ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)

8.9

เขียนโดย snowred

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.

  123 บท
  32 วิจารณ์
  97.73K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

17) บทที่ ๑๗: ช่วงนี้มีแต่ผู้หญิงมรุมล้อม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ ๑๗

[บรรยายโดยตัวละครเอกหญิง เด็กหญิงสังรศรี วีรสังฆะ]

ช่วงนี้มีแต่ผู้หญิงมารุมล้อม

                มันไม่ปรกติแล้ว

                หนูคิดอย่างหวาดกลัวและกังวล ทำไมตั้งแต่ที่หนูมาที่กรุงเทพฯ ของมิติผกายเด็กหญิงเด็กสาวต่างส่งสายตาวิ้งวับๆ ให้ หนูพยายามก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือที่เอามาด้วยเพื่อเลี่ยง แต่ก็ไม่พ้นเมื่อมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งทักหนูด้วยรอยยิ้ม

                “สวัสดีจ้ะ เธอชื่ออะไรเหรอ?” หนูมองพร้อมกับยิ้มให้เธอ เด็กหญิงคนนี้สวมแขนยาวขอบสีทองทับเสื้อกล้ามสีขขาว ผมสีเขียวเข้มประดับด้วยดอกไม้สีเหลือง กระโปรงสามชั้นไหวไปมาเมื่อเธอส่ายสะโพก หนูมองสักพักก่อนจะตอบตอบ

                “สวัสดีจ้ะ ฉันชื่อสังรศรี วีรสังฆะ”

                “ฉันชื่อยุพิน โมเรศนะ ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ” หนูพยักหน้าแล้วตอบกลับ “เช่นกันจ้ะ” เราสองคนยิ้มให้กัน สักพักก็มีกลุ่มเด็กผู้หญิงเข้ามาหาหนูประมาณ ๑๐ กว่าคน แง้! ทำแบบนี้หนูลำบากใจนะ

                “ศรีมาอยู่ที่โลกนี้ได้ยังไงเหรอ”

                “เธอชอบกินอะไรอะ”

                “เกิดวันอะไรเหรอ”

                “ฯลฯ”

                คำถามประดังเข้ามาไม่หยุด หนูกล่าวขึ้น “ขอโทษนะ ช่ะ ช่วยถามทีละคนสิ ฉันตอบไม่ไหวน่ะจ้ะ”

                หลังจากนั้นทุกคนก็จัดลำดับคิวถาม เฮ้อ… อย่างนี้ค่อยสะดวกหน่อย

                หวังว่าคงไม่เข้ามาอีกนะ

                แต่โชคก็ไม่เข้าข้าง เพราะแม้ทุกคนจะถามจบแต่หนูก็ถูกชวนให้ไปทานอาหารต่อแล้วก็แวะโน่นแวะนี่ ---ย่ะ แย่แล้ว หนูมาโดยที่ยังไม่ได้บอกใครเลย ว่าวเองก็ไปซื้ออาหาร

                “นี่ ศรีรู้หรือเปล่าว่าวันนี้จะมีงานน่ะ”

                “งานอะไรเหรอ” หนูถาม ยุพินทำหน้าเหมือนนึกอะไรออกแล้วตอบ “จริงด้วย ศรีไม่เคยมาที่มิตินี้นี่ ---งานที่ว่าก็คือ งานปิดเทอมนักเรียน ซึ่งจัดเพื่อเป็นการฉลองในวันปิดเทอม แม้มันจะหยุดแค่หนึ่งเดือนก็เถอะ”

                ยุพินบอกอย่างตื่นเต้น ---น่าสนใจจัง แต่หนูคงต้องไปขอท่านซอไม่ก็ท่านอรัญญิก

                “อยากไปเหมือนกันนะ แต่ฉันต้องขอท่านซอก่อน”

                “ท่านซอเหรอ!” ยุพินถามอย่างไม่เชื่อ “ใช่จ้ะ ทำไมเหรอ”

                “ก็… ท่านซอเป็นถึงหนึ่งในสามนายิกาแห่งภาคกลางน่ะสิ ใครได้อยู่ร่วมเรือนชาคาเดียวกับท่านถือว่าโชคดีมากเลยนะ” ยุพินตอบแบบเพ้อๆ หนูคาดว่าเธอกำลังจินตนาการว่าตนเองได้อยู่กับท่านซอ

                “ฉันเองก็อยากอยู่ด้วยจัง”

                บางคนเอ่ยขึ้นแบบเดียวกับยุพิน คนอื่นๆ เลยตามไปด้วยแต่ก็ยกเว้นหนูนั่นแหละ

 

                “งานปิดเทอมนักเรียน?”

                ท่านซอถามในขณะที่ท่านอ่านหนังสือ หนูตอบพร้อมกับยิ้มอย่างคาดหวัง

                “ค่ะ ขอหนูไปเถอะนะคะ”

                “ได้ซี ข้าเองก็ไม่อยากกักเจ้าไว้ในที่พัก ไปเปิดหูเปิดตาหาเพื่อนมากๆ มีอะไรจะได้ช่วยกัน” ท่านซอใจดีจัง “ขอบคุณค่ะ”

                ก๊อกๆ

                แอ๊ด…

                ท่านอรัญญิกเปิดประตูเข้ามา ท่านซอเปลี่ยนจากสีหน้ายิ้มแย้มเป็นตึงเคลียดแต่ไม่มีความกดดันซ่อนอยู่ ท่านอรัญญิกเอ่ย

                “ท่านซอ ข้าเห็นยักษ์ตนหนึ่งท่าทางชอบกลป้วนเปี้ยนแถวหน้าห้องเราเจ้าค่ะ”

                “ข้าคาดว่านางผ่านมามากกว่ากระมัง”

                “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น แต่ยักษ์ตนนั้นผ่านหน้าห้องเราหลายรอบแล้ว ครั้นตอนที่ข้าอยู่ข้างล่างนอกโรงแรมเห็นนางยืนมองห้องของเราจากทางด้านหลัง ---ฤว่าจะเป็นสมุนของผู้ลักดาบน่ะเจ้าคะ” สีหน้าของท่านอรัญญิกไม่ดีเลย หนูมองอย่างเป็นห่วงแต่เธอไม่รู้สึก

                “มีความเป็นไปได้ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงข้าว่านางก็มีพิรุธนะ” ท่านซอครุ่นคิดพลางปิดหนังสือ

                “อะไรฤๅเจ้าคะ?”

                “ยามใดที่จะจับตาดูศัตรูมันก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าถ้าผ่านเป้าหมายหลายครั้งก็น่าจะดูออกง่าย แต่ไยนางทำถึงเยี่ยงนั้นนะ”

                “ข้ามิทราบเช่นกัน ---ท่านซอเจ้าคะ ถ้าเป็นเช่นนี้เราเองก็อยู่นิ่งๆ รอมันปรากฏแบบชัดๆ ดีไหมเจ้าคะ” ท่านอรัญญิกเปลี่ยนสีหน้าไม่ใช่ด้านบวกแต่เรียบเฉย ท่านซอพยักหน้าแล้วกล่าว

                “ข้าคิดเช่นนั้น แต่ข้าเกรงว่าถ้าเราเปิดช่องโหว่ให้มันเมื่อใดเราจะพลาดเสียตรงนั้น”

                หนูฟังพวกเธอคุยเรื่อยๆ แต่ที่ได้ยินบ่อยจะเกี่ยวกับเรื่องงาน ฟังไปฟังมาก็เริ่มเวียนศีรษะ หนูจึงหาโอกาสเอ่ยแทรก

                “หนูขอตัวนะคะ”

                “อืม แลรอบทางด้วยนะ ศัตรูเริ่มเคลื่อนไหวแล้วล่ะ” ท่านอรัญญิกเอ่ยด้วยใบหน้าที่ไม่มีอารมณ์ใดๆ แฝงอยู่

                “ค่ะ”

                หนูตอบกลับแล้วออกจากห้อง …เฮ้อ… อยากกลับไปที่โลกนั้นเร็วๆ จัง

                บรรพตเดินผ่านมาพอดีจึงทักหนู “ศรี มาทำอะไรที่ห้องนี้ฤ?”

                “มาขอท่านซอไปงานปิดเทอมนักเรียนน่ะ” พอตอบไปแบบนั้นดวงตาของเธอก็เป็นประกาย เธอถามอย่างดีใจ

                “งานปิดเทอมฯ ! เย้ๆ ข้าลืมไปเลย ไหนๆ ก็มาแล้วงั้นเราไปด้วยกันนะ”

                “จ้า! เดี๋ยวไปชวนเพื่อนคนอื่นด้วยเนอะ” หนูเองก็ดีใจเช่นเดียวกับบรรพต เธอพยักหน้าแรงๆ ---หนูมองภาพนั้นแล้วยิ้มไปพลางนึกถึงโลกนั้น อยากกลับไปจัง หนูคิดก่อนจะถามบรรพต

                “บรรพต… ฉันจะได้กลับไปที่มิติของฉันหรือเปล่าจ๊ะ”

                “หืม? ---ได้สิ! เพียงแต่ถ้าภารกิจนี้สำเร็จเราก็จะส่งเจ้ากลับไป”

                “ทำไมถึงต้องเป็นอย่างนั้นเหรอ?” หนูไม่เข้าใจจริงๆ บรรพตตอบ “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็น่าแปลกเหมือนกันนะ--- เอาเป็นว่าช่างเถิด อย่าไปคิดมากเลย”

                “ฉะ ฉันมาที่มิตินี้ ๔ วันแล้วนะ ป่านนี้พ่อแม่ฉันจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้” พอนึกถึงเรื่องนี้น้ำตาก็คลอเบ้า บรรพตเห็นดังนั้นจึงใช้นิ้วเช็ดให้แล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน

                “บอกแล้วไงว่าอย่าคิดมาก ---เจ้ามาได้ ๔ วันแล้วก็ถูกนะ แต่เวลาที่มิติผากายกับมิติสามัญไม่เหมือนกันนะ ๗ วันของมิตินี้เท่ากับ ๑ วันของมิติที่เจ้าอยู่นะ” คำกล่าวนั้นทำให้หนูอึ้งจนแทบพูดไม่ออก สีหน้าแตกตื่นของหนูทำให้บรรตพหัวเราะก่อนที่เธอจะเอ่ย

                “เพราะฉะนั้นเจ้ามิต้องกังวลไปดอก” เธอกล่าวแล้วยิ้มบางๆ ให้ หนูรู้สึกผ่อนคลายเพราะคำที่อบอุ่นนั้น สักพักเธอก็พูดว่าขอตัวก่อนนะแล้วเดินจากไป หนูยิ้มให้แผ่นหลังบรรพตที่วิ่งไป

                หนูเดินจากตรงนี้ สวนทางกับเด็กหญิงผมดำปลายขาวมัดต่ำ …นั่น……… ยันต์นี่

                เธอคือคนที่หนูเกลียดที่สุด

                ดูเหมือนเธอจะไม่รู้สึกถึงสายตาชิงชังที่หนูมอง เธอกล่าว “สวัสดี” หนูทำเป็นไม่ได้ยินก่อนจะก้าวเท้าต่อแต่ยันต์ก็เข้ามาขวาง

                “นั่นเจ้าจะไปไหน?”

                “ฉันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตอบเธอ” หนูตอบอย่างเย็นชาแล้วเบี่ยงตัวหลบเดินต่อ  ---------เพราะอะไรกันนะหนูถึงได้เกลียดเธอ ความรู้สึกนี้ฝังใจตั้งแต่ยังเด็ก ยันต์ทำอะไรให้หนูไว้…

                ภาพความฝันผุดขึ้นมา หลายต่อหลายครั้งแล้วที่หนูฝันถึงความทรงจำที่ทรมานจิตใจ ไม่ไหวแล้ว…............

                โลกย้อมเป็นสีดำ ร่างโงนเงนไปมาแล้วล้มลง… หนูรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่โอบกอดหนู…

                                …...........อุ่นจัง…................

                .

                .

                .

                .

                แย่แล้ว

                หลายครั้งที่หนูสลบไปหรือเผลอหลับ ภาพแรกที่หนูลืมตาคือแววไพรที่กำลังจูบแก้มหนู พอเธอรู้สึกถึงสายตาแววไพรก็รีบดึงร่างกลับ ใบหน้าแดงระเรื่อออกส้มๆ เหมือนดอกทองกวางเลย เด็กหญิงสวมแว่นลนลานพลางตอบ

                “ศรี เออ เมื่อกี้ฉันแค่จะลองดูว่าเธอมีไข้หรือเปล่า จริงๆ นะ!” คำพูดที่ฟังดูเหมือนแก้ตัวนั้นแฝงไปด้วยความห่วงใย …ดีใจจังที่มีคนเป็นห่วงหนู

                “ขอบคุณนะ” ถึงจะกล่าวแล้วยิ้มให้ด้วยความรู้สึกที่ดีและขอบคุณ แต่หนูแอบขัดใจตรงที่ริมฝีปากเธอแนบแก้มหนู คงไม่มีอะไรหรอก

                “ท่านพี่ศรี ช่วงนี้ท่านหมดสติบ่อยนะเจ้าคะ เป็นอะไรฤๅเปล่า หนูว่าท่านน่าจะไปหาแพทย์เพื่อป้องกันดีกว่าเจ้าค่ะ” ว่าวถามพร้อมกับเดินถือแก้วใส่น้ำสีเขียว เธอยื่นแก้วนั้นให้หนูจึงรับไว้

                “ยาน้ำนี้ช่วยบำรุงร่างกาย ไม่มีอะไรเป็นพิเศษดอกเจ้าค่ะ” ว่าวบอกเมื่อเห็นว่าหนูดูแก้วน้ำอย่างแคลงใจ หนูพยักหน้าก่อนจะดื่ม

                “อึก---”

                หมดแล้ว

                หนูวางแก้วตรงโต๊ะข้างเตียง เฮ้อ! รู้สึกผิดจังที่ทำให้เพื่อนๆ ต้องเป็นห่วง จริงๆ หนูก็ไม่เป็นไรหรอกเพียงแต่หลับบ่อยเท่านั้น ว่าวเข้ามากอดหนูเบาๆ แล้วซุกหน้าอกหนูเหมือนเด็กขาดความอบอุ่น หนูกอดตอบพลางลูบศีรษะเธออย่างอ่อนโยน

                “พี่ขอโทษนะที่ให้หนูเป็นห่วง”

                “ไม่เป็นไร… ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” เสียงอู้อี้นั้นทำให้หนูเป็นห่วง หนูรู้สึกว่าเหมือนแววไพรกำลังจ้องเราสองคนเมื่อหนูหันไปเธอก็หลุบตาลง

                “มีอะไรเหรอจ๊ะ?”

                “ม่ะ ไม่มีอะไรหรอก” แววไพรเบือนหน้าหนี หนูมองตามอย่างสงสัยก่อนจะหันมากอดว่าวต่อ ที่แววไพรเป็นแบบเมื่อกี้อาจเพราะหนูกอดว่าวอยู่เลยไม่รู้จะทำอะไร ระหว่างนั้นเองว่าวก็ค่อยๆ ผละออกแล้วยิ้มให้หนูอย่างสดใส

                “รู้สึกดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ ---วันนี้ว่าวขออยู่ดูแลท่านพี่นะเจ้าคะ”

                “แกไปเล่นกับพี่ๆ คนอื่นเถอะ เดี๋ยวฉันดูแลเอง” แววไพรกล่าวพร้อมกับหยิบร่มบ่อสร้างดันร่างว่าว เด็กหญิงถักเปียไม่พอใจเลยจับร่มนั้นสะบัดออกแล้วกล่าว

                “หนูว่าท่านพี่ออกไปเล่นดีกว่า ท่านพี่ชอบทำมิดีมิร้ายท่านพี่ศรี ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ” แววไพรตอบกลับ “อย่างน้อยฉันก็ดูแลได้ดีกว่าเธอก็แล้วกัน ออกไปเลย!”

                “มิไปเจ้าค่ะ ท่านนั่นแหละต้องออกไป”

                “นี่แก---”

                ทั้งสองจ้องตากันสักพักก่อนจะออกจากห้อง เมื่อประตูปิดลงสิ่งที่ตามมาก็คือเสียงเอะอะโวยวายคำหยาบและของมีคมปะทะกัน หนูอยากไปห้ามเหลือเกินแต่เสียงดังขนาดนั้นดูท่าว่าจะห้ามยากแล้วล่ะ

                “เธอนี่เนื้อหอมเหมือนกันนะเนี่ย” ใครบางคนเอ่ย หนูหันไปมองรอบห้องแต่ก็ไม่เจอใคร หวังว่าจะไม่ใช่ผีนะ

                “ใครน่ะ!”

                “ฮ่ะๆ ฉันเองเอง โซค่อน” เหมือนได้ยินจากด้านบน หนูเงยหน้าขึ้นไปพบร่างเด็กชายสวมแว่นผมสีน้ำตาลอ่อนใช้เชือกมัดตัวกับตะขอที่ติดเพดาน ในมือเขามีกล้องถ่ายรูปอยู่

                “นายไปทำอะไรบนนั้นน่ะ!” หนูถามอย่างตะลึง เขาหัวเราะก่อนจะตอบ “ไม่มีอะไรหรอก”

                เขาแก้เชือกแล้วหย่อนกายลงมาก่อนจะกล่าว “ยิ้มหน่อย” หนูเผลอยิ้มให้ได้ยินเสียงดัง แชะ หนูรู้แล้วว่าเขาให้ททำอะไร

                “ขอบคุณนะ ฉันขอตัวก่อนล่ะ” เขาเอ่ยก่อนจะออกจากห้อง

                เฮ้อ… เพลียใจกับเพื่อนจริงๆ

               

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา