ดาวเสี่ยงเธียร(ปาฏิหาริย์รักในคืนฝนดาวตก)

8.1

เขียนโดย มะมาย

วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 11.02 น.

  8 ตอน
  5 วิจารณ์
  11.62K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 18.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ดาวของฉัน ฉันให้นาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
พรืด  เธียรทัดคว้ามาได้เพียงอากาศเพราะบาร์บีคิวที่เขากำลังจะหยิบออกจากถุงถูกมือที่ไวกว่าอย่างประกายดาวฉวยฉกตัดหน้าไปก่อนเพียงแค่เสี้ยววินาที
“เธอทำอะไรของเธอ”
เขาจ้องมายังบาร์บีคิวที่ฉันคาบเอาไว้อยู่ที่ปากแล้วยังถือครองส่วนทั้งหมดเอาไว้แต่ผู้เดียว  หม่ำๆ
“เธอตั้งใจจะกินคนเดียวหมดนั่นเลยหรือไงกัน -o-;”  เขาย่นคิ้วจนชิด
“อ๊ะ อ๊ะ…..”
ฉันเบี่ยงตัวเมื่อเขาทำท่าจะเอื้อมมือมาหยิบส่วนที่เหลือไป
“เกิดหวงกินอะไรขึ้นมาตอนนี้เนี่ยห๊ะ  ฉันก็มีสิทธิ์กับบาร์บีคิวพวกนั้นเหมือนกันนะ”
เขาออกตัวแรงแต่ถึงทีแรกฉันตั้งใจจะแบ่งกับเขาก็เถอะแต่เพราะพฤติกรรมสุดแสนจะน่าเกลียดที่เขาแสร้งแกล้งทำฉันเมื่อกี๊ทำให้ฉันเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา  หง่ำๆ
“เธอเป็นคนบอกให้ฉันเก็บมันไว้”
“ใช่แล้วยังไง” (. .)(‘ ‘)(. .)
ฉันยังคงกัดเนื้อหมูนุ่มๆชิ้นโตๆรูดออกจากไม้แล้วก็เคี้ยวๆๆอย่างเอร็ดอร่อย
“แต่เธอก็เอาไปกินคนเดียว…”
“ก็แล้วยังไงอีก”
- -^  “แล้วส่วนของฉัน?”
“ส่วนของนายอย่างงั้นหรอ  นายลองทบทวนคำพูดของฉันให้ดีสิ”
“เธอบอกให้ฉันแบ่งเก็บส่วนหนึ่งเอาไว้”
“ถูก  แต่มีตรงส่วนไหนที่ฉันบอกว่าจะแบ่งให้นายกินด้วย”
อึ้ง  เขาอึ้งเหมือนกับฉันตอนนั้นเขาคงรู้สึกเหมือนโดนอะไรหนักๆฟาดเข้าที่หัวอย่างจัง  เขาเงียบไปสักหนึ่งนาทีแล้วหันมาพร่ำอะไรบางอย่างซึ่งฉันก็ฟังไม่ค่อยถนัดเพราะมัวแต่กำลังเพลินกับท่อนฮุกของเพลงอยู่
“ฉันไม่ได้กินเธอก็อย่าหวัง…!”
พรึ่บ!  ฟิ้ว  แบะ!  TToTT  ไม่นะ
“นายทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย”
ฉันเหลียวมองกลับไปดูบาร์บีคิวที่เขาโยนมันออกไปนอกรถแล้วก็มีรถอีกคันเหยียบมันแบนแต๊ดแต๋ด้วยความเสียดาย
“ก็บอกแล้วว่าถ้าฉันไม่ได้เธอก็อย่าหวัง!”
ไม่เท่านั้นเขายังบังอาจมาปิดเพลงเกาหลีที่ฉันเปิดคลอเอาไว้หน้าตาเฉย
“หนวกหูชะมัดฟังเข้าไปได้ยังไงภาษาอะไรก็ไม่รู้”
“นายอย่ามาดูถูกเพลงเกาหลีของฉันนะ!”
ว่าพลางฉันก็เปิดมันขึ้นมาอีกครั้งแต่เขาก็ตามมากดปิดอีกรอบ
“ก็บอกแล้วไงว่าหนวกหู  เธอฟังไม่เข้าใจหรือไง”
ให้ตายสิก็ฉันจะฟังนี่  ปุ่มเลยถูกกดปิดเปิดอยู่หลายหนมากจนในที่สุดมันก็  กึ๊ก  ปุ่มหลุด=o=!
“นะนายทำมันพัง”  ฉันเม้มปากแน่น
“ฉันงั้นหรอ”
เขาชี้มาที่ตัวเองด้วยสีหน้าไร้อารมณ์  มันน่าหมั่นไส้ที่สุด
“ก็ต้องแน่สินายจะรับผิดชอบยังไง”
อะไหล่รถยี่ห้อดึก(ดำบรรพ์)แบบนี้ยิ่งหายากอยู่ด้วยY_Y
“ถ้าฉันทำจริงแล้วปุ่มนั่นมันหลุดไปอยู่ในมือเธอได้ยังไง”
อ่า  ปุ่มมันอยู่ในมือฉันจริงด้วยงั้นก็ฝีมือฉันสิ -.  –
“โอเคไม่เป็นไรฉันเปิดในโทรศัพท์ฟังแทนก็ได้”
ว่าแล้วฉันก็ล้วงมือเข้าไปควานหาในกระเป๋าแต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะเสียงอำมหิตของคนข้างๆ
“ถ้าเกิดฉันได้ยินเพลงประหลาดของเธออีกรอบรับรองว่าชีวิตเธอต่อจากนี้ได้อยู่ไม่สุขแน่”
สายตาบ่งบอกว่าไม่ได้พูดเล่นและฉันเองก็อยากอยู่อย่างสงบสุขมากกว่า  เชอะ  ฉันสะบัดหน้าแล้วหันไปตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อ
ระหว่างนั้นฉันก็ต้องเบรกรถกะทันหันจนเราทั้งสองหงายเงิบเพราะสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างอยู่บนถนนหน้ารถฉันพอดีเป๊ะ  ฉันจึงจอดรถเพื่อลงไปดูและสิ่งที่ว่านั้นก็คือ  ลูกแมว  ดูเหมือนว่ามันจะพลัดหลงจากเจ้าของและที่สำคัญมันก็ดูอ่อนเพลียมากด้วย
“ฉันเอามันไปด้วยได้ไหม”
ฉันหันไปถามเขาที่ยืนมองตาเขม็ง
“ฉันไม่ชอบแมว!”
น้ำเสียงแข็งกร้าวยืนยันได้เลยว่าเขาคงไม่ยอมแน่  แต่ถ้าปล่อยมันไว้แบบนี้คงต้องตายแน่ซึ่งฉันก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน
“แมวก็เหมือนคนแล้วนี่ก็เป็นลูกแมวด้วยมันก็ต้องการได้รับความรักความอบอุ่นจากแม่ของมันแต่นี่ไม่มี  ฉันคนหนึ่งที่เข้าใจความรู้สึกนี้ดีหวังว่านายเองก็เช่นกัน”
ฉันคิดว่าเขาน่าจะยอมให้ฉันเลี้ยงแมวตัวนี้ได้แล้วก็เลยอุ้มมันขึ้นรถโดยที่เขาก็นั่งนิ่งไม่สนใจ  อยู่ๆแมวตัวนี้ก็ลุกขึ้นไปคลอเคลียข้างๆเขาเหมือนกับรู้หน้าที่
“ดูท่ามันจะชอบนายนะ”  ฉันอมยิ้ม
“แต่ฉันไม่ชอบมัน  แล้วเอาไปเลี้ยงก็ช่วยกรุณาอย่าให้มันมายุ่งวุ่นวายกับฉันล่ะไม่งั้นจะจัดการทั้งลูกแมวแล้วก็แม่แมวเลยคอยดู” 
“รู้แล้วน่าเป็นงูหรือไงขู่กันฟอดๆ-3-  แต่จะว่าไปนายก็ช่วยมาเป็นพ่อแมวให้หน่อยสิ”
“ฉันเป็นคนจะให้มาเป็นพ่อแมวได้ยังไงเล่า”
“ฉันก็คนเหมือนกันทำไมยังเป็นแม่แมวได้ล่ะ…เจ้าแมวน้อยอยากมีพ่อหรือเปล่า”
“เหมียว~”
“เห็นไหมว่ามันอยากให้นายเป็นพ่อ...จริงสิมันยังไม่มีชื่อเลยแต่ในฐานะที่นายให้เกียรติมาเป็นพ่อฉันยอมให้นายตั้งชื่อให้เลยก็ได้”
“ไอ้หน้าโง่”  ว่าพลางผลักแมวน้อยหน้ารักออกห่าง  ใจร้ายขนาดแมวยังไม่เว้น
“ไม่เต็มใจก็ไม่ต้องเลย ชิ”
ฉันลองนึกๆชื่อดู  “รู้แล้ว  ชื่อ  เกาหลี  เป็นไง”
ฉันหันไปขอความคิดเห็นคนข้างๆ
“ปัญญาอ่อน”
“นายไม่ชอบแต่ฉันชอบนี่  ชื่อเกาหลีเพราะสุดแล้ว  ว่าไหม”
เหมียว  ฮาๆๆฉันคุยกับแมวรู้เรื่องด้วย
หลังกลับจากขายบาร์บีคิวฉันก็แวะอยู่คุยกับพ่อต่อสักพักแล้วก็ลองหากรงของแมวตัวเก่าที่หายหัวออกจากบ้านไปเฝ้าแมวตัวเมียหลังซอยจนไม่ยอมกลับมาบ้านอีก  โชคดีที่คราวที่แล้วไม่ได้จับชั่งกิโลขายไปซะก่อน?(กรงนะไม่ใช่แมว)ว่าแล้วฉันก็จับเกาหลียัดใส่กรงเอาไว้ข้างในนั้น  ขากลับฉันพามันกลับมาด้วยเพราะไม่อยากให้เป็นภาระของพ่อ  เราเดินลัดเลาะไปตามถนนในซอยจนพบเข้ากลับผู้ชายอีกสองคนที่กำลังงุ่มง่ามอยู่กับการเปลี่ยนล้อรถทั้งสองข้างหนึ่งในสองคนนั้นฉันจำได้ว่าเป็นคนขับรถของสหสมุทรส่วนคนที่กำลังขมักเขม่นนั่งจ้องล้อรถอยู่นั้นคงเป็นช่างใหญ่  พอเดินเข้าใกล้เธียรทัดก็ออกเดินนำไปยังจุดนั้นก่อนจะส่งกรงของเกาหลีที่ดึงมาจากมือของประกายดาวส่งต่อให้คนขับรถพร้อมกับสั่งให้เขาพามันไปตรวจที่โรงพยาบาลสัตว์หลังรถซ่อมเสร็จซึ่งก็คงจะอีกในไม่กี่นาทีข้างหน้าทว่าเขากลับลากเธอไปขึ้นรถอีกคัน  สิบนาทีถัดมาเขาก็ชะลอรถจอดที่ริมถนนหน้าร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งซึ่งปิดบริการแล้ว  เขาเบ้ปากนิดๆแล้วหันมาสบตาและถามฉันด้วยน้ำเสียงเซงๆ
“แถวนี้มีร้านอาหารอะไรอร่อยๆบ้าง”
ฉันเงียบไปศูนย์จุดห้าวิแล้วก็พยักหน้า  (. .)(‘ ‘)(. .)(‘ ‘)
เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังไปทั่วร้านมันไม่แปลกอะไรหรอกเพราะร้านนี้เขาเปิดบริการหลังหกโมงเย็นของทุกวัน  ที่สำคัญยังเป็นร้านชื่อดังของถนนสานนี้ด้วยคนก็เลยเยอะเป็นพิเศษโดยเฉพาะสองทุ่มกว่าแบบนี้
ขณะที่ฉันดี๊ด๊าที่กำลังจะได้กินเมนูโปรดแต่คนตรงหน้ากลับทำหน้าตาจนฉันเสียอารมณ์  เขามองบรรยากาศภายในร้านจน360องศาด้วยสายตาเนือยๆความจริงฉันก็สังเกตได้ตั้งแต่หน้าร้นแล้วล่ะมันก็แค่ห้องแถวสองห้องฉันลืมไปว่าเขาคงไม่ถนัดกับสถานที่แบบนี้  สักพักเขาก็หยิบเมนูขึ้นมากางอ่านแล้วคิ้วก็เลื่อนเข้าหากัน
“อะไรอร่อยสุด”
เขาวางเมนูลงแล้วหันมาถามฉันแทน
“สุกี้หม้อไฟทะเลร้อน”
“ฉันเอาอันนั้นแหละ”
กินตามกันชัดๆเลย=,=’  รอไม่นานสุกี้หม้อไฟทะเลร้อนชามแรกก็ถูกเสิร์ฟแต่ดูเขายังจะลังเลที่จะตักมันเข้าปากเลยได้แต่เอาช้อนเขี่ยผักไปมา
“หวังว่าฉันกินไปแล้วจะไม่ท้องเสียหรอกนะ”
“ชู้วว  เบาๆสิ”
ฉันส่งสายตาเตือนก็เขาน่ะซีพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไงตอนที่เจ้าของร้านยืนอยู่ข้างๆให้ตายสิ  แต่ดูท่าเจ้าหล่อนคงไม่ได้ยินหรือไม่ก็หูตึงอะไรประมาณนั้น  เฮ้อ
ว่าแล้วหม้อไฟของฉันก็มาเสิร์ฟแต่ว่าทำไมกลับกลายเป็นสุกี้ทะเลแห้งไปได้ล่ะ  ฉันเลยรีบเดินไปถามเจ้าของร้านแล้วก็ได้คำตอบที่สุดแสนจะเศร้าใจว่าหมด 0^0‘’  ฉันเลยเดินคอตกกลับมาที่โต๊ะในขณะที่เขายังก็ยังตักกินไปไม่ถึงไหนแล้วอยู่ๆเขาก็ยกจานของฉันซึ่งยังไม่ได้แตะไปกินเฉยเลย
“อะอ้าวนายกินสองอย่างแบบนี้แล้วฉันจะกินอะไรล่ะ”
“เห็นเธออยากกินสุกี้หม้อไฟทะเลร้อนไม่ใช่หรอ  ก็อยู่ตรงหน้าแล้วไงกินซะสิ”  เขาบุ้ยปาก
“แต่นายเพิ่งตักมันเข้าปากไปเองนะ”
“รังเกียจหรอ”
ถ้าฉันตอบแบบนั้นไปนายคงไม่ลุกขึ้นมาแบบคอฉันหรอกใช่ไหมล่ะ -o-
“ก็ไม่ขนาดนั้น”
ฉันพูดรักษามารยาท
“งั้นก็กินสิ”
เขาเงยหน้ามาสบตาฉันปริบๆแล้วก็ก้มหน้าก้มตาจัดการสุกี้ทะเลแห้งตรงหน้า  ง่าฉันต้องกินขี้ปากเข้าใช่ไหม :(
กินเสร็จก็ขอมาเดินย่อยอาหารที่ตลาดนัดกลางคืนที่อยู่ริมถนนอีกฝั่ง  ฉันหยุดเพื่อเลือกดูของที่ร้านทุกอย่าง  10  บาท  แล้วก็กวาดตามองหา  ดาวเรืองแสง  อ๊ะอยู่นี่เอง!  ฉันก้มหยิบมันขึ้นมาดูทุกอันแต่สุดท้ายก็ซื้อมาได้แค่แฝงเดียวที่สำคัญอันละ  20  แหนะ  ไหนบอกว่าทุกอย่างสิบบาทไงขี้โกงชัดๆเลย  ขณะที่ประกายดาวชื่นชมอยู่กับสิ่งที่เพิ่งซื้อมาเธียรทัดแอบชำเลืองมองไอ้สิ่งนั้นแล้วบ่นออกมา
“ซื้อมาได้ยังไงปัญญาอ่อนชะมัด”
“นายมีความหลังอะไรกับคำว่าปัญญาอ่อนหรือเปล่า”
ฉันประชดก็วันนี้เขาว่าฉันปัญญาอ่อนสามรอบแล้วนะ
“หรือว่าไม่จริงล่ะ”  เขายอกย้อน
“ก็ไม่จริงน่ะสิ”  หล่อนเลยค้อนกลับเข้าให้
“รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงได้ซื้อของพวกนี้มา”  เขาเงียบเพื่อรอฟัง
“เมื่อสมัยฉันยังเด็กๆฉันชอบออกมานั่งมองดาวบนฟ้าเพราะพ่อบอกว่าฉันมาจากที่นั่น…..”  ฉันยังพูดไม่จบ
“แล้วเธอก็เชื่อที่พ่อเธอบอก  ให้ตายสิถึงว่าชอบทำอะไรปัญญาอ่อน”
เขาหลุดหัวเราะออกมาเบาๆแต่พอเห็นสายตาฉันแล้วก็รีบหุบ
“ใช่ฉันเชื่อแบบนั้น”
“แล้วยังไงต่ออีก”
“แต่ฉันแปลกใจว่าทำไมเดี๋ยวนี้ดาวถึงไม่สวยเหมือนเมื่อก่อน”
“เธอรู้ไหมว่าทำไม?”
“ก็เพราะว่าแสงไฟพวกนี้ไงที่บดบังความสวยงามของแสงดาวในยามค่ำคืนหมด”
“เธอเลยต้องซื้อดาวปัญญาอ่อนนี้ไปติดไว้ที่ห้องงั้นสิ” 
ฉันใช้ความเงียบแทนคำตอบเขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ  เล่าเสร็จฉันก็แกะดาวดวงใหญ่ที่สุดออกมาหนึ่งชิ้นแล้วยื่นให้เขาไป
“ดาวของฉัน  ฉันให้นาย”
“ฉันไม่เอา”  เขาดันมือฉันออกห่าง
ฉันเลยยัดมันใส่มือเขาไป  “รับไปสิ” 
แล้วเขาก็ทำหน้าเบื่อโลกขึ้นมาทันทีเลยล่ะ
“ฉันให้เวลาเธอเดินต่ออีกสิบนาที  ฉันจะกลับไปรอที่รถแล้วถ้าเกิดมาช้าขึ้นมาก็นั่งแท็กซี่กลับเองก็แล้วกัน”
เขาพูดสรุปแล้วก็เดินไปที่รถเลย  บนรถที่ค่อนข้างมืดแต่แปลกที่บนฟ้ากลับไม่มีดาวสักดวงทั้งที่เป็นเดือนแรม  เธียรทัดค่อยๆคลี่มืออกเผยเป็นดาวดวงใหญ่ที่หญิงสาวให้มาชายหนุ่มพินิจสิ่งที่อยู่บนมือ
“ดาวของเธอ  ให้ฉันงั้นหรอ?”
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา