?”

          คำถามของเมดสาวคนสนิท ทำให้ร่างสูงอวบของรัตมณีที่กำลังจะก้าวเดิน ถึงกับหยุดชะงักไปชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนที่มือบางจะกระชับหูหิ้วกระเป๋าสัมภาระเอาไว้แน่น ในขณะที่ริมฝีปากบาง ก็เอื้อนเอ่ยคำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา..

          “โกรธสิ..!

          “........”

          “ฉันโกรธที่เขาไม่เคยเชื่อฉันสักครั้ง โกรธที่เขาไม่เคยแสดงท่าทีว่ารักฉันเลย ทั้งที่ฉันเองก็เป็นลูกสาวของเขาคนหนึ่ง ฉันโกรธจนอยากจะหนีหน้าไปให้ไกลๆ หรือตายไปจากเขาเลยก็ยิ่งดี!..”

          “........”

          “แต่ว่าฉันก็ดันทำไม่ลง.. เพราะทุกครั้งที่โกรธเขา ฉันก็ดันไปนึกถึงในวัยเด็กของฉัน ที่ยังคงเห็นใบหน้าใจดีของเขาที่แสดงออกว่ารักฉันมาก ขึ้นมาสักงั้น! อีกทั้งตอนที่คุณแม่ยังอยู่ ฉันก็เคยได้ให้สัญญากับท่านเอาไว้ว่าจะคอยดูแลเขา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็จะไม่ทิ้งเขาไปไหน หึ!..แต่ดูเหมือนว่า เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายทิ้งฉัน!”

          “คุณท่านช่างตามืดบอด! ที่มองไม่เห็นความรักของคุณรัน..”

          คำพูดของเมดสาวคนสนิทในคราวนี้ ทำให้รัตมณีนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนจะก้าวเท้าเดินต่อ ในขณะที่หลุดเสียงหัวเราะแผ่วเบาออกมา พร้อมกับเอ่ยพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง.. 

          “หึหึๆ นั่นสินะ.. คุณพ่อของฉันคงจะตามืดบอดจริงๆ อย่างที่เธอว่า! เพราะถ้าไม่ใช่.. ก็คงแปลว่าสำหรับเขา ฉันคงตายไปพร้อมกับคุณแม่ในวันนั้นแล้ว เขาถึงได้มองไม่เห็นฉันอยู่ในสายตา..”

          “คุณรัน..”

          “เฮ้อ..ช่างมันเถอะแมรี่!ฉันไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว แค่เขามีความสุขมันก็ดีแล้ว ส่วนตัวเกะกะความสุขของเขา อย่างฉัน.. จะถูกด่าทอต่อว่ามากแค่ไหน หรือว่าโดนเตะก้นโด่งออกจากบ้านสักกี่ครั้ง ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ฉันนะ.. ขอแค่ได้เห็นว่าเขามีความสุขจากที่ไหนก็ได้ ถึงจะไม่ใช่บ้านหลังนี้ หรือที่ว่างข้างๆกายของเขา ฉันก็ไม่แคร์หรอก..” รัตมณีเอ่ยพูดจบประโยคแล้วก็หันมายิ้มให้กับเมดสาวคนสนิทของตน ที่เป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องเป็นกังวลเรื่องของเธอ ก่อนจะยกข้อมือซ้ายที่สวมนาฬิกาอยู่ ขึ้นมาดูเวลา พร้อมกับเอ่ยพูดต่อ..           “โอ๊ะ!ดูเหมือนจะได้เวลาแล้วล่ะ ฉันไปก่อนนะแมรี่..”

          “ค่ะ..โชคดีนะค่ะคุณรัน”

          “อืมม์..ขอบใจนะ” รัตมณีเอ่ยพูด พร้อมกับโบกมือให้เมดสาวของตนเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเท้าเดินออกจากบ้าน พร้อมกับกระเป๋าสัมภาระ โดยที่ไม่หันกลับไปมองเมดสาวที่ยืนส่งตนอยู่ณ.เบื้องหลัง อีกแต่อย่างใด.. เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นแววตาเศร้าหมองของเธอ หากแต่นั่นก็กลับทำให้รัตมณี ไม่มีโอกาสได้เห็นว่า ที่บานกระจกหน้าต่างชั้นสอง ของตัวบ้าน มีใครบางคนกำลังยืนมองเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ท่ามกลางดวงตาสีฟ้าเข้มที่แฝงความเศร้าเอาไว้..

 

          ..เวลา 18.25 นาฬิกา..

          ณ.โรงแรมนิวแลนด์ธารา ภายในห้องจัดเลี้ยงขนาดยักษ์ใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย ที่เดินทางมาร่วมอวยพรในงานแต่งงานของเจ้าพ่อหนุ่ม แห่งเกาะมุกแดนใต้ ..แต่ทั้งที่แขกเหรื่อมารวมตัวกันอยู่มากมาย ทว่าเจ้าภาพงานแต่งงานอีกคนหนึ่ง อย่างเจ้าสาวคนสวย ก็กลับยังคงชะเง้อหน้ามองหาใครบางคน ที่ยังคงไม่ปรากฏตัว แม้ว่างานเลี้ยงจะเริ่มมาได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วก็ตามที..

          “มองหาคุณรันอยู่หรือครับ? ที่รัก..

          เสียงกระซิบถามแผ่วเบาจากคนเป็นเจ้าบ่าว ทำให้คนเป็นเจ้าสาวหันหน้าที่เริ่มจะงอนเป็นจวักตักข้าว มามองเจ้าบ่าวเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองยังประตูทางเข้างานตามเดิม พร้อมทั้งเอ่ยพูดบ่นพึมพำขึ้นมา..

          “ยัยหมูน้อยนะ ยัยหมูน้อย!.. ไหนบอกว่าห้าโมงเย็นจะมาถึงที่จัดงานเลี้ยง นี่ปาเข้าไปหกโมงเย็นกว่าแล้ว ก็ยังไม่เห็นหนังหน้าเลย! แม้แต่งานแต่งของเพื่อนสนิทอย่างฉัน หล่อนก็ยังบ้าทำงานห่ามรุ่งห่ามค่ำอีก! คอยดูเถอะ..ถ้าไม่ยอมโผล่มาภายในสิบนาทีนี้! น้ำฝนจะจับยัยหมูน้อยรัน ขึ้นร้องเพลงบนเวทีสักสิบเพลงเลย!”

          “หึหึๆ แต่ดูท่าผมคงไม่ได้ฟังคุณรัน เธอร้องเพลงแล้วล่ะ ที่รัก..” คนเป็นเจ้าบ่าวเอ่ยพูดยิ้มๆ พร้อมกับบุ้ยปากให้คนเป็นเจ้าสาวหันไปมองยังด้านหน้าของประตูทางเข้าโรงแรม ซึ่งมีหญิงสาวร่างสูงอวบ ในชุดเดรสสีฟ้าทะเลแสนงดงาม กำลังยื่นการ์ดเชิญร่วมงาน ให้เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านหน้าประตู ได้ตรวจตราดูความเรียบร้อย..

          “หมูน้อย!!!!”

          “ยัยบ้าน้ำฝน!.. เธอจะเรียกฉายาฉันดังลั่นแบบนั้นทำไมกัน?! เดี๋ยวฉันก็ขายไม่ออกกันพอดี..” รัตมณีแทบจะวิ่งเข้ามาบีบคอเจ้าสาว ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนรักของตน เมื่อเพื่อนสาวตัวดีเห็นเธอเดินเข้ามาในงาน แล้วก็ดันเล่นตระโกนเรียกฉายาของเธอสักเสียงดังลั่น จนทำให้แขกคนอื่นๆ พากันหันมามองทางเธอเป็นสายตาเดียวกัน!..

          “ก็เธออยากมาสายทำไมกันล่ะ?”

          “หน็อยยัยตัวแสบ! คุณคริสเตียน.. ฉันว่าคุณเปลี่ยนใจตอนนี้ ก็ยังทันอยู่นะค่ะ ขืนมีภรรยาแสบๆอย่างยัยน้ำฝน ฉันว่าคุณคงได้รู้สึก เหมือนโดนมดคันไฟกัดไปตลอดทั้งชีวิตแน่ๆเลยล่ะค่ะ”

          “ยัยรันบ้า!..ฉันไม่ใช่มดคันไฟสักหน่อย!”

          “ผมไม่เปลี่ยนใจหรอกครับ คุณรัน.. เพราะมดคันไฟพันธุ์หายาก แสนน่ารักขนาดนี้ ผมคงจะหาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้วล่ะครับ ..หึหึๆ”

          “คริสเตียน!..นี่คุณรวมหัวกับยัยรันว่าฉันหรือค่ะ? เชอะ.. ฉันงอนแล้วนะ!”

          “หึหึๆ ที่เธอบอกว่างอนแล้วนะ เป็นเพราะกลัวว่าคุณคริสเตียนจะไม่ง้อขึ้นมาล่ะสิ! ยัยน้ำฝน..”

          “บ้า!..รู้ทันฉันทุกทีเลย ไปๆ.. เข้าไปด้านในของงานกันดีกว่า! พวกเรเชลมานั่งรอเธอตั้งแต่หัววันแล้ว ขืนปล่อยให้รอนานมากกว่านี้ ฉันว่ายัยเรเชลต้องหันมากระซวกตับเธอ ไปกินแทนอาหารจานหลักแน่ๆเลย”

          คำพูดของเพื่อนสาวที่เข้ามาคล้องแขน พาเดินเข้าไปในงานเลี้ยง ทำให้รัตมณีเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะหันเสี้ยวหน้ามามองชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าบ่าวของเพื่อนรัก พร้อมทั้งเอ่ยพูดขึ้นมา..

          “คุณคริสเตียน อย่าบอกนะค่ะว่า.. งานนี้คุณเชิญสตีเฟ่นมาด้วย?”

          “เขาเป็นเพื่อนรักของผม ก็ต้องเชิญอยู่แล้วล่ะครับ..”

          “เฮๆ..แบบนั้นไม่ดีมั่ง? ขืนให้ยัยผมทองเรเชลเห็นหน้าสตีเฟ่นตอนนี้ หมอนั้นมีหวังได้ถูกถลกหนังหัว ทำเป็นซาลาเปาไส้คนแน่!”

          “ฮ่าๆหมูน้อย.. ดูเหมือนว่าเธอจะตกข่าวใหญ่เข้าให้แล้วล่ะนะ!”

          “ข่าวใหญ่อะไร?”

          “ก็ข่าวเรื่องยัยเรเชลกับคุณสตีเฟ่น หมั้นหมายกันแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน ที่ฮ่องกงนะสิ! ตอนนี้สองคนนั้น.. จากคู่กัดสุดแสบก็เลยกลายเป็นคู่รักหวานแหวว จนน่าหมั่นไส้เลยล่ะ!”

          “เฮ้ย!..ไม่จริงมั่ง?”

          “ไม่เชื่อ.. ก็ดูโน้นซะ!เล่นตามประกบทุกฝีก้าวแบบนั้น หนุ่มๆคนไหนมองยัยเรเชล ฉันว่างานนี้มีสิทธิ์ได้โดนคุณสตีเฟ่นถลกหนังทั้งเป็น”

          ..รัตมณีมองตามสายตาของเพื่อนรัก ไปยังโต๊ะอาหารวีไอพี ที่มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งอยู่ และหนึ่งในนั้นมีสาวสวยผมทองชาวอเมริกัน กำลังโบกไม้โบกมือเรียกตนให้เข้าไปหา ด้วยท่าทีดีใจสุดๆ ซึ่งรัตมณีก็โบกมือตอบกลับไปเช่นกัน พร้อมกับขาที่ก้าวเดินตามแรงจูงของเพื่อนรัก ในขณะที่เอ่ยพูดขึ้นมา ด้วยเสียงกระซิบเบาๆ..

          “นี่! น้ำฝน.. อย่าบอกนะผู้ชายหน้าหล่อๆที่นั่งอยู่ข้างลิลลี่ คือแฟนของลิลลี่..?”

          “โอ๊ะโอ๋..ยังเซ้นท์ดีเหมือนเคยนะหมูน้อย! นั่นคือ.. คุณหยางฟง คนรักของยัยลิลลี่ ได้ยินมาว่าจะแต่งงานกันในเดือนหน้านี้นะ ยัยลิลลี่เห็นเงียบๆแบบนั้น ไม่นึกเลยว่าจะซุกแฟนหนุ่มหล่อเอาไว้ แต่จะว่าไปแล้ว.. ฉันก็ยังนึกอยู่เลย ว่ายัยลิลลี่จะเป็นคนสุดท้ายในรุ่นของเราสักอีก! ที่เปิดตัวแฟนหนุ่มกับใครเขา..”

          “หึหึๆ คนสุดท้ายงั้นเหรอ?” รัตมณีหลุดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ยพูดพึมพำขึ้นเบาๆ แทบจะไม่ได้ยินเสียงพูดออกมา ในขณะที่ดวงตาสีฟ้าสวยก็มีแววหม่นหมองลงเล็กน้อย ท่ามกลางใบหน้าสวยคม ที่ยังคงคลี่รอยยิ้มให้กับบรรดาเพื่อนๆที่เคยเรียนมาด้วยกันตั้งแต่สมัยไฮสคูล

          “มาสายชะมัดเลย ยัยรัน! ฉันกินออร์เดิร์ฟระหว่างรอเธอ หมดไปตั้งสามจานแล้วนะยะ..”

          “โทษทีๆ ฉันติดงานนิดหน่อยนะ..”

          “เฮ้อ..เธอมันก็ทำงานทั้งปีนั่นแหละ ยัยรัน! มิสเตอร์โจนาธาน.. พ่อของเธอจะใช้ลูกสาวคนโตของตัวเอง ทำงานเยี่ยงทาสหรือไง? ฉันล่ะไม่เข้าใจเลย.. ทียัยลูกสาวบ้าแฟชั่น กับคุณลูกชายช่างอวดรวยคนโปรด กลับให้นั่งอยู่บนหิ้ง ชิ้นิ้วสั่งเป็นพระราชาสักได้..”

          “นี่ๆเรเชล..”  

          เสียงเรียกชื่อเบาๆ พร้อมกับแรงสะกิดจากคู่หมั้นของตน ทำให้หญิงสาวเจ้าของนาม เรเชล สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเพื่อนสาวของตน ด้วยสีหน้าที่สลดลงเล็กน้อย เมื่อเห็นใบหน้าขรึมๆของคนเป็นเพื่อนรัก ก่อนจะเอ่ยพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ “โทษทีรัน.. ฉันแค่นึกหมั่นไส้น้องของเธอขึ้นมานะ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าพ่อของเธอหรอกนะ..”

          “อืมม์ ไม่เป็นไร..”

          ..เหล่าผ่องเพื่อนมองคนที่บอกว่าไม่เป็นไร ซึ่งฉีกยิ้มอย่างร่าเริง เหมือนกับจะไม่เป็นไรอย่างที่ปากว่าจริงๆ แต่ทว่า.. มือบางของคนที่บอกว่าไม่เป็นไร ดันกลับยื่นไปรับแก้วไวน์แดงดีกรีแรงจากบริกร มาดื่มรวดเดียวติดๆกัน ตั้งห้าแก้ว!..

          ..เฮ้ยๆ แน่ใจนะว่าไม่เป็นไรจริงๆ!?.. 

          ..ทุกคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ ต่างพากันคิดเหมือนๆกันอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ทว่า.. ก็กลับไม่มีใครสักคน ที่จะกล้าเอ่ยปากถามหญิงสาว เนื่องจากทุกคนต่างรู้ดี ว่าถึงจะถามไปก็คงไม่ได้คำตอบอะไรจากอีกฝ่ายอยู่ดี! เพราะว่าคนตรงหน้าของพวกเขา คือ นางสาวรัตมณี อังเคย์เคลหญิงสาวผู้ซึ่งถ้าหากลองพูดออกมาว่า..ไม่! ก็จะไม่มีทางเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเด็ดขาด..!

          “อะ..เออ..จริงสิ! ต่อจากฉันก็คงเป็นลิลลี่สินะ? ที่จะแต่งงานเป็นรายต่อไป เอ๋..หรือว่าเรเชล เธอกับคุณสตีเฟ่นจะแซงหน้ายัยลิลลี่กันล่ะ?” น้ำฝนเมื่อเห็นว่าคนเป็นเพื่อนรักของตนนิ่งเงียบไป เอาแต่ซดไวน์แดงเข้าปากเป็นว่าเล่น จึงรีบเอ่ยพูดเปลี่ยนเรื่องสนทนาขึ้นมา..

          “ฮ่าๆไม่ล่ะครับ.. ผมกับเรเชลคงไม่กล้าแซงหน้าคุณลิลลี่ กับคุณหยางฟงหรอกครับ หรือว่าไงล่ะ? รันรัน.. คุณอยากจะแซงหน้าพวกเขาบ้างหรือเปล่าล่ะครับ?”

          “ใช่ๆ..ไม่แน่นะว่ายัยรันอาจจะมาแรง แซงหน้าพวกเราแบบไม่รู้ตัวก็ได้ ก็ดูสิ!.. ในรุ่นของพวกเราที่คิดกันว่ากลุ่มของพวกเรา จะแต่งงานกันเป็นอันดับแรกของห้อง แต่ทำไปทำมากลับกลายเป็นว่า.. กลุ่มของพวกเราดันแต่งกันหลังสุด สักงั้น!”

          “แล้วแต่งงานนี่มันแต่งคนเดียว ได้หรือเปล่าล่ะ? ถ้าได้.. ฉันจะแต่งวันพรุ่งนี้ให้ก็ได้นะ!”

          คำตอบราบเรียบของคนที่ดื่มไวน์แดง เป็นแก้วที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่อาจรู้ ทำให้ทั้งกลุ่มถึงกับเงียบสงัดไปอีกครั้ง ก่อนที่จะพากันอ้าปากเหวอขึ้นมา เมื่อได้ยินพิธีกรบนเวทีประกาศเชิญตัวแทนเพื่อนเจ้าสาวขึ้นไปยังบนเวที แล้วเจ้าคนที่ดื่มไวน์แดงเข้าไปเกือบเป็นกาละมังแล้ว ก็ดันลุกขึ้นเดินอย่างสง่าผ่าเผย ตรงไปยังเวทีอย่างหน้าตาเฉยสักงั้น!

          “เฮ้ยๆ..ไม่ห้ามยัยรันเอาไว้จะดีเหรอ? ยัยน้ำฝน..” เรเชลเอ่ยถามเพื่อนสาวผู้เป็นเจ้าภาพงาน ซึ่งยังคงนั่งเสียบลูกชิ้นไก่เข้าปากด้วยท่าทีเอร็ดอร่อย..

          “หือ..คงไม่เป็นไรหรอกมั่ง? หมูน้อยคงไม่พังงานแต่งของฉันหรอก ปล่อยให้หมูน้อยมันคลายเครียดไปเถอะ..”

          “คือว่าที่จริง.. เมื่อกี้คุณซูซานเลขาของผม โทรมาบอกว่า.. รันรันเอากระเป๋าเดินทางไปฝากไว้ที่คอนโดของผมนะครับ..” ประโยคคำพูดของชายหนุ่มนาม สตีเฟ่น ทำให้คนเป็นเจ้าสาวถึงกับสำลักลูกชิ้นไก่ ที่กำลังเคี้ยวตุ้ยๆอยู่ในปาก เดือดร้อนถึงคนเป็นเจ้าบ่าวที่นั่งอยู่ข้างๆ ต้องรีบเอาน้ำดื่มมาให้ดื่มแก้อาการสำลัก..

          “ว่าไงนะค่ะ!? คุณสตีเฟ่น!.. คุณจะบอกว่ายัยหมูน้อยถูกพ่อของตัวเอง เฉดหัวออกจากบ้านอีกแล้วหรือค่ะ..?” คำถามของน้ำฝน ซึ่งได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าจากสตีเฟ่น ทำให้น้ำฝนหันหน้าขวับไปมองเพื่อนสาวที่อยู่บนเวที ซึ่งกำลังยื่นมือไปรับไมค์จากพิธีกร..

          “อา..ถึงว่าสิ! ทำไมยัยรันได้ถึงฟิวส์ขาด ซดไวน์แดงเป็นกาละมังแบบนั้น..” คำพูดของเรเชล ยิ่งทำให้คนเป็นเจ้าสาวอย่างน้ำฝน อยากจะวิ่งไปกระชากตัวเพื่อนรัก ให้ลงมาจากเวทีสักตอนนี้เลย! แต่ทว่าก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว หญิงสาวจึงทำได้แค่นั่งสวดภาวนา ไม่ให้เพื่อนรักของตนทำอะไรแผลงๆขึ้นมา!..

 

          “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อรัน.. ฉันเป็นเพื่อนกับเจ้าสาวตั้งแต่สมัยเรียนไฮสคูล อันที่จริงคงต้องบอกว่า.. ฉันรู้จักทั้งคุณน้ำฝนที่เป็นเจ้าสาว และก็คุณคริสเตียนที่เป็นเจ้าบ่าว ฉันรู้จักพวกเขาทั้งคู่มานานแล้ว และคิดว่าพวกเขาทั้งคู่รักกันมาก ฉันจึงปรารถนาอยากจะเห็นพวกเขาทั้งสองคน รักกันแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นค่ะ..”

          “อุ๊ย!..ยัยรันพูดดีมากๆเลย ยัยนั้นทำฉันซึ้งเลยนะเนี่ย..” เรเชลเอ่ยพูดพร้อมกับยกมือโบก ให้กำลังใจเพื่อนรักที่อยู่บนเวที ซึ่งทำท่าจะส่งไมค์คืนให้กับพิธีกร..

          “หือ?..ดูเหมือนรันรันจะยังพูดไม่จบนะ” สตีเฟ่นเอ่ยพูดขึ้นมา เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่ทำท่าส่งไมค์คืนให้กับพิธีกร ดันเอาไมค์มาจ่อที่ปากของตัวเองอีกครั้ง..

          “แล้วก็สุดท้ายนี้.. ฉันขอฝากข้อความบางอย่าง ถึงท่านสุภาพบุรุษที่โสดอยู่ทุกท่าน..”

          “.......?”

          “..ฉันคือผู้หญิงอายุยี่สิบสี่ปี อืมม์..ต้องบอกว่าอายุยี่สิบห้า หรือเปล่านะ? เพราะว่าฉันจะอายุครบยี่สิบห้าปีเดือนหน้านี้แล้ว อืมม์ๆ..เรื่องนั้นช่างมันเถอะ! ก็คือสรุปว่า.. ฉันโสดสนิท! ไม่เคยมีแฟนกับใครเขา ไม่เคยแม้แต่จูบ อ่อ..แต่เรื่องจับมือกับผู้ชายก็เคยอยู่ ส่วนฐานะของฉันก็พอมีอันจะกิน คงไม่ต้องลำบากไปเกาะใครกินอยู่แล้ว ดังนั้น.. ไม่ต้องห่วงว่าฉันจะเอาความบริสุทธิ์ของตัวเอง มาดักจับความรวยของพวกคุณ อ่อ..แล้วก็ฉันเป็นคนที่นิสัยดีมากๆเลย อา..เพื่อนๆของฉันเขาว่าอย่างนั้นล่ะนะ.. ดังนั้นใครที่สนใจสมัครเป็นแฟนของฉัน ก็ขอเชิญได้เลยค่ะ อ่อ..เกือบลืมไป!โปรโมชั่นพิเศษ ถ้าคุณขอฉันแต่งงานภายในสิบนาทีนี้ ฉันจะแถมข้าวสารห้าสิบกิโลกรัม ให้คุณอีกหนึ่งถุง!

          “.....!!!!!”

          เหล่าผ่องเพื่อนทั้งโต๊ะ หรือต้องพูดว่าคนที่อยู่ภายในห้องจัดเลี้ยงทั้งงาน! ที่พากันตาโตอ้าปากค้าง กับคำประกาศของเพื่อนสนิทเจ้าสาว ก่อนที่ชั่วครู่จะมีเสียงหัวเราะขำขันดังระงมขึ้นมาทั้งงาน..

          “ยัยน้ำฝน ฉันว่าเธอไปลากยัยรันมาเก็บก่อนเถอะ! เดี๋ยวความซวยก็ได้ถามหาอีกยกหนึ่งหรอก..” เหมือนฟ้าสั่ง หรือนรกดลใจอย่างไรก็ไม่รู้ เพราะจบคำพูดของเรเชล ยังไม่ทันจะขาดคำดี ความซวยที่ว่า.. ก็มาเยือนทันควัน! เมื่อดันมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่เหมือนจะเมาได้ที่แล้วเหมือนกัน ลุกขึ้นยืน พร้อมกับเอ่ยพูดประโยคเด็ดขึ้นมา..

          “แหมๆ น้องสาว.. แล้วมีช่วงให้ทดลองใช้งานหรือเปล่าล่ะ? ถ้าหากมี.. คืนนี้พี่ขอเป็นคนแรกที่จะเล่นจ้ำจี้กับน้องสาวอกอึ้มเลยนะจ๊ะ..”

          “.....!!?!”

          “อ๊าย..อย่านะหมูน้อย!!!” น้ำฝนร้องตระโกนเสียงดังลั่นเพื่อหยุดเพื่อนสาว พร้อมกับรีบลุกจากโต๊ะตรงดิ่งไปหาเพื่อนสาวคนสนิทของตน แต่ดูเหมือนจะช้าไปก้าวหนึ่ง! เมื่อเพื่อนสาวตัวดีของตนกระโดดลงมาจากเวที สาวเท้าเดินไปถึงตัวของชายหนุ่มขี้เมา ปากวอนหาเรื่องเสียแล้ว..

          “อา..เมื่อกี้ฉันบอกไปว่า รับสมัครท่านสุภาพบุรุษที่โสดทุกท่านเป็นแฟน ส่วนคนที่ไม่ใช่สุภาพบุรุษ อย่างเช่น.. เศษสวะอย่างนาย!ควรจะนั่งหุบปากให้สนิท! และอยู่นิ่งๆเอาไว้ หรือไม่ก็.. ไสหัวไปให้พ้นๆหน้าฉัน!

          ..โครม!..

          จบประโยคคำพูด รัตมณีก็ยื่นมือไปฉวยคอเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่มดังกล่าว ก่อนจะจับอีกฝ่ายทุ่มลงบนโต๊ะอาหาร เป็นเหตุให้งานเลี้ยงฉลองวิวาห์แสนสุขสันต์ กลับกลายเป็นงานเลี้ยงฉลองวิวาห์ชุลมุนสุดป่วนทันที! และกว่าที่ทุกอย่างจะกลับเข้าร่องเข้ารอย เล่นเอาเจ้าภาพจัดงานในครั้งนี้ อย่างเจ้าบ่าวเจ้าสาว ต่างพากันเหนื่อยหอบไปตามๆกัน ส่วนทางด้านคนที่ก่อเหตุ ณ.เวลานี้ ก็กำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขกของโรงแรม ด้วยท่าทีที่เหมือนจะสำนึกผิด หรือเปล่า? เหล่าคนที่อยู่รอบข้างก็ไม่ค่อยจะแน่ใจนัก เพราะอีกฝ่ายยังคงนั่งฟังเหล่าเพื่อนๆเทศนา ด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่งสักงั้น! 

          “หน็อย! ยังจะมายิ้มแฉ่งอยู่อีกหรือย่ะ? ยัยรัน!..นี่เธอรู้หรือเปล่า? คนที่เธอจับทุ่มกับโต๊ะอาหารไปเมื่อกี้นะ เขาคือลูกชายของหยางเหว่ย มาเฟียแห่งเกาะฮ่องกงเชียวนะย่ะ!”

          “........”

          “คงจะไม่เป็นไรหรอกมั่ง? เรเชล.. ฝ่ายโน้นเองก็เมาได้ที่เหมือนกัน คงจะจำอะไรไม่ได้หรอก และที่จริงแล้วเจ้านั้น ก็สมควรโดนแล้วล่ะ! หึหึๆ เก่งมากเลยครับ รันรัน.. ท่าจับทุ่มสวยสุดๆ ผมกดไลท์ให้ร้อยแต้มเลย!”

          “........”

          “นี่! สตีเฟ่น..คุณก็จริงๆเลย ยังจะไปชมยัยรันมันอีก! รู้บ้างไหม? ว่านี่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้วนะ ยังจะทำเป็นเล่นอีก! แล้วหัวแตกแบบนั้น.. ถ้าไอ้ลูกชายมาเฟียบ้านั้น มันยังไม่รู้ตัวอีก ก็โคตรโง่แล้วล่ะ!”

          “........”

          “แต่ว่าฉันเห็นด้วยกับคุณสตีเฟ่นนะ เรเชล.. หมอนั้นมันสมควรโดน! แค่หัวแตกยังน้อยไปด้วยซ้ำ..”

          “........”

          “ลิลลี่! เธอก็เอากับเขาด้วยหรือเนี่ย..? เฮ้อ..คอยดูนะ! งานแต่งงานของฉัน จะสั่งงดเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ทุกชนิดเลย! ฉันจะไม่ยอมให้ยัยรัน หม่ำไวน์อีกเด็ดขาด!..”

          “........”

          “พอเถอะเรเชล.. ถึงเธอพูดไปยัยหมูน้อยมันก็ไม่รู้เรื่องหรอก ดูสิ!.. นั่งยิ้มแฉ่งอยู่ตลอดเลย ท่าทางคงจะเมาได้ที่แล้วล่ะ!”

          “........”

          “นั่นสิเรเชล.. รันเองก็คงจะไม่ได้ตั้งใจหรอก”

          “........”

          “ก็เพราะรู้ว่ายัยนี้ไม่ได้ตั้งใจอย่างไงล่ะ.. ฉันถึงได้หงุดหงิด อยากจับยัยนี้ตีก้นอยู่นี่ไง!”

          “..ทำไม..”

          เสียงเอ่ยพูดพึมพำแผ่วเบา ที่หลุดออกมาจากปากของคนที่กำลังนั่งยิ้มแฉ่ง ทำให้เหล่าเพื่อนๆหันมามองด้วยความสงสัย ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไรอยู่ และสตีเฟ่นซึ่งนั่งอยู่ใกล้กับอีกฝ่ายมากที่สุด จึงเป็นคนอาสายื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ เพื่อฟังคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของคนยิ้มแฉ่ง..

          “..ทำไมไม่มีคนรักฉันเลย.. คนที่รักฉัน อยู่ที่ไหนกันนะ?..”

          “........” สตีเฟ่นซึ่งได้ยินประโยคคำพูดพึมพำดังกล่าวอย่างชัดเจน ถึงกับนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนจะหันหน้ามามองคู่หมั้นของตน และเหล่าผ่องเพื่อนที่ยืนล้อมรอบอยู่ชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองเพื่อนสาวคนสนิท ที่ยังคงนั่งยิ้มแฉ่ง ทั้งที่กำลังหลุดคำพูดแสนเศร้าสร้อยออกมา.. สตีเฟ่นมองเพื่อนสาวของตนอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยื่นมือหนาของตนไปยี่เส้นผมสีดำขลับของอีกฝ่ายเบาๆ ด้วยท่าทีอ่อนโยน พร้อมกับเอ่ยพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง..

          “รันรัน.. อีกไม่นานคุณก็ต้องได้เจอแน่ๆ คนที่รักคุณอย่างสุดหัวใจ แต่ถึงตอนนี้จะยังไม่เจอ.. คุณก็ไม่จำเป็นจะต้องเศร้าไปหรอก เพราะว่าคุณยังมีผม และเพื่อนๆที่ยืนอยู่ตรงนี้ ที่รักและเป็นห่วงคุณอยู่เสมอนะครับ”

          “อืมม์ ขอบใจนะ..”

          คำพูดสั้นๆแผ่วเบา ที่หลุดออกมาจากปากของคนยิ้มแฉ่ง ก่อนที่ดวงตาสีฟ้าเข้มจะปิดลง พร้อมกับลมหายใจเข้าออกที่ดังขึ้นมาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เหล่าคนฟังต่างพร้อมใจพากันคลี่รอยยิ้มอ่อนโยนออกมา..

          “เฮ้อ..น่ารักแบบนี้! แล้วใครจะไปโกรธเธอลงกันล่ะย่ะ..” เรเชลเอ่ยพูดพร้อมกับยื่นมือไปดึงแก้มยุ้ยๆ ของเพื่อนรัก ที่หลับสนิทไปเสียแล้ว

          “พาคุณรันขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องพักชั้นบนสุดเถอะครับ ส่วนเรื่องของลูกชายหยางเหว่ย เดี๋ยวทางผมจะเป็นคนจัดการให้เองครับ รับรองว่าเขาไม่กล้ามาวุ่นวายกับคุณรันอย่างแน่นอน..” คำพูดราบเรียบจากคนเป็นเจ้าบ่าว ทำให้น้ำฝนหันมามองอย่างรู้ทัน ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดจะทำสิ่งใด แต่หญิงสาวก็เลือกที่จะไม่เอ่ยพูดอะไรออกมา ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของคนเป็นเจ้าบ่าวของตน..

          “ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวผมจะอุ้มรันรันขึ้นไปส่งที่ห้องพักเองครับ..” สตีเฟ่นเอ่ยพูดเสนอตัว พร้อมกับกระชับร่างสูงอวบของเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้างๆตน ขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนของตนด้วยท่าทีสบายๆ..

          “สตีเฟ่น..ฉันขอเตือนว่าอย่าทำยัยรันตกพื้นนะค่ะ ไม่อย่างงั้น.. ยัยรันได้ตื่นขึ้นมาฆ่าคุณแน่!” เรเชลเอ่ยพูดแซวคู่หมั้นของตน ซึ่งมีเรี่ยวแรงเยอะมหาศาล ไม่ต่างไปจากเพื่อนสาวของเธอสักเท่าไหร่..

          “อย่าห่วงเลยครับที่รัก.. ผมชินกับแรงยักษ์สาของรันรันแล้วล่ะครับ..ฮ่าๆ โอ๊ย!” ท้ายประโยคสตีเฟ่นถึงกับหลุดเสียงร้องอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด เนื่องจากโดนคนที่หลับอยู่ในอ้อมแขนของตน หยิกที่แผ่นหลังของตนเข้าให้!..

          ..ให้ตายเถอะ! ขนาดหลับไปแล้ว ยังอุตส่าห์ได้ยินเรื่องที่นินทาอีกนะครับ คุณเพื่อนที่เคารพ!..

          สตีเฟ่นครุ่นคิดภายในใจอย่างนึกปลงตก ก่อนจะกระชับร่างของเพื่อนสาวของตนให้เข้าที่เข้าทาง แล้วจึงพาอุ้มเดินตรงไปที่ลิฟต์ โดยมีคู่หมั้นของตน และเหล่าผ่องเพื่อนเดินตามหลังมาแบบติดๆ และเพราะว่าทุกคนมัวแต่สนใจเดินตรงไปที่ลิฟต์ จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นว่า มีชายหนุ่มร่างสูงไว้ผมยาว แต่งกายดูภูมิฐาน ซึ่งทำท่าจะเอ่ยปากเรียกพวกเขา แต่ก็กลับนิ่งเงียบไป..

          “มีอะไรหรือครับท่าน..?” ผู้จัดการโรงแรมซึ่งยืนอยู่ด้วยกัน กับชายหนุ่มคนดังกล่าว เอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนอบน้อม เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มทำท่าจะเรียกกลุ่มคนดังกล่าว ที่เพิ่งจะเดินเข้าลิฟต์ไป..

          “ไม่มีอะไร..”

          “........” คำตอบราบเรียบจากชายหนุ่มดังกล่าว ทำให้ชายวัยกลางคน ผู้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการของโรงแรมแห่งนี้ เลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยอย่างนึกสงสัย เพราะแม้จะตอบออกมาแบบนั้น หากแต่ดวงตาคมกริบของอีกฝ่าย ก็กลับยังคงมองไปยังประตูลิฟต์ ซึ่งเวลานี้ไม่มีใครยืนรออยู่อีกแล้ว.. แต่เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเริ่มก้าวเดินต่อ หลังจากหยุดยืนอยู่กับที่ มองกลุ่มคนดังกล่าวที่ขึ้นลิฟต์ไปอยู่พักใหญ่ ชายวัยกลางคนจึงเลือกที่จะทิ้งความสงสัยดังกล่าวไป พร้อมกับก้าวเดินตามหลังชายหนุ่มไปอย่างเงียบๆ ทว่า.. พอเดินมาถึงยังด้านหน้าของโต๊ะเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงแรม ชายวัยกลางคนก็มีอันต้องเบรกฝีเท้าของตัวเองอย่างฉับพลัน เมื่อชายหนุ่มที่เดินนำหน้าอยู่ดีๆ ดันหยุดเดินกระทันหันขึ้นมาสักงั้น พร้อมกับมือหนายื่นไปหยิบปากกา และกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ ที่ตั้งวางอยู่บนโต๊ะ มาเขียนข้อความอะไรบางอย่าง..

          “ผู้จัดการ ส่งกระดาษโน้ตแผ่นนี้ให้กับผู้หญิงที่สวมชุดเดรสสีฟ้าทะเลคนนั้นด้วย”

          ชายวัยกลางคน เหลือบมองกระดาษโน้ตแผ่นเล็ก ที่อยู่ในมือของชายหนุ่มเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือออกไปรับ พร้อมกับโค้งศีรษะให้กับอีกฝ่าย ในขณะที่เอ่ยพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนอบน้อมตามเดิม

          “ทราบแล้วครับท่าน..”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา