ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)

8.9

เขียนโดย snowred

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.

  123 บท
  32 วิจารณ์
  97.74K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) บทที่ ๙: เริ่มภารกิจ สืบหาเบาะผู้ลักมีดอรัญญิกแห่งราชวงศ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ ๙

[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]

เริ่มภารกิจ สืบหาเบาะผู้ลักดาบอรัญญิกแห่งราชวงศ์กรุงศรีอยุธยา

                เด็กชายชาวเผ่าเย้าก้าวเท้าลงน้ำพร้อมกับใช้กระบวยตักน้ำตักใส่ถังตรงลำธารซึ่งห่างออกจากเรือนของตนไม่ไกลนัก ดินขาวชอบมาช่วยงานคนอื่นเพราะคิดว่าเป็นการใช้เวลาโดยไม่เปล่าประโยชน์ เขาแยกตัวมาประมาณ ๒ วันเห็นจะได้

                จังหวะที่เขากำลังใช้กระบวยตักน้ำอยู่ เขาก็เห็นอะไรบางอย่างซึ่งผิดแผกจากก้อนหินในลำธาร อันกลมๆ เล็กพร้อมกับแผ่นกระดาษสีขาววางข้างใต้ ดินขาวขมวดคิ้วฉงนพลางหยิบทั้งสองอย่างขึ้นมาดู เรื่องอันกลมๆ นั่นเขาไม่ติดใจเพราะคิดว่ามีใครทำตก แต่กระดาษซึ่งเป็นสิ่งที่เปียกง่ายไม่มีทางที่จะมีใครทำตกไว้แล้วมาอยู่ใต้อันกลมๆ

                เมื่อทั้งสองอย่างพ้นน้ำขึ้นมาเขาจึงทราบว่ามันเป็นเหรียญ ๑ บาท ดินขาวคลี่กระดาษเปิดอ่าน

                ผู้ที่เปิดอ่านเอ๋ย หากอ่านเสร็จรีบตามหาข้าเสียล่ะมิฉะนั้นเจ้าจะเป็นฝ่ายปราชัย ข้าคือผู้ที่ลักดาบอรัญญิกแห่งราชวงศ์ สาส์นนี้ข้ามีเรื่องจะบอกว่า สถานที่แรกในการมตามหาข้าคือสถานที่เดียวกับภาพพิมพ์บนเหรียญ ๑ บาท แต่ใช่ว่าข้าจะให้แค่ไปตามหาข้าโดยสวัสดิภาพดอกนะ ระหว่างการเดินทางข้าจะส่งมารไปต้อนรับ เพราะฉะนั้นมิต้องห่วงว่าจะเบื่อ ข้าเตรียมเรื่องสนุกๆ ไว้รอพวกเจ้า

แล้วข้าจะรอ

                ดินขาวไล่สายตาตามอักษรจบเขาก็พับเป็นแบบเดิม สีหน้าเรียบนิ่งนั้นแฝงไปด้วยความกังวล มีเรื่องแย่แล้ว เขาจะต้องไปแจ้งให้นายิกาภาคกลางท่านใดท่านหนึ่งทราบ ซึ่งผู้ที่เขาสนิทมากที่สุดเห็นจะเป็นซอ พอนึกถึงใบหน้าที่อ่อนโยนนั่นแล้วความกังวลก็มลายไป

                เด็กชายชาวเผ่าเย้ารีบตักน้ำใส่ถังแล้วก้าวขึ้นจากลำธารก่อนจะไปยังเรือนของตน เมื่อวางถังน้ำใต้ถุนบ้านแบบภาคเหนือแล้วเขาก็รีบวิ่งไปที่เรือนของซอทันที

 

                พั่บ

                “มันใบ้มาแล้วสินะ”

                ดินขาวเงยหน้ามองท่านหญิงซอ ตัวเขานั่งบนพื้นเพราะเป็นผู้น้อย ซอพับจดหมายวางข้างกาย อรัญญิกเองก็นั่งอยู่ด้วย ขณะนั้นเอง มีสี่เหลี่ยมสีเขียวปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าซอ วินโดว์การแจ้งระบบจากทางโรงเรียนอาคมราชพฤกษ์วิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ ดินขาว เม็ดแตง ดอกเข็ม พงสณะ (บอกกับทางโรงเรียนว่าจะเรียนจนจบมหาวิทยาลัย) คาตานะ รพิและรัมภาเรียน 

                ซอใช้นิ้วกดรูปจดหมายเล็กๆ ข้อความปราฏสู่สายตา

                เรียนท่าน ซอ พิจิตร นายิกาแห่งภาคกลาง เรื่องคดีลักดาบอรัญญิก โปรดร่วมภารกิจครั้งนี้ด้วย ปฏิบัติงานพร้อมกับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ---

                อ่านได้เพียงเท่านั้นนางก็กดปุ่มปิดวินโดว์ ข้อความนั้นเป็นการบังคับกลายๆ แม้ทางโรงเรียนจะไม่บอกนางก็ร่วมด้วยอยู่แล้ว การสืบเบาะแสก็ใช่ว่าจะไม่เจออันตราย นางเองก็เป็นห่วงนักเรียน ซอหยิบเหรียญขึ้นมาดู ภาพพิมพ์นั้นมาจากสถานที่จริง ดีดเหรียญขึ้นก่อนจะลงมาบนมือ นางทราบว่าภาพนี้มาจากที่ใด จากที่อาศัยของนางไปยังสถานที่ในภาพไม่ไกลนัก

                ชลบุรีถึงกรุงเทพฯ

                “ท่านทราบดีอยู่แล้วใช่หรือไม่” ดินขาวถาม ซอหลับตาแล้วผงกศีรษะ นางพูด “อรัญญิก เตรียมรถเทียมม้า พรุ่งนี้ข้าจะไปกรุงเทพฯ”

                “กรุงเทพฯ… ผู้ลักดาบอยู่ที่นั่นฤเจ้าคะ”

                “ใช่”

                ซอตอบพร้อมกับเดินก้าวจะออกจากห้อง นางหยุดใช้มือเปิดประตูค้างพลางพูดเบาๆ

                “คดีนี้ข้าสังหรณ์ใจว่ามันต้องเผยความจริงเกี่ยวกับเราแน่”

                ปัง

                ประตูปิด เสมือนกับห้องปิดตาย อรัญญิกทวนประโยคที่ซอพูด นางเข้าใจว่าซอกล่าวถึงอะไร

                ความทรงจำหายไป สิ่งที่พวกเขาจำได้คือประวัติส่วนตัวตนเองแต่ประวัติที่ลึกเข้าไปมากกว่านั้นเช่นวัน เดือน ปีเกิดนั้นจำไม่ได้ พวกเขาฟื้นขึ้นมาคนละที่ ผู้ที่เฝ้าการฟื้นเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าพวกเขามาจากไหน

                หลายปีมาแล้ว… พวกเขาสติดับหรือนิทราได้อย่างไรกันนะ แล้วทำไม เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นมันมีอะไรเกิดขึ้นกันนะ

                อึก!

                ปวดศีรษะเสมือนมีผ้ามารัด อรัญญิกกุมศีรษะงอตัว ดินขาวร้อนรนรีบเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง …อะไรกัน ภาพบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว

                ทรมาน… ทรมานเหลือเกิน!

                “ท่านครู ไปนอนพักดีไหมครับ ทำงานหนักมากไปเลยปวดหัวใช่ไหมครับ” ดินขาวถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล ความรู้สึกนั้นนางรู้ว่ามาจากใจจริง อรัญญิกยิ้มเหนื่อยอ่อนแล้วพูด

                “ครูมิเป็นไรดอก เจ้าไปพักผ่อนเถิด ช่วยงานมาเกือบจะค่อนวันแล้วคงเหนื่อยน่าดู สักพักครูอาจจะหายปวดหัวเพราะฉะนั้นมิต้องเป็นต้องกังวล”

                ดินขาวพยักหน้าแล้วกำชับให้ดูแลตนเองดีจนอรัญญิกต้องทำตาดุใส่ว่าตนเป็นครูมาพูดเหมือนว่าครูเป็นเด็ก เด็กชายชาวเผ่าเย้ายิ้มแห้งๆ แล้วยกมือก่อนจะเดินออกจากห้อง จึงเหลือเพียงอรัญญิกที่พิงเก้าอี้ซึ่งซอนั่งแล้วจากไปไม่นาน ดวงตาพร่ามัวเหมือนฝนสาดเข้ามา

                นางหลับตาเข้าแล้วสู่ห้วงนิทรา

               

                เคร้งๆ!

                ของมีคมปะทะกัน เด็กหญิงสองคนฟาดฟันดาบโดยไม่มีท่าทีที่จะถอย ดวงตาสีดำขลับสองคู่จ้องเขม็งเหมือนกับว่าหากละสายตาแม้แต่วินาทีเดียวตนเองจะเป็นฝ่ายปราชัยเพราะความเขลาของตน เด็กหญิงถักปียเอ่ยขำๆ กับเด็กหญิงเกล้ามวยผม “ขอบใจเจ้ามากนะบัวฟ้า ข้าอยากประลองดาบกับใครสักคนมานานแล้ว เป็นสตรีแถมยังเป็นเด็กเช่นนี้บิดาข้าจึงมิอยากให้ข้าจับดาบฟาดฟัน บ่นๆ ว่าไม่สมเป็นกุลสตรี ช่างน่าเบื่อนัก!”

                “ข้าเข้าใจ เพราะข้าเองก็เช่นกัน แต่ท่านพี่ข้าเองก็จับดาบฝึกแล้ว ข้าเคยลองขอท่านพ่อดูแล้ว ท่านบอกว่าเดี๋ยวข้าโตเมื่อไหร่ก็ให้จับดาบเมื่อนั่นแล”

                “น่าอิจฉา แต่ข้าก็ยินดีด้วย นี่… บัวฟ้า ข้าจะบอกความฝันของข้าให้ฟังเอาไหม?” เด็กหญิงถักเปียลดดาบลง เด็กหญิงเจ้าของนามบัวฟ้าชะงักเกือบจะฟันเด็กหญิงถักเปีย เธอยิ้มแล้วพูดอย่างตื่นเต้น

                “อะไรฤ บอกข้าหน่อยสิ”

                “ข้าอยากเป็นทหารของทัพสุโขทัย”

                คำพูดนั้นทำให้รอยยิ้มที่ฉาบบนใบหน้างามของเด็กหญิงเกล้ามวยผมเลือนหาย เธอตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก ความฝันนั้นแทบเป็นมิได้ เพราะทหารนั้นล้วนเป็นผู้ชาย หากสอบเข้าคัดเลือกย่อมไม่ผ่านตั้งแต่ทราบว่าเป็นเพศหญิงแน่ เด็กหญิงถักเปียยิ้มเศร้า ใบหน้าหม่นหมองลงถนัดตา เธอเอ่ย

                “มันเป็นความฝันที่เป็นไปแทบมิได้ แต่ข้าก็ยังหวัง หากข้าฝึกดาบและมีร่างกายที่แข็งแรง ฝีมือต่อสู้เป็นเลิศ พระราชาอาจจะพอพระทัยในตัวข้าก็ได้” เธอว่าจบก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับหยิบดาบขึ้นด้วย บัวฟ้ามองร่างนั้นที่ยืนเบื้องหน้า รู้สึกลำคอแห้งผาก เอื้อนเสียงไม่ได้

                “ข้าลาล่ะ โชคดีนะ”

                “จ้ะ” บัวฟ้ายิ้มส่งลา

                ภาพนั้นเลือนราง รอบตัวเริ่มมืดมิด อรัญญิกยื่นมือจะคว้าภาพนั้น

                น้ำตาไหล เอาอีกแล้ว จะไขว่คว้ากี่ทีอีกกี่ทีก็เอามันมาไม่ได้เสียที เด็กหญิงเกล้ามวยผมคนนั้นเป็นใครกัน ยามที่เห็นรอยยิ้มหัวใจนางเหมือนถูกบีบ นางไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่หัวใจนางบอกว่าเด็กคนนั้นสำคัญต่อนางมาก นางเป็นเพียงคนเดียวที่เข้าใจ นางโหยหา…

                “อย่า… อย่าไป!”

                อรัญญิกลืมตาตื่นจากความฝันที่อบอุ่นแต่โหดร้าย นางดันกายขึ้นมา แบมือมองทั้งสองข้างที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อก่อนจะซบหน้าลงกับมือ หยาดน้ำอุ่นที่สะท้อนความเศร้าอาบแก้มเป็นสาย นางนึกสมเพชที่ร้องไห้กับความฝันที่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือภาพลวงตายามหลับกันแน่ ร่างสั่นสะท้านราวกับลูกนกยืนท่ามกลางสายฝน

                นี่มัน… อะไรกัน

               

                “ศรี เจ้าพร้อมฤๅยัง” ปักษธรเข้าห้องของศรีมาถามเธอ เด็กหญิงเกล้ามวยผมพยักหน้าพลางยิ้มแล้วตอบ “พร้อมแล้วค่ะ”

                “อาจจะกะทันหันไปหน่อย ขอโทษนะ--- ฮึ นางซอนะ นางซอจะมาด่วนอะไรเอาป่านนี้นะ หงุดหงิดจริงๆ”           ใบหน้างามของหญิงสาวผมสีครีมมุ่ยด้วยความไม่สบอารมณ์ ศรีขำคิกคัก คดีลักดาบทางพินทุบอกศรีให้เข้าร่วมด้วย ซึ่งเธอก็รับอย่างเต็มใจเพราะถ้าเกิดอยู่ที่นี่จะเหมือนเกาะเขากินแถมจะได้แก้เบื่อด้วย แล้วเมื่อช่วงบ่ายซอบอกให้จัดเตรียมของ ให้เริ่มเดินทาง ระหว่างนั้นประตูก็อ้าออกอีกครั้ง พงสณะเข้ามาพร้อมกับเอ่ย

                “ ‘ไงจ๊ะ ที่รักของฉัน ภารกิจนี้ฉันก็ไปด้วยนะ”

                “ไปทำไมเนี่ยฮะ ผีเจ้ากรรมนายเวรอย่างนายต้องเซ่นไหว้ด้วยอะไรเนี่ยถึงจะยอมไปผุดไปเกิด” 

                ขณะที่โต้กลับอย่างขุ่นเคืองเธอก็รูดซิบกระเป๋าลายไทยแบบภาคเหนือ เธอหันหน้าจะไปคุยกับเขาชัดๆพงสณะ

ตอบแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดีไปทำภารกิจแล้วมีดวงใจของเขาไปด้วยเนี่ย มีความสุขมากกว่าอะไรๆ มากเลย

                “เซ่นไหว้ด้วยหัวใจของเธอไง ฮ่ะๆ” ศรีกำมือจะชกเขา พงสณะถอยหลังสองก้าวแล้วพูด

                “อะๆ ฉันล้อเล่น”

                “ปากบอกล้อเล่นแต่ตาเยิ้มเชียวนะ” พงสณะหัวเราะชอบใจ และแอบอมยิ้มกับใบหน้ามุ่ยของศรี ต่อให้คนรักทำสีหน้าแบบไหนแต่ยังดูดีในสายตาเขานั่นแหละ

                “มัวแต่จู๋จี๋อยู่ได้ ไปๆ ลงไปรอรถเทียมม้า เราต้องรีบไปแล้ว” ปักษธรเอ่ยขัดจังหวะ ศรียกมือเป็นนัยขอโทษ พงสณะยิ้มหน้าบาน ก้าวออกจากห้องลงไปข้างล่างตามด้วยศรีเดินตามหลังไปติดๆ

 

                ศรีนั่งบนม้านั่งรอให้อรัญญิกเสร็จธุระ เฉาก๊วย เม็ดแตง ดินขาว ดอกเข็ม ขนมชั้น รพิและธันนะก็ต่างมายืนที่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง เม็ดแตงนั่งลงข้างๆ ศรีแล้วถาม

                “ท่านพินทุบอกให้เจ้าร่วมภารกิจด้วยฤ”

                “ใช่จ้ะ”

                “อืม… น่าแปลก” เด็กหญิงชาวเผ่าเย้าครุ่นคิดพึมพำกับตนเอง ศรีเอียงคออย่างฉงนพลางถาม “ที่ว่าน่าแปลกคืออะไรเหรอจ๊ะ”

                “ช่างเถอะ ข้าก็แค่สงสัยน่ะ ไม่มีอะไรมาก” ใบหน้ากลมมนแต่เรียวน่ารักแฝงความสงสัยอยู่ไม่น้อย ดวงตากลมโตกว่าศรีแฝงไปด้วยความสงบ เม็ดแตงลุกขึ้นเดินไปหาดอกเข็ม เด็กหญิงเกล้ามวยผมนั่งถอนหายใจรำพึงเบาๆ

                “ที่นี่มีแต่คนน่าสงสัยแฮะ”

                “ศรี เธอเองแววไพรกับบรรพตมั้ยน่ะ ป่านนี้ยังไม่มาเลย” เฉาก๊วยเดินเข้ามาถามศรี เธอส่ายหน้า “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เมื่อวานแววไพรมาหาฉันแปปเดียวบอกว่าจะเอาของไปส่ง ส่วนบรรพตบอกว่ามีงานต้องทำไปไม่ได้น่ะ”

                “งั้นเหรอ รึว่ามันจะไปเข้าห้องน้ำนานเลยโดนผีฉุดลงคอห่าน”

                “เป็นความคิดที่ล้ำลึกนัก”

                “ขอบใจมาก แหม ฉันเนี่ยฉลาดเหมือนกันนะเนี่ย”

                “ฉันประชด” ศรีพูดประชดประชันอย่างขัน เฉาก๊วยหัวเราะ เธอกับเขาพูดเล่นจิกกัดกันไปเรื่อยๆ ตามประสาเพื่อนร่วมห้องในโรงเรียนเดียวกัน ขณะนั้นเอง อรัญญิกก็เดินมาพร้อมกับส่งยิ้มร่าเริงให้แต่เต็มไปด้วยความเหนื่อยอ่อน

                “มาแล้วๆ”

                “ท่านอรัญญิกมาแล้ว ขึ้นรถฯ เลยดีกว่า ฉันขอนั่งริมก็แล้วกัน” ขนมชั้นพูดพร้อมกับก้าวเท้าขึ้นรถแต่แล้วก็ถูกเฉาก๊วยดึงลงมา “ที่ตรงนั้นคือของฉันนะ!”

                “แบร่! ใครขึ้นก่อนก็ต้องได้ก่อนสิ ขึ้นละอ้ายเฉาก๊วยดำ”

                “ฮึ่ม! ฉันไม่ยอมหรอก”

                ศึกชิงแย่งบัลลังก์ (?) จึงได้ถือกำเนิดขึ้น ดินขาวกับกลีบเย้า (หรือเม็ดแตง) ต่างทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายกับการแย่งที่แบบเด็กๆ ของขนมชั้นและเฉาก๊วย ดอกเข็มหัวเราะชอบใจพลางตบมือเบาๆ

                หลังจากนั้นทุกคนก็ทยอยขึ้นรถเทียมม้า อรัญญิกเข้าไปนั่งประจำที่จับสายบังเหียน ซอเดินมาหานางพร้อมกับเอ่ยเบาๆ

                “ท่านปักษธร ท่านมิไปด้วยฤเจ้าคะ” อรัญญิกถามหญิงสาวผมสีครีมที่ยืนหน้านิ่งอยู่ ผู้ถูกถามตอบ “ข้าเบื่อ ขออยู่ที่เรือนพินทุละกัน”

                “จะ เจ้าค่ะ”

                หญิงสาวผมยาวถักเปียหันหน้ากลับมามองทางข้างหน้าระหว่างนั้นปักษธรก็เดินจากไป ซอพูดเบาๆ แต่หนักแน่น

                “แลรอบทางด้วยล่ะ มิแน่สมุนของผู้ลักดาบอาจจะลอบทำร้ายเราก็อาจเป็นไปได้”

                “เจ้าค่ะ”

                เด็กๆ ต่างคุยกันอย่างเฮฮา ศรีเอ่ยขบขันขึ้นมา “สรุปคือขนมชั้นได้นั่งสินะ”

                “ก็เออดิ! อ้ายขนมชั้นมันเล่นถีบฉันลงจากรถฯ แล้วใช้เชือกลงอาคมมัดตัวฉันไว้น่ะ กว่าจะออกได้มันกับดินขาวก็นั่งแล้วอ่ะ!”

                “อ้าว ก็ข้าเห็นว่าเจ้านั่งบนพื้นเลยคิดว่าจะนั่งตรงนั้นน่ะ” ดินขาวแทรกบอกเหตุผลที่ทำให้เฉาก๊วยอารมณ์เดือดกว่าเดิม “ไม่ต้องมาพูดเลย!”

                “ฮ่ะๆ โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะ”

                “ไม่ต้องมาโอ๋!” เฉาก๊วยทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจนั่งเท้าคางกับเข่า ศรีหัวเราะมากกว่าเดิมกับท่าทางงอนที่แสนจะน่ารักของเขา เธอรู้ว่าเด็กชายผมทรงแบบนักเรียนไม่ได้โกรธก็แค่ทำงอนเล่นๆ ธันนะมองพลางขมวดคิ้วรำคาญแล้วเบือนสายตาไปที่อื่น

                กุบกับๆ

                เสียงฝีเท้าม้าดังแทรกกับเสียงพูดคุย ซอที่นั่งข้างๆ อรัญญิกเอ่ยด้วยท่าทีสบายๆ

                “เฮ้อ… งานก็เข้ามาอีกจนได้”

                “งานอะไรเหรอเจ้าคะ”

                “คดีลักดาบนะซี นายิกาเช่นข้าและรองนายิกาเช่นเจ้าต้องเดินทางไปไหนมาไหนแทบจะทุกยามทุกเพลา เจ้ามิเหนื่อยฤๅ?” ซอยิ้มเหนื่อยอ่อนให้หญิงสาวถักเปีย ผู้น้อยหลุบตาลงตอบท่านหญิงด้วยความเหนื่อยล้าที่สะสมมาหลายวัน

                “ข้าเองก็เหนื่อย แต่คิดไปมันก็ช่วยมิได้มีแต่ต้องทำต่อไปน่ะเจ้าค่ะ”

                “ถูกอย่างที่เจ้าว่า หืม? นั่นใครน่ะ” ซอเห็นป้ายสีขาวชูขึ้นจากใครบางคน มันเขียนว่า หยุดก่อน อรัญญิกเขม็งด้วยความไม่วางใจก่อนจะเอ่ยอย่างเคลียดประชดประชันน่าขันสำหรับซอ

                “รถเทียมม้าของเราได้กลายเป็นรถแท็กซี่แล้วฤๅเจ้าคะ” อรัญญิกเอ่ยอย่างอ่อนใจ ซออุบหัวเราะแทบไม่ทัน รถเทียมม้าเคลื่อนตัวไปถึงยังคนที่ชูป้าย หญิงสาวเบิกตาตะลึงและแปลกใจก่อนจะเอ่ยเสียงดัง

                “พ่ะ พวกเจ้า!”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา