ลิขิตรักสัญญาหัวใจ

8.8

เขียนโดย พัชรีพร

วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 22.15 น.

  2 ตอน
  1 วิจารณ์
  8,946 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556 11.59 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ฮันนีมูนหรือรวมรักเก่า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

16

ฮันนีมูนหรือรวมรักเก่า

 

ลลนานอนหลับอยู่บนเตียง ใบหน้าสวยดูซีดเซียวเล็กน้อย ร่างกายดูอ่อนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คงเป็นอาการตกค้างจากการเมาเครื่องบิน ติณภัทรถือถาดอาหารเข้ามาในห้อง และมองลลนาอย่างเป็นห่วง เขาก็พึ่งรู้ตอนขึ้นเครื่องว่าลลนาเมาเครื่องบิน และเจ้าตัวก็ไม่ยอมบอก ถ้าแพรวพิมลไม่ถือยาแก้เมามาให้เขา เขาก็คงยังไม่รู้ เพราะลลนาเอาแต่หลับตานอน เขาเองแค่แปลกใจตอนเห็นอาการในทีแรก พอลงจากเครื่องลลนาก็หมดสติไป โชคดีโรงแรมที่เขาจองไม่ได้อยู่ไกลจากตัวเมืองมากนัก

“ดีขึ้นไหมลลนา” ติณภัทรถาม เมื่อเห็นลลนาลืมตาขึ้น เธอพยักหน้า ทั้งที่หน้ายังซีดเซียวเหมือนคนป่วยมากกว่าคนเมาเครื่องบิน

“ทำไมคุณไม่บอกผมว่าเมาคุณเครื่องบิน”ติณภัทรเอ่ยถามและยื่นผ้าชุบน้ำผืนหนึ่งให้เช็ดหน้าเช็ดตา ลลนารับผ้ามาด้วยความรู้สึกเหนื่อย ๆ

“ก็ฉันไม่คิดนี่นา เดินทางแค่ชั่วโมงนิด ๆ เอง ใครจะคิดล่ะว่าฉันจะเป็นการขนาดนี้”ลลนาบ่นอุบอิบ ติณภัทรได้แต่ส่ายหน้ากับเด้กไม่รู้จักโต ก็ดูท่าทางสิ นี่มันเด็กชัด ๆ

“กินอะไรสักหน่อยจะได้ดีขึ้น วันนี้คุณจะพักผ่อนก็ได้ แล้วเราค่อยไปเที่ยวกันพรุ่งนี้”คำพูดนั้นเรียกสติสตางค์ที่ขาด ๆ เกิน ๆ ของลลนากลับมาทันที

“ได้ไง เรามาเที่ยวสามวันเองนะคุณ ฉันไหว กินอะไรนิดหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว เราไปเที่ยวกันนะคุณติณห์ ฉันไม่ได้มาเที่ยวแบบนี้บ่อย ๆ นะคุณ” ลลนาพูดและหยิบจานอาหารขึ้นมาตักกิน

“วันนี้เราจะไปไหนคะ” ลลนาถามเมื่อตักข้าวกินไปได้สักพักใบหน้าเริ่มสดใส่ขึ้น ติณภัทรทำหน้าคิดสักพัก

“คุณเมาเครื่องบิน เรือก็คงเมาแน่ ๆ ตอนแรกผมกับไอ้พูห์วางแผนกันว่าจะไปเที่ยวเกาพีพี ผมกลัวคุณจะไม่ไหว ถ้าคุณไม่ไหวก็พักผ่อนก่อน แล้วเรา...”

“ไม่เอาฉันจะไป มีเวลาสามวันฉันจะได้เที่ยวให้คุ้ม ฉันไม่เมาเรือหรอกคุณ เราไปเที่ยวนะคุณ” ติณภัทรมองคนดื้อรั้นอย่างเบื่อหน่วยแต่ก็ยอมพยักหน้าและก้มมองนาฬิกา

“เรือออกตอนสิบโมง ตอนนี้พึ่งเก้าโมง กินอะไรให้เรียบร้อยแล้วค่อยไป ผมจะไปโทรให้รถโรงแรมมารับเราไปส่งที่ท่าเรือ” ลลนายิ้มและรีบกินข้าวและวิ่งตามติณภัทรออกไป

“ฉันพร้อมเดินทางแล้วคุณ” ลลนาพูดบนหลงมีเป้ใบเล็กสะพายติดติดมาด้วย ติณภัทรก็ไม่ได้พกอะไรไปมากกว่ากล่อง ลลนายิ้มกับลุคสบาย ๆ ของเขาที่ปกสติไม่ค่อยได้เห็น ผมที่มักจะเซตเป็นทรงสุภาพวันนี้ถูกปล่อยเซอร์ ๆ ลลนายิ้ม เห็นแบบนี้ทำให้เธอนึกไปถึงคืนแต่งงานนั้น เขาก็ดูดีไม่แพ้วันนี้ และเธอชอบเขาในมุมสบาย ๆ นี้มากกว่าที่เขาจะตีหน้าเครียดเหมือนต้องรับภาระแบบโลกทั้งใบไว้คนเดียว

“ยิ้มอะไรของคุณ ไปได้แล้ว คุณแพรวกับไอ้หมอรออยู่ที่ล็อบบี้ หรือเปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว” ลลนาส่ายหน้าและวิ่งออกจากห้องไปรอที่ลิฟต์ ทั้งสองเดินขนาบข้างลงมาและมองพาแพรวพิมลกับภูริ ลลนานึกไปถึงแพรวพิมลแล้วยังเสียวคอไม่หาย ตอนรู้ว่าเธอส่งใครไปรับ แล้วใครมาร่วมทริปด้วย แพรวพิมลเกือบจะฆ่าเธอหมกห้องน้ำในสนามบิน โชคดีที่ติณภัทรโทรมาตามเธอให้ไปขึ้นเครื่องก่อน เธอเองก็เกลี้ยกล่อมจนแพรวพิมลใจอ่อนมาด้วยได้สำเร็จ ลลนายิ้มให้กับบุคคลทั้งที่นั่งรออยู่ คนหนึ่งเบนหน้าหนี หน้าตาบึ่งตึง อีกคนหน้าตาคนที่นั่งตรงข้ามตาเศร้าจนน่าสงสาร สายตาลลนามองไปที่โซฟาข้าง ๆ กัน ดวงตาสวยมีแววฉงนขึ้นเล็กน้อย

“คุณชวนคุณคาร์ลอส คุณติ แล้วก็พี่ไตรมาด้วยหรอ” ลลนาถาม เพราะไตรเองก็แยกนั่งไปอีกโต๊ะกำลังหยอกล้อลูกสาวฝาแฝดสองคนอยู่ โดยมีแพนทิราคอยปลามสามีไม่ให้แกล้งลูก ส่วนอติพงษ์กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ พอหันมาเห็นเอก็ยิ้มให้ คนสุดท้ายคือคาร์ลอสที่ส่งยิ้มมาให้เธอโดยเฉพาะหน้าตาของติณภัทรดูจะหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเจอแขกไม่ได้รับเชิญ ตกลงนี่เขาจะได้พักผ่อนไหมเนี่ย แล้วเขามาฮันนีมูนไม่ใช่หรอ ทำไมมีคณะเดินทางมากมายขนาดนี้

“เปล่า ชวนเท่าที่คุณบอกมา แต่พวกนั้น...มัน...” แต่ก่อนที่ติณภัทรจะได้พูด คาร์ลอสก็เดินเข้ามาหาทั้งคู่

“สวัสดีครับคุณลินิน”คาร์ลอสเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วน่าหมั้นไส้ที่สุดสำหรับความคิดของติณภัทร

“คุณติณห์ชวนคุณมาด้วยหรอคะ” ลลนาถาม

“เปล่าครับ แต่ผมพึ่งมาไทยแล้วก็ว่างมาก เที่ยวคนเดียวคงไม่สนุก ผมขอไปด้วยคนนะครับ” ลลนาพยักหน้ารับ มาหลายคนคงจะสนุกดีเธอไม่ค่อยซีเรียตกับเรื่องนี้เท่าไหร่ ไปกี่คนยังไงก็ไปเที่ยวอยู่

“ดีสิคะ เที่ยวเยอะ ๆ สนุกดี ว่าไหมคะคุณติณห์” ลลนาหันไปขอความเห็น แต่กลับเห็นไม่หน้าไม่สบอารมณ์ของสามีจำเป็นของเธอแทน และดูเหมือนเขาอยากจะกลับขึ้นไปบนห้องมากกว่าด้วย ไตรภูมิอุ้มลลูกสาวที่เป็นแฝดคนพี่เดินตามมา แพนทิราเองก็จูงมือเด็กชายหน้าตาถอดพิมพ์พี่สาวมาไม่ผิดกัน

“ไม่ต้องมองไอ้ติณห์ ฉันพาลูกพาเมียมาเที่ยว ไม่ได้คิดอะไรจะมาขัดขวางการฮีนนีมูนของแกนะเว้ย และตอนนี้ฉันก็จะพาแพนกับลูกแยกไปก่อน เจอกันที่นี่ตอนเย็นละกัน พวกฉันนัดกันปาร์ตี้บาร์บีคิวริมหาดกันตอนทุ่มหนึ่งนะเว้ย” แล้วไตรภูมิก็พาแพนทิราแยกไป แพนทิราส่งยิ้มมาให้ลลนาเล็กน้อย

“เจอกันนะ” แล้วแพนทิราก็เดินตามไตรภูมิไป ลลนามองครอบครัวสุขสันต์และยิ้มออกมา

“เห็นว่าจะไปเกาะพีพีกัน พอดีฉันได้วันหยุดมา แล้วจำได้ว่าตั้งแต่ทำงานมาไม่เคยหยุดเลย ก็เลยลาหยุดแล้วแวะมาเที่ยวด้วย ขอติดไปด้วยละกัน” อติพงษ์เอ่ย และเดินไปพร้อมกับคาร์ลอส ติณภัทรมองตามไป สองเพื่อนสาวก็พากันเดินไปที่รถตู้ที่จอดรอรับติณภัทรมองไปที่รถตู้และ

“ฉันพึ่งนึกออกว่าผมลืมของไว้บนห้อง นี่ใกล้จะสิบโมงแล้วพวกนายไปกันก่อนเลย เดี๋ยวฉันตามไปทีหลัง ลลนา ลลนาลลนา” ลลนาหันไปมองติณภัทรที่เรียกตนสามครั้ง แต่ครั้งแรกเธอก็ได้ยินแล้ว

“มีอะไรคะ...คุณติณห์”

“ผมจะกลับขึ้นไปข้างบน คุณอยู่รอผมก่อน แล้วเราค่อยไปพร้อมกันดีกว่า”ติณภัทรเอ่ย

“ฉันไปรอที่ท่าเรือไม่ได้หรอคุณ” ลลนาถาม

“ไม่ได้ คุณรอไปพร้อมกับผมน่ะดีแล้ว หรือคุณจะให้ผมไปคนเดียว ลลนา” ติณภัทรเดินมาจับมือของลลนาให้ขยับตามไปยืนข้างเขา ลลนาสะบัดมือออก แต่ติณภัทรกลับไม่ยอมปล่อย

“ไอ้ติ เดี๋ยวฉันตามไป แต่ถ้าเรือออกก่อน ก็ไปกันก่อน แล้วฉันจะตามไป”อติพงษ์มองเหมือนจับผิดเพื่อน

“จะดีหรอวะ ให้พวกฉัน...”

“ไม่ต้องหรอก พวกนายไปรอเลย นี่เก้าโมงครึ่งแล้ว เรือออกสิบโมง แล้วถ้าฉันไปถึงไม่ทันพวกนายไปรอที่เกาะเลยก็ได้ เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง”อติพงษ์มองสายตาขู่แกมบังคับของเพื่อน รู้ว่าถ้าเขายังแกล้งมันอยู่ รับรองมีเรื่องแน่นอน

“เอาอย่างนั้นก็ได้ รีบ ๆ ตามไปนะ” ติณภัทรพยักหน้า และมองรถตู้ที่วิ่งออกไป ติณภัทรดึงแขนลลนาให้เดินไปที่รถอีกคันที่จอดรออยู่

“ไหนว่าคุณลืมของไง” ลลนาถามทันทีที่ร่างโดนพลักเข้าไปในรถเก๋งสีดำ

“ผมพึ่งนึกขึ้นได้ว่าผมไม่ได้ลืม ไปเถอะ” ลลนาขมวดคิ้ว และขึ้นไปนั่งที่รถ รถเก๋งสีดำเคลื่อนตัวออกจากโรงแรม แต่ทางที่เลี้ยวไปกับไม่ใช่ทางเดียวกับรถตู้ ซึ่งลลนาเองก็ไม่รู้ จนร่วมครึ่งชั่วโมง รถมาจอดที่ท่าเรือแห่งหนึ่ง

“ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวพวกนั้นจะรอ นี่ยังไม่สิบโมงเลย” ติณภัทรเดินตามลลนาไปที่ท่าเรือ ที่มีเรือจอดรออยู่ ลลนากวาดสายตามองไปทั่ว เพื่อหาเพื่อนเพราะเรือออกสิบโมง ตอนนี้พวกแพรวน่าจะคอยอยู่แถว ๆ นี้ แต่พอหันไปเจอป้าย ลลนาก็รู้สึกเอะใจแปลก ๆ

“ฉันจำได้ว่า ท่าเรือที่เรานัดพวกเขา มันท่าเรือเจ้าฟ้าไม่ใช่หรอคะ”

“ใช่ พวกนั้นไปขึ้นเรือที่ท่าเรือเจ้าฟ้า เพื่อไปเกาะพีพี แต่ผมคิดว่าเกาะพีพีเอาไว้ค่อยไปวันอื่น ผมอยากไปอ่าวไร่เลย์ แล้วจะไปอ่าวไร่เลย์ผมก็พาคุณมาขึ้นเรือที่อ่าวนางแทน มันก็ถูกแล้ว” ลลนามองหน้าติณภัทรเหมือนเริ่มไม่พอใจ

“ทำไมอย่างนั้นล่ะคุณ เราตกลงกันแล้วว่าจะไปเกาะพีพี ป่านนี้ทุกคนต้องรอเราอยู่แน่ ๆ”

“ผมไม่ชอบไปกับคนเยอะ ๆ” ติณภัทรตอบหน้าตาย ลลนาได้แต่คิดว่าไอ้คนเยอะ ๆ นั่นมันก็เพื่อนเขาไม่ใช่หรอ เขากำลังเล่นอะไรอยู่

“แต่ไปสองคนมันจะสนุกได้ไงล่ะคุณ ไม่เอา ฉันจะไปเกาะพีพีก่อน และถ้าคุณจะไปอ่าวไร่เลย์ ฉันจะโทรไปตามพวกแพรวให้กลับรถมาที่นี่ หรือไม่เราก็ขึ้นเรือจากที่นี่ไปลงที่เกาพีพีแทนได้ไหมคุณ” ลลนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์แพรวพิมล แต่

ฟึบ

“เอาโทรศัพท์ฉันคืนมานะคุณติณห์” ลลนาหันไปโวยวายเมื่อติณภัทรคว้าโทรศัพท์เธอออกไป เขาจัดการแยกชิ้นส่วนแบตเตอร์รี่กับตัวเครื่องออกจากกัน และส่งตัวเครื่องคืนเธอ แต่แบตเตอร์รี่เขาเก็บไว้เอง ลลนาไม่กล้าล้วงก็เงยหน้าขึ้นส่งสายตาดุใส่เขา

“ผมจะเก็บไว้ให้ก่อน ไปได้แล้วเร็ว” ติณภัทรถือวิสาสะดึงมือลลนาให้เดินตามไป ลลนาพยายามบิดมือออก แต่ติณภัทรก็ทั้งชุดกระชากลากถูลลนามาจนถึงจุดลงเรือ ลลนามองคนเจ้ากี้เจ้าการ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะอ้าปากต่อว่า

“น้องนิน” ปากที่อ้ากว้างเตรียมต่อว่าติณภัทรถึงกับค้าง เสียงคุ้น ๆ หู คุ้นมาก เหมือนเคยได้ยินที่ไหนสักแห่ง ลลนาค่อย ๆ หันกลับไปมองคนที่เรียกเธอ พลันใบหน้าขาวก็ซีดเป็นสีขาวกระดาษ ผู้ชายที่เธอไม่เคยพบหน้าค่าตาตลอดสี่ปีมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอ ผู้ชายที่เป็นต้นเหตุของทุกอย่าง ผู้ชายที่คิดว่าชาตินี้เธอก็คงจะไม่มีวันพบอีก แต่ตอนนี้

“พี่...อาร์ต” ลลนามองอาร์ตหรืออาทิตย์อดีตรักเก่าของเธอด้วยแววตานิ่ง ติณภัทรมองผู้ชายรูปร่างสูง ใบหน้าหล่อคม สวมแว่นกรอบดำ ใบหน้าหล่อดูขรึมนิด ๆ รอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมาบ่งบอกถึงความปรารถนาดีที่ออกมาจากใจจริง มือข้างซ้ายจับจูงมือเด็กผู้หญิงตัวเล็กอายุประมาณสี่ขวบ มือขวาจับมือหญิงสาวร่างผอมบางที่ ในอ้อมอกเธออุ้มเด็กหญิงวัยสองขวบไว้ในอ้อมแขน

“ไปเถอะคุณติณห์” ลลนารีบลากติณภัทรเดินไปนั่งในเรือที่ตอนนี้มีคนนั่งเกือบเต็มแล้ว ครอบครัวของอาทิตย์เดินมานั่งอยู่ด้านหน้าซึ่งเป็นที่สุดท้าย เมื่อเรือเต็ม เรือก็เคลื่อนออกจากท่า ลมทะเลพัดสีหน้าทำให้ลลนารู้สึกผ่อนคลายขึ้น เธอไม่ได้หันไปมองอาทิตย์เอาแต่จ้องน้ำทะเลควมคิดของเธอเวียนวนไปมา คิ้วโก่งสีดำของเธอดูขมวดขึ้นแทบเหมือนโบว์

“ผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า ผู้ชายที่ทำให้คุณเปลี่ยนตัวเอง” ลลนาไม่ตอบเอาแต่นั่งมองน้ำ ไม่สนใจคำถามของติณภัทรสักนิด เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เจอเขา ยิ่งเป็นที่นี่เธอก็ไม่คิดเดี่ยว โลกกลมเกินไปหรือเปล่า ทั้งที่เขาไปทำงานเป็นเลขานุการทูตอยู่ที่ออสเตรเลีย ดังนั้นเขาไม่ได้กลับไทยบ่อยนัก แต่ทำไมความบังเอิญบ้า ๆ นี่ถึงมาเกิดกับเธอเธอทำหน้าไม่ถูก ถามว่าเจบไหมตอนเห็นเขา ไม่เจ็บ แต่เธอรู้สึกเหมือนว่ามันค้างคามากกว่า

“ใกล้ถึงแล้วคุณ นั่นไงอ่าวไร่เลย์” ลลนาเงยหน้าขึ้นมอง เรือจอดลงเทียบชายฝั่งทะเล ลลนาก็เดินก้าวลงจากเรือทันที และก้าวเท้าจ่ำอ้าวไปแบบไม่รอใคร

“ลลนาเดี๋ยว ลลนา ลลนา” ติณภัทรจับแขนลลนาและดึงให้หันกลับมามองเขา ติณภัทรลลนาด้วยสายตาไม่เข้าใจ แต่ก่อนที่เขาจะได้พูด

“ฉันยังไม่อยากเจอเขา ฉันมองหน้าเขาแล้ว...ฉันเจ็บใจ” ลลนาเอ่ย

“คุณยังโกรธเขาอยู่ หรือคุณเสียใจที่เขาไมรักคุณ” ติณภัทรถาม

“เปล่า ฉันไม่ได้รักเขาแล้ว แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันโกรธเขาอยู่ไหม” สายตาสับสนลังเลทำให้ติณภัทรเชยค้างลลนาขึ้นให้เธอสบตาเขาอีกครั้ง

“แล้วทำไมคุณถึงยังไม่ยอมไปคุยกับเขาอีกล่ะ ผมดูจากสีหน้าแววตาเขา เขาก็รู้สึกผิดต่อคุณมากอยู่นะ แล้วเขาก็ดูเหมือนไม่ได้คิดร้ายอะไรกับคุณ เหมือนเขายังรักและหวังดีกับคุณอยู่”

“ถ้าเป็นคุณ คุณทำได้หรอ การเจอหน้ากับคนที่ทำให้คุณเสียใจ คุณทำใจได้หรอที่ต้องมองหน้าเขาทั้ง ๆ ที่รู้เขาเคยทำอะไรกับคุณเอาไว้ คุณอภัยให้เขาได้ง่าย ๆ เลยหรอ”ลลนาถาม

“ได้สิ ผมเคยคิดว่าโกรธเกลียดลดามาก และจะไม่ขอเจอเธออีก แต่พอได้มาเจอเธอจริง ๆ ผมกับไม่ได้รู้สึกโกรธเธอเหมือนในวันนั้น ต่อให้วันนี้เธอจะยังใช้ชีวิตอยู่กับสามีเธอ ผมก็คงไม่ได้โกรธเธออีกแล้ว ผมเจออะไรมาหลายอย่างและได้เรียนรู้มาเยอะ เพราะการที่ผมเลิกกับลดาครั้งนั้นทำให้ผมเจออีกสิ่งหนึ่งที่สามารถเติมเต็มผมได้ ผมยอมรับครั้งหนึ่งผมรักลดามาก มากจนไม่อยากเสียเธอไปผมเสียใจจนไม่เป็นผู้เป็นคน”

“คุณรักเธอขนาดนั้น คุณจะไม่โกรธหรือเกลียดหรอ”

“ผมไม่ใช่คนโลกสวยที่จะบอกว่าไม่โกรธ ผมยอมรับว่าโกรธ โกรธมาก คนหนึ่งเพื่อน คนหนึ่งคนรัก โดนเพื่อนหักหลังมันเจ็บมากนะคุณ ต่อให้นั่นเป็นความผิดพลาด แต่มันก็ไม่ควรเกิดขึ้น ผมในตอนนั้นแทบไม่ยอมรับอะไรทั้งนั้น ผมเลือกที่จะหนี เลือกปิดกั้นตัวเอง ผมเลือกที่จะไม่ไว้ใจใคร แต่วันหนึ่งที่ผมเริ่มตาสว่าง ผมมองย้อนกลับไป ผมพึ่งรู้ว่าผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ผมยังมีครอบครัวที่รอผมอยู่ ผมยังมีเพื่อนที่รักและหวังดีกับผม ผมพึ่งรู้ว่าผมทำผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ผมทำร้ายเพื่อนคนสำคัญของผมในวันนั้น เพียงเพราะความโกรธชั่ววูบ กว่าผมจะรู้ตัวทัน เพื่อนผมคนก็ไม่อยู่กับผมอีกแล้ว ผมใช้เวลากับตัวเองทบทวน และผมเลือกที่จะอภัย สิ่งเดียวที่จะทำให้ผมหลุดจากกรอบที่ตัวเองปิดกั้นมาตลอด คือ อภัย ในวันนี้ผมไม่สามารถกลับไปแก้อะไรได้อีกแล้ว”

“แค่นั้นเองหรอ แต่ดวงตาของคุณยังมีความเจ็บปวด คุณยังไม่เลิกที่จะปิดกั้นตัวคุณ”

“ผมยอมรับผมเจ็บยังเจ็บในเวลานั้น แต่วันนี้ผมกลับขอบคุณพวกเขา เพราะในวันนี้ผมเจอสิ่งที่ผมตามหาแล้ว ผมขอบคุณพวกเขาที่ทำให้ผมได้เจอสิ่งที่หายไปของผม ส่วนที่ปิดกั้น ถ้าคุณทำงานอยู่ในโลกธุรกิจ คุณจะรู้คุณอ่อนแอไม่ได้ คุณล้มเมื่อไหร่ทุกอย่างจะจบทันที ผมต้องแบกรับภาระของคนทั้งบริษัท ผมจะเปิดเผยจุดอ่อนไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่นักธุรกิจทุกคนควรมี ผมไม่ได้ปิดกั้นตัวเองเพราะพวกเขา แต่เพื่อตัวเองและคนที่ผมแบกรับภาระไว้ ส่วนความเจ็บปวด มันจางหายไปกับกาลเวลา ผมแค่ยังเสียใจที่ทำให้เพื่อนของผมต้องพบกับชะตาชีวิตแบบนั้น ผมเหมือนคุณอยู่อย่างหนึ่งคือไม่เคยเลือกที่จะโทษตัวเองสักวัน”

“แต่คุณไม่รู้สึกขุ่น หรือเคืองเลยหรอ”ลลนายังคงคั้น เธอมั่นใจว่า ผู้ชายอย่างติณภัทรเนี่ยหรอจะยอมอะไรง่าย ๆ

“ผมก็แค่เคยโกรธ แต่วันนี้ผมไม่มีความรู้สึกโกรธ เกลียดอยู่อีกแล้ว มีแต่ความปรารถนาดีต่อเพื่อน เพื่อนคนหนึ่งของผม ผมไม่อยากให้ชีวิตคุณต้องจมปรกอยู่กับเรื่องเก่า ๆ แค่คุณอภัยแล้วลืมมันไปซะ ชีวิตคุณก็จะมีความสุข ถ้าในวันนี้คุณบอกว่าคุณไม่โกรธแต่คุณกลับเลิกที่จะไม่มองพวกเขา แสดงว่าคุณยังรักเขาอยู่ คุณถึง...”

“ไม่ใช่นะ ...ฉันก็แค่...แค่ทำใจไม่ได้ ฉันกับเขาเจอหน้ากันครั้งสุดท้ายเมื่อสี่ปีก่อน เขาจูงมือภรรยามาดูของใช้เด็ก ฉันจำติดตาเลยนะคุณ ความรู้สึกเหมือนโลกถล่มฉันเข้าใจในเวลานั้น ฉันเคยวาดฝันว่าจะได้แต่งงานกับเขา เราจะได้อยู่ด้วยกัน แต่เขา...”

“พี่ขอโทษ” ลลนานิ่งมองติณภัทรเหมือนต้องการถามว่าใช่ไหม ติณภัทรพยักหน้า ลลนาหันไปมอง

“พี่อาร์ต”

“พี่ขอโทษที่ปล่อยให้น้องนินรอ พี่ขอโทษที่ไม่เคยบอกน้องนิน พี่ขอโทษที่ปกปิดความจริงทุกอย่างไว้ พี่ขอโทษที่ทำไม่ได้ตามที่สัญญา แต่พี่...” ลลนามองภรรยาของอาทิตย์ที่ยืนอยู่ข้างหลัง

“ฉันผิดเองค่ะ ฉันไม่เคยรู้ว่าอาร์ตมีคนรัก ถ้าฉันรู้ฉันจะไม่...”

“พี่ต่างหากที่ผิด ทั้งที่รู้ว่าพี่มีนินอยู่ แต่พี่กลับยัง...”

“ฉันผิดต่างหากล่ะ คุณอยู่เงียบ ๆ ไปเลยอาร์ต” ลลนามองภาพครอบครัวและยิ้มออกมานิด ๆ  บางทีการที่เธอปล่อยอาทิตย์ไปมันอาจจะถูกต้องแล้ว ที่ผ่านมาตั้งแต่เธอคบกับอาทิตย์ เธอยอมรับอาทิตย์เป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในบรรดาผู้ชายสามคนที่เธอเคยเป็นคบมา เขาเป็นสุภาพบุรุษ เป็นเพื่อนที่ดี เป็นพี่ชายที่น่ารัก เป็นที่ปรึกษาที่ยอดเยี่ยม เขาเป็นได้ทุกอย่าง แต่เธอไม่เคยคิดว่า เขาเป็นคนรักให้เธอไม่ได้ เขายิ้มให้กับทุกปัญหา เขาคอยปลอบโยนเธอทุกครั้ง ว่ากล่าวตักเตือนเมื่อเธอผิด เขาคือที่ปรึกษาที่ดีที่สุด เขาคือต้นแบบของผู้ชายในฝันของเธอ เพราะเขาคล้ายกับพ่อของเธอ ดังนั้นจึงไม่อยากที่เธอจะรักเขา แต่เธอไม่เคยคิดถึงสิ่งหนึ่ง เธอไม่เคยถามว่าเขารักเธอไหม สายตาที่มองผู้หญิงตัวเล็กคนนั้นมันคือสายตาของผู้ชายที่รักผู้หญิงคนหนึ่งจากใจจริง แต่สายตาของเขาที่มองเธอมันอบอุ่น จริงใจ แต่ไม่ใช่สายตาแบบที่มองผู้หญิงคนนั้น นี่คือสิ่งที่เธอไม่เคยสังเกต หรือเพราะเธอไม่ใส่ใจ เธอในตอนนั้นมักจะถือตัวเองเป็นใหญ่ เธอเองไม่ใช่หรอที่บอกรักเขา และเขาก็เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่กล้าปฏิเสธผู้หญิงในอายต่อหน้าธารกำนัล เขาเป็นผู้ชายที่ดีมาก เขาอาจจะผิดที่ไม่เคยบอกเธอตลอดสี่ปี แต่เธอเองก็ไม่เคยพยายามที่จะติดต่อเขาเมื่อเขาหายไป เธอไม่เคยทุรนทุรายเมื่อไม่มีเขา ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาในฐานะคนรักมันเบาบางมาก เธอกับเขาตลอดการคบกันเหมือนแค่พี่ชายน้องสาว เธอไม่เคยคิดถึงมัน มันก็ถูกแล้วถ้าวันหนึ่งเขาได้เจอคนที่ใช่ เขาก็ต้อง เธอผิดเองไม่ใช่หรอที่ไม่เคยมองความรู้สึกของเขา เวลานี้สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือ อภัย ทั้งสองจะได้ไม่รู้สึกผิดจากการกระทำของทั้งคู่อีก และเธอจะได้จบปัญหาที่ค้างคาที่เสียที

“พอแล้วค่ะ เถียงกันไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าฉันบอกให้คุณเลือกกับพี่อาร์ตเพื่อชดใช้ความผิดคุณจะยอมไหมคะ” คู่รักทั้งสองหน้าซีดไป และลลนาก็ยิ้ม

“ฉันล้อเล่น ฉันคงไม่ใจร้ายพอให้คุณกับพี่อาร์ตเลิกกันหรอกค่ะ ฉันไม่อยากให้ครอบครัวของพวกคุณมีปัญหา ยิ่งมีพยานรักตัวน้อยด้วย ฉันทำไม่ลง”

“น้องนิน”ลลนาหันไปมองเขาเป้นผู้ชายไม่กี่คนที่เรียกเธอแบบนั้น ซึ่งเป้นไม่กี่คนที่เธออนุญาต

“ไม่ต้องทำหน้าซึ้งค่ะพี่อาร์ต นินยังโกรธอยู่ สิ่งเดียวที่พี่อาร์ตไถ่โทษให้นินได้ คือรักภรรยาของพี่อาร์ตมาก ๆ แล้วอย่าไปหลอกใครเขาอีกก็พอค่ะ และถ้าพี่อาร์ตเป็นสามีที่ไม่ได้เรื่อง พ่อที่ไม่ดีเมื่อไหร่ นินจะเกลียดและอาฆาตพี่อาร์ตแน่” ลลนาเอ่ยและจับมือของอาร์ตขึ้นมาและวางสร้อยเส้นหนึ่งลงบนมือของเขา

“สร้อยเส้นนี้ นินไม่ได้คืนให้เพราะตัดขาดนะคะ แต่นินฝากให้หลานของนินคนที่สาม ถ้าสร้อยเส้นนี้ไม่ได้อยู่กับหลานคนที่สาม พี่อาร์ตก็ไม่ต้องมาคุยกับนินอีกนะคะ”

“หือ อย่างนี้การบ้านก็หนักสินิน”ภรรยาหน้าตาน่ารักหยกเอวสามีเบา ๆ เขาหันไปส่งสายตาดุให้ภรรยา

“ไม่รู้สิค่ะ ถ้าอย่างนั้นนินไปก่อนนะคะ” ลลนาหันไปมองติณภัทร

“เดี๋ยวสิน้องนิน” ลลนาหันไปมอง “ผู้ชายคนนั้น คนรักของน้องนินหรอ” ลลนาค้อนใส่

“ไม่ใช่ค่ะ”

“หรอ แต่แววตาผู้ชายคนนั้น มันเหมือนที่พี่มองแอนนะ” ลลนาทำไม่สนและเดินไปหาติณภัทร ลลนารู้สึกโล่งขึ้นมานิดหนึ่ง เธอทำถูกแล้ว อภัยให้กับอดีตที่สวยงาม และไม่สวยงามพวกนั้น ในวันนี้คนที่เธอเคยรู้สึกดีมีความสุขแล้ว ส่วนเธอก็ไม่ได้รักเขาอีกแล้ว เธอรัก... ลลนาหันไปมองติณภัทรก่อนจะส่ายหน้า

...ไม่ใช่...

“น่าแปลกใจนะคะ ตอนนั้นฉันโกรธมาก แต่วันนี้ฉันกลับไม่รู้สึกโกรธ”

“เพราะคุณไม่ได้รักเขาแล้วไง ก็แค่เสียหน้า คุณถูกปล่อยให้รอตั้งสี่ปี แถมกลับมาคุณยังพบว่าเขามีภรรยามีลูกเป็นตัวเป็นตนอีก”

“คุณดูจะเข้าใจฉันเหลือเกินนะคะ ช่วงมันเถอะ ว่าแต่คุณพาฉันมาที่นี่คุณจะพาฉันไปทำอะไรต่อค่ะ”

“คุณอยากไปดำน้ำไหม หรือปืนเขา หรืออยากไปเที่ยวถ้ำพระนางดู เขาว่าทะเลตรงนั้นสวย หรือคุณอยากจะไปทำอะไรก็บอกผมได้นะ ที่นี่มีจุดชมวิว ใช้เวลาเดินประมาณครึ่งชั่วโมง”

“แล้วคุณไม่ได้คิดมาก่อนหรือไงว่าเราจะไปเที่ยวไหน”

“ถ้าอย่างนั้น เราไปหาอะไรกินกันก่อน แล้วค่อยไปดำน้ำดีไหมครับคุณลลนา” ลลนาพยักหน้าและเดินนำไป วันนี้นักท่องเที่ยวดูไม่หนาตานัก ฝั่งที่ลลนาและติณภัทรอยู่เป็นหาดไร่เลย์ทางฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นหาดทรายสีขาว น้ำใสสะอาดดูน่าเล่น ลลนาเดินไปนั่งมุมริมระเบียงร้าน ติณภัทรตามมานั่ง

“ลินิน” ติณภัทรขมวดคิ้วมองหน้าลลนาที่เหมือนจะตกใจมาก เขาจึงหันไปมอง ผู้ชายร่างผอมบางสูงโปร่ง ท่าทางสะอาดสะอ้าน หน้าตาธรรมดานั่นทำให้ติณภัทรมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ชายคนนั้นมองเลยติณภัทรและเดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะ

“จำเราได้ไหมลินิน เราภีร์ไง” และเขาก็คว้ามือลลนาขึ้นมาจับอย่างมือไว ลลนารีบสลัดออก แต่ดูเหมือนมือของชายคนนี้จะเป็นตีนตุ๊กแก ติณภัทรยิ่งขมวดคิ้วมากขึ้นเมื่อชายภีร์หรือคัมภีร์ไม่มีท่าทีจะปล่อยมือลลนา

“อื้อ จำได้”

“ค่อยโล่งอก เรามองอยู่ตั้งนานว่าใช่ลินินไหม แต่เรามองไม่ผิด นินสวยเหมือนเดิม ไม่สิสวยกว่าเดิมมาก ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เจอลินินอีก” ลลนาเริ่มแสดงสีหน้าหงุดหงิด ถ้าไอ้หมอนี่ยังไม่ปล่อยมือเธอเธอจะลุกขึ้นไปชกไอ้หมอนี่เดี๋ยวนี้ เธอขยะแขยงกับคน ๆ นี้มาก

“ฉันว่านายปล่อยมือฉันเถอะ”

“โห ทำไมห่างเหินจัง เราเคยเป็นแฟนกันนะ หรือนินลืมเราแล้ว” ลลนาตาโต เธออยากจะบอกเธอเกิน ตอนนั้นเธอต้องเมาโค้ก แน่ ๆ ถึงเลือกคบกับผู้ชายคนนี้ แต่ก่อนเขาเป็นนักกีฬาของโรงเรียน ผู้หญิงทั้งโรงเรียนกรี๊ดเขามาก เธอจึงยอมคบกับเขา เพื่อความสะใจที่จะได้เย้ยหน้าศัตรู แต่พอผ่านไปสามเดือน เธอจำได้ไม่ลืม ไอ้หมอนี่ควงศัตรูตัวร้ายของเธอและป่าวประกาศว่าสลัดรักเธอแล้ว เพราะเธอมันน่าเบื่อ จืดชืด ใครได้ไปคงโชคร้าย เธอไม่ได้รู้สึกเสียใจสักนิด แต่ทั้งโกรธทั้งอาย และจากนั้นเธอก็ต่อต้านพวกนักกีฬาโรงเรียน เพราะผู้ชายปากมอมพวกนั้นเอาเธอไปนั่งนินทาเป็นท็อกออฟเดอะทานว์เกือบสองอาทิตย์ขุดเอาเธอมาว่าเสีย ๆ หาย ๆ

“ก็แค่เคย ตอนนี้...” ลลนาเบนสายตาไปมองติณภัทรที่กำลังมองเธออยู่ ตาคมมีเครื่องไหมคำถาม

“เรารู้ว่าลินินโกรธเรา แต่ตอนนั้นแนทเขามาเป่าหูเรา เขาบอกว่านินมีคนอื่น บอกว่านินสวมเขาให้เรา แล้วบอกว่านินมีเสี่ยเลี้ยง ตอนนั้นเราหลงผิดนึกว่าแนทเป็นคนดี และคงไม่โกหกเรา แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าใครกันแน่ที่ดีกับเรา เรากลับมา...” ลลนาอยากจะต่อยปากสั่งสอนผู้ชายคนนี้เหลือเกิน พูดมาได้ยังไง

“ผมว่าคุณปล่อยมือลลนาได้แล้วล่ะครับ” คราวนี้ดูเหมือนจะคัมภีร์พึ่งจะรู้ว่ามีหนุ่มหล่อท่าทางสง่ามีราศีนั่งอยู่ตรงข้ามกับลลนา เขามองเหมือนสงสัย

“ฉันขอแนะนำเลยแล้วกัน นั่นคุณติณภัทร เป็นสามีฉัน แล้วก็ปล่อยมือฉันได้แล้ว ไอ้ภีร์!!!” คราวนี้คัมภีร์นิ่ง ลลนาสะบัดมือออกจากมือผู้ชายมือไว มือฉวยหยิบแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาและ

ซวบ!!! น้ำแก้วนั้นถูกสาดใส่หน้าคัมภีร์ ส่วนคัมภีร์ได้แต่อึ้งเพราะไม่คิดว่าลลนาจะกล้าทำอะไรขนาดนี้ เขายอมรับว่าลลนาเป็นผู้หญิงใจกล้า แต่เธอก็มีความอ่อนหวานแบบผู้หญิง แต่ไม่คิดมาก่อน ว่า

“นี่ยังเบาไปสำหรับคนอย่างนายนะไอ้ภีร์ อย่าสักแต่จะพูด รู้ไหมในงานเลี้ยงรุ่นที่นายไม่ได้ไป เพื่อนยัยแนทเอานายกับแนทมาเมาส์ว่ายังไง ถ้าไม่รู้จะบอกให้ นายกับแนทถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปีแรก ข้อหายาเสพติด และนายกับแนทก็อยู่กินกันมีลูกด้วยกันจนโตแล้ว และถ้าจะมาหลอกฉันเหมือนที่ไปหลอกรุ่นน้องพวกนั้นล่ะก็ คิดผิกด ฉันไม่โง่หรือเมาโกเหมือนตอนนั้นนะ แล้วฉันเกลียดที่สุดคือการที่นายเอาผู้หญิงที่เป็นเมียนายมาพูดแบบนี้ มันทุเรศ ฉันเห็นแก่ว่าเป็นเพื่อนเก่าฉันถึงไม่ชกหน้านาย แต่ถ้านายมาถูกตัวฉันแม้แต่ปลายเล็บ ฉันจะเอาเลือดหัวนายออกแน่ เอาเวลาไปดูลูกเมียดีกว่ามาหลีหญิงแบบนี้ เลิกเสียทีเป็นแมงดาเกาะผู้หญิง และขอบอกฉันไม่เสียดายสักนิดที่เลิกกับนาย ไอ้คัมภีร์!!!” ลลนาตะโกนลั่นร้าน

“ไปค่ะ คุณติณห์ ฉันหมดอารมณ์กินแล้ว” ลลนาถือกระเป๋าเดินออกไป ส่วนคัมภีร์เหมือนจะมึน

“อย่าเอามือสกปรกของแกมาแตะลลนาอีก” แล้วติณภัทรก็เดินตามลลนาออกไป ทิ้งให้คนที่ยืนอึ้งอยู่ข้างหลังเสียหน้าอยู่ในร้าน ลลนาถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ฉันรู้สึกขยะแขยงกับคนพวกนี้จริง ๆ นี่มันวันซวยอะไรของฉันคุณว่าไหม ไอ้หมอนี่เป็นประสบการณ์ช่วงที่เลวร้ายที่สุดของฉันเลยคุณรู้ไหม เป็นผู้ชายแบบฉบับที่ฉันเกลียด เทียบพี่อาร์ตไม่ได้สักนิด ทั้งขี้หลี ขี้เก๊ก ขี้งก ขี้เหล้า สารพัดขี้และความสกปรกมาลงอยู่ที่มัน ฉันไม่น่าปล่อยให้ความอยากเอาชนะมาทำให้ตัวเองเสียโปรไฟล์ดี ๆ เลย” ลลนาถามเมื่อเดินพ้นออกมาจากร้านอาหารนั้น

“มันก็แค่อดีต แต่เมื่อกี๋สองแล้วสินะ บางทีอาจเป็นพรหมลิขิต อาจจะมีสามก็ได้นะลลนา”

“โอ๊ย โลกไม่ได้กลมขนาดที่ฉันจะต้องมาระลึกความหลังแบบนั้นหรอก นี่ฉันจะบอกให้ว่าไอ้ภีร์เลวแล้วนะ ไอ้แมกซ์เลวยิ่งกว่า ทำหล่อไปวัน ๆ ฉัน....”

“ลินิน” นิ่งลลนาหันกลับไปมอง ดวงตาสวยอึ้งทึ่ง นี่วันมันบ้าอะไรของเธอ ถ้ารู้เธอจะไม่ยอมรอติณภัทรและไปเกาะพีพีกับพวกแพรวพิมล ลลนาหันหลังกลับไปมอง

“แม๊กซ์!!!”

“ไม่ต้องทำหน้าตกใจก็ได้” ลลนาถอยหลังหนีไปยืนข้าง ๆ ติณภัทร หน้าตาดูขยะแขยงผู้ชายคนนี้มาก ดวงตาของลลนามองขวาง ๆ

“ฉันทำให้เธอรังเกียจมากเลยสินะ ฉันไม่ได้จะมาทำอะไรเธอหรอก แต่อยากพูดอะไรด้วย” มังกรหรือแม็กซ์เดินเข้ามาใกล้ลลนา แต่

“ไม่ต้องเข้ามาใกล้ฉันนะ จะพูดอะไรก็พูดมา” ลลนามองมือจับแขนติณภัทรไว้

“ฉันขอโทษ” ลลนามองเหมือนไม่ไว้ใจ เธอจำไม่ลืม มังกรเป็นแฟนคนที่สอง เธอคบกับเขาตอนปีสอง เขาเข้ามาจีบเธอ คบกันแรก ๆ อะไรก็ดีไปหมด ไม่มีท่าทางของเสือแม่แต่น้อย แต่ยิ่งรู้จักกันมากขึ้น มือของเขาก็ยิ่งไว เผลอเป็นโอบ เผลอเป็นจับ แต่เธอก็เอาตัวรอดมาได้ แล้วเรื่องเริ่มขึ้นในวันที่เขานัดเธอไปเลี้ยงฉลองครบรอบสองเดือนที่ผับ เขาเปิดห้องส่วนตัว และเขาขวนเพื่อนมาด้วย เธอก็ไม่ได้คิดอะไร มังกรตะล่อมให้เธอดื่มตลอด เธอก็รู้ทันไม่ยอมดื่มแม้แต่แก้วเดียว จนจังหวะที่มังกรขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เพื่อนของมังกรเริ่มหันมามองเธอแปลก ๆ ขยับเข้ามานั่งใกล้ ๆ และเริ่มจับแขน เธอจึงย้ายที่ แต่อีกคนก็มาโอบเธอ คราวนี้ลลนาเห็นว่าไม่น่าไว้ใจเลยจะขอกลับก่อน แต่พวกมันกลับล็อกประตู และจะขมขืนเธอ เธอจำได้ ถ้าวันนั้นพวกแพรวพิมลไม่ห่วงเธอและตามมา เธอต้องเสียใจไปทั้งชีวิต ส่วนมังกรเธอไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน แต่เธอมั่นใจว่าเขาต้องรู้เห็น และตั้งใจทิ้งเธอไว้ให้เพื่อนของเขาทำไม่ดีไม่ร้ายเธอและนั่นทำให้เธอขวัญเสียไปหลายเดือน

“กองมันไว้ตรงนั้นแหละ ฉันไม่รับ ไม่เอา ไปเถอะคุณติณห์”

“เรื่องวันนั้นฉันไม่รู้จริง ๆ นะลินิน ฉันยอมรับว่าฉันคิดจะ...เธอ แต่ฉันไม่เคยคิดจะฆ่าเธอด้วยวิธีนั้น วันนั้นฉันได้รับโทรศัพท์ว่าพ่อหัวใจวาย ฉันเลยกลับบ้านก่อน แต่ถ้าฉันรู้ ฉันไม่ไม่ยอมให้พวกมันทำอะไรเธอ”

“อย่ามาแก้ตัว นายแสดงความรับผิดชอบอะไรบ้างนอกจากหายไป นายคิดไหมว่าถ้าวันนั้นไม่มีคนมาช่วยฉัน ฉันจะเป็นยังไง”

“ฉันขอโทษ ฉันรู้สึกผิดมาตลอด เธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกผิดได้มากมายขนาดนั้น และที่ฉันหายไป ไม่ใช่เพราะไม่อยากกลับมาขอโทษ แต่วันนั้น...” มังกรเงียบไป ติณภัทรสังเกตอะไรบางอย่างได้ และจับมือลลนาให้มองไปตามสายตาเขา

“ขานายเป็นอะไร” ลลนาถามออกไป

“ในวันนั้นที่ฉันกำลังจะขับรถไปหาพ่อที่โรงพยาบาล ฉันรถคว่ำ ฉันนอนไม่ได้สติเกือบสามเดือน ส่วนขาจำเป็นต้องตัดทิ้ง เพราะมันไม่สามารถใช้การได้อีกแล้ว ฉันฟื้นขึ้นมารู้เรื่องจากเพื่อนอีกคนที่อยู่ด้วยในตอนนั้นที่มันมากลังจากเพื่อนพาเธอออกไป ฉันอยากจะออกไป แต่เธอดูสภาพฉันสิ ฉันเป็นอัมพาตไปครึ่งซีก เกือบจะไม่สามารถลุกจากเตียงได้อีก ฉันใช้เวลาเกือบสองปี ในวันที่ฉันหาย ฉันก็ได้รู้อีกเรื่อง คือเธอไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว มีคนบอกฉันว่าเธอเป็นทอม...” ลลนานิ่งมองขาข้างนั้นด้วยแววตาเศร้าไปเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่หายโกรธ

“ฉันคิดว่าเธอคงจะอคติเพราะเรื่องนั้น ฉันไม่กล้าไปเจอหน้าเธอ ยิ่งเห็นเธอกลายเป็นแบบนั้น ฉันก็ยิ่งรู้สึกผิด”

“แล้วนายมาให้ฉันเห็นหน้าทำไม”

“ตอนแรกฉันก็ไม่กล้าเข้ามา ตอนเห็นเธอสาดน้ำใส่ไอ้แมงดานั่น ผมก็กลัวจะโดนหนักกว่านั้น แต่คิดดูแล้ว การที่ได้พบกันที่นี่มันอาจเป็นโชคชะตา วันนี้เธออาจจะไม่ยกโทษให้ อาจจะโกรธ เกลียดฉัน หรือเธอจะไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูด แต่ฉันแค่อยากจะขอโทษ ขอโทษสำหรับทุกอย่าง ฉันจะพูดแค่เท่านี้ ขอบคุณที่ยอมฟัง” มังกรค่อย ๆ เดินออกไป ลลนามองตามหลังไป เธอยอมรับว่าเธอเข้าใจมังกรว่าเป็นคนผิดมาตลอด เธอไม่รู้อะไรไปมากกว่านั้น แต่ในวันนี้เขามีสภาพแบบนี้ มันก็คงพอสำหรับการชดใช้แล้วไม่ใช่หรอ

“แม๊กซ์!!!” ลลนาตะโกนเรียกมังกร มังกรหันหลังกลับมา

“ฉันจะไม่โกระเกลียดนายอีก ทีผ่านมาฉันถือว่าเลิกแล้วต่อกัน” ลลนาตอบ

“แล้วเราจะยังเป็นเพื่อนกันได้ไหม” ลลนาเงียบ และพยักหน้า เพียงแค่นี้ก็คงพอแล้ว ลลนาเดินตามติณภัทาที่เดินนำเธอไปแล้ว

“ทำไมคุณไม่รอฉัน”

“ก็เห็นคุณมีธุระ รีบไปเถอะ ก่อนที่จะมีใครมาเรียกคุณอีก”

“บ้าน่า ครบสามคนตามที่คุณบอกแล้ว จะมีอีกได้ยังไง”

“ใครจะไปรู้ บางทีอาจ”

“พี่นิน!!!” ครั้งนี้ลลนากับติณภัทรหันมองหน้ากันทันที

“ตกลงที่มันวันฮันนีมูน หรือวันสะสางปัญหารักเก่ากันแน่ ผมว่าคุณเคลียร์ให้เสร็จแล้วตามผมไปร้านอาหารดีกว่าไหมลลนา”

“แต่ฉันว่ามันไม่น่ามี...”

“ใช่พี่นินไหมคะ” คราวนี้ลลนามั่นใจ จึงหันกลับไป ดวงตาสวยดูตกใจกับผู้หญิงรูปร่างเล้กบางนน้าตาน่ารักบ่องแบ้วคล้ายเด็กญี่ปุ่น

“แต้ว!!!”

 

 

....จบตอน....

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา