Chronicles Of Legend. ปฐมบทแห่งตำนาน

7.3

เขียนโดย LanzaDeLuZ

วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.07 น.

  67 chapter
  7 วิจารณ์
  54.46K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 19.20 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

58) ...Rules of Enigma...(1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 




 

===============================================================

 

 



        ...เปรี๊ยะ !!! ...

 

          เฮเลน วอลคาโนหันกลับไปมองราชศาสตราดาบอัคคี-เอ็กโซดัสของตนพร้อมกับขมวดคิ้วและทำหน้าสงสัย ก่อนที่เธอจะจำใจต้องหันกลับมาและทุ่มสามาธิให้กับความสามารถด้านพลังจิต เพลิงตะวันออก  ของตัวเองเพื่อรักษาชาร์ลอีกครั้งเพราะอาการบาดเจ็บของอีกฝ่ายไม่ใช่อาการบาดเจ็บทั่วๆไป ชนิดที่ถ้าหากไม่มีเธออยู่ตรงนี้ซักคนล่ะก็มีหวังได้เตรียมขุดหลุมฝังกันเรียบร้อยแล้วแน่ๆ  ถึงอย่างนั้นเธอก็ต้องพุ่งสมาธิทั้งหมดที่มีในการรักษาอีกฝ่าย ไม่เช่นนั้นพลังอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายทั้งเธอทั้งชาร์ลเลยก็ได้

 

        " ฮ...ฮึ่ม! นอกจากอาการบาดเจ็บทางกายภาพที่สาหัสพอทนแล้ว หอกนั่นยังแฝงธาตุลมที่แข็งแกร่งเข้าใส่ร่างกายด้วย...ดีนะที่ทั้งเราและชาร์ลมีธาตุประจำตัวเป็นธาตุไฟที่ชนะทางธาตุลมทั้งคู่...ไม่งั้นเจ้านี่คงดับไปตั้งแต่หลังยังไมกระแทกพื้นแล้ว "  เธอครางเบาๆ ทั้งๆ ที่หลับตาอยู่พร้อมกับคิ้วที่เริ่มขมวดแน่นขึ้น แสดงให้เห็นถึงความสาหัสเข้าขั้นตรีฑูตของผู้ที่ถูกรักษาอยู่

 

        " ป...แปลว่า? "  

 

        " เอาเถอะ...ฉันรักษาเขาได้แน่ แต่หลังจากฟื้นแล้วเขาจะถูกฉันชกปางตายอีกครั้งข้อหาเกิดคลั่งไม่รู้เวล่ำเวลารึเปล่าฉันไม่รับประกันนะ "

 

          คำรับรองของหญิงสาวทำให้ทุกคนที่มุงอยู่โดยเฉพาะพวกฝ่ายมหาลัยหมื่นเวทย์มีสีหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่น้อยคนที่จะสังเกตว่าสีหน้าของเธอไม่ได้ดีขึ้นเช่นเดียวกับพวกเขาเลย

 

         " มีอะไรรึเปล่า? เฮเลน "  นาซีเรีย วารีเรี่ยนที่เป็นหนึ่งในผู้ที่สังเกตเห็นท่าทีของเธอกระซิบถามขึ้นเบาๆ ในขณะที่เฮเลนลืมตาขึ้นมาพร้อมกับเหลือบมองไปที่ราชศาสตราประจำกายของตัวเองที่บัดนี้วางนิ่งเป็นสากกะเบือดินอยู่ข้างๆ อีกครั้ง

 

          " เปล่าหรอก...ไม่มีอะไร...ฉันคงแค่คิดมากไปเอง "  หญิงตอบกลับมาพร้อมกับหลับตาลงและพุ่งเป้าไปที่มือทั้งสองข้างที่กดบาดแผลของชาร์ลอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะทำปากขมุบขมิบรำพึงเบาๆ โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นอีกครั้ง

 

          ' หวังว่าอย่างงั้นนะ '

 

          ให้ตายเถอะ!...ถึงจะพูดไปอย่างนั้นแต่ให้เธอสาบานด้วยอะไรก็ได้ ว่าเธอได้ยินการลั่นเปรี๊ยะอย่างสั่นสะท้านของราชศาสตราของตัวเองจริงๆ ...ถึงเธอจะไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร...แต่ถ้าให้เธอเดา เกินครึ่งของความคิดเธอเดาไปในทางร้ายทั้งสิ้น!

 

 

       ...ไกลออกไป  บริเวณป่าใกล้ๆ กับอาคารเรียนกลาง...

 

        ...เปรี๊ยะ !!! ...

 

          เซลรีเนียหันขวับกลับมามองราชศาสตราเล่มงามของตนที่พึ่งจะสั่นสะท้านไปเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะกลับเป็นเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...หญิงสาวกระพริบตาปริบๆ ก่อนที่คิ้วที่ขมวดของเธอจะคลายออกอย่างเข้าใจอะไรเป็นเลาๆ อยู่แล้ว

 

         " เอาเข้าจนได้สินะ... "

 

         " อะไรงั้นเหรอ? "  คาสซานดร้าที่นั่งอยู่ตรงหน้ากระดานหมากรุกคนละฝั่งกับเธอหันกลับมาถามอย่างงงๆ กับท่าทีของหญิงสาว

 

         " อ้อ...เปล่าหรอกค่ะ...แค่...เพื่อนคนนึงของฉันพึ่งจะทำอะไรไม่ยั้งคิดลงไปน่ะค่ะ "  ราชินีปิศาจสาวยักไหล่เบาๆ ก่อนจะขยับบิชอปดำของเธอไปรุกไล่คิงของอีกฝ่ายช้าๆ

 

         " หือ? "  จอมเวทย์สาวฉายา ราชินีน้ำแข็ง  ร้องในลำคอเบาๆ ไม่แน่ใจว่าเธอร้องออกมาเพราะสนใจในคำพูดของอีกฝ่าย หรือเพราะคิงขาวของเธอกำลังโดนหมายหัวอยู่กันแน่ ก่อนที่เธอจะขยับ รูค หรือเรือมากันไว้พลางพยักเพยิดให้เซลรีเนียเล่นต่อ

 

         " เฮ้อ-----------!  พูดจริงๆ เถอะนะคุณคาสซานดร้า...ตอนแรกที่คุณลากฉันออกมา ไอ้ฉันก็นึกว่าเราสองคนจะฟัดกันนัวแล้วซะอีก...แล้วไหงเราสองคนถึงได้มาอยู่ในสถานการณืชวนหดหู่แบบนี้ได้ล่ะเนี่ย? "  ในที่สุดเซลรีเนียก็พูดขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ไหว...พูดกันตามตรงเธอค่อนข้างจะใจเย็นด้วยซ้ำที่พึงมาโวยหลังจากเล่นมาได้เกือบครึ่งเกมแบบนี้

 

         " หือ? พูดอะไรของเธอยะ! ขอโทษนักเล่นหมากรุกทั่วโลกเดี๋ยวนี้เลยนะ!! "  คำตำหนิของจอมเวทย์สาวทำเอาเธอต้องอ้าปากค้างอีกครั้ง ก่อนที่ในที่สุดเธอจะเอามือตบหน้าผากพร้อมกับหัวเราะอย่างยาวนาน

 

         " ห...ให้ตายสิ! โชคดีจริงๆ ที่ได้ออกมาเจอโลกภายนอกอีกครั้ง  เชื่อไหมว่าตั้งแต่ออกมาจากลูซิลฉันหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังแบบนี้มาหลายสิบรอบแล้วเนี่ย...โอ๊ย! พวกเธอนี่มันน่าสนใจอย่างที่คิดจริงๆ "  เธอพูดพลางกลั้วหัวเราะก่อนจะขยับ ไนท์ หรือม้าฝั่งเธอเข้าไปกินเบี้ยของอีกฝ่ายดื้อๆ ทำเอาอีกฝ่ายร้อง อ๊า! เบาๆ

 

         " คำขอร้องของเรย์น่ะ คือขอแต่ให้กันเธอออกมาจากเขาเท่านั้น...แถมฉันกับเธอก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรกัน...ไอ้เรื่องเจ็บตัวเปล่าๆ นี่ขอทีเถอะ "  จอมเวทย์สาวพูดเหมือนกับบ่นเบาๆ ก่อนจะขยับหมากพยายามแก้หมากของอีกฝ่าย

 

         " หือ? "  คำพูดของคาสซานดร้าทำให้เซรีเนียขมวดคิ้วบางๆ ก่อนจะอดถามขึ้นเบาๆ ไม่ได้

 

         " ก็ไม่ได้อยากจะขัดจังหวะความคิดของเธอหรอกนะ แต่เท่าที่ฉันจำได้ เธอไม่น่าจะเคยเจอเรย์ฯ มาก่อนด้วยซ้ำ...แล้วอะไรทำให้เธอใจได้ใจดียอมทำตามคำขอร้องของคนแปลกหน้าอย่างเขาด้วยล่ะ? ...ญาติโยมรึก็ไม่ใช่ "

 

           คาสซานดร้าหยิบบิชอปขาวของตนเองขึ้นมามองก่อนจะตัดสินใจวางมันลงไปคุกคามควีนของอีกฝ่ายพร้อมกับถอนหายใจเฮือก

 

         " ก็เพราะว่าเขา อ้างว่า เขาคือผู้สืบสายเลือด เมโอ คริสตัล น่ะสิ "

 

         " หือ? "

 

         " อ้อ...พูดแค่นี้คงไม่เข้าใจสินะ...ถ้าฉันแนะนำตัวเองว่าฉันชื่อ คาสซานดร้า อาโร คริสตัลล่ะ...คราวนี้เป็นไง? "

 

         " ...อาโร...คริสตัล?  อ...อ๋อ! ฉันรู้จักชื่อนี้!! สกุลอาโร คริสตัลคือสกุลรองที่ว่ากันว่าเป็นท่อน้ำทิ้งของสกุลเมโอ คริสตัลนี่?!! "  เธอร้องขึ้นเบาๆ อย่างนึกขึ้นได้ก่อนจะรู้ตัวและหันมาขอโทษหญิงสาวที่มีนามสกุลที่ถูกพาดพิงตรงหน้า แต่คาสซานดร้ากลับโบกมือเป็นเชิงว่าไม่ต้องคิดมากเพราะเธอชินซะแล้ว

 

         " ใช่...ชื่อเสียงของตระกูลอาโร คริสตัล...ตระกูลของฉันไม่ได้มีชื่อเสียงในทางที่น่าสรรเสริญนักหรอก แต่นั่นมันก็แค่ฉากหน้า "  คาสซานดร้าหยุดลงเชื่อครู่พร้อมกับมองมาที่เซลรีเนียนิ่งอย่างค้นหาอะไรบางอย่าง ก่อนที่เธอจะยักไหล่เบาๆ พร้อมกับพูดต่อ

 

         " เอาเถอะ...อันที่จริงมันก็ไม่ได้เป็นความลับอะไรเท่าไหร่หรอกนะ แถมถ้าเธอไม่โกหกฉัน...ราชินีแห่งลูซิลอย่างเธอคงจะไม่ใช่พวกปากเบาซักเท่าไหร่ "

 

         " แหม...เล่นพูดกันตรงๆ แบบนี้ฉันก็เขินแย่น่ะสิ "  ท่าทีเอียงอายที่ไม่ได้เสแสร้งของอีกฝ่ายทำเอาคาสซานดร้าต้องกระพริบตาปริบๆ

 

         " ฉันไม่รู้หรอกนะว่าส่วนเสี้ยวไหนของประโยคที่ฉันพูดที่ทำให้เธอเขินได้...แต่เอาเถอะ  ถึงจะบอกว่าเป็นตระกูลหลักกับตระกูลรอง แต่ทั้งสองตระกูลก็สืบเชื้อสายมาจากท่าน เมอร์ลิน เมโอ คริสตัล  เหมือนกันนะ...ความสัมพันธ์ของพวกเราสองตระกูลหนักแน่นยิ่งกว่าหินผา และใกล้ชิดกันซะจนไม่มีอารมณ์ใดๆ จะสามารถแทรกเข้ามาได้  ...ถึงแม้ฉากหน้าจะดูเหมือนเราทั้งคู่จะระหองระแหงกันก็ตามที "

 

         " เดี๋ยวนะๆ ฉันไม่ได้อยากขัดจังหวะการพูดของเธอหรอกนะ  แต่ถ้าหากเรือ่งที่เธอพูดเป็นความจริง แล้วทำไมตระกูลของเธอไม่แก้ข่าวเรื่องนี้ซะล่ะ "

 

         " ก็...เรื่องนี้มันพูดยากนะ ...มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงของราชอาณาจักรคริสตัล ฟอร์ซน่ะ "

 

         " เห?...โกหกรึเปล่าเนี่ย? "  เซลรีเนียหรี่ตาลงพร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

 

         " ... "

 

         " ฉันเข้าใจนะว่ามันทำใจยอมรับได้ยาก...แต่รู้ไหม เราสมควรจะยืนอยู่บนโลกแห่งความจริงนะ "

 

         " ... "

 

        " ฉันก็แค่เตือนด้วยความหวังดีนะ วิมานในอากาศก็เป็นได้แค่วิมานในอากาศเท่านั้นแหละ "

 

         " อย่าพยายามเลยน่า...ก่อนหน้านี้เรย์เตือนฉันเกี่ยวกับวาทศิลป์อันดีเลิศของเธอแล้ว "  คาสซานดร้าตัดสินใจพูดขึ้นพร้อมกับถอนหายใจเฮือกเบาๆ ทำเอาเซลรีเนียถึงกับทำเสียงจิ๊กจั๊กในลำคออย่างขัดใจ

 

         " น่าเสียดาย...ทั้งๆ ที่ฉันคิดว่าเธอจะคุยสนุกกว่านี้ซะอีกแท้ๆ ....แย่ๆๆๆๆๆ ตาเรย์ฯ นี่มันมารความสุขชัดๆ "  เธอพูดพร้อมกับถอนหายใจเฮือกอย่างเสียดาย

 

         ' ขนาดได้ฟังคำเตือนจากหมอนั่นมาแล้วแท้ๆ เรายังเกือบจะหลุดปากเผยความลับออกไปตั้งหลายครั้ง ...แถมดูจากคำพูดคำจาแสดงให้เห็นชัดเลยว่าเธอไม่ได้ทำไปเพื่อลูซิล แต่ทำไปเพราะเป็นการสนองความต้องการส่วนตัวของตัวเองล้วนๆ ...คนอะไรพรรค์นี้เนี่ย? '  จอมเวทย์สาวคิดในใจอย่างหวั่นๆ 

 

         " เอาเป็นว่าตระกูลเมโอและอาโร คริสตัลต่างก็ผูกพันธ์กันในฐานะผู้ร่วมสายเลือดที่มิอาจแบ่งแยก แม้ว่าดูภายนอกจะเป็นอย่างอื่นก็เถอะ...ถ้าเรย์ หรือเรย์ลาลีนเป็นว่าทีู่้นำสกุลเมโอ คริสตัลตามที่เขากล่าวอ้างจริง มันก็เป็นหน้าที่ตามพันธะของสายเลือดที่ฉันจะต้องรับฟังคำขอร้องจากเขา "

 

         " ฉันก็ไม่ได้อยากจะพูดอะไรให้เสียความรู้สึกหรอกนะ แต่...เห็นแก่ที่เธอพูดความจริงโดยไม่ปิดบัง ฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมามีลับลมคมในอะไรเหมือนกัน "  ราชินีปิศาจสาวพูดพร้อมกับยกราชศาสตราเล่มงามที่ยังคงอยู่ในฝักขึ้นมาให้อีกฝ่ายดูชัดๆ พร้อมกับพูดต่อ

 

         " แต่ตอนนี้เรย์ฯ กำลังเผชิญหน้ากับผู้ใช้ราชศาสตราเคียวทมิฬ-เนเมซิส...ราชศาสตราสายดำที่มีอันดับสูงกว่าราชศาสตราของข้าถึงหนึ่งขั้นทีเดียวนะ...ถึงออกจะน่าเสียดายไปซักหน่อยก็เถอะ แต่ฉันรับรองได้เลยว่าเขาไม่อาจจะรอดจากคมเคียวของยัยนั่นไปได้แน่ "

 

         " หือ?...หมายถึงยัยคลาเดีย สตรอมการ์ดนั่นน่ะเหรอ?...ถึงฉันจะตกใจกับตัวจริงของยัยนั่นก็เถอะ  แต่เท่าที่ฉันลองหยั่งสัมผัสดู แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ยัยนั่นมีแรงกดดันน้อยกว่านายท่านเชรีน่า หรือแม้แต่เธอเองอีกไม่ใช่รึไง? "  คาสซานดร้าร้องถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

 

         " หือ? ...คลาเดีย? ....อ๋อ!! เธอหมายถึงยัยคนที่โดนพลังจิตและเคียวของยัยนั่นครอบงำน่ะเหรอ? ...เห! ฉันพึ่งรู้ว่ายัยนั่นชื่อคลาเดียนะเนี่ย "

 

            ประโยคของเซลรีเนียทำเอาคาสซานดร้าถึงกับต้องลุกพรึ่บอย่างกะทันหันจนกระทั่งหมากบางตัวบนกระดานล้มตะแคงลง

 

         " หมายความว่ายังไง?! "

 

         " ที่เราเรียกยัยคลาเดียอะไรนั่นว่าชาโดว์ก็เพราะเธอเป็นเพียงแค่ เงา ...เป็นแค่เงาที่ได้แต่เคลื่อนไหวตามการเคลือ่นไหวของตัวจริงเท่านั้น...อีกอย่างนึง พลังที่เธอสามารถดึงออกมาจากเคียวนั่นมีไม่ถึงครึ่งของความสามารถที่แท้จริงของเคียวนั่นด้วยซ้ำ...แต่ที่คนที่กำลังอยู่ต่อหน้าเรย์ฯ ตอนนี้มันต่างออกไปโดยสิ้นเชิง... "  พูดจบเธอก็เร่งจิตคุกคามจนพุ่งปรี๊ดจนกระทั่งเหล่านกที่อยู่บนยอดไม้แตกฮือออกไปคนละทิศละทาง ก่อนที่เธอจะลดพลังลงจนไม่เหลือหรอ พร้อมพูดต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

         " เพราะฉะนั้น...อย่าดูถูกผู้ใช้ราชศาสตราอย่างพวกเรานักสิจ้ะ "  เธอกล่าวอย่างยิ้มแย้มพร้อมกับก้มลงเก็บหมากบางตัวที่ตกลงจากกระดานกลับมาวางบนกระดานอีกครั้งพร้อมกัผายมือให้จอมเวทย์สาวที่กระโดดออกไปคุมเชิงพร้อมกับดาบน้ำแข็งในมือ และพูดต่ออีกครั้ง

 

         " เอาล่ะ ตาเธอแล้ว...รีบเดินหน่อยก็ดีนะ เพราะอีก 4 ตาฉันก็จะรุกฆาตแล้ว! "

 

           คาสซานดร้าสลายดาบน้ำแข็งในมือที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณป้องกันภัยเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบไป ก่อนจะรีรอเล็กน้อยเพราะยังคงตกใจกับจิตคุกคามอาถรรพ์ที่น่าขนหัวลุกนั่น จนกระทั่งอีกฝ่ายร้องเรียกอีกครั้งเธอจึงยอมกลับมานั่งที่ฝั่งตรงข้ามกระดานโดยดี

 

         ' จริงอย่างที่หมอนั่นว่า ...ต่อให้ระวังแค่ไหน เธอก็มีวิธีทำให้กระแสของการสนทนาเปลี่ยนไปอยู่ในกำมือของเธอจนได้ ...แต่ไม่เคยบอกเลยนี่ว่ากระแสพลังของยัยบ้านี่น่าขนพองสยองเกล้าขนาดนี้ ....โชคดีเหลือเกินที่เขาแนะให้เราใช้การคุยถ่วงเวลาไว้ ...ไม่อยากจะคิดเลยว่าผลจะออกมาเป็นยังไงถ้าเราใช้กำลังเข้าว่าแต่แรก '  ถึงจะคิดอย่างนั้น แต่คาสซานดร้าก็ยังฝืนแสยะยิ้มออกมาช้าๆ

 

         " เธอลืมอะไรไปรึเปล่า เซลรีเนีย...บางอย่างที่ไม่สมควรลืมเลยแม้แต่น้อย "

 

         " หือ? "

 

         " ถ้าคำพูดของเรย์บอกกับฉันเป็นความจริง...เขาก็จะเป็นว่าที่ผู้นำตระกูลรุ่นถัดไปของสกุลเมโอ คริสตัลที่เกรียงไกรที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์ผู้ใช้เวทย์มนตร์เคยมี...ความสามารถของเขาเป็นของจริง ที่แม้แต่เธอก็ไม่มีวันดูแคลนได้.......แล้วอีกอย่างนึงนะ คุณเซลรีเนีย "  เธอหยิบบิชอปขาวของเธอพุ่งเข้าไปกินไนท์หรือม้าดำของอีกฝ่ายซึ่งเป็นการเดินที่ทำให้กระแสหมากในกระดานเปลี่ยนไปเป็นของเธอทันที

 

         " ถ้าเราดำเนินชีวิตง่ายเหมือนหมากรุกที่อยู่บนกระดานนี้...ทุกๆ อย่างก็คงจะง่ายดายจนน่าเบื่อแย่เลยเนอะ ว่าไหม? "

 

 

 

 

...................................................

 

 

 

 

       ...โง่เง่า... 

 

       ...เขารู้ดีว่าช่วงนี้เขาสบถคำหยาบมาเยอะเกินไปแล้ว แต่ในเสี้ยววินาทีนี้เขานึกถึงคำอื่นนอกจากคำๆ นี้ไม่ออกจริงๆ...

 

      ...โง่เง่าแท้ๆ ...ทั้งๆ ที่เขาน่าจะรู้ตัวว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากลมาตั้งนานแล้ว แต่ความชะล่าใจบวกกับความโง่เง่า มันทำให้เขาต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้...

 

       ...เมื่อมองย้อนกลับไป ความไม่ชอบมาพากลในอดีตที่ผ่านมาก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นจนเขานึกเจ็บใจตัวเอง...ตลอดเวลาที่เขาสืบเรื่องของชาโดว์ ...พริสซิลล่าเป็นคนเดียวที่อยู่ในเหตุการณ์แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นเลย...เพราะความไว้วางใจ หรือเพราะเขาโง่เง่าเองกันแน่...

 

       ...อีกทั้งเรื่องราชศาสตรา...นี่เป็นอีกเรื่องที่เขาควรจะเอะใจตั้งแต่แรก...เพราะความรู้สึกเมื่ออยู่ต่อหน้าคลาเดียที่ถือเคียวอยู่ มันช่างแตกต่างจากแรงกดดันของผู้ใช้ราชศาสตราตัวจริงอย่างเฮเลน วอลคาโนโดยสิ้นเชิง...

 

         ' คงจะจบแค่นี้สินะ... '  จอมเวทย์หนุ่มคิดช้าๆ ...ประสาทสัมผัสทุกส่วนบัดนี้ชาดิกจนไม่สามารถขยับได้แม้แต่ปลายนิ้วด้วยซ้ำ ภาพอดีตต่างๆ ที่ไหลย้อนเข้ามาในหัวทำให้เขาทราบได้ทันทีว่านี้เป็นช่วงเวลาที่เขาว่ากันไว้...

 

        ...ช่วงเวลาแห่งความตาย...

 

           ชายหนุ่มหลับตาลงอย่างปลงตก มาถึงตอนนี้เขาก็ไม่อาจจะแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว...เป็นห่วงก็แต่ปัญหาหลายอย่างที่เซลโลลอร์บ้านเกิดที่เขายังไม่ได้มีโอกาสกลับไปแก้เท่านั้น...แต่แล้วในช่วงเวลาที่ดำมืดที่สุด สัญชาตญาณในหัวของเขากลับลั่นเปรี้ยงอีกครั้งราวกับทุกอย่างหยุดนิ่งลงพร้อมกับเสียงหวานใสและเบาบางกระซิบเบาๆ ในหัวโดยไม่รู้ที่มาว่า...

 

        ' ยอมแพ้แล้วงั้นเหรอ ? '

 

        ' ... '

 

        ' ...อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินข้าเลย ข้าไม่ค่อยมีพลังเพื่อออกมาคุยกับท่านได้บ่อยๆ นะ '

 

        ' เธอเป็นใคร? เธอไม่ใช่ตาแก่นั่นนี่? '

 

        ' ตาแก่? ...อ๋อ ...ท่านหมายถึงคาวาลีนน่ะเหรอ ...หน้าที่ของเขาหมดลงแล้ว เขากำลังออกเดินทางไปในภพภูมิที่ดีกว่าที่เราอยู่นี่ '

 

         ' เฮ้อ ...ผมพลาด  ผมไม่เหลือหนทางที่จะเข้าไปแก้ไขอะไรอีกแล้ว ผมเสียไปแล้วทุกอย่าง แม้กระทั่งชีวิตของตัวเองตอนนี้ '

 

         ' ท่านไม่ได้แม้แต่จะคิดดิ้นรนต่อสู้กับเคียวคู่เล่มนั้นด้วยซ้ำ...ทำไมกัน? '

 

         ' ... '

 

         ' เหนื่อยหน่าย...ท้อแท้...ไม่เหลือเยื่อใยต่อภพนี้แล้วงั้นหรือ? '

 

         ' ...ผมเป็นคนปลงอะไรง่ายๆ อยู่แล้ว '

 

         ' แม้แต่กับเรื่องของเซลโลลอร์น่ะหรือ? '

 

         ' ใช่... '

 

         ' แม้แต่เรื่องของมิลิรินน่ะหรือ? '

 

         ' ใช่... '

 

         ' แม้ว่าการจากไปของท่านจะสร้างความโศกเศร้าเจียนจะขาดใจให้แก่เชรีน่า เมโอ คริสตัล พี่สาวที่ตั้งความหวังกับท่านไว้จนไม่เหลือใจให้ผิดหวังแล้วก็ตาม ...งั้นเหรือ? '

 

         ' ...... '

 

         ' เห็นไหม? แม้ว่าท่านจะเสแสร้งแกล้งทำว่าท่านไม่สน แต่ท่านก็รู้อยู่แก่ใจว่าท่านมีความสำคัญต่อคนอื่นรอบตัวท่านแค่ไหน ' 

 

         ' แล้วจะให้ผมทำยังไง ...คุณ...คุณจะชื่ออะไรก็ช่างเถอะ  ...พลังของเคียวนั่นมีมากเกินกว่าที่ผมจะนึกฝันได้ ...แค่ยืนอยู่ตรงหน้าหล่อนผมก็แทบจะทำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ! '

 

         ' ถ้าอย่างนั้นจงตอบคำถามข้ามา ...ท่านต้องการจะมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่? '


         ' เรื่องนั้น ... '

           
         ' ก่อนตอบ ข้าขอให้้ท่านทิ้งทุกอย่างออกไปให้หมด เหลือเพียงแค่ความคิดบริสุทธ์และสัย๙าตญาณของท่านเท่านั้น ....แม้ว่าการมีชีวิตอยู่ของท่านจะก่อให้เกิดกลียุคทั่วดินแดน ต้องมีคนตายนับหมื่นนับพันคน  ผู้คคนทั้งมวลต่างสาปแช่งท่าน ...ถึงอย่างนั้น ...ท่านยังคงต้องการจะมีชีวิตอยู่ไหม?!! '

 

         ' ช...ใช่ !  ผมอยากจะมีชีวิตอยู่!! '

 

         ' ท่านผ่านบททดสอบของราชาแล้ว...บททดสอบแห่งการดำรงอยู่ ... ชะตาท่านไม่ได้ถูกลิขิตมาให้จบลงง่ายดายเช่นนี้ ...ท่านเรย์ลาลีน ...จงตื่นเถิด ราชาของข้า ...จงเอ่ยน้ำเรียกขานของข้าให้ดังกึกก้อง !!... '

 

           ในช่วงเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นและความตาย คำๆ นึงก็พุ่งแล่นเข้ามาสู่หัวของเขาแว้บราวกับฟ้าผ่า พร้อมกับที่เขาตะโกนก้อง! 

 

         " จงออกมา Enigma !!! "

 

 

           ครืนนนนนนนนนนนนนนนนน !!!!!!!!!!!!!! 

 

 

           อยู่ๆ ท้องฟ้าออกจะแจ่มใสมาตั้งแต่เช้าก็หม่นหมองลงด้วยเมฆดำไร้ที่มาอย่างกะทันหัน พร้อมกับส่งเสียง ครืน !!  ดังกระหึ่ม ก่อนที่ร่างของเรย์ลาลีนจะกระทืบพื้นเปรื้ยงจนกระเบื้องหินอ่อนที่เท้าแตกละเอียดแทบจะเป็นผุยผง  เส้นเลือดของเขาทั้งร่างเปล่งประกายสีเงินสว่างวาบปูดโปนไปทั่วร่างกาย  เส้น DeadLine สองเส้นที่ลากผ่านจุดสำคัญเขาสลายหายไปทันทีเมื่อปะทะกับเส้นเลือดสีเงินของเขา ในขณะที่พริสซิลล่าหันควับกลับมาพร้อมกับเบิกตากว้างแทบถลนอย่างตกตะลึง!  เคียวสีดำคู่ในมือของเธอสั่นสะท้านอย่างแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน.......ไม่ใช่แค่เฉพาะของเธอ คราวนี้แม้แต่ดาบอัคคี-เอ็กโซดัสของเฮเลน ...ดาบภูติอาถรรพ์-เอ็กโซซิสของเซลรีเนีย หรือแม้กระทั่งหอกแห่งแสง-เท็มเพลสของแลนซ์ก็ยังสั่นสะเทือนและกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งให้กับการกลับมาของราชศาสตราชิ้นใหม่อีกหนึ่งชิ้น

 

         " อ...เอาจริงดิ?!  เชื่อเลย! มีโอกาสหนึ่งในกี่พันล้านเนี่ยที่เหตุการณ์บ้าๆ พรรค์นี้จะเกิดขึ้นได้ ...นายไปครอบครองมันได้ยังไง เรย์ฯ ....ราชศาสตราไร้สายอันดับสุดท้าย!!! ราชศาสตราเหล็กไหลปริศนา  Enigma !! "

 

       

 

 

.....................................................

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา