"Yes, I do" ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย

8.9

เขียนโดย January13

วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.54 น.

  37 ตอน
  25 วิจารณ์
  37.14K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 20.46 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) รำลึกความหลัง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     นักเรียนชั้นประถมสี่ห้องแรกของสายชั้น เดินเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบขึ้นมายืนบนเวที มาริซะคุณครูวิชากิจกรรมนั่งรอที่เปียโนอยู่แล้ว เมื่อเห็นนักเรียนพร้อมก็เริ่มบรรเลงดนตรีขึ้น จบท่อนอินโทรเสียงเล็กๆของเด็กๆก็ดังขับขานประสานกันอย่างไพรเราะ วันนี้โรเบิร์ต คุณครูชาวยุโรปที่สอนวิชาคริสต์ศาสนา ไม่ได้ขึ้นมาช่วยร้องนำเหมือนวันแรกๆ เพราะใกล้วันจริงแล้ว ลูกศิษย์ทุกคนควรร้องได้เองแต่ยังอนุญาตให้ดูเนื้อเพลงได้  ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังขยับปากร้องตามอยู่ข้างๆ เวที นักเรียนห้องอื่นที่เหลือ รอซ้อมร้องเป็นลำดับถัดไปก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาดูโพย ท่องเนื้อร้องของตัวเองอย่างไม่ออกเสียง เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเพื่อนที่กำลังขับร้องอยู่บนเวที เพราะแต่ละห้องได้เพลงที่ต่างกันออกไป ฮิคารุไม่ได้เข้าซ้อมตั้งแต่ครั้งแรก จึงทำให้ไม่มีเนื้อเพลงอย่างเพื่อนๆ เด็กชายหันรีหันขวางไม่รู้ว่าจะไปหาได้ที่ไหน ไม่มีเนื้อเพลงจะร้องได้อย่างไร  

     “อะนี่ ของนาย” ฮานะที่ยืนอยู่ข้างหน้า หันมายื่นกระดาษที่มีเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ และตัวหนังสือเล็กๆ ภาษาญี่ปุ่นเขียนเป็นคำอ่านกำกับให้เรียบร้อย

     “เอ่อ...ขอบใจนะฮานะจัง” เขาพูดก่อนรับเนื้อเพลงมา

     “อืม ไม่เป็นไรหรอก” เธอยิ้มให้เพื่อนแล้วหันกลับไปท่องเนื้อร้องต่อ ฮิคารุพยายามอ่านตามคำอ่านที่ฮานะเขียนไว้ เขาอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก เพราะเป็นวิชาที่เขาเกลียดและโดดเรียนบ่อยที่สุด

     อริสาเดินมาหยุดยืนข้างๆ ชายหนุ่มที่วิ่งนำเธอมายังโรงอาหารใต้ตึกมัธยมปลาย ชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้ยาววางเรียงเป็นแถวอยู่ตรงหน้า ทางด้านซ้ายมือเป็นร้านขายอาหารซึ่งตอนนี้ปิดหมดแล้ว บริเวณนั้นจึงมีเพียงเขาสองคนเท่านั้น

     “ดูสิว่าใครจะหาเจอก่อนกัน เริ่มเลยนะ”

     “เดี๋ยวสิ หาอะไรหนะ อย่าพึ่งเริ่มสิ” อริสาดึงมือยูทากะที่กำลังชี้ไล่นับโต๊ะกินข้าวเพื่อขัดขวาง เขาหัวเราะชอบใจใหญ่แล้วใช้มืออีกข้างนับต่อ

     “หาอะไรของนายหนะ” หญิงสาวหน้างอถาม เขาไม่สนใจ ปากขมุบขมิบนับพรางยิ้มขันคนรัก

     “หาอะไรของเขานะ ถามก็ไม่ตอบ” คนหน้างอพรึมพรำขณะเดินมาก้มๆเงยๆ ดูบริเวณโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ

     “เจอแล้ว” ยูทากะวิ่งไปยังโต๊ะตัวหนึ่ง ก่อนทรุดตัวลงข้างๆ ขาโต๊ะ อริสาหน้าตาอยากรู้อยากเห็นเดินตามมาทีหลัง แล้วนั่งยองๆ ข้างเขา

     “นี่ไง” เขาชี้ชื่อที่สลักอยู่บนขาโต๊ะให้หญิงสาวดู

     “วาตานาเบะ ยูทากะ และ ฟูคูดะ ฮิเดโกะ” อริสาอ่านตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นที่เห็นก่อนหลุดขำยกใหญ่

     “ขำอะไรของเธอหนะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามอย่างงงๆ

     “เปล่าๆ ฉันก็แค่รู้สึกว่ามันเหมือนในนิยายน้ำเน่าเลย ฮ่าๆๆ ตลกดี”

     “ตลกหรอ? ตอนนั้นยังบอกว่าน่ารักอยู่เลยนะ”

     “ตอนไหนอ่ะ?”

     “อ้าวก็ตอนวันที่เราเรียนจบไง ฉันแอบมาสลักเอาไว้แล้วพาเธอมาดู...พึ่งผ่านมาไม่กี่ปีเองจำไม่ได้หรอ” ยูทากะเสียงอ่อย ทำไมคนรักถึงจำเรื่องราวดีๆระหว่างเขาและเธอไม่ได้ หญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วถอนหายใจเบาๆ

     “ฉันนะ....ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาก็จำอะไรไม่ได้หรอกนะ ไม่รู้ว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ไม่รู้ว่าทุกคนรอบข้างเป็นใคร แม้แต่ผู้หญิงที่ชื่อฮิเดโกะ” อริสาพยายามจะไม่พูดถึงเรื่องจริงว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน เพราะรู้ว่าพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ

     “แม้แต่ตัวเองก็จำไม่ได้หรอ อย่างนี้นี่เอง ไม่น่าหละเธอถึงได้มีท่าทีแปลกๆกับฉัน” ยูทากะหมดความสงสัยทันที หลายวันมานี้คนรักของเขาดูเย็นชาจนทำให้เขารู้สึกหวั่นใจ     

     “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะช่วยเธอรำลึกความหลังเอง” เขาพูดก่อนคว้ามืออริสามากุมไว้ดวงตาสีนิลส่งแววห่วงใย เธอมองอย่างสงสัยว่าเขาจะทำอย่างไร...ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่มีทางจำเรื่องราวเกี่ยวกับนาย และทุกคนที่นี่ได้หรอก เพราะฉันคืออริสา ไม่ใช่ฮิเดโกะ...

     ยูทากะพาคนรักเดินขึ้นมายังชั้นสี่ของตึกมัธยมปลาย หญิงสาวมองซ้ายมองขวาสำรวจสิ่งต่างๆรอบตัวก่อนถามขึ้น

     “นี่ยูทากะ แล้วทำไมนายต้องสลักชื่อไว้ที่โต๊ะตัวนั้นด้วยหละ”

     “โต๊ะตัวนั้นหนะ... เรานั่งกินข้าวด้วยกันทุกเที่ยง” เขาตอบใบหน้าแต้มยิ้มบางๆอย่างรำลึก

     “โรงอาหารหนะโต๊ะเยอะจะตายนายจำได้ยังไงว่าเป็นตัวนั้น” คนขี้สงสัยถามต่อ

     “โต๊ะทั้งหมดเรียงเป็นแถวตอนลึกสิบห้าแถว เรียงหน้ากระดานยี่สิบห้าแถว ฉันเลขที่สิบเอ็ดใช้นับแถวตอนลึก เธอเลขที่สิบเก้าใช้นับแถวหน้ากระดาน พอนับมาบรรจบกันก็เลยเป็นโต๊ะตัวนั้นยังไงหละ” ยูทากะอธิบายยาวเหยียดพร้อมทำท่าทางประกอบ คนฟังยักหน้าน้อยๆอย่างคิดตาม เดินมาสักพัก เขาก็เลี้ยวเข้าห้องเรียนห้องหนึ่ง ภายในห้องขนาดกลางมีโต๊ะนักเรียนไม้สีอ่อนเรียงอยู่อย่างเป็นระเบียบ กระดานดำเบื้องหน้ายังมีร่องรอยการขีดเขียนของสูตรคำนวณ วิชาคณิตศาสตร์ อริสามองเห็นชายหนุ่มกำลังค้นหาบางสิ่งบางอย่างในตู้หนังสือที่อยู่มุมซ้ายหน้าห้อง

     “หาอะไรอีกหนะ ยูทากะ”

     “หนังสือรุ่นหนะ ไม่รู้ว่าคุณครูซาวาดะจะยังเก็บไว้หรือเปล่า....นี่ไง” เขาหยิบหนังสือปกหนาออกมา แล้วเดินมานั่งที่โต๊ะเรียนก่อนเปิดดู อริสาเลื่อนเก้าอี้เข้ามานั่งดูด้วยอยู่ข้างๆ

     “ขอฉันหาก่อนนะ อยู่หน้าไหนน้า” มือหนาบรรจงเปิดหนังสือทีละหน้า ก่อนหยุดลง

     “อ่ะ นี่ไงรูปหมู่ห้องเราตอนจบมัธยมปลาย” เขาพูดก่อนเลื่อนหนังสือให้อริสา เธอไล่ดูภาพขาวดำของนักเรียนหญิงชายในชุดเครื่องแบบนักเรียนญี่ปุ่นสมัยก่อน ที่นั่งและยืนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบในห้องเรียนนี้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมาหยุดอยู่ที่นักเรียนหญิงคนหนึ่ง ก่อนจะเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ...เหมือนมาก เหมือนเป็นคนๆเดียวกัน... เธอคิดขณะหยิบหนังสือขึ้นมาดูใกล้ๆ มือข้างหนึ่งลูบหน้าตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา เธอเห็นตัวเองอยู่ในภาพนั้น

     “นั่นหนะเธอ ฟูคูดะ ฮิเดโกะ เลขที่สิบเก้า และที่ยืนอยู่ข้างบนเยื้องขวาของเธอก็คือฉันเอง วาตานาเบะ ยูทากะ เลขที่สิบเอ็ด" ยูทากะบอกพร้อมจิ้มนิ้วลงบนภาพ อริสาก้มดูอยู่พักหนึ่งก่อนเงยหน้าขึ้นมา

     “หน้านายตลกจัง” เธอแซวพรางหัวเราะคิกๆคักๆ

     “ไหน ไม่เห็นตลกเลยออกจะหล่อนะ ฮ่าๆๆ” เขาดึงหนังสือกลับมาดูแล้วคัดค้าน

     “มันตลกจริงๆนะ ฮ่าๆๆ หน้าเหวอเชียว” อริสาหัวเราะอย่างกลั้นขำไม่อยู่ พวกเขาเถียงกันอยู่นาน จนยูทากะต้องยอมแพ้ในที่สุด หลังจากวิภาควิจารณ์เรื่องหน้าตาของเพื่อนๆในรูปหมู่กันอย่างสนุกสนานอยู่พักหนึ่ง ทั้งสองคนก็พากันเดินมาที่สนามหญ้าหลังตึกมัธยมปลาย มีอัฒจรรย์ไม้ที่ไม่สูงนักวางอยู่ทั้งสี่ด้านของสนาม

     “กลุ่มเรามีใครบ้าง” อริสาถามขึ้นอีกขณะเดินมานั่งที่อัฒจรรย์

     “กลุ่มเราหรอ ก็เธอกับฉันไง” คนถูกถามนั่งลงใกล้ๆ ทำท่าคิดก่อนตอบ

     “สองคนเองหรอ”

     “อืมใช่ สองคน”

     “เหมือนไม่มีเพื่อนคบเลย”

     “ฮ่าๆๆๆ ไม่จริงสักหน่อย เธอเคยบอกเองว่า แค่เธอกับฉันก็พอแล้ว” พูดจบประโยคยูทากะก็หันมามองและส่งยิ้มให้ ดวงตาสีนิลทอแววอบอุ่นของเขาส่งกระแสบางอย่าง โจมตีหัวใจอริสาอย่างจัง ทำเอาเธอแก้มร้อนผ่าว

     “เอ่อ...แล้ว...แล้วเรารู้จักกันได้ยังไง” เธอถามเปลี่ยนเรื่องเพื่อกลบเกลื่อน

     “ครั้งแรกที่รู้จักกันหรอ ตอนนั้นประถมหกได้มั้ง ฉันเห็นเธอโดนเด็กผู้ชายสองสามคนรุมแกล้งอยู่ก็เลยเข้าไปช่วย จากนั้นก็พึ่งรู้ว่าบ้านอยู่ละแวกเดียวกัน ฉันหนะแอบเดินตามหลังเธอไปกลับโรงเรียนทุกวันจนเธอรู้ตัว เลยชวนมาเดินด้วยกัน เขินมากเลยตอนโดนจับได้หนะ ฮ่าๆๆ ก็เลยเป็นเพื่อนกันตั้งแต่นั้นมา แต่ว่าอยู่คนละห้อง พึ่งจะได้มาเรียนห้องเดียวกันตอนมัธยมปลาย ฉันดีใจมากๆเลยหละ" ยูทากะเล่า ใบหน้าอิ่มเอมใจ เขามีควมสุขทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับคนรัก

     “ฮิเดโกะจัง พอจะจำอะไรได้บ้างหรือยัง” ชายหนุ่มหันมาถาม

     “อืม ไม่เลย” เธอส่ายหัวเบาๆ

     “ไม่เป็นไรหรอกนะ ถึงเธอจะจำเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างเราไม่ได้ ฉันขออย่างเดียว...เธอจะลืมอะไรก็ได้...แต่อย่าลืมฉันก็พอ” เขาพูดเสียงเรียบ แต่คนฟังรู้สึกถึงความจริงจังผ่านดวงตาสีนิลคู่คม อริสาไม่ตอบอะไรเธอสบตาเขาโดยไม่หลบ เนินนานเหมือนกำลังค้นลึกเข้าไปในใจของเขา

     การซ้อมร้องเพลงประสานเสียงของนักเรียนชั้นประถมสี่ ดำเนินมาถึงห้องสุดท้าย หลังจากนักเรียนเดินขึ้นมาบนเวทีและยืนเรียงแถวหน้ากระดานอย่างเป็นระเบียบแล้ว เสียงดนตรีก็บรรเลงขึ้น ฮิคารุไม่เคยอยู่บนเวทีต่อหน้าผู้คนเยอะแยะแบบนี้ เด็กชายทำตัวไม่ถูก ยืนก้มหน้าก้มตา ร้องเพลงก็ไม่ถูก เลยแสร้งขยับปากตามเพื่อนไปเฉยๆ พอขยับปากผิดก็เอากระดาษเนื้อเพลงขึ้นมาบังปากเอาไว้ สุดท้ายก็บังหน้าตัวเองจนมิด ด้วยความเขินอาย โกโร่ยืนมองอาการลูกศิษย์อยู่ริมเวทีก็นึกขำ...จะรอดไหมเนี่ย เจ้าตัวแสบ...

     หลังจากการซ้อมเสร็จสิ้น คุณครูประจำชั้นต่างก็พากันทะยอยปล่อยนักเรียนในการดูแลของตัวเองกลับบ้าน พระอาทิตย์ลอยต่ำลงทุกที ท้องฟ้ามืดมิดเริ่มไล่เข้ามา ลมชายฝั่งพัดแรงพาเมฆดำก้อนใหญ่ลอยมาด้วย หญิงสาวร่างเล็กนั่งกอดอกด้วยความหนาวอยู่บนอัฒจรรย์...สองคนนี้สนิทและผูกพันกันมากจริงๆนะ ยูทากะกับฮิเดโกะ... อริสาครุ่นคิดพรางมองชายหนุ่มเดาะบอลเล่นอยู่ไม่ไกล

     “นั่นเด็กๆออกจากห้องประชุมแล้วหนิ” ยูทากะชี้หลังจากเหลือบเห็นนักเรียนชั้นประถมสี่เดินออกจากรั้วโรงเรียนเป็นกลุ่มๆ ผ่านช่องห่างระหว่างตึกประถมและตึกมัธยมปลาย อริสามองตามแล้วลุกขึ้นจากอัฒจรรย์เพื่อไปรับฮิคารุกลับบ้าน ชายหนุ่มวางลูกฟุตบอลลงแล้วเดินตามไป

     “พี่ฮิเดโกะฮะ” เด็กชายกล่าวทักหลังจากเห็นพี่สาวเดินเข้ามา

     “ฮิคารุเป็นยังไงบ้างซ้อมร้องเพลงสนุกไหม” อริสาย่อตัวลงถามมือสองข้างจับไหล่น้องชาย ฮิคารุไม่ตอบเอาแต่ก้มหน้างุด

     “วันนี้พึ่งเข้าซ้อมครั้งแรกอาจทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ ยังเหลือเวลาอีกตั้งหนึ่งวันให้ซ้อม อย่าพึ่งท้อนะฮิคารุ” คุณครูประจำชั้นเดินเข้ามาทีหลังพูดขึ้น ลูกศิษย์หันมามองแล้วพยักหน้ารับคำ

     “ดูสิฟ้ามืดมาเชียวสงสัยฝนจะตก เพราะฮิคารุแน่ๆเลย พรุ่งนี้จะมาเช้าอีกหรือเปล่าหละ ครูจะได้พกร่มมา ฮ่าๆๆ” โกโร่พูดแซวต่อ

     “ถ้าเกิดเป็นเพราะฮิคารุจริงๆ โกโร่ซังคงต้องเตรียมร่มมาทุกวันจนกว่าฮิคารุจะเรียนจบมัธยมปลายเลยหล่ะคะ” อริสาพูดอวดน้องชาย

     “อย่างนั้นเลยหรอ ฮ่าๆๆๆ” ครูหนุ่มขำใหญ่ ทำเอาลูกศิษย์เกาหัวแกร่กๆ แก้เขิน

     “ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวกลับก่อนะคะ ก่อนฝนจะตก ลาก่อนนะคะโกโร่ซัง” พี่สาวพูดขึ้น ทุกคนโค้งลาอย่างพร้อมเพรียง

     “อืม กลับบ้านดีๆนะ” โกโร่กล่าวแล้วโค้งตอบ ทั้งสามคนเดินออกมาจากโรงเรียนสักพักหนึ่ง ฝนก็เริ่มเทลงมาเป็นสาย

     “อ๊า ฝนตกแล้วทำไงดี” ฮิคารุร้องขึ้น

     “มองหาที่หลบฝนกันก่อนเถอะ” ยูทากะบอกพรางหันซ้ายหันขวาหาที่ๆพอจะกำบังฝนได้ อริสาก็ช่วยมองหาอีกแรงมือเรียวยกขึ้นป้องหน้าผากไว้

     “นั่น ยูทากะ มีศาลาอยู่ตรงนั้น” เธอชี้ไปที่ศาลาไม้เล็กๆ ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก น้องชายเห็นเลยวิ่งนำหน้าไปก่อน อริสาเองก็กำลังจะวิ่งตามไป แต่มือหนาอุ่นๆของชายหนุ่มคว้ามือเธอมากุมไว้แน่น ก่อนจะพาเธอวิ่งไปพร้อมๆกัน

     ศาลาไม้มีที่นั่งสามด้าน แต่ด้านหนึ่งโดนฝนสาดเปียกไปหมดแล้ว ทั้งสามคนจึงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้านนั้น อริสาถูมือไปมาเพื่อสร้างความอบอุ่น ยูทากะเห็นดังนั้นจึงถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวข้างนอกออกก่อนส่งให้คนรัก

     “ทำอะไรของนายหนะยูทากะ นายไม่หนาวหรอ”

     “ฉันยังมีเสื้อกล้ามอยู่ ไม่หนาวเท่าไหร่หรอกน่า รับไปสิ” เขาพูดแล้วดึงมือหญิงสาวมารับเสื้อไป อริสาหันมาเห็นน้องชายที่นั่งตัวสั่นงันงกอยู่ข้างๆ จึงสะบัดเสื้อเชิ้ตเบาสองครั้งก่อนคลุมตัวน้องชายเอาไว้

     “อุ่นขึ้นไหมฮิคารุ” พี่สาวถาม เด็กชายพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ขอบคุณฮะพี่ยูทากะ” อริสาหันมายิ้มให้ชายหนุ่มอย่างขอบคุณเช่นกัน ยูทากะยิ้มแห้งๆ จริงแล้วเขาตั้งใจจะถอดเสื้อให้เธอห่ม

     ที่บ้านพี่สาวคนโตผุดลุกผุดนั่งอย่างร้อนใจที่น้องสองคนยังไม่กลับบ้าน ซาซาโกะเทียวเดินมาเปิดประตูหน้าบ้านดูอยู่หลายรอบ ตั้งแต่แม่และน้าชายนั่งกินข้าวกันจนกินอิ่มเก็บถ้วยเก็บจานเสร็จ

     “ไปเที่ยวเล่นที่ไหนกันอีกนะกลับมาถึงบ้านหละน่าดู แล้วฝนบ้านี่ก็ตกอยู่ได้ ไม่หยุดสักที” เธอบ่น

     “อ๋อ พายุเข้าหนะ เห็นทางการประกาศห้ามออกเรือพรุ่งนี้” จิโร่พูดขึ้นโดยไม่มีคนถาม

     “น้องอาจติดฝนกันอยู่ก็ได้ เมื่อเช้าแม่ไม่ได้เอาร่มให้เลย มานั่งได้แล้ว เดินไปเดินมาแม่ปวดหัว” คนแม่เรียก ซาซาโกะจึงเดินหน้างอมานั่งลงข้างๆ เธอมองแม่ที่กำลังเช็ดโต๊ะกินข้าว ไม่มีพ่อแล้วเธอต้องดูแลทุกคนในบ้านให้ดีที่สุด เพราะอย่างนี้ซาซาโกะจึงเป็นห่วงน้องๆ มากขึ้นเป็นพิเศษ

     สายฝนยังเทลงมาไม่หยุด ฮิคารุนอนหนุนตักพี่สาวหลับไปแล้วด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการตั้งใจเรียนอย่างคร่ำเคร่ง ความหนาวเย็นของละอองฝนเรียกให้ชายหนุ่มเขยิบเข้ามานั่งเบียดคนรักเพื่อซุกหาความอบอุ่น อริสาหันมาขมวดคิ้วมองเล็กน้อย ก่อนจะไม่สนใจแล้วหันไปทางอื่น สักพักเธอเห็นมือหนาเอื้อมมาโอบไหล่ตัวเอง คราวนี้หญิงสาวหันขวับ

     “ทำอะไรหนะยูทากะ” อริสาถามเสียงดุ พอๆกับสีหน้าตอนนี้

     “ฉันไม่ได้จะทำอะไรนะ แค่คิดว่าถ้าโอบเธอไว้อย่างนี้จะทำให้เธออุ่นขึ้น ฉันเองก็จะอุ่นขึ้นเหมือนกัน” เขาตอบน้ำเสียงจริงใจ

     “ก็ได้ แต่ถ้ามากไปกว่านี้ฉันจะโกรธจริงๆแล้วนะ” อริสาไม่สนใจว่ายูทากะกับฮิเดโกะจะมีความสัมพันธ์สนิทแนบแน่นกันแค่ไหน เพราะตอนนี้เธอคืออริสา เธอพึ่งจะรู้จักเขาไม่กี่วัน ไม่มีทางที่จะยอมให้เขาแตะต้องเธอได้มากไปกว่านี้ และที่สำคัญ อริสามีคนที่กำลังจะแต่งงานด้วยอยู่แล้ว ยูทากะยิ้มน้อยๆ แม้โดยปกตินี่อาจไม่ใช่ท่าทีที่คนรักจะแสดงต่อเขาในเวลาแบบนี้ แต่ก็ทำให้เขารู้สึกว่าน่ารักไปอีกแบบ

     ไออุ่นจากชายหนุ่มทำให้อริสาผลอยหลับ ก่อนเอนซบอกเขาโดยไม่รู้ตัว ยูทากะเลื่อนมือที่วางอยู่บนไหล่มาลูบหัวคนรักเบาๆ เขายิ้มกว้างก่อนก้มมองหญิงสาวอย่างรักใคร่ มีความสุขเหลือเกิน ตอนนี้หัวใจของยูทากะเต้นแรงจนแทบจะระเบิด...อยากให้ฝนตกนานๆ....

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา