"Yes, I do" ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย

8.9

เขียนโดย January13

วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.54 น.

  37 ตอน
  25 วิจารณ์
  37.12K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 20.46 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) ใจตรงกัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     ...กรี๊งๆๆๆๆๆ...เสียงออดโรงเรียนดังขึ้นอีกครั้งในช่วงเที่ยง ฮิคารุออกจากห้องเรียนมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ครึ่งเช้าวันนี้เด็กชายตั้งใจเรียนทุกวิชา ที่เคยรู้สึกว่าการเรียนน่าเบื่อและเป็นเรื่องยากกลับเปลี่ยนไป ยังมีอีกหลายสิ่งที่เขาไม่รู้ อย่างเช่นวิชาวิทยาศาสตร์ ฮิคารุถึงบางอ้อว่าเห็ดหลากสีสวยๆ ที่บังเอิญพบบริเวณเชิงเขาขณะไปเที่ยวเล่น แท้จริงแล้วมันคือเห็ดพิษ ที่มีสารทำลายระบบประสาท ทำให้เกิดอาการเมาเคลิ้ม และอาจรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้

     ฮิคารุลงมาถึงชั้นล่าง กำลังจะเดินเลี้ยวซ้ายไปยังโรงอาหารที่อยู่ตึกข้างๆ จู่ๆ ก็มีร่างท้วมของใครบางคน เดินเข้ามากระแทกไหล่จากข้างหลังอย่างแรงจนฮิคารุเซ คนที่เดินกระแทกไหล่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า และเด็กชายที่ดูเหมือนจะเป็นลูกน้องอีกสองคนยืนประกบข้าง เด็กกลุ่มนี้เป็นที่รู้จักของนักเรียนคนอื่นๆเป็นอย่างดี ในฐานะตัวแสบประจำชั้นประถมหก

     “แกใช่ไหมฮิคารุ ที่ว่าเจ๋งสุดของชั้นประถมสี่หนะ” เด็กชายร่างท้วมที่อยู่ตรงหน้าถามขึ้น แต่ฮิคารุไม่สน เขาแทรกกายออกมาเพื่อเลี่ยงการทะเลาะวิวาท ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อน รุ่นพี่คนนี้คงโดนชกเข้าเป้าตาไปแล้ว  

     “ลูกพี่ฉันถาม แกไม่ได้ยินหรอว่ะ” ลูกน้องคนหนึ่งถามขึ้น ก่อนจะกระชากแขนฮิคารุให้หันกลับมา แล้วชกเข้าที่แก้มอย่างแรง จนฮิคารุล้มไปกองที่พื้น

     “เจ๋งมากนักใช่ไหมแก” รุ่นพี่ทั้งสามคนรุมกระทืบฮิคารุพรางหัวเราะชอบใจ นักเรียนคนอื่นๆ ที่เดินผ่านไปมาต่างมองอย่างสมน้ำหน้า เพราะคิดว่าฮิคารุสมควรจะโดนซะบ้าง หลังจากสร้างวีรกรรมไว้มากมาย แต่ใครจะรู้ว่าที่จริงแล้วฮิคารุไม่เคยหาเรื่องใครก่อน ที่ทำไปก็เพื่อป้องกันตัวทั้งนั้น ด้วยความที่เขาเป็นเด็กรักสันโดด ไม่ค่อยสุ่งสิงกับใคร ดูเย่อหยิ่งจนเป็นที่หมั่นไส้ของเหล่านักเรียนหัวไม้ทั้งหลาย ทำให้มีเรื่องชกต่อยกันบ่อยครั้ง และเขาก็มักจะสู้ยิบตาจนเป็นผู้ชนะทุกครั้ง ยกเว้นครั้งนี้ ฮิคารุนอนให้พวกรุ่นพี่ตัวแสบรุมกระทืบอย่างคนไร้ทางสู้ เขาเบื่อแล้วกับการเป็นเด็กเกเร จะเป็นเด็กดีก็ต้องโดนกลั่นแกล้งบ้างเป็นเรื่องธรรมดา อย่างที่เขาเคยเห็นบ่อยๆ ในโรงเรียน

     “หยุดเดี๋ยวนี้นะพวกนาย!!!!” เสียงเล็กๆ ของเด็กผู้หญิงที่พึ่งลงมาจากชั้นสอง เห็นเพื่อนโดนรุมทำร้ายร้องปรามขึ้น แต่ไม่มีประโยชน์ ฮานะไม่ได้น่าเกรงขามมากพอที่จะหยุดความเกเรของเด็กพวกนี้ได้ เธอท่าทางเลิ่กลั่ก กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดี

     “คุณครูโกโร่ ช่วยด้วยคะ รุ่นพี่ประถมหก รุมทำร้ายฮิคารุ” ฮานะแสร้งมองขึ้นไปพูดกับบันไดที่ว่างเปล่า ไม่มีคุณครูประจำชั้นของเธอยืนอยู่แต่อย่างใด ประโยคนี้ถึงจะมีผลให้พวกรุ่นพี่เกเรวิ่งหนีไป ฮานะรีบวิ่งเข้ามาประครองเพื่อนที่นอนกองอยู่กับพื้นให้ลุกขึ้น

     “เป็นอะไรมากไหมฮิคารุ” เด็กหญิงถาม ฮิคารุส่ายหัวขณะเช็ดเลือดที่ซิบอยู่มุมปาก

     “แต่นายมีเลือดออกด้วยนะ”

     “ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอก ขอบใจมากนะฮานะจัง” พูดจบก็เดินกระโผลกกระเผลกจากไป ทิ้งให้ฮานะยืนเป็นห่วงอยู่ข้างหลัง เด็กหญิงรู้สึกประหลาดใจที่เห็นเพื่อนไม่ตอบโต้ กลับปล่อยให้พวกรุ่นพี่ทำร้ายอย่างง่ายดาย   

     วันนี้ร้านหนังสือสไตล์ตะวันตกเงียบเหงาทั้งวัน ไม่มีลูกค้าเข้ามาเลย มีเพียงเด็กแก้มยุ้ย หลานสาวเจ้าของร้านพลุ ดอกไม้ไฟ ที่อยู่ตรงข้าม ซึ่งถูกตามตัวกลับไปกินนมนอนตั้งแต่เที่ยงแล้ว ตอนนี้จึงมีเพียงหนอนหนังสือสองคนที่ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสืออย่างจริงจัง คนหนึ่งคือเจ้าของร้าน อีกคนหนึ่งคือพนักงานดูแลร้าน อริสาละสายตาจากหนังสือตรงหน้าหันไปมองเจ้านายที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ไม้โอ๊คสีเข้ม ที่อยู่ถัดจากประตูทางเข้าร้านเล็กน้อย

     “คริสโตเฟอร์ ทำไมคุณถึงมาเปิดร้านหนังสือที่นี่ได้หละคะ” ลูกจ้างถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ เจ้านายใจดีเงยหน้ามามอง ก่อนถอดแว่นสายตาออก

     “อืม ตอนนั้นฉันไกลเกษียณจากการเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย เลยคิดว่าอยากจะทำตามฝัน คือเปิดร้านหนังสือ ฉันออกเดินทางหาทำเลเหมาะๆ ทั่วเอเชียเลยนะ แต่สุดท้ายก็มาจบลงที่นี่ ถามว่าทำไม อาจเป็นเพราะชอบภาษาญี่ปุ่นหละมั้ง ฉันว่าเป็นภาษที่มีเสน่ห์มากทีเดียว” คริสโตเฟอร์เล่า

     “แล้วถ้าเกิดคุณรู้ว่าที่นี่จะโดนทิ้งระเบิดลูกยักษ์ ทำลายล้างทุกสิ่งพังพินาศย่อยยับ คุณจะกลับประเทศไหมค่ะ”

     “ฉันจะไปได้ยังไงหล่ะ ในเมื่อหนังสือที่ฉันรักอยู่ที่นี่ ความฝันในวัยเด็กของฉันก็เป็นจริงที่นี่” เขาตอบใบหน้ายิ้มอิ่มเอมใจ อริสาถอนหายใจ เฮือก ไม่มีใครล่วงรู้ชะตากรรมของตัวเองเลยสักนิด ถ้าเธอพูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ ดีไม่ดีโดนหาว่าบ้าแน่

     ถึงเวลาเลิกงานอริสากล่าวลาเจ้านายพุงพลุ้ย และรับค่าจ้างเหมือนเมื่อวาน แต่วันนี้เธอกลับไม่รู้สึกดีใจ เพราะซาซาโกะไม่ต้องการเงินของเธอ บอกให้เอาไปซื้อของที่อยากได้ อริสาไม่อยากได้อะไร เงินพวกนี้จึงดูไร้ค่าไปเลย แต่การมาทำงานที่ร้านหนังสือก็สนุกกว่าอยู่บ้านเฉยๆ มือเรียวผลักประตูไม้เปิดออก ชายร่างสันทัดยืนอยู่หลังประตูนั้น อริสาเริ่มจะชินกับการปรากฏตัวของผู้ชายคนนี้แล้ว เรียกได้ว่ามีเธอที่ไหน มีเขาที่นั่น แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากจะหนีไปให้ไกล เพราะไม่อยากให้รอยยิ้มอบอุ่นของเขามาทำให้ใจหวั่นไหว...ฉันมีคนรักที่กำลังจะแต่งงานด้วยอยู่แล้ว...

     “ปะ” ยูทากะพูดสั้นๆ ก่อนเดินนำไป แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นคนรักยืนหน้างอยู่ที่เดิม

     “เป็นอะไรไปหนะ ฮิเดโกะจัง” เขาหันมาถาม

     “ฉันยังไม่อยากกลับ นายกลับไปก่อนเถอะ”

     “ทำไมหละ?”

     “คือ.....คือฉัน....ฉันจะไปรับฮิคารุที่โรงเรียน” อริสาคิดหาเหตุผลอยู่นาน พูดจบก็เดินสวนยูทากะไป เขาทำหน้างงเล็กน้อยก่อนร้องทักขึ้น

     “แต่นั่นมันทางกลับบ้านนะ โรงเรียนหนะ ไปทางนู้น” เขาชี้นิ้วไปอีกทาง อริสาหันกลับมามองหน้าเหว่อ

     “อะ..อะเอ่อ..ฉันรู้หรอกน่า” เธอทำเสียงดุกลบเกลื่อน ก่อนจะเดินย้อนกลับมา และสวนยูทากะไปอีกครั้ง พอพล้อยหลังได้ ก็สบถตำหนิตัวเองที่ทำขายหน้า รู้ตัวอีกทีชายหนุ่มก็มาเดินอยู่ข้างๆ แล้ว

     “อ้าว!! นายตามฉันมาทำไม ไม่กลับบ้านหรอ”

     “จะว่าไป ตั้งแต่เรียนจบ เรายังไม่เคยเข้าไปเยี่ยมเยือนโรงเรียนเลยสักครั้ง ถือโอกาสไปวันนี้เลยแล้วกัน” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ

     “หื๊อ!!” อริสาอุทานในลำคอ...บ้าจริง ตามเป็นเงาเลย...

     หลังจากคาบเรียนสุดท้ายจบลง นักเรียนก็เริ่มทะยอยกันกลับบ้าน ยกเว้นนักเรียนชั้นประถมสี่ ที่ยืนเข้าแถวหน้าห้องตัวเอง บนชั้นสองของตึกประถม โดยมีคุณครูประจำชั้นยืนกำกับ เพื่อเช็คชื่อ ก่อนจะพานักเรียนในการดูแล เดินเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ ไปยังห้องประชุมที่อยู่ชั้นล่าง

     “โคจิ จุนโกะ ฮาชิโร่ ฮานะ......ไมสุเกะ” โกโร่เดินเช็คชื่อนักเรียนตามปกติ พอถึงรายชื่อของฮิคารุก็ข้ามไปด้วยความเคยชิน เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาดูกระดาษรายชื่อ จึงไม่ทันเห็นลูกศิษย์ตัวแสบที่ยืนอยู่ในแถวด้วย

     “คุณครูค่ะ แล้วฮิคารุหล่ะค่ะ” ฮานะเอ่ยทัก เมื่อไม่ได้ยินคุณครูประจำชั้นขานชื่อเพื่อนเลขที่ถัดจากตัวเอง

     “อ้าว ฮิคารุอยู่ด้วยหรอ!?” เขาอุทานอย่างประหลาดใจ ทำเอานักเรียนในแถวหันมามองฮิคารุเป็นตาเดียว เสียงซุบซิบดังระงม โกโร่เปลี่ยนจากสีหน้าประหลาดใจเป็นยิ้มดีใจ เขานึกว่าต้องปล่อยให้ฮิคารุได้เกรดศูนย์ วิชากิจกรรม และคริสต์ศาสนาซะแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้เขาก็พอจะช่วยพูดกับครูประจำวิชาให้อะลุ้มอล่วยลูกศิษย์คนนี้ได้บ้าง

     “ถ้าอย่างนั้น วันนี้ทุกคนก็อยู่กันครบสินะ เอาหล่ะ เดินตามครูลงมาอย่าแตกแถวนะ” โกโร่พูดพรางเดินนำลงบันไดไป แล้วมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องประชุม ให้นักเรียนเดินเข้าไปก่อน นักเรียนห้องอื่นๆ นั่งรออยู่แล้ว ภายในเป็นห้องโถงกว้าง ไม่มีเก้าอี้ ที่ผนังหน้าต่างเปิดอ้ารับแสง เรียงเป็นแนว เว้นระยะห่างเท่าๆกัน เวทีไม้สีอ่อนเบื้องหน้า ตัดกับผ้าม่านสีแดงที่ห้อยระย้า เปียโนเครื่องใหญ่ตั้งอยู่ริมซ้ายของเวที

     “คุณครูมาริซะ ฝากฮิคารุด้วยนะครับ วันนี้พึ่งจะเข้าซ้อมเป็นครั้งแรก วันจริงก็มะรืนนี้แล้วไม่รู้จะทันเพื่อนหรือเปล่า” ชายหนุ่มพูดกับคุณครูอีกคนที่ยืนอยู่หน้าประตูก่อนแล้ว

     “ไม่ต้องห่วงคะ คุณครูโกโร่ เชื่อมือฉันได้เลย” ครูสาวพูดพรางยิ้มให้ แล้วก้าวเข้ามายืนใกล้ๆ ก่อนหลบตาและยืนบิดไปมาอย่างขวยเขิน

     “เอ่อ..ครับ ขอบคุณมากครับคุณครูมาริซะ” โกโร่พูดจบก็ลอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะกระเถิบออกมายืนห่างจากมาริซะกว่าเดิมเล็กน้อย ไม่ใช่ว่ารังเกลียด แต่เขาเกรงว่ามันจะดูไม่เหมาะสม การเป็นครูต่างจากอาชีพอื่นตรงที่ ต้องวางตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ซึ่งเขาปฏิบัติอย่างเคร่างครัดตลอดมา มาริซะก็จัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง เธอเป็นคุณครูวิชากิจกรรม เล่นดนตรีได้หลายชนิด ฐานะและชาติตระกูลก็ดี ชอบเอาขนมมาฝากโกโร่อยู่บ่อยๆ ซึ่งนั่นเป็นการแสดงความสนใจในตัวชายหนุ่มอย่างชัดเจน เขาก็รับไว้เพราะความเกรงใจ แต่ไม่ได้คิดอะไรกับครูสาวมากไปกว่าเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง อีกอย่างโกโร่มีผู้หญิงที่ชอบอยู่แล้ว

     “อ้าวฮิเดโกะ ยูทากะ” ครูหนุ่มทัก คนที่เพิ่งเดินเข้ามาสองคน

     “สวัสดีคะโกโร่ซัง พอดีฉันว่าจะมารับฮิคารุกลับบ้านหน่ะคะ” อริสาพูด ก่อนเหลือบไปเห็นหญิงสาวที่ยืนข้างๆ ผู้ชายที่ซาซาโกะแอบชอบ ส่งแววตาค้อนใส่

     “ฮิเดโกะต้องรอสักชั่วโมงสองชั่วโมงนะ พอดีเด็กๆ ต้องซ้อมร้องเพลงประสานเสียงหน่ะ”

     “อ๋อคะ ได้คะ” อริสาตอบใบหน้างุงงงกับพฤติกรรมแปลกๆ ของครูสาวที่มีทีท่าหึงหวง อย่างที่ผู้หญิงด้วยกันสามารถสัมผัสได้ มาริซะเดินสะบัดหน้าเข้าห้องประชุมไปอย่างไม่พอใจ

     “เอ่อ โกโร่ซังค่ะ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครหรอค่ะ”

     “คุณครูมาริซะ ครูประจำวิชากิจกรรมหน่ะ” โกโร่อธิบาย

     “แล้วเป็นคนรักของโกโร่ซังด้วยหรือเปล่า”

     “อู๊ย ไม่ใช่นะ ไม่ใช่” ครูหนุ่มรีบปฏิเสธ

     “อ๋อแล้วไป” เธอพรึมพรำเบาๆ แต่ก็ดังพอที่ยูทากะจะได้ยิน เขามองคนรักอย่างแปลกใจ

     “เอ่อ...แล้ว...ซาซาโกะไม่มาด้วยหรอ” โกโร่ถามขึ้น พรางทำท่าเกาหัวแก้เขิน

     “ไม่ได้มาหรอกคะ ช่วยแม่เย็บชุดกิโมโนอยู่ที่บ้าน....ว่าแต่โกโร่ซังถามทำไมหรอค่ะ” อริสาถาม พรางมองจับพิรุธบางอย่างบนใบหน้าครูหนุ่ม

     “ปะ..ปะเปล่าหรอก ไม่มีอะไร แค่ถามดูเฉยๆหน่ะ...เอ่อ...ฉันขอตัวเข้าไปดูเด็กๆก่อนนะ” โกโร่เปลี่ยนเรื่อง แล้วรีบเข้าห้องประชุมไป แวบเดียวที่อริสาเห็นแก้มของครูหนุ่มชมพูเรื่อขึ้นมา เพียงแวบเดียวแต่ก็ชัดเจน...โกโร่ซังและพี่ซาซาโกะ ต่างก็แอบมีใจให้กัน...

     “นี่ คิดอะไรอยู่หน่ะ” ยูทากะถาม ทำเอาคนรักสะดุ้งหลุดจากห้วงความคิด ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นยิ้มกรุ่มกริ่ม

     “ไม่บอกหรอก”

     “ไม่เป็นไรถ้าเธอไม่อยากบอก งั้นระหว่างรอฮิคารุซ้อมร้องเพลง เราไปย้อนรอยอดีตกันดีไหม”

     “ย้อยรอยอดีตอะไรของนาย” หญิงสาวหน้านิ่วคิ้วขมวด

     “มาเถอะน่า” ยูทากะวิ่งนำไปยังโรงอาหารตึกข้างๆ ที่อยู่ไม่ไกล

     “อ้าว รอด้วยสิ” อริสาค่อยๆ สาวเท้าตามไป อาการเจ็บที่ข้อเท้ายังไม่หายดี และชุดยูกาตะก็แคบเกินกว่าจะก้าวยาวๆ ได้ เผลอแป๊บเดียวชายหนุ่มก็เลี้ยวหายเข้าไปในโรงอาหารแล้ว  

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา