ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)

8.9

เขียนโดย snowred

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.

  123 บท
  32 วิจารณ์
  97.69K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

51) บทที่ ๕๑: อดีต มิตรภาพ ความรัก องก์ที่ ๑

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ ๕๑

[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]

อดีต มิตรภาพ ความรัก องก์ที่ ๑

                หากจะย้อนกลับไปถึงอดีตของมณฑา กาสะลอง ซอ อรัญญิกและนนทรีก็คงจะต้องย้อนความไปถึงสมัยที่พวกนางยังเยาว์วัย

                สมัยยังเด็ก มณฑานั่งกอดตุ๊กตาในห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่นจนระคายผิว นางนั่งน้ำตาซึมโดยไม่สนใจเลยว่าเชื้อโรคจะเข้ามาขนาดไหน นางทรมานที่ต้องนั่งเรียนแต่ในเรือนแทบมิได้เห็นดาวเห็นเดือน ตัวหนังสืออันแสนขมขื่นนั่นทำให้นางตาลายคล้ายจะเป็นลม ด้วยวัยไม่ถึง ๑๐ ปีต้องมานั่งเคร่งตำราและเรียนเกินหลักสูตรก็เกินจะทานทน

                เมื่อออกไปข้างนอกไม่ได้ก็ต้องเล่นกับคนในครอบครัว ซึ่งผู้ที่จะสามารถเล่นด้วยกันได้มีเพียงนนทรี ทว่าผู้เป็นพี่กลับไม่เล่นด้วยซ้ำยังไล่ให้น้องสาวตนไปอ่านหนังสืออีก

                มณฑาหลั่งน้ำตา เข้าไปกอดอ้อนนนทรี ทว่าถูกนางผลักจนกระแทกกับพื้นไม้ น้ำตาหลั่งมากกว่าเดิม นนทรีมองอย่างเย็นชาก่อนจะเดินเข้าไปในห้องกระแทกประตูเสียงดังราวกับเป็นคำเตือนว่าหากยังไม่เลิกจะได้เห็นดีกัน

                มณฑาค่อยๆ วิ่งลงจากเรือนแล้วไปยังคลองหลังเรือน นางก้มหน้าไปเช็ดน้ำตาที่ไม่มีทีท่าจะหยุดไหล รสปะแล่มเข้าปาก เมื่อมาถึง นางก็นั่งกับพื้นไม้ที่ยื่นจากฝั่งพื้นดินแล้วกอดเข่าซบหน้าร้องไห้ คราวนี้ต่อให้แม่ของนางมาเจอแล้วตีนางก็ไม่สนใจแล้ว

                “เป็นอันใดฤ?” จู่ๆ ก็มีใครบางคนถาม เมื่อหันไปก็พบว่าเป็นเด็กหญิงผมยาวเลยบ่าเล็กน้อย แต่งกายแบบสมัยสุโขทัยซึ่งแตกต่างจากนางที่แต่งกายแบบสมัยรัชกาลที่ ๕ ช่วงยุครัตนโกสินท์ มณฑารีบเช็ดน้ำตาแล้วฝืนยิ้ม

                “มิเป็นไรดอก”

                “อย่าพูดเท็จเลย บอกข้ามาเถิด” เด็กหญิงคนนั้นลงมานั่งข้างๆ ก่อนจะหยิบขลุ่ยออกมา

                “?”

                “อยากฟังเพลงอันใดล่ะ ข้าจะได้เล่น” มณฑาจ้องอีกฝ่ายสักพักก่อนจะยิ้มแล้วตอบด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น นางไม่ได้ตอบคำถามที่สองของเด็กหญิงเพราะไม่อยากนึกถึงเรื่องไม่ดี

                เสียงใสของขลุ่ยเพราะพริ้งจับใจ มณฑาเคลิ้มราวกับต้องมนต์ ลมพัดผ่านหอบใบไม้และเศษอื่นๆ ไปด้วย ทว่ามันก็มิอาจสามารถพาเสียงขลุ่ยไปได้ เมื่อเล่นจบมณฑาก็ปรบมือ เด็กหญิงคนนั้นมีสีหน้าฉงนกับกริยาของนาง เด็กหญิงชี้ไปที่มือของมณฑาก่อนจะถาม

                “ตบมือทำไมฤ?”

                “อะ อ๋อ เธอยังคงมิเคยเห็นสินะ เป็นมารยาทแบบสากลที่ถ้าผู้แสดงทำได้ดีหรือไม่ดีก็คงจะตบมือให้เพื่อเป็นกำลังใจ อ๊ะ ฤๅว่าจะเพื่ออย่างอื่นนะ แล้วเจ้าล่ะ ที่มิเคยเห็นเพราะเกิดช่วงสุโขทัยสินะ”

                “ใช่”      

                “…งั้นลองแอบไปเข้าห้องครัวที่ฉันดูไหม มีขนมของฝั่งตะวันตกเยอะแยะเลย รับรองว่าเจ้าต้องแปลกใจและชอบแน่ๆ” กล่าวจบมณฑาก็จับข้อมือพาอีกฝ่ายเดินไปโดยไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตาตนเองหยุดไหล ซึ่งนั่นมันก็ดีแล้วล่ะ

                “ผู้ใหญ่จะมิว่าฤ?”

                “น่า อย่าห่วงเลย ฉันลอบเข้ามามิรู้กี่ครั้งยังมิเคยโดนจับได้ มาๆ นั่งตรงนี้นะ”

                มณฑากล่าวด้วยสีหน้าที่แจ่มใส เด็กหญิงเห็นเช่นนั้นจึงพลอยยิ้มด้วยยินดี สักพักมณฑาก็หอบนำขนมของโปรตุเกสและประเทศอื่นวางไว้ เด็กหญิงคนนั้นมองอย่างฉงน เพราะเกิดในช่วงสุโขทัยเลยไม่คุ้นอาหารแบบอื่นนอกจากของไทย มือเล็กขาวผ่องหยิบขึ้นมา มองไปครู่หนึ่งก่อนจะนำเข้าใส่ปาก ความหวานที่คล้ายกับขนมไทยตระกูลทองทำให้หายแปลกใจ

                “อืม… รสชาติคล้ายกับขนมตระกูลทองเลย”

                “หืม? อ๋อ… ที่เหมือนก็เพราะว่าขนมไทยตระกูลทองดัดแปลงมาจากขนมของโปรตุเกสโดยท้าวทองกีบม้าน่ะ” เด็กหญิงเบิกตาด้วยความสนใจ ไม่เคยนึกเลยว่าขนมไทยเราก็ได้มาจากประเทศอื่นด้วย

                “จะว่าไป… เจ้ามิรู้สึกอยากขำบ้างฤที่ข้าดูเป็นคนหล้าหลังน่ะ”

                “ไม่เลย ฉันสิต้องถาม เพราะเกิดหลังเจ้ามาตั้งหลายปี อะไรๆ ก็รู้มิทันเธอดอก”

                เด็กหญิงมองมณฑาที่กล่าวไปด้วยทานไปด้วย นึกแคลงใจว่าทำไมนางถึงไม่เอะใจบ้างที่คิดว่านางเกิดในสมัยสุโขทัยทั้งๆ ที่ยังเป็นเด็ก น่าจะเกิดประมาณช่วงนางเพียงแค่แต่งกายแบบสมัยสุโขทัยก็เท่านั้นเอง

                กล่าวตามภายนอกมณฑาคาดผิดแต่ถ้ากล่าวตามจริงมณฑาคาดถูกแล้ว แท้จริงแล้วเด็กหญิงคนนี้ก็คือ ซอ ที่จำแลงร่างเป็นเด็ก ช่วงนี้งานไม่ค่อยมีมากและไม่ค่อยมีภารกิจให้ทำนางจึงหาอะไรเล่น จนกระทั่งมาพบกับมณฑานี่แหละ เห็นเศร้าเลยอยากเข้าไปปลอบ จริงๆ แล้วเพียงพบแรกที่เห็น ซอก็ยืนนิ่งมองเด็กหญิงใบหน้าเอเชียผสมตะวันตกด้วยความหลงใหล ผมสีทองออกส้มต้องแสงอาทิตย์ดุจดั่งดวงอาทิตย์ที่ทอแสงยามรุ่งอรุณ

                …แต่พอน้ำตานั้นนองหน้า ความงามบริสุทธิ์ก็ถูกทำให้แปดเปื้อน จนซออดไม่ได้ที่จะเข้าไปปลอบ

                “เหม่ออันใดอยู่ กินต่อสิ” ซอสะดุ้งก่อนจะพยักหน้าแล้วทานต่อ นางคิดว่าต่อจากนี้ถ้าได้เจอกับมณฑาอีกก็คงจะดี ชีวิตของหญิงชราผู้เหี่ยวเฉาที่อายุหลักพันเข้าไปแล้วแต่ใบหน้ายังคงเยาว์วัยอาจจะได้มีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง

                ทั้งสองเล่นกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพลบค่ำ

                “ข้าคงต้องกลับแล้ว” ซอเอ่ย มณฑามองอีกฝ่ายอย่างโหยหา ซอเข้าไปกอดก่อนจะกระซิบ

                “ข้าจะกลับมาอีก ข้าสัญญา”

               

                เมื่อกลับมาถึงที่พักอาศัย เรือนไม้แบบภาคกลางที่มีหลายหลังนั้นโอบล้อมตกแต่งด้วยพืชหลากพันธุ์ บางชนิดส่งกลิ่นหอมให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ซอได้ยินเสียงดนตรีแว่วมา

                สำนักดนตรีมาลุตจัณฑวาตา

                นางใช้พลังวิญญาณกลับคืนร่างเดิม รูปร่างสูงระหงทรวดทรงเอวงามไม่ได้ถูกปกปิดไว้เพราะการแต่งกายของนางเป็นแบบสมัยก่อน

                “…” เมื่อมาถึง ทุกคนในสำนักก็หยุดบรรเลงแล้วกันมามองนางเป็นตาเดียว โดยเฉพาะหญิงสาวที่แต่งกายแบบนางแตกต่างตรงที่แต่งกายโทนสีเย็นแล้วปักปิ่นปักผมมากกว่ามีดอกไม้สีขาวประดับด้วยมองนางตาเขม็ง ซอหลุบตาพลางยกมือไหว้

                “ต้องขอประทานโทษด้วยเจ้าค่ะที่มาช้า รวมทั้งศิษย์ท่านอื่นในสำนักด้วย”

                “มาช้าเสียจริง รู้ไหมว่าเจ้าทำให้การซ้อมของทุกคนต้องสุญเปล่า”

                “ขอประทานโทษจริงๆ เจ้าค่ะ”

                “ฮึ อย่าให้มีเช่นนี้อีก มิเช่นนั้นข้าจะนำซอของเจ้าไปทุบทิ้งเสีย คงจะเข้าใจนะ …อนิล”

                คำสุดท้ายหญิงสาวเน้น อนิลคือชื่อจริงของซอ แต่นางไม่ค่อยชอบเสียเท่าไหร่เลยจึงมักจะแนะนำตัวใครต่อใครว่าชื่อซอ นางหน้าซีดเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าจะทุบซอสามสายทิ้ง เพราะธรรมเนียมของสำนักดนตรีนี้ หากดนตรีของสมาชิกใดถูกทำลายโดยเจ้าสำนักดนตรีจะถือว่าเป็นผู้ที่คบไม่ได้

                ซออัญเชิญซอสามสายออกมาก่อนจะนั่งตรงตำแหน่งของผู้เล่นซอ เมื่อจัดการเสร็จแล้วทุกคนจึงเริ่มบรรเลงต่อ

 

                ค่ำแล้ว การซ้อมสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ซอเดินตามหลังหญิงสาวโดยที่ไม่เอ่ยอะไรเลย จนเดินมาได้สักพักเท่านั้นอีกฝ่ายจึงเปิดปากเอ่ยก่อน

                “ว่าอย่างไร เจ้าไปไหนมา?”

                “ลูกเพียงแค่เบื่อเลยออกไปเดินเล่นเจ้าค่ะ”

                “เพลินไปไหม เป็นนายิกาแล้วทำตัวเหลวไหลจริง แล้วเยี่ยงนี้น่ะฤ? ผู้สืบทอดเจ้าสำนักดนตรี สำนักของเราที่ก่อตั้งกาลนานต้องมาสูญที่เพียงเพราะคนมิเอาไหนเช่นเจ้า แล้วจะให้ข้าวางใจได้อย่างไร?”

                หญิงสาวนางนั้นคือแม่ของซอเอง นางหยุดเดินแล้วชายตามองผู้เป็นลูก ซอไม่กล้าสบตาแม่ตน ได้เพียงแค่จับซอสามสายให้มั่นขึ้น ระงับความกังวลที่เข้ามาในจิตใจ

                “ลูก…”

                “มิต้องเอ่ยอันใด ไปอาบน้ำอาบท่าเสีย ดูซิ เนื้อตัวมอมแมมมากกว่าเดิม ไปเล่นอีท่าไหนเนี่ย?” แม่ของซอกล่าวพลางโบกมือไล่ ซอพยักหน้าก่อนจะเดินไป กระทั่งลับสายตา ผู้เป็นแม่ก็มีสีหน้าไม่ดีก่อนจะพึมพำกับตน

                “อ้ายนี่ โตจนป่านนี้ยังต้องให้ข้ามาดุสอนว่าอีก เด็กจริงๆ!”

 

                รุ่งอรุณมาเยือนมณฑารีบวิ่งมาตรงจุดที่ทั้งสองนัดกันไว้

                “มาแล้วฤ?”

                “อื้ม คราวนี้ข้าลองนำเครื่องดนตรีอื่นมาด้วย”

                “เธอเล่นได้ทุกอย่างเลยฤ?”

                “ใช่”

                “ว้าว!”

                “จริงๆ มันก็เล่นมิยากดอก ลองดูสิ ข้าจะสอนเอง” ซอเอ่ยพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน มณฑารีบช่วยซอถือหอบผ้าที่ใส่เครื่องดนตรีไว้ก่อนจะเดินไปยังที่ๆ พอจะนั่งได้

                ใต้ต้นไม้ร่มรื่นจนน่านอน มณฑาเงยหน้ามองแสงที่ลอดผ่านแมกไม้ด้วยความชอบ เมื่อซอสะกิดไหล่สติก็กลับมาอีกครั้ง

                “เริ่มจากอันนี้ที่ข้าเล่นเมื่อวาน เจ้าคงรู้จักสินะ”

                “อื้ม เคยเห็นพี่ๆ เล่นกันแต่ฉันยังมิเคยเลย สอนฉันด้วยนะ”

                “ได้เลย”

                สงบจริงๆ นั่นแหละ ลมที่พัดมาและกลิ่นหอมดอกไม้ช่วยให้จิตใจที่ว้าวุ่นสงบลงได้ มณฑาที่งนั่งฟังซอเล่นได้พักหนึ่งก็เคลิ้มใกล้จะหลับ

                “อย่าเพิ่งสิ” ดูเหมือนซอจะรู้เลยหยุดเล่นแล้วกล่าว มณฑางัวเงียก่อนจะซบไหล่กับซอ อีกฝ่ายขำคิกคักกับท่าทางแล้วเล่นต่อไป

                …ท่ามกลางความสุขที่โอบล้อมนั้น มีสายตาเยือกเย็นแห่งความทุกข์มองไปยังทั้งสอง นนทรีกัดริมฝีปากแน่น ในมือที่ถือหนังสือถูกเขวี้ยงลงกับพื้นด้วยโทสะ

                มันจะมากไปแล้ว!!

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา