The door puzzle มหัศจรรย์ภายใต้ประตูปริศนา

7.3

เขียนโดย แง่มแง่ม

วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 21.21 น.

  3 chapter
  1 วิจารณ์
  5,445 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 21.33 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) Chapter 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
10 ปีผ่านไป
ณ  ประเทศญี่ปุ่น
“ฮึ้ยยะ!!!”
เสียงหญิงสาวผู้หนึ่งดังขึ้น ในบ้านหลังใหญ่ทรงญี่ปุ่น
“ฮึ้ยยะ!!!”
หญิงสาวกำลังฝึกซ้อมฟันดาบอย่างแข็งขันท่ามกลางสายตาของเหล่าผู้ใหญ่ดูหญิงสาวคนนั้นอย่างภาคภูมิใจ
“เอาล่ะ! หยุดซ้อมได้!”ชายที่ดูมีอายุที่สุดพูด
หญิงสาวหยุดซ้อมพร้อมกับคำนับ
“วันนี้เจ้าซ้อมได้ดีมากรินริน”
“ขอบคุณที่ชมค่ะท่านปู่”รินริน เอ่ยกับชายผู้เป็นปู่โดยที่ยังคำนับอยู่อย่างนั้น
“อืม งั้นวันนี้เลิกก่อนละกัน เจ้าไปพักได้รินริน”ท่านปู่พูดพร้อมกับเดินออกไปจากบริเวณนั้น
“คุณหนูคะ น้ำเย็นๆค่ะ”
“ขอบคุณจ้ะป้า”รินรินเอ่ยเสียงหวานพร้อมกับหยิบน้ำที่ป้าแม่บ้านส่งให้รินริน
ใช่แล้วนี่คือ รินริน สาวน้อยในวัยเยาว์ ที่ยังนั่งเล่นอยู่ที่สวนดอกไม้ แต่ตอนนี้ได้โตเป็นสาวเรียบร้อยแล้ว สาวที่เพียบพร้อมไปด้วยเสน่ห์ นัยน์ตาสีเทาที่แสดงถึงความเข้มแข็ง กระตือรือร้นและดื้อรั้น ผมยาวสีน้ำตาลที่สวยราวกับแพรไหม ใบหน้าที่เรียวได้รูป สีผิวที่ออกแทนๆ รูปร่างสูงโปร่ง ไม่ว่าใครก็ตกหลุมรักได้ง่ายๆทั้งนั้น
“รินริน”เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น
รินรินหันหน้าไปทางต้นเสียงก็พบกับคุณพ่อของเธอกำลังยืนยิ้มให้เธออยู่
“คุณพ่อ!”รินรินพูดด้วยน้ำเสียงดีใจพร้อมกับวิ่งไปโผกอดผู้เป็นพ่ออย่างดีใจ ด้วยความที่ไม่ได้เจอกันมานานแสนนาน
“ว่าไงจ๊ะลูกสาวแสนสวยของพ่อ ซ้อมฟันดาบเป็นไงบ้าง”ผู้เป็นพ่อกล่าวกับลูกสาวพร้อมกับคลายกอด
“ก็ดีค่ะ คุณปู่เอ่ยชมมาสองสามครั้งแล้วค่ะ”รินรินพูดพร้อมกับยิ้มตาหยี
“ดีมาก”พ่อพูดพร้อมกับลูบหัวลูกสาวอย่างเอ็นดู
“แล้วงานที่ประเทศไทยเป็นไงบ้างคะ”รินรินถามพ่อขณะที่กำลังเดินไปนั่งตรงศาลา
“ก็มีติดขัดเล็กน้อย แต่ก็แก้ไขได้แล้วล่ะ อ้อ!รินริน พ่อมีข่าวร้ายจะมาบอกลูก”พ่อพูดพร้อมหยุดเดิน
“มีอะไรขึ้นเหรอคะพ่อ”รินรินถามพ่อด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก
“แม่ของลูกน่ะ.....”พ่อพูดด้วยท่าทีอึกอัก
“คุณแม่เป็นอะไรคะคุณพ่อ”รินรินเร่งเร้าด้วยความรู้สึกที่ไม่สบายใจ
“ท่านเสียแล้ว”พ่อพูดด้วยหน้าถอดสี
“ว่าอะไรนะคะ!!”รินรินพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ
 “สะ...เสียตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”รินรินถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เมื่อวานซืนที่ผ่านมา”พ่อพูดด้วยท่าทางที่เสียใจไม่แพ้กับรินริน
รินรินยืนช็อค ดาบที่ตนถือนั้นเผลอปล่อยลงให้ร่วงตามแรงโน้มถ่วงโลก ตัวของรินรินสั่นอย่างบอกไม่ถูก ขาของเธออ่อนแรงบอกไม่ถูก น้ำตาของเธอค่อยๆไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย
“ฮึก....ฮือออออ”รินรินร้องไห้พร้อมกับโผกอดหาผู้เป็นพ่ออย่างหาที่ปลอบใจ
พ่อกอดรินรินตอบอย่างปลอบใจรินริน
“ฮือๆๆ รินยังไม่ได้คุยกับแม่เลยสักคำ ฮือๆๆ”รินรินปล่อยโฮออกมาอย่างไม่ขาดสาย
ผู้เป็นพ่อได้แต่ปลอบใจลูกสาวตนเองอยู่อย่างทำอะไรไม่ได้ เพราะตัวเขาเองก็ไม่ใช่พระเจ้าที่จะไปปลุกชีพให้คนฟื้นขึ้นมา หรือย้อนเวลากลับไปให้รินรินรู้ตัวเพื่อจะกลับประเทศไปหาแม่ของตัวเอง ในฐานะสามีอย่างเราเองก็ยังรู้สึกเสียใจ
“แม่เขาไปดีแล้วล่ะรินริน เดี๋ยวมะรืนนี้แม่ก็จะฝังแล้ว วันนี้เตรียมตัวออกเดินทางกันดีกว่า”พ่อพูดพร้อมกับค่อยๆยิ้มให้กับลูกสาวอย่างปลอบใจ
“ลูกสาวของพ่อ ต้องเข้มแข็งสิ แม่เขาคงไม่อยากให้ลูกสาวแสนสวยของตัวเขาเองต้องมาร้องไห้เพราะตัวเองหรอก ไปลูก ไปเก็บเสื้อผ้าเดี๋ยว พรุ่งนี้เราจะกลับประเทศ เราจะไปงานศพแม่กันนะ โอ๋ๆอย่าร้องไห้นะคนเก่งของพ่อ”พ่อของรินรินพูดพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาให้แก่รินริน
รินรินได้แต่สะอื้นอย่างขวัญสลาย เพราะแม่กับรินรินนั้นได้จากกันตั้งแต่เด็กๆแล้ว และรินรินก็สัญญาว่าจะกลับมาหาแม่อีกครั้ง แต่ตอนนี้คงจะไม่ทันเสียแล้ว เมื่อกลับไปคงจะได้เห็นแค่เพียงเถ้าถุลีของกระดูกแม่เท่านั้น......
วันต่อมา
ณ  สนามบินสุวรรณภูมิ
รินรินเดินลากกระเป๋าไปตามทางสนามบิน เธอมองไปรอบๆอย่างงุนงงว่าจะเดินไปทางไหนดี เธอยังแอบนึกเคืองพ่ออยู่ในใจที่อยู่ๆก็ดันติดธุระสำคัญมากับเธอไม่ได้เสียอย่างนั้น ถึงจะเจอกันที่งานศพของแม่ แต่เธอก็ไม่เคยกลับประเทศเลยหลังจากที่มาประเทศญี่ปุ่นกับพ่อในวัยเยาว์
“พ่อขอโทษนะรินรินที่มาพร้อมลูกไม่ได้ ไว้เจอในวันงานละกัน เดี๋ยวจะมีคนมารับที่สนามบินนะ”
รินรินนึกถึงคำพูดของพ่อ เธอมองหันซ้ายหันขวาได้แต่อุบอิบกับตัวเองเบาๆ
“ไหนล่ะคนที่คุณพ่อบอกว่าจะมารับ”
รินรินเดินไปยังทางผู้โดยสารขาเข้า เธอคิดอย่างเหนื่อยหน่ายใจว่าถ้าไม่มีคนมารับจริงๆเธอคงต้องนั่งรถแท็กซี่กลับบ้านเองเป็นแน่
“คุณรินรินคะ....!!!”เธอได้ยินเสียงชื่อเธอแว่วๆ
เธอหันไปทางต้นเสียงอย่างสงสัย ก็ปรากฎให้เห็นหญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ เพียงคล้ำๆ ตากลมโตบ๊องแบ๋วอย่างใสซื่อ ตัวเล็กดูแล้วท่าทางจะเตี้ยกว่าเธอสักเล็กน้อยและด้วยตากลมโตนั้นมันทำให้รินรินจำได้ว่านั้นคือ ลูกปัด ลูกสาวคนใช้ที่เป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กๆของเธอนั้นเอง
“ลูกปัด!!!”รินรินพูดพร้อมกับเดินเข้าไปหาลูกปัด
“คุณรินริน!!”ลูกปัดพูดพร้อมกับโบกไม้โบกมือแสดงให้เห็นว่าตนเองนั้นอยู่ตรงนี้ ใบหน้าของเธอแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นรินริน
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เธอเปลี่ยนไปมากเลยนะ”รินรินพูดพร้อมกับกอดเพื่อนสมัยเด็ก
“คุณรินรินก็เหมือนกัน ดูเป็นสาวห้าวขึ้นตั้งแยะ เดี๋ยวผู้หญิงก็มาชอบเยอะแยะหรอก อิอิ”ลูกปัดพูดอย่างติดตลก
“แหม ฉันไม่ใช่ทอมนะ”รินรินพูดอย่างงอนๆ
“ฮ่าๆ ค่ะ งั้นรีบกลับบ้านก่อนเถอะค่ะ ไปตอนนี้ยังคงทัน”ลูกปัดพูดพร้อมกับจับมือให้รินรินเดิน
“ดะ....เดี๋ยวๆ ทันอะไรเหรอ”รินรินถาม
“ก็ทันที่คุณหญิงยังไม่จากโลกนี้ไปน่ะสิคะ”ลูกปัดพุดพร้อมกับยังลากรินรินต่อไป
“หืม? คุณแม่เสียไปแล้วไม่ใช่เหรอ”รินรินพูด
“ยังค่ะๆ ท่านยังแค่โคม่าระยะสุดท้ายเฉยๆค่ะ ตอนนี้คุณหญิงอยากเจอคุณรินรินมากเลยค่ะจึงยังไม่ยอมเสียน่ะค่ะ เพราะฉะนั้นเรารีบกลับกันเถอะค่ะ”ลูกปัดพูด
รินรินยังรู้สึกงงๆและดีใจกับข่าวใหม่ที่เธอได้รับรู้ ถึงเธอจะงงสักเพียงใดเธอคิดในใจแค่ว่า ตอนนี้เธอต้องรีบไปหาแม่ของเธอให้เร็วที่สุดเพียงเท่านั้น
จนกระทั่งถึงรถ เธอรีบขึ้นรถทันควัน โดยที่มีลูกปัดเก็บกระเป๋าเดินทางของเธอให้ไว้หลังรถ
“ออกรถเลยค่ะลุง ขอแบบด่วนๆด้วยนะคะ”ลูกปัดพูด
“ครับๆ แต่ไม่รู้จะรถติดหรือเปล่าน่ะสิหนูปัด ช่วงสายๆเนี่ยรถติดมากเลยนะ”ลุงขับรถบอกกับเธอขณะที่ขับรถออกไป
“มีทางลัดในการไปไหมคะ”รินรินถาม
“มันก็มีอยู่เหมือนกันครับคุณหนู แต่ทางลัดเนี่ยมันแย่พอๆกับไปเสี่ยงรถให้พังได้เหมือนกันครับ”ลุงขับรถพูด
รินรินเริ่มหน้าถอดสี ได้แต่ขออย่าให้รถติดอยู่ตลอดทาง แต่ดูเหมือนฟ้าจะเป็นใจ ตลอดทางที่เดินทางมาไม่มีรถติดแม้แต่นิดเดียว มีเหตุการณ์รถชนที่ทำให้จราจรติดขัดเล็กน้อย แต่ก็เธอก็ขับผ่านมาอย่างฉลิว
เมื่อถึงบ้านเธอรีบเข้าบ้านทันที
“ปัด คุณแม่อยู่ไหน”รินรินถาม
“อยู่บนห้องนอนที่เดิมค่ะ”ลูกปัดตอบพร้อมกับยกกระเป๋าเดินทางของเธอ
“ขอบใจ”เธอกล่าวขอบคุณพร้อมกับรีบขึ้นห้องไปหาแม่เธอทันที
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มาที่บ้านหลังนี้เป็นเวลานานแต่เธอก็ยังจำได้ดีว่าห้องของแม่เธอนั้นอยู่ที่ไหน
เมื่อเธอมาถึงหน้าห้องเธอก็ไม่รอช้าเปิดประตูเข้าไปทันที
แอ๊ดดดด.....
“คุณแม่คะ...”รินรินเข้าไป ก็เห็นคุณแม่ของเธอนอนอยู่บนเตียง
แม่ของเธอนั้นดูอิดโรยเสียจนเธอเองก็แอบใจหาย ว่าแม่ที่แสนจะสุขภาพแข็งแรงนั้น มาป่วยนอนโทรมเป็นเหยื่อของเชื้อโรคร้ายได้อย่างไรกัน
          “คุณแม่คะ รินรินมาแล้วนะคะ”รินรินพูดพร้อมกับไปนั่งข้างๆเตียงของแม่ตัวเอง พร้อมกับจับมือ มือของแม่เธอเย็นเหมือนน้ำแข็ง
เมื่อเธอจับมือของแม่เธอไว้ แม่ของเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาราวกับจำได้ว่านี่แหละคือเสียงแก้วตาดวงใจของตน
“รินริน...นั้นลูกใช่ไหม”แม่เธอกล่าว แต่เสียงนั้นแหบพร่าราวกับพ่นลม
“ค่ะ รินรินกลับมาหาแม่แล้วนะคะแม่”รินรินพูดพร้อมกับจับมือแม่ไว้มั่น
“กลับมาหาแม่แล้วจริงๆด้วยแก้วตาของแม่ แค่กๆ แม่อยากจะกอดลูกให้หายคิดถึงเหลือเกิน แต่ตอนนี้ตัวแม่นั้นไม่มีแรงถึงเพียงนั้น แค่กๆ”แม่ของเธอกล่าวไปไอไปพร้อมกับลูบหน้าลูกสาวตัวเองอย่างคิดถึง แต่ด้วยเรี่ยวแรงที่ตัวเองนั้นมีจำกัดมากเกินไปจึงทำได้เพียงแค่นี้
“ฮึกๆ รินรินคิดถึงแม่เหมือนกัน รินคิดว่าแม่จะตายแล้วจริงๆซะอีก”รินรินพูดพร้อมกับซบกับหน้าอกของแม่
แม่ของเธอไม่ได้กล่าวอะไรได้แต่ยกมือของตนมากอดตอบ
“แต่แม่เองก็ใกล้จะตายในไม่ช้านี้เสียแล้ว แค่กๆ”แม่ของเธอพูด
“ไม่เอาสิ ฮือๆ รินไม่อยากให้แม่ตายจากรินไป แม่ต้องอยู่กับรินนานๆสิ”รินรินพูด
“แม่ก็อยากอยู่กับลูก แต่แม่ไม่อาจฝืนตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว”แม่ของรินรินพูด
“ไม่เอา ฮือๆๆ”รินรินร้องไห้อย่างไม่ยอมเนื่องจากความเสียใจ
“ไม่เอาสิลูกสาวแม่ อย่าร้องไห้เป็นเด็กๆแบบนี้สิ แม่อยากให้ลูกมีความสุขนะ ต่อให้แม่ต้องจากโลกนี้ไป”แม่ของเธอกล่าว
รินรินได้แต่ร้องไห้และจับมือแม่อยู่อย่างนั้น
“ก่อนที่แม่จะไปจากโลกนี้ แม่มีบางสิ่งบางอย่างอยากจะสั่งเสียกับลูก”แม่ของเธอพูดพร้อมกับรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายแล้วเอื้อมมือไปหยิบกล่องบางอย่างให้แก่ลูกสาวของตนเอง
รินรินรับกล่องนั้นมาอย่างงงๆ
“มันคืออะไรเหรอคะ”รินรินถาม
“มันคือกุญแจ ของประตูไม้หลังบ้าน ประตูปริศนา ที่ตอนเด็กๆลูกเคยถาม”
“แม่ยังจำได้?”
“แม่จำเรื่องราวของลูกได้ทั้งหมดจ้ะ แล้วถึงแม้ลูกจะไม่ได้เป็นคนถาม อย่างไร แม่ก็ต้องเอาให้ลูกอยู่ดี กุญแจนี้ แม่อยากให้ลูกนำไปไขตรงประตูนั้น”แม่ของเธอกล่าวขึ้น
รินรินพูดพร้อมกับค่อยๆเปิดกล่องออกก็เห็นกุญแจไม้ที่ประดับด้วยมรกตและอัญมณีอย่างลงตัว และยังมีเถาวัลย์พันอยู่ตรงปลายด้าม ราวกับเตือนให้รู้ว่าผ่านการใช้งานนั้นมานานเท่าใด
“คุณแม่...”รินรินยังไม่ทันพูดจบ
แม่ของเธอก็หลับตาลงพร้อมกับอมยิ้มเล็กๆ
“คุณแม่!!!! ฮือๆๆๆๆ!!!”รินรินฟุบลงบนอกของแม่แล้วร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง น้ำตาของเธอไหลรินไม่ขาดสาย แม่ผู้บังเกิดเกล้า ผู้ที่เคยสั่งสอนเธอมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ตอนนี้กลับถูกลมพัดกลับขึ้นไปยังสวรรค์เสียแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน
งานศพของแม่เธอก็ได้ถูกจัดขึ้นหลังจากวันนั้น 1 วัน บรรยากาศบริเวณนั้นคราเคล้าไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ เพราะเจนจิรา หรือแม่ของเธอนั้นก็เป็นผู้หญิงที่แสนดี เป็นเจ้านายที่แสนดี เป็นนักธุรกิจที่รุ่งเรืองและมีน้ำใจในการค้าขาย ทุกคนจึงต่างเสียดายที่คนดีๆอย่างเธอต้องจากโลกไปโดยทั้งๆที่อายุนั้นยังไม่ถึงวัยต้องโรยรา
รินรินยืนเสียใจมองเพียงโลงศพของแม่เท่านั้น โดยที่มีผู้เป็นพ่อโอบปลอบใจ โดยที่ความรู้สึกนั้นก็ไม่ได้ต่างไปจากรินรินเองอยู่ข้างๆ
เมื่อพิธีเสร็จแล้ว รินรินและพ่อก็กลับบ้าน
“รินรินเป็นอะไรเหรอลูก”พ่อของเธอกล่าวเมื่อเห็นลูกสาวของตนเหม่อลอยออกนอกกระจกรถ
“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”รินรินตอบพร้อมกับยิ้มแห้งๆให้กับพ่อของตนเอง
พ่อของเธอไม่ได้พูดอะไรต่อด้วยความคิดว่าอาจจะเป็นเพราะว่าลูกสาวของตัวเองกำลังอาจจะเสียใจไม่หายกับเหตุการณ์นี้ก็เป็นได้ เพราะลูกสาวของเธอเองกับแม่ของเธอก็สนิทกันมาก
แต่ที่จริงแล้วภายในของรินรินนั้นกำลังนึกคิดถึงคำพูดที่แม่ของเธอได้เอ่ยก่อนจะจากเธอไป
“....กุญแจนี้ แม่อยากให้ลูกนำไปไขตรงประตูนั้น”
เสียงของแม่เธอลอยขึ้นมาในหัว
สิ่งแรกที่เธอจะทำหลังจากกลับบ้านนั้นก็คือการไปแก้ไขสิ่งที่กวนใจเธอนั้นก็คือ กุญแจดอกนั้น!
ไม่สิ
ต้องเป็นประตูบานนั้นเสียมากกว่า ประตูที่เป็นปริศนาค้างคาใจเธอมาตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เธอยังจำได้ไม่เคยเปลี่ยน ประตูที่ตอนเด็กๆนั้นพอเธอหันกลับไปมองแล้ว กลับมีสิ่งมีชีวิตแง้มประตูออกมา แต่พอเธอหันกลับไปดูอีกครั้งประตูนั้นกลับปิดลงโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ประตูปริศนาบานนั้นคืออะไรกัน
หรือว่าที่เราเห็นในตอนนั้นเพียงแค่ภาพลวงตา
ภาพลวงตาที่สมจริงเกินจะเชื่อ........

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา