ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)

8.9

เขียนโดย snowred

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.

  123 บท
  32 วิจารณ์
  97.71K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

122) บทที่ ๑๒๐ : ช่วยนักเรียนใหม่จากผู้คุมกฎเรือนที่พัก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

บทที่ ๑๒๐

[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]

ช่วยนักเรียนใหม่ จากผู้คุมกฎเรือนที่พัก

                ภูรินทร์อธิบายในชั่วโมงประจำชั้นว่า ‘ช่วงนี้เกิดคดีประหลาด หิมะจะตก ๆ หยุด ๆ บ้าง ดังที่ได้ยินมาจากท่านซอ ว่าเกี่ยวข้องกับนายิกาด้วย” ใบโพธิ์นึกถึงคำพูดนั้นพลางมองการต่อสู้เบื้องหน้าอย่างกังวล ส่วนศรีนั้นก็เข้าไปหาเขาเพราะคิดว่าช่วยสู้ไม่ได้ แต่อย่างน้อยได้ช่วยผู้ที่บาดเจ็บบ้างก็ยังดี เด็กชายเพิ่งสังเกตว่ามีแผลถลอกบ้าง แต่ไม่ถึงกับเลือดออก

                “จะว่าไป ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?” ใบโพธิ์ถามในขณะที่ศรีดูว่าเขามีแผลหรือไม่ เมื่อเห็นว่ามีแต่รอยถลอกเลยเงยหน้ามาตอบแทน “ไปเดินเล่นกับพี่น่ะจ้ะ …แต่ไม่นึกเลยว่านาฬิกาจะเสีย” ศรีพึมพำช่วงหลัง ก่อนหน้านี้ดูนาฬิกาแล้วยังไม่ถึงทุ่มเลยอยู่กับอสุราต่อ แต่กลายเป็นว่ามาเห็นนาฬิกาของหอที่ใจกลางโรงเรียน ถึงพึ่งทราบว่าเลยทุ่มมากว่า ๑๐ นาทีแล้ว

                “อย่างนี้ก็ต้องโดนทำโทษด้วยน่ะสิ ว่าแต่ศรีรู้จักผู้หญิงคนนี้หรือเปล่า? เขาบอกว่าตนเองเป็นเจ้าแม่และเป็นผู้คุมกฎหอพักด้วยน่ะ”

                “ผู้หญิงคนนี้…” ศรีมองไปทางหญิงสาวผู้คุมกฎเรือนที่พักก่อนจะส่ายหน้า “ไม่จ้ะ…”

                ในขณะที่ศรีกำลังจะกล่าวต่อว่า ‘ไปหลบที่อื่นเถอะ’ รากไม้ก็ฟาดกระแทกเข้าที่ร่าง โชคดีที่ศรีเหลือบเห็นพอดีและตั้งตัวทันเลยหลบมาได้ โดยไม่ลืมพาใบโพธิ์มาด้วย ใบหน้าของเด็กชายขึ้นสีแดงระเรื่อจนสังเกตได้ชัด เมื่อเห็นว่าตนเองถูกโอบเอวอยู่โดยเด็กหญิงอยู่ ความอ่อนนุ่มของมือและแขนนั้น แม้ไม่ได้สัมผัสโดยเนื้อกายตรงแต่ก็รู้สึกได้ชัดเจน ยิ่งเห็นใบหน้าเรียวงาม รวมทั้งดวงตาสีดำดุจนภายามวิกาลที่มีดวงดาราเปล่งประกาย กับเรือนผมยาวที่พลิ้วไหวยามเคลื่อนตัวแล้ว ใจก็เต้นแรงอย่างระงับไว้ไม่อยู่

                …เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมรู้สึกเหมือนเราเป็นผู้หญิงยังไงไม่รู้สิ

                นี่มันควรเป็นฉากของพระเอกช่วยนางเอกนะ ไม่ใช่ฉากนางเอกช่วยนายเอกเสียหน่อย (เดี๋ยว?)

                “ศรี เป็นอะไรหรือเปล่า?!” อสุราตะโกนถามในขณะที่มือก็ฟาดรากไม้และรากอากาศไปมาด้วย ศรีส่ายหน้าก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงกังวลว่า “หนูไม่เป็นไรค่ะ แต่พี่อสุราไหวเหรอคะ ให้หนูช่วยเถอะค่ะ!”

                “อย่าดื้อนักสิ พี่บอกว่าไม่ก็ไม่ น้องเองก็พาเด็กคนนั้นออกไปก่อนด้วยนะ ไม่อย่างนั้นจะโดนทั้งคู่”

                “…ค่ะ ค่ะ!” ศรีตอบอย่างไม่เต็มใจ แต่ก็พยายามทำเสียงหนักแน่นเพราะไม่อยากให้อสุราเป็นห่วง ใจจริงถ้าเธอจะขัดคำสั่งก็ย่อมได้ แต่ถ้าไม่ช่วยทางนี้ใบโพธิ์เองก็จะแย่ตามไปด้วย  เจ้าตัวเองก็รู้สึกไม่ดีพอกันที่ทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อน ไม่สิ ถึงไม่มีเขา แต่หากผู้คุมกฎเรือนที่พักมาเห็นสองพี่น้องก็ย่อมลงโทษ กระนั้นเขาก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดีแม้ตนเองจะไม่ได้ผิดก็ตาม

                ที่แย่กว่านั้นคือ… เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้

                โธ่เอ๊ย! สิรไพร ทำไมนายถึงต้องขุดหลุมฝังศพฉันด้วยนะ นอนตายคงจะสบายกว่านี้หรอก

                “ฮึ่ม! จัดการยากเย็นจริง ---รากไม้หรือไฮดร้านี่?!” อสุราแทบจะกล่าวเสียงลอดไรฟัน เธอหงุดหงิดไม่แพ้ใบโพธิ์เช่นกัน มือฟาดดาบอย่างไม่มีลังเลแม้แต่น้อย แม้อากาศจะเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ แต่เหงื่อของเธอก็ไหลลงมาตามไปด้วย

                ---ฟิ้ว

                ฉัวะ!

                จู่ ๆ ก็มีขวานเล่มหนึ่งขว้างมาฟันรากไม้และรากอากาศจนขาด ทุกคนหันไปมองว่าเป็นใคร เว้นเสียแต่ผู้คุมกฎเรือนที่พักซึ่งเหลือบไปมองเล็กน้อย นางยิ้มมุมปากอย่างนึกสนุกก่อนจะกล่าว

                “ทำไมวันนี้มีเด็กละเมิดกฎบ่อยจังนัก ฮึ?” คำพูดเหมือนเหนื่อยใจ แต่สีหน้ากลับระรื่นราวกับได้เล่นอะไรสนุก ๆ มากกว่า เช่นเดียวกับผู้มาใหม่ซึ่งเป็นเด็กชายเกล้าผมสั้นเพียงฝ่ามือสีแดงอมส้มไร้ผมหน้าม้า สวมชุดนักเรียนปักรูปยันต์สามอัน เป็นนัยว่าเขาอยู่ระดับชั้นมัธยมต้นศึกษาปีที่สาม ดวงตาสีแสดเบิกกว้างพร้อมกับริมฝีปากที่แสยะออก คล้ายฆาตกรโรคจิตก็มิปาน 

                “จริง ๆ แล้วว่าจะอยู่เงียบ ๆ อีกสักพักน่ะครับ …แต่เห็นคนต่อสู้แล้วมันอดไม่ได้”

กล่าวไปก็เลียริมฝีปากไป เสมือนสัตว์ร้ายกระหายเลือด

“จะว่าไปก็จริงนะ …เกสรี”

                ระหว่างที่หญิงสาวกล่าว เด็กชายเจ้าของนามเกสรีก็เรียกขวานกลับคืนมา แล้วใช้มันชี้ปลายไปที่อีกฝ่าย

                “มาลงโทษผมดีกว่า”

                “ขอโทษนะจ๊ะ แต่นี่เป็นกฎ… ต้องลงโทษผู้ที่ทำผิดมิมีข้อยกเว้น!” ฉับพลัน รากไม้ก็พุ่งตวัดปลายอย่างไร้ทิศทาง ชนโน่นชนนี่จนบางอย่างหักพังลงมา ศรีรีบลากใบโพธิ์ให้อออกห่างจากตรงนั้น ก่อนจะตะโกนเรียกอสุราด้วยความเป็นห่วง

                “พี่อสุราคะ!”

                ไม่มีเวลาแล้ว

                ศรีคิดในใจแล้วเหลือบไปมองใบโพธิ์อย่างชั่งใจว่า จะทำอย่างไรกับเขาดี หากเธอไปช่วยอสุรา ใบโพธิ์ก็อาจจะถูกทำร้ายโดยไม่มีใครช่วย แต่ถ้าเธออยู่กับเขาอสุราก็จะโดนทำร้ายฝ่ายเดียว …ไม่สิ ตอนนี้มีเกสรีมาแล้ว คงจะพอแบ่งแรงไปบ้าง

                ตอนนี้เธอจะมามัวแต่เป็นห่วงอสุราไม่ได้ เพราะมัวแต่นิ่งเฉยแบบนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ฉะนั้นแล้ว… ตอนนี้ต้องรีบพาใบโพธิ์ให้ห่างจากตรงที่สุด ไม่ก็กลับเรือนที่พักไปเลย

                “ใบโพธิ์! รีบวิ่งกันเถอะ ถ้ามัวแต่อยู่ตรงนี้จะทำให้พี่อสุราห่วงหน้าพะวงหลัง ฉะนั้นตอนนี้แหละ!” ศรีกล่าวชัดถ้อยชัดคำแล้วรีบจูงข้อมือพาใบโพธิ์ไป พอรู้สึกว่าไม่ถนัดก็ปล่อยมือ แต่พยายามวิ่งให้อยู่ระดับเดียวกับใบโพธิ์ เขาหันไปมองด้านหลังพลางวิ่งไปด้วย ก่อนจะถามอย่างไม่สบายใจ

                “แล้วพี่เธอล่ะ! ปล่อยไว้อย่างนั้น---”

                “ฉันเองก็เป็นห่วง แต่อย่างที่บอกไปนั่นแหละ ว่าหากขืนอยู่ต่อไปเราจะถ่วงแข้งถ่วงขาท่าน อย่างน้อยตอนนี้เราต้องรีบไปก่อน จะได้ไม่เป็นภาระ!” คิ้วแทบจะขมวดเข้าหากัน ความกังวลนั้นแทบจะทำให้คิดอะไรไม่ออก หากอสุราเป็นอะไรขึ้นมาเธอคงทำใจไม่ได้ กระนั้นก็ยังคงคิดในแง่ดีว่า นี่เป็นเพียงการลงโทษที่ออกมาเกินเวลา คงไม่ร้ายแรงถึงขั้นชีวิต

                พี่อสุรา

 

                ศรีกับเด็กคนนั้นไปแล้ว ค่อยสบายใจหน่อย

                อสุราคิดในใจด้วยความโล่งอก ตอนนี้เธอจะได้ต่อสู้อย่างเต็มที่แล้ว การตัดสินใจของน้องสาวตนเองไม่ผิดจริง ๆ

                “ฮึ! ทีนี้ท่านก็คงมิอาจไปหาทั้งสองได้แล้ว เกสรีก็อยู่ด้วย” เด็กสาวกล่าวอย่างได้ใจ กระนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ยี่หระ ส่วนเกสรีนั้นคิ้วตกลงแม้จะยังคงยิ้มอยู่ เขากล่าวอย่างเบื่อหน่าย

                “ผมไม่ได้มาช่วยคุณ แค่หาอะไรมาแก้เบื่อก็เท่านั้น”

                “ฉันก็ไม่ได้หวังขนาดนั้นหรอก” ริมฝีปากแย้มเล็กน้อย ดวงตาคมตวัดมองรากไม้พร้อมกับดาบ หากใครมาเห็นเด็กสาวตอนนี้อาจจะรู้สึกถึงบางอย่างที่อันตรายในตัวของเธอก็ได้

                “อีกอย่าง… อย่าทำให้อารมณ์เสียมากกว่านี้ล่ะ ฉันยังไม่อยากคืนร่างจริง”

อสุรากล่าวกับทั้งสองคน ในขณะนั้นเปลวไฟก็ลุกโชนจากดาบ

 

               “…นี่ มีอะไรจะให้ดูล่ะ…”

               เสียงยานครางดังมาจากเด็กชายรูปร่างค่อนข้างเล็ก ผมเรียบนั้นหยิกเล็กน้อยตรงบริเวณปลาย ดวงตาลืมสะลึมสะลือจะหลับแลไม่แล เขานอนคว่ำอยู่บนฟูกพร้อมกับห่มผืนหนา ดวงตามองไปที่คอมพิวเตอร์พกพาในขณะที่มือก็พิมพ์คีย์บอร์ดไปด้วย ปากก็กล่าวกับเพื่อนร่วมห้อง ซึ่งเด็กชายผมสีน้ำเงินอมดำเหมือนดอกอัญชันยาวเกือบถึงเอว หยักขึ้นหยักลงราวกับสายฟ้า เขาสวมชุดยูคาตะสีเดียวกับผมแต่อ่อนกว่า ดวงตาสีม่วงที่เมื่อครู่ชมดาวอยู่ก็ละสายตาไปมองที่อีกฝ่าย

               เขาก้าวไปหาผู้เรียกแล้วนั่งคุกเข่าข้างฟูกของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยปากถาม

               “ว่ากระไร?”

               “เด็กใหม่ที่เธอเคยประลองด้วยโดนทำโทษล่ะ…”

               “อืม”

               “ไม่เจ็บใจเหรอ?” เด็กชายผมปลายหยิกถามพลางช้อนตามอง ท่าทางน่าเอ็นดูนั้นไม่ได้ทำให้นาวิชสนใจ เจ้าตัวเขยิบเข้าไปดูภาพเหตุการณ์ปัจจุบันทางด้านใบโพธิ์และศรี ก่อนจะตอบเบา ๆ

               “ข้ามิได้แพ้นี่ เรื่องนี้เจ้าก็รู้” นาวิชไม่ได้โกหกแต่อย่างใด เพราะหากกล่าวตามจริงในช่วงที่สิรไพรจะฟันดาบลงมานั้น เขาสร้างภาพมายาเพื่อให้อีกฝ่ายฟันผิด ซึ่งหากใครที่ไม่ตั้งสมาธิ หรือใช้จิตมองก็จะเห็นว่าภาพที่เขาถูกฟันนั้นเป็นของจริง เรื่องนี้เพื่อนและผู้อื่นบางคนทราบแล้ว กระนั้นหากเป็นอย่างที่กล่าวมาข้างต้นก็จะเผลอเข้าใจผิด สิรไพรเองก็ใช่ว่าไม่รู้ แต่ที่ไม่รุกต่อเพราะสนที่ใบโพธิ์มากกว่า

               “นั่นสินะ… แล้วนี่จะไม่ไปช่วยหน่อยเหรอ?”

               “ถ้าแค่หน่อยก็ได้นะ” นาวิชละสายตาจากหน้าจอ อีกฝ่ายเห็นดังนั้นก็กล่าวต่อ “ก็ยังดีนะ… แต่เท่าที่ดูมาก็คงไม่น่าเป็นห่วงมาก พี่เกสรี พี่อสุรา และศรีก็อยู่ด้วย”

               “เลิกพูดได้แล้ว สนใจแต่เด็กใหม่จริงนะ”

               “เปล่า… ถ้าเผอิญว่าเด็กใหม่ไม่ได้มีเรื่องน่าสนใจ เราก็ไม่ได้สนใจอะไรมากหรอก” เด็กชายปลายผมหยิกปิดคอมพิวเตอร์พกพา ก่อนจะมุดเข้าไปในผ้าห่มผืนหน้า ก่อนที่มันจะค่อย ๆ ยุบลงเพราะเด็กชายคืนร่างเดิมแล้ว

               “ฝันดีนะ …เมี๊ยว…”

               “อืม”

               ตูม!

               ระหว่างนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงจ้อกแจ้กจอแจจากนักเรียนชายห้องอื่น นาวิชนั่งนิ่ง ๆ ราวกับคิดอะไรบางอย่าง

               “เฮ้ย! คงไม่ใช่เจ้าเด็กใหม่ใช่ไหม?”

               “เด็กใหม่นี่ หาอะไรสนุก ๆ ทำจริงนะ”

               “เอ่อ ฉันว่าไม่นะ”

               “ผู้คุมกฎนี่ก็ต้อนรับอย่างอบอุ่นดีจริง”

               “ไม่ไปช่วยหน่อยเหรอ?”

               “รอดูห่าง ๆ แบบนี้ก็ดีแฮะ แต่ตอนนี้เริ่มดึกแล้วชักจะง่วงแล้วสิ”

               “อ้าว หิมะตกแล้วเหรอ?”

               พวกเขาออกมาดูพร้อมกับความรู้สึกที่ต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่จะเป็นตื่นเต้นไม่ก็เป็นกังวล นาวิชออกไปดูที่ระเบียงด้านนอกก่อนจะพึมพำเบา ๆ

               “ดูท่าว่าถ้าไม่ไปช่วยก็จะนอนไม่ได้สินะ หนวกหูจริง”

หลังจากนั้นก็เดินไปหยิบดาบที่วางไว้บนที่วางติดผนัง กับเสื้อแขนยาวกว่าปรกติแบบชาวล้านนาสีเข้ม ก่อนจะออกไปที่ระเบียงอีกครั้งแล้วกระโดดลงไป

 

               ทางฝ่ายผู้ที่ใช้ให้เด็กชายความจำเสื่อมไปเอาของ จนเจอเรื่องเข้าก็ยังคงนอนลอยหน้าลอยตาเล่นเกมในคอมพิวเตอร์พกพา แม้จะได้ยินเสียงดังราวกับแผ่นดินถล่มก็ยังคงไม่แม้แต่จะออกไปดู ระหว่างนั้นธนินก็ยื่นพิงประตูเลื่อนทำด้วยประจก บรรยากาศรอบตัวเขานั้นราวกับไม่ใช่สิ่งมีชีวิต น้ำเสียงราบเรียบที่เอ่ยออกมานั้นก็ยิ่งช่วยให้เหมือนเข้าไปอีก

               “ไม่คิดจะช่วยรึ”

               “ทำไมข้าต้องไปช่วยมันด้วยล่ะ?” สิรไพรถามกลับ ธนินเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบ “นายเคยพูดไว้นี่ว่าเขาคือของเล่น อย่างตอนที่สู้กับนาวิชนายก็ไปช่วยใบโพธิ์”

               “อ้อ ---ครานั้น ก็มันจวนตัวนี่หว่า”

               “แล้วตอนนี้มันไม่จวนตัว?”

               “ข้าได้ยินมาจากยายฆีรตา ว่ายังมีคนอื่นอยู่ด้วย คงมิน่าเป็นห่วง” สิรไพรกดรัวที่แป้นคีย์บอร์ดเพื่อยิงศัตรูในเกม ธนินไม่กล่าวอะไรต่อและนั่งลงกับพื้น

               “ก็คงจะอย่างนั้น แต่ถ้าไม่ฉันจะไปช่วย ---นายก็อย่าขัดแข้งขัดขาล่ะ” เหมือนเป็นคำที่มีอารมณ์ แต่เรียบเฉยจนน่าใจหาย สิรไพรไม่รู้สึกอะไรจึงแสยะยิ้ม “ถ้าเกิดทนได้ล่ะนะ”

 

 

 

 

 

 

 

---------------------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่ะ หายหน้าหายตาไปนาน (ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ ค่ะ เนื่องจากแก้ไขเนื้อหาไม่สะดวกนัก เลยต้องปรับปรุงและคิดนานทีเดียว)

 

เนื้อหาในบางส่วนอาจจะไม่ตรงกับบทก่อนหน้า ซึ่งสามารถอ่านเพิ่มเติมในส่วนที่ขาดหรือเปลี่ยนในเว็บเด็กดีนะคะ

 

จะว่าไปก็ไม่ได้มาเว็บขีดเขียนนานมากแล้ว คิดถึงจัง หวังว่าจะมีโอกาสได้มากทักทายอีกนะคะ

 

ขอบคุณค่ะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา