Kingdom Guardian

8.7

เขียนโดย mimosa

วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 23.09 น.

  14 chapter
  1 วิจารณ์
  22.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 กันยายน พ.ศ. 2557 21.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) Kingdom Guardian : creepypasta city 1 (NC)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     Kingdom Guardian : creepypasta city 1

 

 

Pairing:Slander Man x Jeff the killer

 

 

 

                              ทุกๆวันนี้ มีข่าวการฆาตกรรมปริศนาบ่อยๆ ผู้รอดชีวิตที่น้อยรายต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันถึงรูปพรรณของฆาตกร ว่ากันว่าเป็นชายรูปร่างค่อนข้างผอมและบอบบางผิวสีขาวซีด ผมสีดำยาว ดวงตาสีฟ้ากลมโต สวมใส่เสื้อกันหนาวสีขาว กางเกงยีนสีดำ รองเท้าผ้าใบสีแดง แต่ที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดคงจะเป็นริมฝีปากสีแดงที่ฉีกไปจนเกือบถึงใบหู ผู้รอดชีวิตนั้นต่างอยู่ในอาการช็อก เลยไม่ได้ทันสังเกตดีๆ ไม่ได้พินิจดีๆ ว่าฆาตกรผู้นั้น ช่างเป็นคนที่งดงามมาก และอดีตของเขาก็น่าสงสาร ที่เขามาเป็นฆาตกรเช่นนี้จะไปโทษเขาได้อย่างไร เพราะที่เขาเป็นแบบนี้ เพราะเขาถูกเผาทั้งเป็นและสติแตก ถ้าจะโทษใครก็ไปโทษไอ้คนที่เผาเขาถึงจะถูก แต่ก็นะ ในเมื่อคนถือมีดคือเขามันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ และชื่อของฆาตกรคนดังที่ว่า ก็คือ เจฟ เดอะ คิลเลอร์ (Jeff the killer) แต่ถ้าว่าเจฟร้ายแล้ว เขาคงร้ายไม่เท่ากับฆาตกรปริศนาอีกรายที่อยู่ในป่า เพราะว่ารายนั้นฆ่าหมด หมดที่ว่าคือมันฆ่าเด็กและทุกๆคน ก่อนจะกินเป็นอาหาร ที่หน้ากลัวที่สุดคงจะเป็นตรงที่ฆาตกรรายนี้ไม่มีความเป็นมนุษย์เอาสะเลย ทั้งร่างกายที่ผอมสูงราวเสาไฟฟ้า สวมใส่ชุดสูทสีดำ ผูกเน็คไทต์สีแดงสด ผิวสีขาวซีด หัวล้านไร้เส้นผม และที่สยองที่สุดแทบทำผู้พบเห็นวิ่งหนีแทบไม่ทันก็คือใบหน้าที่ไม่มีอะไรเลย!!ว่างเปล่า ไม่มีตา ไม่มีจมูก ไม่มีปาก! จนใครๆต่างก็พากันล้อเลียนว่าเขาคนนี้เป็นพวกไม่มีหน้าไม่มีตาในสังคม ก็นะ ตลกได้ตลกไป แต่ถ้าไปเจอกับเขาคนนี้เข้าล่ะก็จะขำไม่ออกแน่ และไม่สามารถหนีไปจากเขาคนนี้ได้ เพราะเขานั้นไม่ได้มีแขนเพียงแค่ 2 ข้าง แต่มีตั้ง 8 ข้าง ที่จริง อาจเป็นสิบแขนเสียด้วยซ้ำ ซึ่งแขนที่ว่านี้ถูกเรียกว่าหนวด และมันแข็งแรงมากถึงขนาดสามารถฉีกกระชากเหยื่อของเขาให้เป็นชิ้นๆได้แถมยังสามารถยืดยาวได้ นอกจากนี้เขายังมีพลังในการฟื้นฟูสภาพร่างกายสูง ต่อให้ตำรวจเอาปืนลูกซองมายิง เขาก็ไม่ตาย เอาง่ายๆ เขาคนนี้เป็นอมตะ แถมยังมีสกิลติดตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหายตัวจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งหรือสั้นๆ “แว้บ” ล่องหน ทำเหยื่อปวดหัวตาพล่ากำเดาไหล ซึ่งเขาคนนี้ค่อนข้างดังมากๆ และชื่อของเขาก็คือ สแลนเดอร์แมน (Slander man) ว่ากันว่าเขตการล่าของ สแลนเดอร์แมนคือผืนป่า แต่ความจริงนั้น เขาสามารถฆ่าได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ไม่ว่ายังไงป่าก็คือบ้านของเขาและใจกลางป่าผืนนั้นในส่วนที่ลึกที่สุดจะมีคฤหาสน์ตั้งตระหง่านอยู่กลางป่า มันทั้งเก่าและร้างแต่มันคือแหล่งกบดานของ สแลนเดอร์แมน หรือเอาง่ายๆ ก็บ้านของเขานั้นแหละซึ่งก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกอย่าง บ่อยครั้งที่เขามักจะเก็บกระดาษที่เหยื่อเคยวาดเคยเขียนเกี่ยวกับเขาเอาไว้ แล้วนำมันไปแปะไว้ทั่วป่าเพื่อใช้ล่อเหยื่อ แล้วเหยื่อในค่ำคืนนี้ของเขาจะเป็นใครกันนะ...

 

.

.

.

 

 

                               ในวันที่พระจันทร์เต็มดวง ท้องฟ้าสดใสไร้เมฆฝน ยามค่ำคืนที่น่าเงียบสงบ กลับมีเสียงไซเรนของรถตำรวจดังขึ้น ไม่ใช่เกิดเหตุอะไรที่ร้ายแรง แค่มีคดีฆาตกรรมตายยกบ้านก็เท่านั้นเอง!!! และฆาตกรก็รายเดิม เจฟ เดอะ คิลเลอร์ ที่มาจนถึงตอนนี้ทางตำรวจก็ยังไม่สามารถจับเขาได้ หรือถ้าจับเขาได้ก็โชคร้ายกลายเป็นหนึ่งในเหยื่อของเจฟ

แล้วตัวฆาตกรชื่อดังในตอนนี้ไปอยู่ไหนซะล่ะ?

ก็กำลังเดินเล่นอย่างอารมณ์ดีอยู่ในป่าน่ะสิ! ปลอดภัยและไม่ต้องกลัวตำรวจหรืออะไรทั้งนั้น แต่เจฟคงไม่รู้...ว่าในป่าแห่งนี้เอง...ก็ไม่ต่างอะไรไปจากกับดักมรณะที่พร้อมจะฆ่าเหยื่อตลอดเวลา เพียงแค่รอเวลา...ที่จะเจอกับเจ้าของป่าเท่านั้น ...ดังนั้น จะเรียกว่าปลอดภัย 100% ก็คงไม่ได้เพราะว่านี่มันอันตราย 100% เลยต่างหาก

เจ ฟเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ริมฝีปากสีแดงระเรื่อของเขาทำให้มองได้ยากว่าเขาแค่ทำหน้าปกติอยู่หรือกำลัง ฉีกยิ้มอยู่กันแน่เพราะว่ามันฉีกไปจนเกือบถึงใบหูทำให้ดูเหมือนเขากำลังยิ้ม อยู่ตลอดเวลา

แต่ แล้วจู่ๆ ก็เกิดมีเสียงบางอย่างดังขึ้นมา มันฟังดูเหมือนเสียงฝีเท้ากำลังเดินตามหลังเจฟ อยู่ มันดังขึ้นเรื่อยๆราวกับว่ามันมาอยู่ข้างหลังเขาแล้ว เจฟได้แต่คิดว่าอะไรกำลังตามหลังเขามาซึ่งพอเขาเหลือบตามองกลับไม่พบอะไรนอก จากความว่างเปล่าเขาจึงคิดว่าเขาอาจคิดมากหรือหลอนไปเองแต่แล้วความรู้สึก เหมือนกำลังถูกจ้องมองอยู่กับความรู้สึกว่ากำลังมีใครเดินตามหลังนั้นก็กลับ มาอีกครั้งทำให้เจฟดึงมีดออกมาจากเสื้อฮู้ดแล้วหันกลับไปทางด้านหลังด้วย ความหวั่นใจที่เริ่มก่อตัวขึ้น

“นั่นใครน่ะ!?ต้องการอะไร!” เจฟตะโกนถามพลางกระชับมีดในมือ แต่สิ่งที่เขาพบกลับมีเพียงทางที่เขาเดินมา และมันว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดนอกจากต้นไม้ ความเงียบเริ่มโรยตัวลงท่ามกลางความมืดมิด เจฟอาจไม่ทันสังเกตจนกระทั่งตอนนี้ว่ามันไม่มีเสียงอะไรเลยนอกจากความเงียบ เขารู้สึกสงสัยและเริ่มกลัว เขาคิดว่าเขาอาจฝันไปเพราะว่ามันไม่มีอะไรเลยนอกจากต้นไม้ เจฟ เลือกที่จะไม่ใส่ใจแล้วหันกลับมาเดินต่อ แต่แล้ว เขาก็ได้พบกับบางอย่าง ต้นไม้ตรงหน้าเขา มีกระดาษแผ่นหนึ่งแปะอยู่ ด้วยความสงสัยทำให้เขาเดินเข้าไปดูใกล้ๆซึ่งบนกระดาษแผ่นนั้นมีอะไรบางอย่างเขียนไว้อยู่ ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ เขายิ่งเห็นได้ชัดเจนขึ้นว่าบนกระดาษแผ่นนั้นมันเขียนว่าอะไร

 

 

 

                              “DON’T LOOK … OR IT TAKES YOU”

 

 

 

“หึ” เจฟ นึกขำกับแผ่นกระดาษและข้อความบนนั้น เขาเลือกที่จะไม่ใส่ใจมันแล้วเดินผ่านมันไปอย่างไม่คิดจะหันกลับมามอง ซึ่งถ้าเจฟ หันกลับมามองสักนิด เขาคงจะทันได้เห็นรยางค์ที่ดูคล้ายๆหนวดสีดำ(Tentacle) ยื่นมาดึงแผ่นกระดาษออกจากต้นไม้แล้วหายไปอย่างลึกลับ

เจฟยังคงเดินต่อไปอย่างไร้จุดหมาย หากแต่เมื่อยิ่งเดินลึกเข้าไปในป่ามากเท่าไร ความเงียบและความกดดันก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เช่นเดียวกับความมืดที่ยิ่งมืดเข้าไปทุกทีๆ จนเจฟแทบจะมองไม่เห็นทางเดิน แต่เพราะแสงจันทร์บนฟากฟ้าทำให้ยังพอมองเห็นเส้นทางได้บ้าง ความเงียบเริ่มทำให้เจฟกลับมาใจสั่นอีกครั้ง เสียงเดินของตัวเขาเองทำให้ในบางครั้งเขาต้องหยุดเดินเพื่อความแน่ใจว่าเสียงฝีเท้านั้นเป็นของเขา ไม่ใช่ของใครหรืออะไรก็ตามที่เดินตามเขามา และมันก็ไม่ใช่เสียงฝีเท้าของใครนอกจากของเขา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครบางคนหรืออะไรบางอย่างมองเขาอยู่ และอะไรที่ว่านั้น นอกจากเฝ้ามองเขาแล้วยังเดินตามเขามาอีกด้วย ซึ่ง เจฟยังคงคิดว่าเขาอาจคิดมากไปเองเพราะสภาพแวดล้อมรอบข้างทำให้เขารู้สึกหลอนๆปนหวาดหวั่นไม่น้อย ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดคงจะเป็นการพยายามเดินออกไปจากป่าแห่งนี้ให้เร็วที่สุด แต่เดินมาได้สักพักใหญ่ๆแล้ว เขาก็ยังไม่พบวี่แววของทางออกเลย นอกจากป่า นอกจากนี้ เขายังรู้สึกเหมือนตัวเองเดินวนกลับมาที่เดิม แต่เพราะมันเป็นป่า ทั้งทางซ้ายขวาเต็มไปด้วยต้นไม้หน้าตาเหมือนกันหมด เขาจึงไม่อาจแน่ใจได้ว่าเขาเดินกลับมาที่เดิมจริงหรือไม่ เพื่อความสบายใจ เจฟจึงใช้มีดคู่ใจของเขาฟาดที่ต้นไม้เพื่อทำเป็นสัญลักษณ์ ถึงเขาจะไม่อยากทำเพราะว่ามันจะทำให้มีดของเขาทื่อเร็ว แต่เพื่อที่จะได้ไม่หลงป่า เขาจำเป็นต้องทำ

เจฟไม่อาจแน่ใจได้ว่าเขาเดินมานานเท่าไรแล้ว แต่เขาคิดว่าเขาเริ่มจะเดินลึกเข้าไปในป่ามากขึ้นทุกทีๆ ทั้งความมืดที่แสงจันทร์เริ่มไม่ช่วยให้มองเห็นทางเพราะต้นไม้รอบด้าน ทั้งความเงียบและความอึดอัด ทำให้เจฟเริ่มกลัวมากขึ้น แต่เขาจะมามัวกลัวไม่ได้ เขาต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อนที่เขาจะเริ่มประสาทกิน แต่แล้ว เขาก็พบกับอะไรบางอย่าง อีกครั้ง มันเป็นแผ่นกระดาษที่ติดอยู่บนต้นไม้ดั่งเช่นที่เขาเคยเจอไปเมื่อตอนแรก เจฟเริ่มใจเสียเพราะเขาคิดว่าเดินวกกลับมาที่เดิม แต่เขาก็คิดปลอบใจตัวเองว่ามันอาจเป็นกระดาษคนละแผ่นกันและเพื่อความมั่นใจ เขาจำเป็นต้องเดินเข้าไปดูมันใกล้ๆ และเมื่อเดินมาดูมันใกล้ๆ เขาก็พบว่า ข้อความบนกระดาษนั้นแตกต่างไปจากเดิม มันจึงฟันธงได้ว่า กระดาษแผ่นนี้เป็นคนล่ะแผ่นกับที่เขาเจอ เจฟ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และเขารู้สึกว่าเขาเริ่มจะประสาทกินจริงๆแล้ว เขาหยิบกระดาษบนต้นไม้ขึ้นมาอ่านดูใกล้ๆด้วยความสงสัยว่ามันเขียนว่าอะไร ซึ่งข้อความบนกระดาษมันเขียนไว้ว่า

 

 

 

                                             “BEHIND YOU”

 

 

 

“เฮอะ ไอ้โง่ที่ไหนมันมาทิ้งกระดาษไว้แถวนี้กันเนี้ย!?”เพื่อไม่ให้ตัวเองกลัวไปมากกว่านี้ เจฟ จึงพูดทำลายความเงียบ แต่แล้ว เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีใครกำลังยืนอยู่ข้างหลังเขา เจฟ มองแผ่นกระดาษในมือที่มีข้อความเขียนไว้ก่อนจะกลืนน้ำลาย เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะหันไปมองดีไหม แต่เขาก็ตัดสินใจหันไปมอง

“!!” ดวงตากลมโตสีฟ้าเบิกกว้าง หัวใจของ เจฟกระตุกวูบเมื่อสิ่งที่เขาหันกลับมาเห็นด้านหลังนั้น เป็นชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ผูกเน็คไทต์สีแดงสด รูปร่างผอมสูง ผิวขาดซีด ไม่มีใบหน้า ไม่มีผม แต่มองร่างตรงหน้าได้ไม่นานเขาก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมากะทันหัน เจฟ สะบัดหัวไล่ความวิงเวียนออกไปแล้วควักมีดออกมาจากกระเป๋าเสื้อฮู้ด

“แกมันตัวบ้าอะไรกัน!!!” เจฟ ตะโกนถามอย่างไม่ต้องการคำตอบแล้วพุ่งเข้าหา ร่างสูงตรงหน้าทันที แต่ทันใดนั้น!!จู่ๆก็มีรยางค์สีดำคล้ายๆหนวด งอกออกมาจากหลังของชายหนุ่มตรงหน้า มันงอกยาวออกมาก่อนจะตวัดมาทาง เจฟ แต่กลับมีบางอย่างผิดปกติ ดวงตาของ เจฟ เริ่มพร่าเลือก ภาพตรงหน้ามันเบลอเสียจนมองอะไรไม่ออกก่อนที่ทุกๆอย่างจะมืดมิด พร้อมกับสติของ เจฟ ที่ดับวูบลงไป

 

 

 

++++++++++++++++++++

 

 

 

 

                     ช่วงเวลา หลังจากนั้น...

 

ร่างของ เจฟ นอนยาวเหยียดอยู่บนเตียงนุ่มหนาสีขาว ในห้องที่ดูเก่าๆโทรมๆ มีดของเขาถูกวางไว้อยู่บนโต๊ะข้างเตียง เช่นเดียวกับรองเท้าที่ถูกถอดไว้บนพื้นห้อง ลมเย็นยะเยือกพัดเข้ามาจากบานหน้าต่างที่มีไม้แผ่นหนาสัก 2-3 แผ่นมาตอกปิดไว้ ทำให้ร่างที่นอนอยู่บนเตียงหนาวสะท้านก่อนจะเบิกตากว้างแล้วตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทรา

“โอ้ย~ บ้าชิบ หัวฉัน เจ็บชะมัด” เจฟ ครวญครางด้วยความมึนหัว เขากุมหัวอยู่สักพักถึงจะเริ่มตั้งสติได้

“เดี๋ยว! นี่ฉัน อยู่ที่ไหนกัน?” เจฟ พึมพำพลางหันมองซ้ายมองขวา ก็พบว่าเขาไม่ได้อยู่ในป่าแล้วและไม่ได้อยู่ในสถานที่ ที่เขาคุ้นเคย

“ฉันมั่นใจว่าไอ้เวรไร้หน้านั้นต้องเป็นคนพาฉันมาที่นี่แน่ๆ!!” เจฟ พึมพำ เขามองสำรวจรอบห้องเพื่อความมั่นใจว่าเขาอยู่ภายในห้องนี้คนเดียว เขาก้าวขาลงจากเตียงก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อออกไปจากที่นี่ แต่พอออกมาจากห้อง เขาก็ต้องหลงทางกับบ้านที่หลังใหญ่และกว้างขวางหลังนี้ จนกระทั่ง เขาพบกับประตูที่ดูเหมือนอาจพาเขาออกไปจากที่นี่ได้ แต่ มันก็น่าจะเป็นทางออกนั้นแหละ เพราะจากการเดินหลงสักพัก เขาคิดว่าเขาน่าจะเดินมาถึงส่วนที่เป็นหน้าบ้านเป็นแน่

“หวังว่านั้นคงเป็นทางออกนะ” เจฟ พึมพำ หันมองซ้ายมองขวา เขารู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อยกับความเงียบที่อยู่รอบตัวเขาและรู้สึกระแวงมากๆ กลัวว่าชายไร้หน้าคนนั้นจะมาเจอเขาเข้า

“ฉันต้องออกไปจากที่นี่ก่อนที่ไอ้เปรตไร้หน้านั้นจะเจอฉัน” เจฟ พึมพำอีกครั้งในระหว่างที่เดินไปที่ประตู

“ใช่ ฉันอยู่นี่” แต่ทว่า กลับมีเสียงทุ้มเย็นยะเยือกดังขึ้นจากทางด้านหลังของเขา เจฟ รีบจับลูกบิดประตูทันทีแต่กลับพบว่าเขาไม่สามารถเปิดมันได้เพราะประตูห้องมันร็อก

“ไร ฟะ” เจฟ สบถด้วยความใจเสีย ก่อนจะเพิ่งนึกได้ว่าเขาลืมมีดไว้ที่ห้อง ที่เขาตื่นขึ้นมาพบเป็นที่แรก เจฟจึงรีบวิ่งตรงกลับไปยังห้องนั้นทันทีโดยที่เขาแอบเหลือบตามอง ร่างสูงไร้หน้าทางด้านหลังซึ่งเขาคิดว่าน่าจะกำลังหันมามองเขาที่กำลังวิ่ง อยู่ แต่แล้วจู่ๆ หนวดสีดำก็งอกออกมาจากหลังของร่างสูงไร้หน้าแล้วตรงเข้ารัดรอบตัว เจฟ ทำให้เขาไม่อาจวิ่งหนีไปไหนได้

“อ่า!! ปล่อยฉันนะ ไอ้เปรตไม่มีหน้า!!” เจฟ ร้องด้วยความตกใจพร้อมกับพยายามดิ้นให้หลุดจากหนวดสีดำที่รัดอยู่รอบตัวเขา ซึ่งยิ่งเขาดิ้นมากเท่าไร หนวดสีดำนั่นยิ่งรัดรอบตัวเขาแน่นขึ้น

บุรุษไร้หน้าไม่สนใจอาการดิ้นรนให้หลุดจากหนวดของเขาของเจฟ ซึ่งเขารู้ดีว่ามันเปล่าประโยชน์ เขาเริ่มออกเดินโดนมีร่างของ เจฟ ที่ถูกหนวดของเขารัดแล้วถูกยกสูงจากพื้นจนตัวลอยตามมา

“ปล่อยฉัน!!!จะพาฉันไปไหน!ปล่อย!!!!” เจฟ ร้องพลางดิ้นไปมาไม่หยุดจนเริ่มรู้สึกเหนื่อยขึ้นมานิดๆแต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุด ร่างสูงเปิดประตูห้อง ห้องหนึ่งเข้าไปซึ่งมันก็คือห้องที่ เจฟ ตื่นขึ้นมาในตอนแรก โดยบนพื้นห้องนั้นเต็มไปด้วยกระดาษมากมายที่มีข้อความและรูปภาพแตกต่างกันไปกระจัดกระจายเกลื่อนกลาดเต็มพื้น ชายหนุ่มไร้หน้าโยน เจฟ ลงไปบนเตียงก่อนจะใช้หนวดรัดข้อมือทั้งสองข้างของ เจฟ ยกขึ้นไว้เหนือหัว

“อ่า! นายทำฉันเจ็บ เพียงแค่บอกมาว่านายต้องการอะไรจากฉัน” เจฟ พูดพลางน้ำตาเล็ดเพราะหนวดของชายไร้หน้ารัดจนแขนของเขาเจ็บไปหมด รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงดังก๊อกด้วยซ้ำ เขาหวังว่ากระดูกของเขาคงไม่หัก ร่างสูงค่อยๆขึ้นมาบนเตียงทำให้ เจฟ รู้สึกใจสั่นด้วยความหวาดหวั่นไม่น้อย

“นายเป็นอะไรกัน? นายเป็นใคร?” เจฟ ถามด้วยความหวาดกลัวที่เริ่มเข้ามาในจิตใจ

“ฉันเหรอ? ฉันคือ สแลนเดอร์แมน ฉันก็ไม่ต่างจากนายหรอก ฉันเป็นฆาตกร แต่ฉันไม่ได้เพียงแค่ฆ่าอย่างเดียว ฉันกินพวกเขาด้วย” ชายร่างสูงที่ชื่อ สแลนเดอร์แมนตอบ เจฟ พร้อมกับส่วนที่น่าจะเป็นปากเริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ไร้ดวงตาและจมูกซึ่งจากคำตอบของเขา มันทำให้ เจฟ รู้สึกกลัวมากขึ้น

“ดะ...ได้โปรด ยะ...อย่าฆ่าฉัน” เจฟ พูดพร้อมกับสะอึกสะอื้น น้ำตาไหลลงมาจากดวงตาสีฟ้ากลมโตและร่างทั้งร่างที่สั่นสะท้านด้วยความกลัว “ฉันไม่ทำหรอก” ไม่รู้ว่า เจฟ คิดไปเอง แต่เขารู้สึกแปลกๆกับ สแลนเดอร์แมน รู้สึกว่า ถ้า สแลนเดอร์แมนมีตา เขาอาจโดนมองด้วยสายตาที่ ต้องทำให้เขาขนลุกชันไปทั้งตัวแน่นอน

“นายไม่รู้จักฉัน แต่ฉันรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับนาย วิธีที่นายฆ่าเหยื่อรวมไปถึง การที่นายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงเช่นกัน” สแลนเดอร์แมนพูดพลางใช้ลิ้นสีแดงที่ยาวออกมาจากปากของตนตวัดเลียปากที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยว

“นายรู้ได้ยังไง?” เจฟ ถาม น้ำตายังคงไหลลงมาจากดวงตาของเขาไม่หยุดเช่นเดียวกับความกลัวในใจของเขาที่ยังไม่หายไป

“ฉันอาจไม่มีตา แต่ฉันสามารถเฝ้ามองได้ และฉันเฝ้ามองนายเสมอ มาตลอด” สแลนเดอร์แมน พูดพลางค่อยๆปลดเน็คไทต์สีแดงของตนออกแล้วตามมาด้วยถอดเสื้อนอกของตนออก

“นายเป็นของฉัน” สแลนเดอร์พูดก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตนออกสองสามเม็ด เผยให้เห็นแผ่นออกแกร่งกำยำสีซีด เขาขึ้นคร่อมร่างของ เจฟ มือหนาทั้งสองข้างลูบไล้ร่างกายของ เจฟ จนร่างด้านใต้เขารู้สึกกลัวเข้าไปทุกทีๆ

“ปล่อยฉันไป!!” เจฟ ร้องด้วยความกลัว น้ำตายังคงไหลไม่หยุด ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านด้วยความกลัว

“นายจะทำอะไรฉัน!!”

“หุบปากซะ นายพูดมากไปแล้ว...แต่เดี๋ยวก่อน ฉันรู้ว่าจะทำให้นายเงียบได้ยังไง” สแลนเดอร์แมนพูดน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ความหมายของมันทำให้ เจฟ รู้สึกใจคอไม่ดี แต่แล้วจู่ๆก็มีหนวดอีกเส้นงอกออกมาจากหลังของเขาก่อนที่มันจะถูกยัดเข้าไปในปากของ เจฟ  สแลนเดอร์แมนยิ้มด้วยความพึงพอใจก้มลงมองผลงานของตน ในขณะที่มือหนาของเขาก็ยังคงลูบไล้ร่างข้างใต้ไม่หยุด หนวดที่อยู่ในโพรงปากของ เจฟ เคล้าคลึงและหยอกเย้าลิ้นอุ่นภายในโพรงปากที่พยายามหลบแต่ก็ไม่สามารถทำได้ทำให้ เจฟ ทำได้เพียงแค่นอนอยู่เฉยๆ ให้ร่างด้านบนทำตามใจชอบ มือใหญ่ล้วงล้ำเข้าไปในเสื้อกันหนาวสีขาวลูบไล้ผิวขาวซีดพอๆกับตน หนวดอีกสองเส้นงอกออกมาจากแผ่นหลังของร่างสูงแล้วค่อยๆเลื่อยเข้าไปในเสื้อกันหนาวสีขาวและกางเกงสีดำของเจฟ เขาดิ้นเร่าๆเมื่อหนวดของ สแลนเดอร์แมนเลื้อยไปทั่วตัวของเขา สัมผัสของมันทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มแปลกๆ หนวดที่อยู่ในโพรงปากของเจฟ ถูกดึงออกมาแล้วย้ายไปลูบไล้ส่วนล่างของเขาแท้

“ปล่อยฉันไป!!ไอ้สัตว์ประหลาดไม่มีหน้า!!!” เจฟตะโกนและยังคงพยายามดิ้นหนีร่างสูงด้านบน ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นล้วนแล้วแต่ไร้ประโยชน์สิ้นดี

“สัตว์ประหลาดเหรอ? ใช่!นั้นแหละคือสิ่งที่ฉันเป็น” สแลนเดอร์แมน ตอบเสียงเรียบนิ่งราวกับไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดของร่างด้านใต้ ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่เพราะว่าเขาไม่สามารถแสดงอารมณ์ออกมาทางหน้าตาได้ แต่ถ้าเป็นการกระทำมันก็อีกเรื่องนึง...

หนวด เส้นหนึ่งเคลื่อนไปที่แผ่นอกบาง ตวัดหยอกล้อกับยอดถันที่เต่งตึงขึ้นมาจากอารมณ์รัญจวนที่ร่างสูงเป็นคนมอบ ให้ ในขณะที่หนวดอีกสองเส้นเริ่มลูบไล้ไปตามขาอ่อนใต้เนื้อผ้าหนา หนวดเส้นหนึ่งลากผ่านส่วนอ่อนไหวที่ตื่นตัวของร่างบางก่อนจะสัมผัสลูบไล้ อย่างอ้อยอิ่งจนร่างบางดิ้นเร่าๆด้วยความทรมานแล้วกลับกลายเป็นความรู้สึก อึดอัดปนเสียวสะท้านเมื่อหนวดเส้นนั้นรัดรอบส่วนอ่อนไหวของเขาแน่น เจฟหอบหายใจ เรี่ยวแรงที่จะดิ้นหมดไปแล้วเขาทำได้เพียงแค่บิดกายด้วยความเสียวซ่านและส่ง เสียงครางหวานที่เขาคิดว่ามันน่าอายออกมา ร่างของเขาสั่นสะท้าน ปลายเท้าทั้งสองข้างจิกลงไปบนผ้าปูที่นอน เขาพยายามรวบรวมสติให้กลับมาแต่ก็ยากเหลือเกินเมื่อหนวดทั้งสามขยับ สติของเขาก็กระเจิงหมดแล้ว ในตอนนี้หัวสมองของเจฟ ขาวโพลนไปหมด ไม่สามารถคิดหาทางหนีได้อีกแล้ว แต่เขาก็ยังไม่คิดจะหยุดขัดขืน

“ยะ...หยุด...พอที...ไม่!!!” เจฟพยายามกลั้นเสียงครางไว้แล้วพูดออกมาด้วยเสียงขาดช่วงที่แหบพร่าตามแรงอารมณ์

“หุบปากซะ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น!” สแลนเดอร์แมนพูดพร้อมกับมือหนาของเขาที่ตรงเขาบีบคางของเจฟทำให้ร่างบางไม่สามารถส่งเสียงใดๆออกมาได้นอกจากเสียงครางอู้อี้ นิ้วชี้เรียวยาวถูกยัดเข้าไปในริมฝีปากของเจฟซึ่งเขาไม่สามารถขัดขืน สแลนเดอร์แมนได้ มือหนาที่บีบคางของเจฟเริ่มคลายแรงบีบลงและนิ้วชี้ยาวที่ถูกดึงออกมาจากริมฝีปาก เปิดโอกาสให้เจฟ ได้หายใจทั่วท้อง ได้แต่ไม่นาน

เจฟ นอนหอบหายใจอย่างหมดแรงในขณะที่ สแลนเดอร์แมนก้มใบหน้าว่างเปล่าไร้ดวงตาและจมูกของเขาเข้ามาใกล้ๆใบหน้าขาวซีดของเจฟ ดวงตาสีฟ้าปรือปรอยดูหวานหยาดเยิ้มและน่าหลงใหลสำหรับ สแลนเดอร์แมน ลิ้นเรียวยาวสีแดงสดตวัดเลียแก้มขาวซีดของเจฟทำเอาร่างบางสั่นสะท้านด้วยความรู้สึกขนลุกซู่

สแลนเดอร์แมน ใช้มือที่ยังคงบีบคางของ เจฟ อยู่ เชิดหน้าร่างบางขึ้นแล้วใช้ลิ้นค่อยๆลากผ่านริมฝีปากจากริมซ้ายไล้มายังด้านขวาก่อนจะสอดเข้าไปในโพรงปากของเจฟ ลิ้นยาวเรียวร้อนหยอกล้อกับลิ้นอุ่นในโพรงปากนุ่มเสียจนเจฟ อ่อนระทวย ลิ้นยาวลิ้มรสความหวานในโพรงปากนุ่มอย่างกระหายแต่ถึงกระนั้นมันก็ทำให้ เจฟ จูบตอบโดยไม่รู้ตัวและในขณะเดียวกันมันก็ทำให้ เจฟหายใจแทบไม่ทันกับ จูบที่ร้อนลุ่มและรุนแรงของ สแลนเดอร์แมน ในขณะเดียวกัน สแลนเดอร์แมนก็ใช้หนวดที่มัดข้อมือของเจฟ ทั้งสองข้างยกร่างของเจฟ ขึ้นมาทั้งๆที่ทั้งคู่ยังคงจูบกันอยู่ มือหนาสีขาวซีดจับที่แผ่นหลังบางแล้วไล้ปรายนิ้วไปตามแนวกระดูกสันหลัง ยิ่งทำให้ร่างบางสะท้านเข้าไปใหญ่ ร่างสูงผละริมฝีปากออกให้ เจฟ ได้มีโอกาสหายใจได้เต็มที่ก่อนที่บุรุษไร้หน้าจะก้มลงไปซุกไซร้ที่ซอกคอขาวซีด แต่ร่างบางก็ต้องสะดุ้งตัวโหยงพร้อมกับพยายามจะดิ้นหนีเมื่อหนวดเส้นหนึ่งค่อยๆแทรกเข้าไปในช่องทางด้านหลังอย่างช้าๆและลึกขึ้นเรื่อยๆ มือหนาขาวซีดข้างหนึ่งจับที่ท้ายทอยของเจฟ ก่อนจะกดให้ใบหน้าสวยเข้ามาจูบกับเขาอีกครั้ง ร่างบางดิ้นเร่าๆด้วยความทรมาร น้ำตาซึมไหลลงมาจากดวงตาทั้งสองข้างของเจฟ ลิ้นยาวร้อนตวัดรัดลิ้นอุ่นในโพรงปากหวานอย่างพยายามจะให้ลืมความเจ็บปวด แต่ก็เป็นไปได้ยาก มือบางที่ยังคงถูกพันธนาการไว้ถูกจัดให้โอบล้อมรอบต้นคอแกร่ง

“ฮึก...อึก ...อื้อ” เจฟ สะอึกสะอื้นในขณะที่โพรงปากยังคงถูกลิ้นร้อนยาวของ สแลนเดอร์แมน รุกรานอยู่ น้ำตาไหลลงมาจากดวงตาสีฟ้าทั้งสองข้างมากขึ้นแต่ เจฟ ก็ต้องสะบัดหน้าหนีเมื่อร่างสูงเพิ่มจำนวนหนวดจากหนึ่งเป็นสองและขนาดของมัน ก็ไม่ได้มีขนาดเท่านิ้วมือ แค่นิ้วก็ยังเจ็บเจียนตาย แต่ถ้าเป็นหนวดที่มีขนาดเท่าข้อมือถึงสองเส้น มันจะทำให้ทรมานเจียนตาย

“อ๊า!!อ๊ะ อ๊า!!มันเจ็บ!!มันเจ็บ!!” เจฟ กรีดร้องสะอึกสะอื้นด้วยความทรมาน เขาพยายามจะดิ้นหนี ถอยห่างออกมาจากร่างสูงแต่กลับถูกมือใหญ่ขาวซีดจับยึดเอาไว้ หนวดที่งอกออกมาจากหลังอีกเส้นหนึ่งของ สแลนเดอร์แมน ทำหน้าที่ต่างมือในการเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาจากดวงตาสีฟ้าของเจฟ อย่างอ่อนโยน

“ไม่เป็นไร มันเจ็บไม่นานหรอก” สแลนเดอร์แมน พูดปลอบอย่างอ่อนโยนแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก

“หยุดนะ...อ๊า!!” เจฟกรีดร้องอีกครั้งเมื่อจำนวนหนวดที่แทรกลึกเข้าไปในตัวของเขาเพิ่มจากสอง หนวดเป็นสามหนวดแทนและลึกขึ้นกว่าเดิมจนเจฟ รู้สึกจุกมากๆ มันทั้งอึดอัดและทรมานจนเขาอยากจะหนีไปให้ไกลจากที่นี่ เขาหอบหายใจทั้งจากด้วยความอึดอัดและทรมาน หนวดเส้นที่ยังคงลูบไล้ไปทั่วลำตัวของเจฟ ค่อยๆเลื้อยสูงขึ้นจนพ้นจากคอเสื้อกันหนาวของเจฟ ก่อนจะเลื้อยผ่านลำคอสีขาวซีดขึ้นมาที่ใบหน้าสวยแล้วหนวดเส้นนั้นก็ปัดปอยผม ที่ตกลงมาปิดใบหน้าสวยพร้อมกับลูบไล้ใบหน้าสีขาวซีดที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ

“ฮึก...อึก...อ๊า!! ทำไม? ทำแบบนี้กับฉันทำไม!?” เจฟ ถามด้วยความไม่เข้าใจ น้ำตายังคงไหลลงมาจากดวงตาของเขาไม่หยุด

“เพราะว่าฉันชอบนาย ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเห็นนายแล้ว...นายฆ่ามนุษย์เหมือนกับฉัน นายเหมาะสมกับฉันที่สุด” สแลนเดอร์แมนพูดก่อนจะคลายหนวดที่มัดข้อมือของเจฟ อยู่ออกแล้วเปลี่ยนมาเป็นใช้หนวดสองเส้นมัดข้อมือของเจฟ เส้นละข้างแทนก่อนที่ร่างสูงจะผลักร่างบางให้ลงไปนอนราบกับพื้นเตียง

“ฉันไม่เหมือนกับนาย!!!!!”

“ชู่ว์~”

“ไม่...ไม่ๆๆๆๆๆๆๆ...ไม่!!!!”

เจฟกรีดร้องเมื่อเขาถูกกระชากเสื้อผ้าออกจากร่างจนในตอนนี้ร่างของเขานั้นเปลือยเปล่า ข้อมือของเขาทั้งสองข้างถูกกดลงกับพื้นเตียงเสียแน่น หนวดอีกสองเส้นที่งอกออกมาจากแผ่นหลังของร่างสูงตรงเข้ารัดที่ขาของเจฟ ก่อนที่มันจะดึงเรียวขาขาวซีดให้แยกออกกว้าง ในขณะที่ร่างสูงใช้มือของตนร่นกางเกงของตนเองลงไป หนวดทั้งสามที่ค้างคาอยู่ในช่องทางคับแคบถูกถอดออกมาแล้วถูกแทนที่ด้วยแก่นกายร้อน

“อ๊า!!!!ไม่!! เจ็บ!!อ๊า!!!!” เจฟ กรีดร้องในขณะที่ สแลนเดอร์แมน กระแทกกระทันเข้ามาจนสุด รู้สึกได้ถึงเลือดที่ไหลออกมาจากช่องทางด้านหลัง เจฟแอ่นกายแกร่งอย่างเจ็บปวด เงยหน้าขึ้นแล้วกรีดร้องเพื่อระบายความเจ็บปวดทรมานและเสียวสะท้าน น้ำตาไหลลงมาจากดวงตาทั้งสองข้างไม่หยุด เสียงกรีดร้องสะอึกสะอื้นดังออกมาจากริมฝีปากของเจฟ และเสียงกรีดร้องของเขายิ่งดังขึ้นเมื่อ สแลนเดอร์แมนเริ่มสร้างรอยกัดทั่วแผ่นอกของเขา เจฟ ก้มใบหน้าเปื้อนน้ำตาของตนลงมองใบหน้าขาวซีดที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากปากที่ เต็มไปด้วยฟันแหลมคมของ สแลนเดอร์แมน เขาเบือนหน้าหนีภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึก...เขินอายในใจ...ภาพที่ร่างสูง กำลังขยับร่างกายโถมเข้าใส่ตัวเขา มันเป็นภาพที่น่าอับอายสำหรับตัวเขาเป็นที่สุด

“อ๊า...อะ...อ๊ะ...อือ...แฮ่ก...อะ...อ๊า” เสียงหอบหายใจปนเสียงครางหวานดังขึ้นเรื่อยๆตามแรงกระแทกของร่างสูง กายเพรียวขยับไหวตามแรงกระแทกของร่างสูงใหญ่ เจฟ ไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจากส่งเสียงครางสะอึกสะอื้น ทำให้เขาได้แต่ภาวนาในใจ ขอให้ สแลนเดอร์ หยุดการกระทำของเขาเสียที สำหรับเจฟ นี่มันเจ็บมากๆ เจ็บจนเกินจะทนและมันทำให้เขาได้กลับมารู้สึกอย่างที่มนุษย์ควรจะรู้สึก อีกครั้ง หลังจากที่เขาสูญเสียความเป็นมนุษย์และกลายเป็นฆาตกรไปนานมาก เขาเจ็บ เขาทรมาน เขากลัว แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกสุขสมและอบอุ่นอย่างประหลาด เป็นความรู้สึกสับสนที่เขาไม่เคยเจอมาก่อนและยิ่งสับสนมากเท่าไร มันก็ยิ่งทำให้เจฟ กลัวมากขึ้นเท่านั้น   มือเรียวที่ถูกกดลงกับพื้นเตียงกำผ้าปูที่นอนแน่นเพื่อระบายอารมณ์ มือใหญ่สีขาวซีดสัมผัสที่แก้มสีชมพูซีดของ เจฟ ทั้งสองข้างแล้วบังคับให้เขาหันมาเผชิญหน้ากับบุรุษไร้หน้า

“ให้ฉันได้ดูหน้าสวยๆของนายสิ!!”

“อะ...อ๊า...ฉะ...ฉัน...ฉันไม่ต้องการแบบนี้!!มันเจ็บ...หยุดทีเถอะ” เจฟ พูดด้วยเสียงที่แหบพร่าเครือเสียงสะอื้นนิดๆ เหงื่อเม็ดโตผุดพรายทั่วร่างกายของเขาพอๆกับน้ำตาที่จนแล้วจนรอดก็ยังคงไหลลงมาไม่หยุด

“งั้น นายจะเชื่อฟังฉันหรือจะให้ฉันฉีกนายออกเป็นชิ้นๆดีล่ะ!!” สแลนเดอร์แมน พูดเสียงเรียบ หากแต่ฟังดูเยือกเย็น จะให้ถูกคือเขาดูจะอารมณ์เสียขึ้นมาซะแล้ว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงกระแทกแก่นกายของเขาเข้ามาในตัวเจฟ ต่อไปไม่หยุดและยิ่งแรงขึ้นตามแรงอารมณ์ของเขา

“ฉัน ไม่อยากตาย” เจฟ พูดด้วยความหวาดกลัว เขาทั้งสะอึกสะอื้นทั้งหอบครางด้วยความรู้สึกที่ยิ่งจะทำให้เขาสับสนเข้าไป ทุกทีๆก่อนที่เจฟ จะร้องครางออกมาอย่างสุดเสียงเมื่อ สแลนเดอร์แมนกระแทกกายเข้ามาอย่างแรงพร้อมกับปลดปล่อยธารน้ำอุ่นร้อนเข้ามา ในตัวเขาจนล้นทะลักออกมาเช่นเดียวกับเขาที่ปลดปล่อยออกมาเช่นกัน

“นายเป็นของฉัน”สแลนเดอร์แมน พูดเสียงพร่าก่อนจะก้มลงจูบกับร่างที่ยังคงนอนหอบอยู่ข้างใต้ร่างของตน

“แฮ่ก...อือ...ได้โปรด...ไม่...ไม่...พอทีเถอะนะ...อึก...ร่างกายของฉัน มันเจ็บไปหมด” เจฟพูดด้วยความอ่อนแรง เขารู้สึกกลัวเมื่อแท่งเนื้อร้อนที่ยังคงค้างอยู่ในช่องทางของเขาเริ่มขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง แต่ดูเหมือน สแลนเดอร์แมน จะไม่ใส่ใจกับคำขอของเจฟ ร่างที่กำลังหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อนถึงกับกรีดร้องอีกครั้งเมื่อร่างสูงเริ่มขยับตัว หนวดที่รัดข้อมือและข้อเท้าของเจฟ คลายออก ดวงตาสีฟ้าดูอ่อนแรงในขณะที่ สแลนเดอร์แมนยกตัวเจฟ ขึ้นมานั่งบนตักของเขา ร่างที่เหนื่อยล้าจากกิจกรรมที่เพิ่งทำไปซบลงมาที่อกแกร่งของร่างสูง มือใหญ่ข้างหนึ่งจับที่แผ่นหลังบางส่วนอีกข้างจับฝ่ามือของเจฟ ให้มาจับที่บ่าของเขาเอาไว้ ร่างที่สั่นของเจฟ พอทำให้ สแลนเดอร์แมน รู้อยู่บ้างว่า เจฟยังตื่นอยู่ เขาปัดปอยผมสีดำยาวที่ตกลงมาปิดหน้าของเจฟ ออก ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง ดวงตาสีฟ้าดูอ่อนล้าและเหม่อลอย เจฟได้แต่ภาวนาในใจอีกครั้งด้วยความอ่อนแรง...ขอให้ สแลนเดอร์แมนหยุดสักที...เพราะร่างกายของเขานั้นไม่ไหวแล้ว แต่มันก็ไม่เป็นอย่างที่เขาขอ...

“ไม่...ไม่เอาอีกแล้วนะ” เจฟ พึมพำก่อนที่มือใหญ่ที่จับอยู่ที่เอวคลอดจะจับยกสะโพกมนขึ้นแล้วสอดใส่ความร้อนรุ่มเข้าไปอีกครั้ง

เจฟกรีดร้องเมื่อความร้อนแข็งขืนนั้นแทรกเข้ามาในกายของตนอย่างรวดเร็วและจนสุดทาง ร่างบางเกาะบ่าของร่างสูงไว้แน่นพร้อมกับจิกเล็บลงไปบนบ่ากว้างเพื่อระบายความเจ็บปวดและความเสียวสะท้าน ร่างสูงขยับสะโพกไม่ยั้งในขณะที่มือหนาทั้งสองข้างจัดการข่วนลงไปบนแผ่นหลังบางของเจฟ ทำให้ร่างบางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทั้งจากด้านล่างที่สอดประสานกันและแผ่นหลังที่ถูกเล็บของ สแลนเดอร์แมนข่วนจนเป็นรอยแผลยาวทั่วแผ่นหลังและเลือดที่ไหลอาบลงมาตามบาดแผล

“นายทำหลังฉันเจ็บ” เจฟ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงเหมือนกับใกล้จะหลับ มือเรียวโอบรอบแผ่นหลังหนาของร่างสูงอย่างหาที่ยึดเกาะ บาดแผลที่เกิดจากรอยข่วนของ สแลนเดอร์แมนสร้างความเจ็บปวดให้กับเขาเป็นอย่างมาก ...มันเจ็บมาก...และมันทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดี...

“หยุด...ได้โปรด” เสียงของเจฟ ที่อ้อนวอนดูอ่อนแรงลงกว่าเก่า ร่างที่สั่นเทาและมือบางที่สัมผัสแผ่นหลังหนาดูอ่อนแรงเข้าไปทุกทีๆ จนกระทั่งดวงตาสีฟ้าทั้งสองข้างปรือปิดลงและร่างทั้งร่างของเจฟ ที่ซบลงไปที่อกของร่างสูง

“เจฟ?” เมื่อเห็นร่างบางนิ่งไป ร่างสูงจึงเอ่ยเรียกแต่กลับไม่มีการตอบรับกลับมาจากร่างบางซึ่งมันทำให้เขาตกใจ แต่เมื่อเขาผละร่างบางออกจากอกก็พบว่า เจฟ เพียงแค่สลบไปก็เท่านั้นเองซึ่งมันทำให้เขารู้สึกโล่งใจที่ เจฟ ไม่ได้เป็นอะไรมาก สแลนเดอร์แมนค่อยๆวางร่างที่กำลังหลับใหลลงไปนอนบนเตียงอย่างเบามือ เขารู้สึกว่าเขาไม่ควรทำรุนแรงกับเจฟ แบบนี้ เขารู้สึกเสียใจแต่นี่มันเป็นทางเดียวที่จะทำให้เจฟ เป็นของเขาคนเดียว สแลนเดอร์แมนก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากบวมช้ำของเจฟ อย่างแผ่วเบาก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆร่างบาง มือหนาลูบสัมผัสใบหน้าขาวซีดของร่างข้างๆด้วยความรักใคร่...ความรักที่เขาไม่เคยนึกเคยฝันว่าจะมี...เขารักเจฟ มาก...มากเกินจะบรรยาย...มากจนยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ เจฟ มาอยู่ข้างกายเขา...

เขาปัดผมที่ตกลงมาปกปิดใบหน้าขาวซีดออกแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มร่างของเขากับร่างของเจฟ เอาไว้ พร้อมกับความคิดในใจ...

...นายเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น...

เขาใช้หนวดของเขาดึงร่างข้างๆเข้ามาในอ้อมกอด

“นาย ไม่สามารถหนีหรือซ่อนได้” สแลนเดอร์แมน พึมพำพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นราวกับไม่ต้องการให้ร่างในอ้อมกอดของเขา นี้หายไปไหน...ที่นี่คือป่าของเขา...อาณาเขตของเขา...ไม่เคยมีใครหนีรอดไป จากเขาได้...โดยเฉพาะเจฟ...

“ฉันไม่ปล่อยนายไปไหนทั้งนั้น” สแลนเดอร์แมนพึมพำอีกครั้งก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราตามเจฟ ไปอีกคน

 

 

.

.

.

 

 

 

               ในวันต่อมา   เวลา 05: 00 น.

 

                         ดวงตาที่นานๆครั้งจะปิดสนิท ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทรา ก่อนจะเบิกตากว้างและตื่นอย่างเต็มตาเมื่อเขายังไม่ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้และยังจำได้ดีว่าเขาโดยทำอะไรไว้บ้าง   เจฟเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของร่างที่กำลังนอนกอดเขาอยู่ เขารู้สึกกลัวนิดๆเพราะเขาไม่อาจรู้ได้ว่าร่างที่กำลังกอดเขาอยู่นั้น กำลังหลับอยู่หรือตื่นอยู่กันแน่ แต่ไม่ว่าจะด้วยตื่นอยู่หรือหลับอยู่ เจฟก็รีบผละตัวออกจากอ้อมกอดของ สแลนเดอร์แมน ทันที แต่เพราะรีบมากไปทำให้ความเจ็บปวดจากกิจกรรมเมื่อวานกลับมา ร่างทั้งร่างของเจฟ ล้มลงไปกองกับพื้นด้วยความเจ็บปวด แต่เขาก็พยายามลุกขึ้นมา ฝืนความเจ็บปวดเท่าที่จะทำได้ เพื่อหนีออกไปจากที่นี่ก่อนที่ สแลนเดอร์แมน จะตื่น เจฟ ค่อยๆคลานไปหยิบกางเกงของตนมาใส่ด้วยความยากลำบากจนสำเร็จ เจฟใช้กำแพงเป็นที่พยุงในการยืน เขากัดฟันทนกับความเจ็บปวดจนน้ำตาเล็ด เขาไม่สามารถทำอะไรที่จะทำให้เกิดเสียงดังได้เพราะถ้าเขาทำเสียงดังล่ะก็ ร่างบนเตียงก็จะตื่นและเขาจะไม่ทิ้งโอกาสในการหลบหนีออกไปจากที่นี่เป็นอันขาด เขาก้มลงไปหยิบเสื้อของเขาแต่ด้วยความอ่อนแรงทำให้เขาล้มลงไปกับพื้นอีกครั้ง

“เจฟ” เสียงเรียกจากร่างบนเตียงทำให้เจฟ สะดุ้ง...สแลนเดอร์แมน ตื่นเสียแล้ว...และดูเหมือนเขาจะไม่พอใจที่เจฟ กำลังจะหนีเขา

“นายอยาก ให้ฉันฆ่านายจริงๆใช่มั้ย?” สแลนเดอร์แมนถามเสียงนิ่งเรียบพร้อมกับหนวดสีดำที่งอกออกมาจากหลังของเขา เจฟ พยายามคลานหนีออกมาจากที่นั่นแต่ก็ถูกหนวดของ สแลนเดอร์แมนพุ่งเข้ารัดที่ขาของเขาทำให้เขายิ่งรู้สึกใจเสียมากขึ้นและ โอกาสที่เขาจะได้หนีออกไปจากที่นี่ ...ก็หายไป...

หนวดเส้นนั้นดึงร่างของเจฟ ขึ้นสูงจากพื้นทำให้ร่างของเขาอยู่ในสภาพห้อยหัวและถูกจับให้หันมาเผชิญหน้ากับ สแลนเดอร์แมน

“เลิกพยายามหนีสักทีเถอะ!!นายไม่สามารถหนีออกไปจากป่าของฉันได้หรอก ไม่มีวัน!!!” สแลนเดอร์แมน พูดด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด เขาดูโกรธมาก...มากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าเจฟ พูดไม่เข้าหูเขาล่ะก็ สแลนเดอร์แมน คงไม่ลังเลที่จะฆ่าเขา สภาพร่างกายของเขาในตอนนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ขนาดในยามปกติเขายังเสียท่าแพ้ สแลนเดอร์แมน แล้วมาในยามที่เขาสภาพร่างกายไม่ไหวเช่นนี้ เขาคงไม่รอดเป็นแน่...หมดทางหนีแล้ว...คงมีแต่ต้องยอมสินะ...

“นั่นนายกำลังคิดอะไรอยู่? ฉันแข็งแกร่งกว่านาย!และที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของฉัน ไม่ว่านายจะหนีไปที่ไหน นายก็ไม่มีวันหนีฉันพ้นหรอก!!” สแลนเดอร์แมน พูดเสียงกร้าวนั่นยิ่งตอกย้ำเข้าไปอีก ว่าเจฟ ไม่มีทางหนีเขาพ้น...เขามีทางเลือกแค่ทางเดียวเท่านั้น...ถ้ายังไม่อยากถูก สแลนเดอร์แมนฉีกเป็นชิ้นๆ...

“ไม่! ฉันไม่ได้คิดที่จะหนี ฉันคิดว่านายพูดถูก ฉันไม่สามารถหนีได้!ฉันจะเชื่อฟังทุกๆอย่างที่นายพูด ได้โปรด อย่าฆ่าฉันเลยนะ” เจฟ พูดเสียงสั่นซึ่งที่เขาพูดออกมานั้นมันมาจากใจจริงและไม่ได้โกหกเลยสักนิด นอกจากเรื่องที่คิดจะหนีแล้วแผนล่ม (ล้ม) ก่อนเริ่ม

“มันต้องแบบนั้นสิ เด็กดี” เสียงของ สแลนเดอร์แมนดูอ่อนลงและแรงรัดที่ขาของเจฟ ก็ดูลดลง ซึ่งนั่นแปลได้ง่ายๆเลยว่า สแลนเดอร์แมนพอใจกับคำตอบของเขาและเขาก็จะไม่ถูกฆ่าในวันนี้

“ฉะ...ฉันสัญญา ฉันจะเชื่อฟังนาย” เจฟ รีบพูดเอาใจ สแลนเดอร์แมนทันที เพราะว่าเขาไม่อยากให้ร่างบนเตียงโกรธเท่าไร เพราะถ้าร่างสูงโกรธขึ้นมา...เขาอาจไม่รอด...

“ตอนนี้กลับมานอนได้แล้ว” สแลนเดอร์แมนพูดก่อนจะใช้หนวดที่รัดขาของเจฟ อยู่ดึงร่างของเจฟ ให้กลับขึ้นมาอยู่บนเตียง เขาวางร่างของเจฟ ลงบนเตียงอย่างเบามือแล้วเปลี่ยนให้หนวดของเขามารัดรอบเอวของเจฟ แทนกันร่างบางเปลี่ยนใจ...แต่ต่อให้เปลี่ยนใจยังไง...ก็หนีไม่พ้นอยู่แล้ว...

“ขอบ ใจ ที่ไม่ทิ้งฉัน ฉันขอโทษสำหรับทุกๆอย่างที่ฉันทำลงไป” สแลนเดอร์แมนพูดก่อนจะคว้าตัวเจฟ ให้ลงมานอนด้วยกันแล้วกอดร่างที่ตัวเล็กกว่าเขาไว้ในอ้อมกอด เจฟ รู้สึกถึงริมฝีปากที่ประทับลงมาบนหน้าผากของเขาอย่างอ่อนโยน ซึ่งเขาไม่กล้าฟันธงว่าเมื่อกี้ สแลนเดอร์แมนใช้ปากจูบหน้าผากของเขาหรือใช้จมูกกดลงมาที่หน้าผากของเขากัน แน่เพราะว่าใบหน้าของร่างสูงนั้นไม่มีสิ่งที่เรียกว่าตา จมูกหรือปากเลย แต่ที่เจฟ รู้อย่างหนึ่งก็คือ อ้อมกอดของบุรุษไร้หน้าผู้นี้ช่างอบอุ่นและผิวกายของเขาก็นุ่มนวลมาก ใบหน้าขาวซีดเริ่มซับสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย เขาซุกใบหน้าของเขากับอกแกร่งของ สแลนเดอร์แมน เจฟ คิดว่าเขาเริ่มจะรู้สึกบางอย่างกับ สแลนเดอร์แมน และคิดว่าอีกฝ่ายเองก็อาจรู้สึกแบบเดียวกันกับเขา...ความรู้สึกที่เขาลืมไป นานแล้ว...และไม่คิดว่าจะกลับมามีความรู้สึกแบบนี้อีก...........ความ รัก...........

 

 

 

++++++++++++++++++++++++

 

 

 

 

                         ณ เมือง ไซเรน ฮิล

          “งั้น ในตอนนี้ นายกับเจฟ ก็เป็นสามีภรรยากันแล้วล่ะสิ?” คำถามหลังการเล่าเรื่องของ สแลนเดอร์แมน ดังมาจากชายหนุ่มผมสีนิลนัยน์ตาสองสี ฟ้าข้างหนึ่งแดงข้างหนึ่ง

“ก็ตามนั้น ฝ่าบาท” สแลนเดอร์แมนตอบเขาอย่างนอบน้อม

“ไม่ต้องพิธีรีครอง แค่กาเบลียก็พอ” ชายหนุ่มพูดก่อนจะยกแก้วน้ำชาบนโต๊ะขึ้นมาจิบอย่างสบายอารมณ์

“ถ้าท่านจะช่วยทำตัวให้ดูเหมือนจักรพรรดิมากกว่านี้ พวกเราก็คงไม่มาตัวเกร็งกันขนาดนี้หรอกท่าน” เสียงหนึ่งดังมาจากร่างใหญ่ที่มีหัวเป็นเหล็กรูปทรงคล้ายกับพีระมิด

“ให้ ตายยังไง กาเบลียก็คงไม่ทำตัวเป็นองค์จักรพรรดิในสายตาของพวกนายหรอก” เสียงพูดที่แสนจะนิ่งเรียบดังมาจากชายหนุ่มผมสีทองอ่อนจนเกือบขาวที่นั่ง อยู่ฝั่งเดียวกันกับกาเบลีย

“ประเด็นของเรื่องนี้มันอยู่ที่ตรงนั้นหรือไง ฟาเธอร์” ร่างใหญ่หัวพีระมิดพูด

“ก็ไม่นะ พีระมิดเฮด ว่าแต่ สแลนดี้ นายบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่นายหรือยัง?” ชายหนุ่มผมทองขาวที่ชื่อฟาเธอร์ ถามขึ้นหลังจากหันไปคุยกับชายร่างใหญ่หัวพีระมิดหรือพีระมิดเฮด สักพัก

“ยัง แต่กะว่าจะบอก...ไม่ช้าก็เร็ว” สแลนเดอร์แมนตอบ แต่ฟังดูลังเลพิกล

“เป็นอะไรไป ดูนายลังเลนะ” กาเบลียพูดเหมือนกับอ่านสีหน้าที่ไร้หน้าไร้ตานั้นออก

“อ่า...ก็นะ กับแม่คิดว่าคงไม่เป็นไร แต่กับพ่อฉันไม่แน่ใจ”สแลนเดอร์ พูดออกมาอย่างรู้สึกหนักใจนิดหน่อย

“คาบาเดท งั้นเหรอ? ฉันว่าเขาคงไม่ขัดอะไรหรอกนะ จริงมั้ยฟาเธอร์” กาเบลีย กล่าวก่อนจะหันไปมอง ฟาเธอร์ที่ยกชาขึ้นมาจิบ

“ไม่ขัดหรอกน่า นายลูกเขานะ ฉันว่านายกังวลเกินไป” ฟาเธอร์พูดก่อนจะหยิบกระปุกผงอะไรสักอย่างมาโรยใส่แก้วชาของตนจนชาของเขาจากสีอำพันก็เปลี่ยนกลายเป็นสีดำแทน

“ถ้านายกลัวว่าพ่อนายจะขัดอะไร เดี๋ยวฉันไปถามให้มั้ย?” เสียงที่ถามด้วยความหวังดีดังมาจากชายหัวล้านผิวสีขาวซีดที่ใบหน้าเต็มไปด้วยตะปู

“ไม่ต้องหรอก พินเฮด ฉันก็คิดไปงั้นแหละ แต่...ความจริงแล้ว ฉันคิดว่ายังไม่พร้อมจะบอกเรื่องนี้กับครอบครัวน่ะ เพราะดูเหมือนเจฟ ยังไม่ได้รักฉันเหมือนที่ฉันรักเขา” สแลนเดอร์แมน หันไปตอบชายหัวตะปูหรือ พินเฮด ก่อนจะระบายความในใจออกมา

“นี่ ที่กลุ้มอยู่นี่เพราะนายกำลังกลุ้มเรื่องที่ชีวิตคู่ของนายอาจไม่แน่นอนว่า งั้น” ฟาเธอร์กล่าวแล้วมองใบหน้าของ สแลนเดอร์แมน ที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากหน้าขาวๆ และเขารู้สึกว่าเมื่อกี้เพื่อนของเขาจะถอนหายใจซะด้วย...มันไม่มีปากหรือ จมูก ยังอุตส่าห์ถอนหายใจได้อีกแหนะ...

“ก็พอจะเข้าใจอยู่ ก็นายเล่นจับฉุดเขามากด ทั้งๆที่เขาเพิ่งจะรู้จักนายได้ไม่ถึงชั่วโมง” กาเบลียพูดเสียงนิ่ง คล้ายจะตำหนิหน่อยๆ

“ก็ฉันไม่รู้จะทำยังไง” สแลนเดอร์แมน กล่าวเสียงนิ่ง แต่หน้าที่เคยขาวซีดขึ้นสีระเรื่อนิดๆ...กับเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ มันยากสำหรับสัตว์ประหลาดอย่างเขา...

“เฮ้อ นั้นสินะ มันก็หน้าอยู่หรอก แต่ฉันคิดว่า คู่ของนายน่ะเหมาะสมกันดีนะ ฉันคิดว่าไม่ช้าก็เร็ว เขาคงจะรักนายตอบอย่างแน่นอน ลองใช้ชีวิตกับเขาไปสักพักแล้วค่อยบอกครอบครัวนายก็แล้วกัน” กาเบลียกล่าวสรุปให้

“ระวังเรื่องตีท้ายครัวล่ะ” ฟาเธอร์พูดขึ้นทำให้ สแลนเดอร์แมนหันมามองเขาอย่างรวดเร็วจนคอแทบเคล็ดก่อนที่ฟาเธอร์จะเริ่มพูดต่อ “ก็ ไม่ใช่อย่างโน้นอย่างนี้หรอกนะ ฉันเคยได้ยินลูกชายของฉัน แมกซ์เวล เพ้อถึงเจฟ บ่อยว่าสวยอย่างงั้นน่ารักอย่างงี้ L.J (Laughing jack) เองก็เคยพูดตอนที่ฉันพาลูกไปสวนสนุกเหมือนกัน”

“เจฟ ก็สวยจริงๆนั้นแหละ แต่ไม่ใช่ สเป็คฉัน” พีระมิดเฮดพูด ส่วน สแลนเดอร์แมนนั้นเริ่มเครียดนิดๆ

“รู้อยู่ แต่ถ้าเจฟ ได้เจอกับครอบครัวนาย ฉันคิดว่าออฟเฟนเดอร์แมนคงไปหน้าหม้อใส่เจฟ แหง่ๆ ก็นะ หมอนั่นมันหน้าหม้อเหมือน ฟรานซิสจะตาย” ฟาเธอร์ยังคงพูดต่อไปจนกาเบลียต้องกระทุ้งศอกปรามก่อนที่ สแลนเดอร์แมนจะเครียดไปมากกว่านี้

“ไม่ได้ช่วยเลย ฟาเธอร์” กาเบลียพูดเสียงนิ่ง

“โทษที ฉันไม่รู้ บังเอิญฉันมองไม่เห็นว่า สแลนเดอร์ทำสีหน้ายังไง” ฟาเธอร์กล่าวเสียงนิ่ง แต่ความนัยแทบจะทำให้ทั้งโต๊ะน้ำชาขำ ถ้าไม่ติดว่าพวกเขาเป็นพวกนิ่งเงียบ เย็นชา วางมาดล่ะก็...เรียบร้อย...ปล่อยฮาไปตั้งนานแล้ว...

“ฉันว่านายควรจะรีบกลับบ้านนายนะ” พินเฮด เปรยขึ้น

“ก็อย่างที่พี่ฉันบอก กลับบ้านได้แล้วมั้ง อย่าปล่อยเมียนายไว้ตามลำพังนาน ไม่งั้นจะโดนตีท้ายครัว” ฟาเธอร์พูดต่อให้ทำให้ สแลนเดอร์แมนค่อยๆลุกจากเก้าอี้ก่อนจะแวบหายไปอย่างรวดเร็ว

“คู่นี้จะไปกันรอด มั้ยเนี้ย?” พีระมิดเฮดเปรยก่อนจะยกน้ำชาขึ้นมาจิบ

“รอด สิ คิดว่านะ” ฟาเธอร์ตอบตามความคิดของเขา...โดยใจจริงแล้วเขาคิดว่าน่าจะอยู่ด้วยกัน นานอยู่...แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาคิดว่าคู่นี้อาจมีส่วนน้อยที่ต้องเลือกลา กันไป...

“ต้องรอดสิ” กาเบลียเอ่ยก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหันมามองฟาเธอร์พร้อมกับถามเสียงนิ่ง“ทำไมฉันรู้สึกว่านายอาจเป็นคนที่ทำให้คู่ สแลนเดอร์แมนกับเจฟ แตกหักกันน่ะ”

“ไม่ใช่ฉัน แต่ถ้าเป็นลูกชายของฉันล่ะก็ไม่แน่ เพราะว่ามันแอบรักเจฟ พอๆกับ สแลนดี้ นั้นแหละ เพราะแบบนี้ไง ฉันถึงได้เตือนเจ้านั้นไปว่าระวังการตีท้ายครัวให้ดีๆ” ฟาเธอร์ตอบเสียงนิ่งซึ่งคำตอบของเขาทำให้กาเบลียพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“แล้ว สเป็คของนายเป็นแบบไหนล่ะ พีระมิดเฮด”

“ขาว”

“ขาว สวย หมวย อึ๋ม เหรอ?”

“เปล่า ขาวซีด นมเด้งตูดเด้งแบบนางพยาบาลของฉันไง”

“...หื่นเหมือนกันนะเอ็ง”

 

 

 

 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

 

 

 

TBC.  

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา