Chronicles Of Legend. ปฐมบทแห่งตำนาน

7.3

เขียนโดย LanzaDeLuZ

วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.07 น.

  67 chapter
  7 วิจารณ์
  54.48K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 19.20 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

48) ...ไม่อาจคาดเดา...(3)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

===============================================

 

 

              

           ....ในห้วงอดีต...ดำลึกสู่ความทรงจำอันเลือนราง...

 

            " นี่ๆ มัมมี่ๆ มัวทำอะไรอยู่น่ะ...มาเร็วๆ ตอนนี้เขาลือกันให้แซ่ดว่า 3 ขุนพล แห่งราชวงศ์ นีโอ คอบร้า จะมาเดินเที่ยวตลาดกันวันนี้น่ะ...พวกเราไปดูกันเถอะ "  เสียงของเหล่าเด็กๆ ตัวเล็กตัวน้อยอายุไม่เกิน 7-8 ขวบเนื้อตัวมอมแมม แข่งกันตะเบ็งเรียกเด็กสาวที่เป็นเหมือนพี่เลี้ยงของเด็กๆ เหล่านั้น...เด็กสาวที่สวมชุดที่ถูกปะชุนมานับไม่ถ้วน  ใบหน้าตลอดจนถึงลำคอถูกพันไว้ด้วยเศษผ้าสีมอๆ อย่างแน่นหนาจนเผยให้เห็นแค่ริมฝีปากและดวงตาทั้งสองข้างเบิกตากว้างเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ

 

            " สามขุนพล ?  หลอกพี่เล่นรึเปล่า?  คนระดับบุตรบุญธรรมของราชาคาริออสจะมาทำอะไรในเขตสลัมแบบนี้กัน? "  เด็กสาวที่มีสมญานามจากพวกเด็กๆ สมตัวว่า มัมมี่  เอ่ยขัดขึ้นอย่างไม่เชื่อ ขณะที่มือยังคงกวาดเศษใบไม้ที่ลานหน้าโบสถ์เก่าๆ ที่ควบตำแหน่งสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไปด้วยต่อไป  แต่เธอก็ต้องถอนหายใจเฮือกอย่างยอมแพ้เมื่อพวกเด็กๆ เหล่านั้นวิ่งมาล้อมหน้าล้อมหลังเธอไว้ จนกองใบไม้ที่ถูกกวาดรวมไว้อย่างเรียบร้อยกระจายเกลื่อน

 

            " โธ่...จริงๆ นะ มัมมี่ ผมไปแอบได้ยินพวกพวกทหารในบาร์เขาคุยกัน ...อ...โอ๊ย! "  เด็กชายตัวมอมแมมที่ท่าทางเหมือนเป็นหัวโจกของเด็กทั้งหมดเถียงดังๆ ก่อนจะโดนหญิงสาวที่เขาเรียกว่า มัมมี่  ตีเพี๊ยะทันควัน

 

            " นี่แน่ะ! พี่บอกหลายครั้งแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปเที่ยวเล่นแถวบาร์เหล้านั่นน่ะ! พวกทหารขี้เมาพวกนั้นสักแต่จะพูดอะไรก็พูดได้ ไร้สาระน่า "

 

            " จริงๆ นะคะพี่มัมมี่ หนูก็ได้ยินพวกแม่ค้าเปรยๆ กับซิสเตอร์พรีม่าตอนไปตลาดเมื่อเช้าเหมือนกัน...หนูว่าพวกเราไปดูกันเถอะค่ะ  หนูอยากเห็นที่เขาลือกันว่าท่านเซเรย์ลีนมีเกล็ดมังกรขึ้นทั้งตัวจริงรึเปล่า "  เด็กหญิงอีกคนนึงพูดด้วยสายตาเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็นสุดๆ

 

            " โธ่เอ้ย...พวกเขาก็เป็นคนธรรมดาอย่างพวกเราๆ นี่แหละ  ไม่เห็นมีอะไรน่าดูเลย...อีกอย่างพี่ยังต้องกวาดใบไม้ที่พวกเธอทำซะกระจุยนี่ให้เสร็จ แล้วยังต้องไปช่วยซิสเตอร์พรีม่าทำอาหารเย็นอีก.......อ๊ะ! ซิสเตอร์พรีม่า "  พี่เลี้ยงสาวหันไปทักทายหญิงชราท่าทางใจดีในชุดแม่ชีที่เดินเข้ามาเบาๆ 

 

            " ไปเป็นเพื่อนเด็กๆ เถอะ ...มัมมี่...ปล่อยเศษใบไม้ไว้อย่างนี้แหละ...ส่วนอาหารเย็นเดี๋ยวซิสเตอร์ทำเองคนเดียวได้ "  ซิสเตอร์พรีม่าที่เป็นเหมือนแม่ของเด็กๆ ทุกคนพูดพร้อมยิ้มบางๆ อย่างอารีย์

 

            " ต...แต่ว่า ซิสเตอร์คะ "

 

            " ไปเถอะ...แค่ทำอาหารแค่นี้ซิสเตอร์ทำได้สบายมาก...เห็นอย่างนี้ซิสเตอร์ฟิตเปรี๊ยะยิ่งกว่าสมัยสาวๆ อีกนะ "  ซิสเตอร์ชราทำท่าเบ่งกล้ามพร้อมกับขยิบตา เรียกเสียงหัวเราะได้จากเด็กๆ...ก่อนที่เธอจะเข้ามาลูบผมเด็กสาวมัมมี่เบาๆ อย่างเอ็นดูพร้อมกับพูดต่อ

 

            " มัมมี่...ลูกรู้ไหมว่าทุกๆ วันลูกทำงานหนักกว่าเด็กทั่วไปที่อายุเท่ากับลูกทำทั้งอาทิตย์เสียอีกนะ...ผ่อนคลายเสียบ้างเถอะ หาความสุขให้กับตัวเองบ้าง ไปเดินเที่ยวเปิดหูเปิดตาซักวันก็ได้ ถือว่าซิสเตอร์สั่งก็แล้วกันนะ "

 

            " ข...เข้าใจแล้วค่ะ "  ในที่สุดเธอก็ตอบรับอย่างเสียไม่ได้ พร้อมๆ กับที่เด็กๆ เฮลั่นพลางกึ่งลากกึ่งจูงพี่เลี้ยงสาวของพวกเขาไป

 

 

           ...ในเมืองที่ความเจริญทางวัตถุเริ่มมีบทบาทมากขึ้น...ในเมืองแห่งความศิลิไลซ์อย่างเซลโลลอร์ มันย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะมีมุมมืดอันเป็นชุมชนแออัดที่ไร้ซึ่งสุขอนามัยเช่นนี้...สำหรับราโชลีน นีโอ คอบร้า ฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด เขารู้ดีว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นี่ไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของเขา...แต่ในอีกฐานะหนึ่งของเขา...ฐานะของบุตรบุญธรรมแห่งจอมกษัตริย์ผู้เป็นเหมือนเจ้าชีวิตของทุกชีวิตในเซลโลลอร์ มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกขัดใจทุกครั้งที่เขาได้เห็นความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่ไม่เป็นธรรมระหว่างชนชั้นสูงที่กระจุกตัวอยู่ในใจกลางเมือง กับชนชั้นกลางและผู้ใช้แรงงานที่กระจายตัวอยู่ตามชานเมือง...มันน่าขัดใจจนกระทั่งเขาถึงกับปฏิญาณกับตัวเองว่าจะต้องแก้ไขเรื่อองนี้ให้ได้...

 

            " นายเห็นนี่ไหม? เรย์ฯ เป็นระบบจัดการน้ำเสียห่วยแตกสิ้นดี...ทั้งๆ ที่ที่นี่เป็นตลาดสดขนาดใหญ่ที่ควรจะต้องดูแลเรื่องสุขอนามัยเป็นอันดับ 1 แท้ๆ นี่มันแหล่งเพาะเชื้อโรคชัดๆ "  ราโชลีนในชุดลำลองสีเข้มเอ่ยเบาๆ กับน้องชายคนกลางของเขาขณะที่ตัวเองคุกเข่าลงเก็บตัวอย่างน้ำเสียในรางระบายน้ำขึ้นมาดู ในขณะที่เรย์ลาลีนในชุดคลุมจอมเวทย์ยาวตัวเก่งของเขาหันมามองอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะถอนหายใจเฮือก

 

            " คือ...ราโชฯ...ฉันเข้าใจ และสนับสนุนแนวคิดเรื่อง ราโชฯ รักษ์โลก  ของนายนะ...เพื่อน...แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่านายจะลากพวกฉันมาทัศนศึกษาตลาดนี่กับนายทำ บ้า  อะไรฟะ! "  ในที่สุดจอมเวทย์หนุ่มก็เอ่ยขึ้นอย่างเสียไม่ได้...จริงอยู่ ถึงเขาจะไม่ได้มีงานการยุ่งท่วมหัวอย่างราโชลีนแต่ก็ต้องบอกว่ายุ่งพอตัว  และเขาก็เรียนรู้มามากพอจะรู้หลักการทำงานง่ายๆ ข้อนึง คือ....ไม่ควรหาเหาใส่หัว ...

 

            " หือ?...อะไรของนาย...มีปัญหารึไง?  งานของนายตอนนี้ก็แค่เทรนด์เด็กๆ ที่มีพรสวรรค์ด้านเวทย์มนตร์เพื่อสร้างกองทหารจอมเวทย์อะไรนั่นในช่วงเช้าๆ เท่านั้น  พอตอนบ่ายๆ อย่างตอนนี้นายก็ว่างอยู่ดี...ดูอย่างเซเรย์ลีนสิ...ขนาดมันมีหน้าที่เป็นหัวหน้าราชองครักษ์ที่มีหน้าที่ปกป้องท่านพ่อฯ ตลอด 24 ชั่วโมงแท้ๆ มันยังโดดงานมาเดินกับพวกเราเลย เห็นมะ? " ราโชลีนชี้ไปที่เซเรย์ลีนในชุดลำลองสบายๆ ที่กำลังเหมาเนื้อย่างระดับ ดาดๆ  ที่ขายแบบแผงลอยอยู่ข้างทาง พร้อมกับยัดเข้าปากเคี้ยวกร้วมๆ อย่างเอร็ดอร่อย

 

            " ก็ไอ้บ้าเซเรย์ลีนมันบ้าาาาาาา!!!!  มีอย่างที่ไหนผู้ที่ต้องปกป้องคุ้มกันราชาคาริออสในฐานะราชองครักษ์ดอดมาหนีเที่ยวแบบนี้!...แบบนี้มันเข้าข่ายละทิ้งหน้าที่ชนิดมีโทษถึงขั้นประหารเจ็ดชั่วโคตรชัดๆ!! "  เรย์ลาลีนด่ากราดอย่างสติแตกกับตรรกะวิบัติเสื่อมๆ ของพี่ชายบุญธรรม กับความโหลยโท่ยไร้ความรับผิดชอบสุดๆ ของน้องชายบุญธรรมของเขา

 

            " ให้ตาย...แกนี่มันเคร่งเครียดได้ตลอดเวลาจริงๆ นะ...แกรู้ไหมว่าองค์หญิงมิลิริน น้องสาวบุญธรรมของพวกเราชอบพูดเปรยๆ กับฉันเสมอว่าเธอไม่ชอบคนที่ซีเรียสไปกับทุกเรื่องแบบแกนี่เลย "  เซเรย์ลีนพูดขณะที่มีเนื้ออยู่เต็มปาก...แถมวลีบางวลีในประโยคมันก็ดันมาแทงเข้าเต็มใจดำเรย์ลาลีนเต็มๆ จนชายหนุ่มถึงกับหน้าร้อนวูบ

 

            " ไอ้! "  เขาอึกอักอย่างอับจนถ้อยคำ...โชคดีอยู่บ้างที่ราโชลีนหันมาสนใจอะไร...หรือไม่เขาก็รู้เส้นเกี่ยวกับการพูดเรื่อยเปื่อยของเซเรย์ลีนดีจนไม่ได้เสียเวลามาสนใจสาระสำคัญ

 

            " ซักวันฉันจะสาปแกให้กลายเป็นคนบ้าไปเลย...คอยดูสิ! "  จอมเวทย์หนุ่มกัดฟันกระซิบเบาๆ อย่างอาฆาตมาดร้ายพร้อมทำสายตาฆาตกรใส่ ในขณะที่เซเรย์ลีนหัวเราะใส่อย่างไม่เกรงกลัว พร้อมกับยัดเนื้อย่างร้อนๆ เข้าปากเขาชิ้นโต

 

            " เฮ้อ...ใครว้าาาา...มันปากโป้งป่าวประกาศว่าพวกเรามาที่นี่...ทั้งๆ ที่ฉันอยากจะมาดูสถานที่จริงแบบเงียบๆ แท้ๆ "  ในที่สุดราโชลีนก็ถอนหายใจเฮือกอย่างเสียไม่ได้เมื่อเขามองซ้ายมองขวา...พร้อมกับสังเกตเห็นว่าคนทั่วไปเริ่มเพ่งความสนใจมาที่พวกเขาเพราะรู้ฐานะที่แท้จริงของพวกเขาแล้ว.....แบบนี้จุดประสงค์ที่เขาต้องการมาเซอเวย์สถานที่ก็ไร้ความหมายพอดีน่ะสิ

 

            " เอาน่าๆ คนเยอะๆ แบบนี้ก็เฮฮาดีออก...มองโลกในแง่ดีหน่อยสิ  ไงๆ พวกเราก็มาอย่างกะทันหัน พวกกรมการเมืองคงจะผักชีโรยหน้ากันไม่ทันหรอก "  เซเรย์ลีนหัวเราะอย่างอารมณ์ดีและไม่ถือสา ในขณะที่ราโชลีนหันไปขอเสื้อคลุมจอมเวทย์ของน้องชายคนกลางของเขามาสวมทับและดึงฮู้ดลงมาปิดบังใบหน้าไว้...ถึงเขาจะรู้ดีว่ามันไม่ได้ช่วยปิดบังฐานะอะไรเขาอีกแล้ว แต่ถึงกระนั้นสำหรับคนที่เข้าข่ายพวกไม่ชอบเสวนากับมนุษย์ทั่วไปอย่างเขา เขาก็ยังชอบที่จะรู้สึกปลอดภัยภายใต้อาณาเขตเล็กๆ ของเขาอย่างใต้ผ้าคลุมนี้อยู่ดี

 

 

            " เห?...อะไรกันเนี่ย?...แย่จริงๆ  งั้นที่เขาลือกันว่าท่านเซเรย์ลีนมีเกล็ดขึ้นทั่วทั้งตัวก็ไม่จริงน่ะสิ...โธเอ้ย มาหลอกกันได้ "  เด็กผู้หญิงที่หวังจะได้มาเห็นหน้าที่เต็มไปด้วยเกล็ดอสรพิษของเซเรย์ลีนร้องขึ้นเบาๆ อย่างผิดหวัง  ในขณะที่เด็กผู้ชายแก่นๆ หลายคนตาลุกวาวอย่างตื่นเต้นเมื่อได้เห็นรอยปานดำที่มีลักษณะเหมือนรอยสักขนาดใหญ๋เหนือหน้าผากของเซเรย์ลีนชัดๆ

 

            " ว้าว!!....นี่ๆ มัมมี่ๆ  ถ้าสมมุติพวกผมไปสักหน้าผากบ้างผมจะดูเท่แบบท่านเซเรย์ลีนนี่รึเปล่าฮะ? "

 

              มัมมี่เอียงคอเล็กน้อยพร้อมกับที่เธอเพ่งมองไปที่เซเรย์ลีน ก่อนเธอจะส่ายหน้าเบาๆ

 

            " ไม่ล่ะ...อีกอย่างรอยสักนั่นก็น่ากลัวจะตายไป...ยิ่งเมื่ออยู่กับคนที่ยิ้มเหมือนหลอก หยอกเหมือนขู่แบบนั้น "

 

            " โธ่...เขาเรียกว่าน่าเกรงขามแบบลูกผู้ชายต่างหากเล่า...พี่นี่ไม่รู้จักลูกผู้ชายพลัง K เอาซะเลย "

 

            " พลัง อะไรนะ?...ช่างเถอะ...เห็นกันจนพอใจแล้วใช่ไหม?  ถ้าพอใจแล้วก็กลับกันได้แล้วล่ะ...พี่จะได้ไปช่วยซิสเตอร์ทำอาหาร-- อ๊ะ! นี่...อย่าเบียดเข้ามาสิ! "  หญิงสาวร้องเบาๆ เพราะพวกเด็กๆ ด้านหลังที่ยังไม่ได้เห็น 3 ขุนพล  ชัดๆ ก็พากันพยายามแทรกตัวเข้ามา จนเธอถูกดันกระทั่งเซหลุดออกมาถึงด้านหน้า....อาจจะด้วยอะไรมาดลบันดาลก็แล้วแต่  หญิงสาวสะดุดกับอะไรบางอย่างจนเซถลาไปที่เซเรย์ลีนที่เดินชมนกชมไม้มาอย่างไม่ดูตาม้าตาเรืออะไรเลยจนทั้งคู่ชนกันเข้าพอดี

 

          ...ถ้าหากใช้สามัญสำนึกสำหรับคนทั่วไปตัดสิน มันจะดูเหมือนเป็นการเซชนกันธรรมดาๆ แต่สถานการณ์นี้มันต่างกันตรงที่คนที่หญิงสาวเซเข้ามาชนนั่นดันเป็นถึงผู้ที่ถูกยอมรับอย่างไร้ข้อกังขาว่าเป็นผู้ใช้พลังจิตที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศ (และอาจจะแข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆ ของทวีปด้วยซ้ำ) เกราะพลังจิตอันเป้นกระแสพลังจิตที่มองไม่เห็นขนาดยักษ์ที่ลอยหมุนวนรอบตัวเซเรย์ลีนอยู่สร้างกระแสช๊อคเวฟใส่สิ่งแปลกปลอม...ในที่นี่หมายถึงตัวของหญิงสาวนามว่ามัมมี่อย่างรุนแรงจนกระทั่งหญิงสาวถูกดีดกระด็นไปไกลถึง 4-5 เมตร!...

 

            " อ๊ะ! แย่แล้ว!!  ขอโทษที---เจี๊ยก !!! "  เซเรย์ลีนรีบสลายเกราะจิตที่เขามีอยู่ทันทีด้วยอารามตกใจ และในชั่วเสี้ยววินาทีที่เกราะจิตอันแข็งแกร่งของเขาสลายไปหมด ไม้เบสบอลเก่าๆ ของเด็กชายเนื้อตัวมอมแมมคนหนึ่งก็ฟาดเข้าเต็มๆ หน้าแข้งข้างหนึ่งของเขาทันที...ผลจากการสลายเกราะจิตไปหมดมันทำให้ความเจ็บปวดชนิดน้ำตาไหลพรากๆ พุ่งเข้าสู่สมองเขาโดยตรงอย่างรวดเร็วโดยไม่มีอะไรมาช่วยป้องกันเลยแม้แต่น้อย

 

            " ห้ามรังแกพี่มัมมี่ของเรานะ!  พวกเรา ลุย !!! "  เด็กชายถือไม้เบสบอลที่เป็นหัวโจกตะโกนดังลั่น ก่อนที่เด็กคนอื่นๆ จะสนองคำสั่งพุ่งเข้าใส่เซเรย์ลีนที่กำลังกุมหน้าแข้งตัวเองอยู่ทันที ก่อนที่เซเรย์ลีนหรือใครจะห้ามทัน

 

            " ฮ ... เฮ้ย !?  เดี๋ยว  ขอเวลานอ --  เจี๊ยก !  ตัวไหนกัดหูตูฟะ !!  เฮ้ย ไอ้เด็กสเปรซพวกนี้ !!  เดี๋ยวพ่อจับหักคอจิ้มน้ำพริกแด๊กเรียงตัวเลย ! ---- จ๊ากกกก !!! "

 

            " เฮ้ย...ไม่เข้าไปช่วยหน่อยเหรอ? "  เรย์ลาลีนชี้ให้ดูพร้อมกับเลิกคิ้วถาม ในขณะที่ราโชลีนยักไหล่พร้อมกับขยับสาปเสื้อไปมาเพื่อระบายความร้อน

 

            " ฉันไม่ค่อยถูกโรคกับเด็ก สตรี และคนชรา...อีกอย่างฉันว่าคนที่เราควรห่วงน่าจะเป็นผู้หญิงคนนั้นมากกว่า...โดนเกราะจิตของไอ้บ้าเซฯ ดีดซะกระเด็นไปไกลขนาดนั้นไม่รู้จะเป็นไงบ้าง "  ราโชลีนพูดโดยทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจเซเรย์ลีนที่ร้องเสียงหลงให้ช่วยลี่น  พร้อมๆ กับทำท่าจะเดินเลี่ยงไปดูหญิงสาวที่เขาจับใจความจากพวกเด็กๆ ที่กำลังรุมน้องชายคนเล็กของเขาได้ว่าชื่อมัมมี่(?)  ....แต่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็ต้องชะงักกึกเพราะบ่าของเขาถูกมือหนักๆ ของเรย์ลาลีนกดห้ามไว้....เมื่อหันมาก็พบกับจอมเวทย์หนุ่มน้องชายของเขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดจนน่าผิดสังเกต

 

            " ? "

 

            " ถอยออกมาก่อน ราโชฯ "

 

            " หือ?...อะไรของแกอีกล่ะ? "

 

            " ฉันรู้สึกถึงกลิ่นอายเวทย์ประหลาดๆ ไม่น่าไว้วางใจโชยออกมาจากผู้หญิงคนนั้น...ทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรจนถึงเมื่อกี๊แท้ๆ "  จอมเวทย์หนุ่มพูดเบาๆ พร้อมกับที่แหวนนำเวทย์สีเงินวาวตัวเก่งอันเป็นของขวัญจากของเขาจะเรืองแสงขึ้นบางๆ  สร้างอาณาเขตเวทย์มนตร์รัศมีพอสมควร กันประชาชนทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องให้ถอยห่างออกจากหญิงสาวปริศนาคนนั้น

 

            " เวทย์ประหลาด? ...ยังมีเวทย์มนตร์บทไหนในโลกนี้ที่ถือเป็นเวทย์ประหลาดสำหรับนายอีกเหรอ? "

 

            " พูดได้ก็พูดไป "  เขาบ่นเบาๆ ก่อนจะทรุดลงก้มมองใบหน้าของหญิงสาวที่ผ้าพันหน้าบางส่วนของเธอหลุดลุ่ยออกพร้อมกับลูบเศษผ้านั้นอย่างฉงน...ในสายตาของคนทั่วไปมันอาจจะเป็นแค่เศษผ้าที่เป็นเหมือนผ้าขี้ริ้วธรรมดาๆ  แต่สำหรับสายตาจอมเวทย์อย่างเขา มันเป็นผ้าที่อาบไปด้วยเวทย์ผนึกศักดิสิทธิ์ชั้นสูงลึกลับที่เขาไม่รู้จักอย่างเข้มข้น...ด้วยความสงสัย มือของเขาก็ค่อยๆ ปลดผ้าพันใบหน้านั้นออกอย่างช้าๆ...

 

       

            " ฮ...แฮ่กๆๆๆ ....หนอยแน่! ...เล่นเอาตูหอบเลยไอ้่เด็กพวกนี้... "  เซเรย์ลีนที่บัดนี้ร่างกายเต็มไปด้วยรอยข่วนและรอยกัดจากฝูงลิงทโมนพยายามลุกขึ้นพร้อมกับหิ้วเด็ก 3-4 คนที่เขาเห็นว่าเป็นหัวโจกให้ลอยสูงขึ้น ก่อนจะหันมาด่าราโชลีนลั่น

 

            " แก๊ !! พวกแกนี่มันใจดำชิบโผง  ตูร้องเรียกให้ช่วยไม่มาช่วยซักกะตัว...อ้าว? แล้วไอ้เรย์ฯ มันหายหัวไปไหนของมันล่ะเนี่ย? "

 

              ราโชลีนหันมามองด้วยแววตาปลาตาย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกและชี้ไปที่เรย์ลาลีนที่กำลังแกะผ้าพันหน้าหญิงสาวนามว่ามัมมี่ออก...แต่ก่อนที่เซเรย์ลีนจะได้หันไปมองหรือทำอะไรต่อไป อยู่ๆ เรย์ลาลีนก็ตวาดดังลั่นจนพวกเขาสะดุ้งสุดตัว!

 

            " คลาย !!! "

 

 

 

 

..................................................

 

 

 

 

 

            " ท่านเซลรีเนียขอรับ "   เสียงราบเรียบเป็นทางการ เจือด้วยกระแสของความเคารพยำเกรงของดาร์คเอล์ฟหนุ่มใต้บังคับบัญชาของเธอ เอ่ยปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์แห่งความหลังกลับมาสู่ห้วงความจริงแห่งปัจจุบันอีกครั้ง

 

            " อ้าว ?...มาตั้งแต่เมื่อไหรเนี่ย ? ท่านทันทารอส  "  

 

            " คลาย "  ดาร์คเอล์ฟหนุ่มนามว่าทันทารอสตบหน้าอกตัวเองพร้อมกับพูดเบาๆ อย่างไม่รู้สึกรู้สา ก่อนจะถอนหายใจเฮือกและพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

 

            " ขอล่ะ ท่านเซลรีเนีย...ข้ารู้ดีว่าฝีมือระดับท่านน่าจะสามารถควบคุมคำสาปให้แสดงผลใช้หรือไม่ใช้กับใครได้มานานแล้ว  เพราะฉะนั้น ช่วยอย่าแกล้งทำเป็นเผลอใช้คำสาปอย่างไม่ได้ตั้งใจแบบนี้เลย...ข้าเองก็ไม่ได้อยากจะใช้พลังอย่างเสียประโยชน์ไปกับการต้องมานั่งคอยคลายคำสาปให้กับผู้โชคร้ายทีละคนๆ แบบนี้นะ "

 

            " ก็แหม...ท่านก็เป็นคนบอกเองนี่ว่าถึงท่านจะแก้คำสาปนี้ไม่ได้ แต่ท่านก็สามารถช่วยคลายผู้ที่โดนคำสาปนี้ได้อย่างง่ายดาย "

 

            " นั่นหมายถึงกรณีที่ข้าไม่ได้โดนคำสาปของท่านควบคุมไปด้วย...และข้าก็ไม่ได้รู้สึกมีความสุขเลยที่ต้องมาคอยระวังคำสาปมนตร์เสน่ห์บ้าๆ ของท่านแบบนี้ "  ทันทารอสถอนหายใจเฮือก ก่อนจะคิดได้ว่าจักรพรรดิณีสาวผู้เป็นเจ้าเหนือหัวของเขากำลังพยายามเบี่ยงเบนประเด็น เขาจึงขมวดคิ้วและถามต่ออย่างรวดเร็วว่า

 

            " ท่านเซลรีเนีย...เมื่อครู่ท่านไปหาท่านเรย์ลาลีนมาอย่างนั้นหรือขอรับ? "

 

            " หืม? ...ฉันจะทำอย่างงั้นไปทำไมกัน? "

 

            " นั่นไม่ใช่คำปฏิเสธ  แต่เป็นประโยคที่ใช้สำหรับเบี่ยงเบนประเด็น และท่านกระทราบดีอยู่แล้วว่ามันใช้กับข้าไม่ได้ผล...เพราะงั้นข้าจะขอถามอีกครั้งนะขอรับ...ท่าน...ไปหาท่านเรย์ลาลีนมาใช่หรือไม่ ขอรับ? "

 

              เซลรีเนีย เดียร์ริส อันดาเรสส์ถอนหายใจเฮือกพร้อมกับทรุดลงนั่งบนพื้นหญ้าอย่างไม่สนมาดราชินีของตัวเองเลย

 

            " เจ้าค่ะ!...คุณแม่เลี้ยงใจร้าย...ดิฉันแอบไปหาพระเดชพระคุณคุณเรย์ลาลีน นีโอ คอบร้ามาเจ้าค่ะ....ถึงจะกลับมาก่อนเที่ยงคืน และไม่ได้ทิ้งรองเท้าแก้วไว้ให้คุณเจ้าชายเก็บไว้ดอมดมด้วยความหื่นกระหายก็ตามทีเถอะ "

 

            " ไปอ่านซินเดอเรลล่าภาคพิศดารที่ไหนมากันล่ะขอรับเนี่ย...ช่างเถอะๆ...เรื่องที่ท่านไปหาท่านเรย์ลาลีน ท่านไม่คิดว่ามันเป็นการกระทำที่สุ่มเสี่ยงไปหน่อยหรือขอรับ...ท่านอาจจะไม่ได้สนใจฟัง แต่ข้าได้เตือนไปแล้วว่าปราการนั่นเป็นที่อยู่ของผู้ใช้ราชศาสตราดาบเอ็กโซดัส...ดาบที่เป็นคู่ปรับตลอดกาลของ ดาบเอ็กโซซิสต์ ของท่าน...ท่านระลึกบ้างไหมว่าถ้าหากผู้ใช้ดาบเอ็กโซดัสมาพบท่าน ผลมันจะออกมาเป็นหายนะแบบไหนกัน?! "

 

              ภายใต้หน้ากาก Poker Face  หญิงสาวบอกกับตนเองว่า ให้ตายเะฮก็ไม่มีวันบอกทันทารอสแน่ๆ ว่า เธอพึ่งไปซัดนัวกับเฮเลน วอลคาโน...ผู้ใช้ราชศาสตราดาบเอ็กโซดัสมา ชนิดที่เหงื่อยังไม่ทันแห้งดีเลยด้วยซ้ำ ในขณะที่ปากก็ตอบกลับไปว่า

 

            " แต่ฉันก็ยังอยู่รอดปลอดภัยดีไม่ใช่เหรอ? ...เอาน่าๆ เรื่องมันก็แล้วไปแล้ว "

 

              ต่อให้ทันทารอสผ่านยุคสมัยและผู้คนมาหลายชั่วอายุมนุษย์จนกระทั่งเขาสามารถพูโได้ว่าเขาเป็นผู้ที่เจอะเจอเล่ห์เหลี่ยมของู้คนมาแล้วทุกรูปแบบ  แต่ด้วยสายเลือดเอล์ฟบริสุทธิ์ที่ค่อนข้างจะใสซื่อ...ทำให้เมื่อเจอกับผู้ที่มีพรสวรรค์ในด้านการปั่นหัวคนเป็นเลิศอย่างเซลรีเนีย เขาไม่มีวันจับได้ไล่ทันหญิงสาวตรงหน้านี่แน่นอน...ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่ค่อยพอใจกับคำตอบชนิดขอไปทีของหญิงสาวตรงหน้าอยู่ดี

 

            " เฮ้อ...ท่านนี่ช่างทำอะไรอย่างโลดโผนและไม่คิดหน้าคิดหังเอาเสียเลย...ท่านเคยลองคิดแบบเล่นๆ บ้างไหมว่าการทำอะไรบุ่มบ่ามตามใจตนเองของท่านจะทำให้แผนการของ สหายร่วมศึก  ของท่านปฏิบัติการได้ยากขึ้น...หรือที่แย่ที่สุดคืออาจจะพังไม่เป็นท่าเลยก็ได้...ซึ่งมันจะทำให้ กองทัพ  ของพวกเรา...ไม่สิ...กองทัพของ ท่าน  เสี่ยงอันตรายโดยไม่มีความจำเป็นอีกด้วย "

 

           ...คำพูดที่เป็นเหมือนคำดุกลายๆ ของทันทารอสมีผลเพียงทำให้หญิงสาวผู้ทรงเสน่ห์ตรงหน้าหัวเราะเบาๆ เท่านั่น....เซลรีเนีย เดียร์ริส อันดารเรสส์หลับตาพร้อมกับล้มตัวลงนอนราบไปกับพื้นหญ้าเขียวชะอุ่ม  ปล่อยให้แสงแดดที่เริ่มจะแรงขึ้นในช่วงสายโอบไล้ร่างอันน่าลุ่มหลงของเธอ ก่อนที่เธอจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง...ดวงตาสุกใสของเธอในตอนนี้เปล่งประกายล้อกับแสงอาทิตย์อย่างประหลาด...

 

            " ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ทั้งหมด...ชีวิตนี้จะเหลือเรื่องอะไรให้ตื่นเต้นอีกล่ะ...จริงไหม?...ท่านทันทารอส ... "

 

              ทันทารอสเหลือบมองเจ้านายเหนือหัวสาวของตนด้วยสายตาเหนื่อยหน่ายระคนเอ็นดูราวกับบิดากำลังมองลูกสาวแก่นๆ คนนึง ก่อนที่ในที่สุด เขาจะถอนหายใจเฮือกและประกาศเบาๆ 

 

            " คลาย ! "

 

 

 

 

.................................................

 

 

 

            " เราต้องแจ้งเรื่องนี้ไปยัง สภาและกองกำลังปกป้องมาตุภูมิกลางแห่งสหภาพดราโกนิก้า ...เดี๋ยวนี้ !! "  เสียงหวานใสส่อเจตนาตัดสินใจเด็ดขาดของเฮเลน วอลคาโน ตะโกนปลุกเรย์ลาลีนให้ตื่นจากภวังค์กลับเข้าสู่ห้วงเวลาแห่งความจริงอย่างช้าๆ

 

            " ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก...ว่ากันตามตรงมันยังไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะทำให้ทางสภาสหภาพดราโกนิก้ามารับเรื่องได้...และถ้านับกันตามกฎ แค่คนๆ เดียวไม่อาจถือเป็นภัยคุกคามที่มีผลต่อความมั่นคงตามหลักของกองกำลังต่อต้านมาตุภูมิได้ "  ผู้อำนวยการเทียน่าพูดเบาๆ พร้อมกับใช้มือเรียวยาวนวดขมับตัวเองช้าๆ

 

            " แต่ไอ้ คนๆ เดียว  ที่เธอว่าเนี่ย คือผู้ใช้ราชศาสตราที่สาปสูญ ดาบภูติอาถรรพ์ เอ็กโซซิสต์  เชียวนะ!!  แค่เธอคนเดียวก็มีระดับแสนยานุภาพมากพอจะเป็นภัยต่อความมั่นคงระดับทวีปได้แล้ว!! ...นี่ยังไม่รวมถึงที่เจ้าหล่อนบอกเองว่าเป็นจักรพรรดิณีแห่งราชอาณาจักรลูซฺิล...มหาอำนาจหลังม่านหมอกนั่นเชียวนะ!! แปลว่าถ้าเอาเข้าจริง หล่อนก็มีอำนาจสั่งการกองทัพทั้งหมดของลูซิลที่เราไม่อาจทราบกำลังพลได้เลยด้วยซ้ำ! "

 

            " ทั้งหมดมันอาจจะเป็นแค่การบลั๊ฟของผู้หญิงคนนั้นก็ได้ มันก็แค่คำพูดลอยๆ ที่ไร้หลักฐาน "  ซานดร้าที่พึ่งส่งถ้วยชาร้อนให้เรย์ลาลีนเอ่ยขัดขึ้นเบาๆ อีกครั้ง แต่เรย์ลาลีนส่ายหน้าช้าๆ 

 

            " ผู้หญิงคนนั้นพูดความจริง...ต่อให้ไม่ต้องมีความสามารถ จับเท็จ  ของนาเดีย ฉันก็สามารถบอกได้บอกได้ทันทีเลยจากระดับพลังของเธอ...ตอนที่เธอถือดาบบ้านั่น พลังของเธอไม่ได้ด้อยไปกว่าของเฮเลนเลย...และคำพูดนี้ของผมสามารถเชื่อถือได้แน่นอน "  ชายหนุ่มพูดพร้อมกับคลึงถ้วยชาร้อนในมืออย่างเหม่อลอย

 

            " เห็นไหม?! สองเสียง พวกฉันชนะ!! "  

 

              ทุกคนหันไปมองเฮเลนด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนจะตัดสินใจเมินเสีย โดยเห็นแก่สถานการณ์ที่ตึงเครียดตรงหน้าเป็นสำคัญ

 

            " ถึงจะพูดอย่างงั้น แต่บทบัญญัติอนุสัญญาว่าด้วยการรุกรานของคนๆ เดียวในปัจจุบันมันระบุว่าการๆ ที่คนๆ เดียวสามารถเป็นภัยคุกคามได้มีอยู่ไม่กี่คน แถมแต่ละคนก็ถูกระบุชื่อไว้ในอนุสัญญาแล้วด้วย อย่างเฮเลน หรือพี่เชรีน่าเป็นต้น...อนุสัญญาไม่ได้ระบุชื่อของผู้ใช้ราชศาสตราชนิดอื่นนอกจากดาบเอ็กโซดัสไว้...เพราะฉะนั้นการส่งเรื่องนี้ไปยังสภา พวกตาแก่ในสภาคงจะต้องนั่งพิจารณากันอีกยาวอย่างที่เธอก็รู้เกี่ยวกับความล่าช้าของระบบราชการ...คิดอย่างเร็วสูดก็คงเป็นครึ่งเดือนแน่ๆ ...ถ้าเรื่องผู้ใช้ราชศาสตราที่สาปสูญเป็นความจริง เวลาขนาดนั้นเราอาจจะไม่เหลือกระทั่งเศษซากของเกาะนี้แล้วก็ได้ "  เทียน่าวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็น แม้ว่าในใจเธอกำลังร้อนรุ่มกับขุมกำลังใหม่ที่ไม่อาจคาดเดานี้ได้ก็ตาม ก่อนที่เธอจะพูดต่อ

 

            " คุณเรย์ลาลีน...คิดว่าผู้หญิงคนนั้น...เอ่อ... "  

 

            " เซลรีเนีย "

 

            " อืม...คิดว่าเซลรีเนียคนนั้น...จะเป็น...จะเป็นฝ่ายเดียวกับคลาเดียรึเปล่า? "

 

              เรย์ลาลีนลูบคางอย่างครุ่นคิด ก่อนที่ในที่สุดชายหนุ่มจะฝืนหัวเราะเบาๆ

 

            " แล้วมันจะต่างกันตรงไหนล่ะ...ไม่ว่าเซลรีเนียจะมาเพื่อช่วยคลาเดียหรือมาเพื่อฆ่าคลาเดีย เกาะนี่ก็ไม่พ้นหายนะอยู่ดี ไม่ใช่เหรอ? "

 

              คำตอบของเรย์ลาลีนทำเอาห้องทั้งห้องเงียบกริบอย่างน่าใจหาย ก่อนที่ไม่รู้เป็นเวลานานเท่าไร อเล็กซานดร้าจะถอนหายใจเฮือก เธอหันไปมองที่เทียน่าแวบนึงพร้อมๆ กับที่เทียน่าที่หันมามองอยู่แล้วพยักหน้ารับเบาๆ 

 

            " ถึงไม่อยากจะยอมรับก็เถอะ...แต่เรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าระดับของพวกเราไปแล้ว...เราคงต้องเรียกใช้ขุมกำลังในระดับที่พอจะต่อกรกับระดับนี้... "

 

            " ขุมกำลังที่พอจะต่อกร?..."  เฮเลนทวนคำ...เธอรู้ดีว่าระดับพลังของคู่แฝดซานดร้า & เทียน่าซึ่งเป็นถึงผู้อำนวยการสถาบันผู้ใช้พลังจิตฯ ไม่ได้เป็นรองเธอที่ในมือมีดาบเอ็กโซดัสอยู่เลย การที่เธอพูดว่าเกินระดับเธอมันคงจะเป็นแค่การถ่อมตัวเท่านั้น...แต่เธอก็อยากรู้จริงๆ ว่า ขุมกำลังที่เหนือกว่า  ที่เธอว่า...เป็นใครกันแน่?

 

            " ถ้าเป็นไปได้ฉันไม่อยากใช้ไม้นี้เลยนะ....ซานดร้า...แจ้งเรื่องนี้ไปให้ ประธานาธิบดีริชาร์ด ใจสิงห์ ได้เลย "

 

          

 

 

 

.........................................................

             

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา