จอมใจ....สุดที่รัก

7.7

วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.25 น.

  23 ตอน
  50 วิจารณ์
  119.79K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 21.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) +++ แผน 'ง้อ' ที่.... +++

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

VS

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

                เสียงนกน้อยร้องเพลงบ่งบอกถึงเช้าวันใหม่ที่เข้ามาถึง กานดาปรือตามองออกไปนอกหน้าตาบานสวยก่อนที่เธอจะลุกขึ้นนั่งอย่างมึนเบลอเล็กน้อย ร่างบางบิดขี้เกียจไปมาเพื่อไล่ความขบเมื่อยเพราะเมื่อคืนเธอนอนในท่าที่ไม่ค่อยสบายเสียเท่าไหร่ ก่อนจะลุกออกจากเตียงไปและตรงไปยังห้องน้ำแสนหรูเพื่อชำระล้างร่างกายให้สดชื่น

 

 

                เป็นครั้งแรกที่เธอยอมลงไปนอนแช่น้ำในอ่างอาบน้ำแสนหรูเพราะรู้สึกอยากจะผ่อนคลายทั้งกายและใจบ้าง และเวลาก็เหลืออีกตั้งเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาไปทำงาน ร่างบางจึงนอนหลับตาอย่างสบายอารมณ์โดยมีฟองสบู่ฟูฟ่องอยู่ทั่วอ่าง แล้วก็พลันคิดไปถึงเรื่องเมื่อวานที่เจ้านายหนุ่มมาขอโทษขอโพยเธอกับเรื่องที่เธอไม่อยากจะเอ่ยถึง ความจริงใจในน้ำเสียงและสีหน้าของเขามันช่างทำให้หัวใจของเธออ่อนยวบยาบได้เหลือเกิน แล้วยิ่งประโยคสุดท้ายที่เธอจำได้ขึ้นใจ ประโยคที่เขาเดินออกไปจากห้องแล้วและพูดผ่านประตูเข้ามาพอดีกับที่เธอรีบวิ่งไปแอบฟังเขาตรงประตูพอดิบพอดี ทำให้มันดังพอที่เธอจะได้ยินคำขอโทษนั้นอย่างชัดเจน ซึ่งมันทำให้หัวใจของเธอทั้งพองโตและเต้นรัวเร็วจนเธอต้องเอามือกุมอกด้านซ้ายไว้ ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวไปหมดจนเธอคิดว่ามันคงจะแดงแป๊ดเท่าลูกตำลึงไปแล้วเป็นแน่

 

 

“ขอโทษนะครับที่รัก”

 

 

‘ที่รัก’ คำๆนี้ดังก้องอยู่ในหัวของเธอตั้งแต่วินาทีที่เขาเอ่ยออกมา แถมเขายังพูดเป็นภาษาไทยที่ฟังชัดทุกถ้อยทุกคำจนเธอแน่ใจอย่างมากว่าเธอไม่ได้ฟังผิดเพี้ยน หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ รู้สึกหวั่นไหวและสับสนจนทำเอาเธอนอนไม่หลับกันเลยทีเดียว คำว่าที่รักของเขาฟังดูเผินๆก็เหมือนกับไม่มีอะไร หากแต่สำหรับเธอมันกลับมีค่ามากมายอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเป็นเป็นเสมือนคำที่บอกว่าเธอสำคัญกับเขามากแค่ไหน มีความพิเศษกับเขามากเพียงใด หากแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอคิดอยู่นี้ มันอาจจะเป็นแค่เธอคิดไร้สาระไปเองก็เท่านั้น

 

 

               เพราะมันก็ไม่ได้แปลกอะไรที่คนทางตะวันตกอย่างเขาจะเรียกใครต่อใครว่าที่รัก ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยถูกชาวต่างชาติเรียกแบบนี้ หากแต่พวกเขาใช้เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาถิ่นของตนก็เท่านั้น เพราะบริษัทเก่าที่เธอทำงานอยู่ก็มีลูกค้าต่างชาติที่เธอต้องติดต่อด้วยเหมือนกัน หากแต่ทำไมคราวนี้กับคนๆนี้เธอถึงได้คิดไปไกลแสนไกลอย่างนี้นะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน….

 

 

               ร่างบางนอนแช่น้ำอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนที่เธอจะทำการชำระล้างร่างกายอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้งโดยมีผ้าขนหนูห่อพันตัวเอาไว้ ดวงตากลมหวานมองตัวเองในกระจกพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาจากนั้นเธอก็เดินไปหยิบชุดเดรสแสนหวานและเสื้อสูทเข้ากันออกมาสวมใส่ ก่อนที่เธอจะแต่งหน้าอ่อนๆและทำผมให้เรียบร้อย หากแต่ในระหว่างที่เธอแต่งตัวอยู่นั้น สมองหยักของเธอก็คิดอยู่ตลอดว่าเธอควรจะยกโทษให้เจ้านายหนุ่มของเธอได้แล้ว ไม่มีเหตุผลใดที่เธอจะมานั่งตั้งแง่ใส่เขาอยู่อย่างนี้ในเมื่อเขาสำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำแล้วหนิ แต่ต่อไปนี้เธอก็คงต้องระวังตัวให้มากขึ้น ไม่อยู่ใกล้เขาจนเกินไป และที่สำคัญคือไม่อยู่ในที่ลับตาคนสองต่อสองกับเขาแค่นั้นก็เพียงพอ

 

 

แต่ว่า….แล้วเวลาต้องอยู่ในห้องทำงานสองต่อสองล่ะ เธอจะทำเช่นไร?

 

 

              หญิงสาวลงมายังชั้นล่างพร้อมกับเจ้าของคฤหาสน์ฝาแฝดสาวทั้งสองที่เธอบังเอิญพบตรงทางลงบันได้พอดี ทั้งสามตรงไปยังห้องรับประทานอาหารที่พอยิ่งเดินเข้าไปใกล้ก็ยิ่งได้กลิ่นหอมหวนชวนน้ำลายสอมากขึ้น แถมกลิ่นที่ว่านี้ยังเป็นกลิ่นที่คนเป็นแขกคนสำคัญรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดีเสียด้วย

 

 

“อ้าว….เข้ามานั่งเลยสาวๆ” เสียงทุ้มของเจ้านายใหญ่ประจำตระกูลดังขึ้นทันทีที่คนทั้งสามเดินมาถึงหน้าประตูทางเข้า

 

 

“โอ้โห! นี่มันอะไรกันคะป๊ะป๋า หืม….กลิ่นก็ห๊อมหอม” มีอากล่าวพร้อมกับมองอาหารน่าตาแปลกๆที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะรับประทานอาหารนั้นด้วยความตื่นเต้น

 

 

“นี่เขาเรียกว่าอาหารไทยไงล่ะเมียร์ ใช่ไหมคะป๊ะป๋า” เอมิลี่ตอบแทนพี่ชายสุดที่รักอย่างรู้ดี

 

 

“ใช่….น่าทานไหมล่ะ” วิลเลียมเอ่ยอย่างยิ้มๆก่อนที่เขาจะหันไปยิ้มนุ่มให้กับเลขาแสนสวยของเขาทำยังคงปั้นหน้าเฉยชาใส่เขาไม่ยอมเลิก “มาอยู่ที่นี่คุณคงจะเลี่ยนพวกอาหารทางตะวันตกแย่ ผมก็เลยลองทำอาหารไทยให้คุณทานดูน่ะ”

 

 

“คุณทำให้ฉันทานหรอคะ” กานดาหันไปถามเจ้านายหนุ่มอย่างทันควันด้วยความประหลาดใจ

 

 

“ครับ….แต่มีมอร์แกนคอยช่วยอยู่ตลอดนะ ดูสิดา….ผมทำให้คุณทานตั้งเยอะแยะแน่ะ มีทั้งต้มจืดเต้าหู้ ผัดผักรวม ไข่ตุ๋น ไก่ผัดเม็ดมะม่วง อ้อ….แล้วก็ไข่เจียวหมูสับด้วยนะ เผื่อว่าคุณจะทานทุกอย่างที่ผมบอกมาไม่ได้น่ะ” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับฉีกยิ้มนุ่มให้กับหญิงสาวอย่างชนิดที่เรียกได้ว่ายิ้มจนตาหยีเลยทีเดียว

 

 

“ขอบคุณมากๆเลยนะคะ” เสียงหวานเอ่ยคำขอบคุณอย่างเขินๆพลางก้มหน้าลงและลอบอมยิ้มออกมาอย่างอดเสียไม่ได้

 

 

ก็จะไม่ให้เธอยิ้มได้อย่างไร ในเมื่อเจ้านายของเธอตั้งใจทำอาหารประจำบ้านเกิดให้เธอซะขนาดนี้!

 

 

“ไม่เป็นไรครับ” เสียงทุ้มตอบกลับพลางเก็บอาการดีใจที่แผนขั้นที่หนึ่งผ่านไปได้ด้วยดีไว้อย่างไม่ค่อยจะมิดชิดนัก เพราะใบหน้าหล่อคมเล่นฉีกยิ้มแก้มแทบปริจนคนเป็นพ่อครัวประจำตระกูลอดที่จะนึกหมั่นไส้นิดๆขึ้นมาไม่ได้ ทำให้เขาต้องอมยิ้มตามเจ้านายหนุ่มไปด้วย

 

 

“เอ้า….มาทานกันเถอะเดี๋ยวจะเย็นชืดหมด อาหารไทยทานเย็นๆไม่อร่อยนะ” 

 

 

                ว่าแล้วร่างใหญ่ก็รีบจัดแจงเดินมาเลื่อนเก้าอี้ให้กับแขกสาวคนสำคัญ ทำเอาผู้เป็นน้องสาวทั้งสองต่างต้องมองตามเป็นตาเดียวก่อนที่จะหันมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ แต่ก็ทำได้แค่นั่งลงประจำที่เท่านั้นเพื่อพี่ชายสุดที่รักเดินมานั่งลงยังที่ของตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

 

“ทานเยอะๆนะครับดา” วิลเลียมเอ่ยพลางตักไก่ผัดเม็ดมะม่วงให้กับเลขาสาว “ผมรู้มาว่าอาหารเช้าของคนไทยหลักๆแล้วก็คือข้าวสวยร้อนๆ….ต่อไปนี้ผมจะให้มอร์แกนทำให้คุณทานทุกวันเลยนะ และถ้าผมมีเวลาผมจะทำให้คุณทานเองครับ”

 

 

                คำพูดและน้ำเสียงนุ่มๆของเจ้านายหนุ่มทำให้กานดาต้องหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาในทันใด หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามแทบออกมานอกอก ใบหน้าหวานที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆกลับแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างมิอาจจะห้ามได้ ก็เธอทั้งเขินทั้งดีใจที่เขาพูดแบบนั้นออกมา เหมือนกับว่าเธอเป็นคนสำคัญสำหรับเขาที่ต้องคอยดูแลเอาใจใส่ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เหมือนกับว่าเขากำลังเร่งเอาชนะใจเธออยู่อย่างนั้นแหละ

 

 

แล้วดูเหมือนว่ามันค่อนข้างจะได้ผลมากเสียด้วยสิ ก็หัวใจเธอน่ะนะ….มันหวั่นไหวจนไม่รู้จะหวั่นไหวอย่างไรดีแล้ว…. 

 

 

“ขอบคุณมากๆนะคะ แต่อย่าเลยค่ะฉันเกรงใจ แค่นี้คุณก็เหนื่อยกับงานพอแล้ว อย่ารีบตื่นมาทำอาหารให้ฉันทานเลยนะคะ” หญิงสาวกล่าวพลางส่งยิ้มบางๆให้กับเจ้านายหนุ่ม ก่อนจะรีบก้มหน้ามองจานข้าวของตัวเองอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นรอยยิ้มละลายใจของเขาที่ส่งมาให้เธอแบบจงใจ

 

 

“อื้อฮือ….อร่อยมากๆเลยค่ะป๊ะป๋า ฝีมือของป๊ะป๋านี่อร่อยสุดยอดไปเลย” มีอาเอ่ยขึ้นเมื่อได้ลอมลิ้มชิมรสอาหารไทยฝีมือพี่ชายสุดที่รักไปคำหนึ่ง

 

 

“ก็ป๊ะป๋าของเรานี่นา เก่งไปซะทุกอย่างทำอะไรก็เป็นไปหมดแถมยังรวยล้นฟ้าแล้วก็หล่อไม่มีใครเกิน อย่างนี้นะใครได้เป็นสามีล่ะคงจะสบายไปทั้งชาติ….ใช่ไหมล่ะคิตตี้ ถ้าเธอได้เป็นภรรยาของวิลเลียม เลสเซิ้ล คงจะดีไม่น้อยเลยสินะว่ามั้ย” เอมิลี่กล่าวพร้อมกับมองหน้าแขกสาวคนสำคัญของพี่ชายสุดที่รักแบบสายตาจิกเล็กน้อย หากแต่ผู้เป็นพี่กลับเป็นคนสำลักน้ำที่กำลังดื่มเองเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของน้องสาวตัวแสบ

 

 

“พูดอะไรน่ะเอมมี่ กานดาเขาเป็นเลขาของพี่นะ เขาไม่คิดแบบนั้นหรอก” วิลเลียมรีบแก้ต่างให้กับเลขาสาวแสนสวยของเขาทันทีพลางทำตาดุใส่น้องสาวตัวยุ่งที่ดูจะรู้ไปหมดซะทุกเรื่อง

 

 

“กานดา เลสเซิ้ล….ขอให้เธอได้ใช้คำนี้นะคิตตี้” คนรู้ดียังไม่ยอมหยุดแกล้งหญิงสาวที่นั่งหน้าร้อนผ่าวจนเธอคิดว่าตอนนี้หน้าของเธอคงจะแดงแป๊ดเท่ากับลูกตำลึงเสียแล้ว

 

 

“เอมิลี่….” ผู้เป็นพี่ครางเสียงเรียกน้องสาวสุดแสบอย่างดุๆ ก่อนจะเหลือบมองแม่กระรอกน้อยของเขาที่เอาแต่นั่งก้มหน้างุดมองจานข้าวของตัวเองอยู่อย่างนั้น

 

 

“ไปกันเถอะเมียร์ สายมากแล้ว” ร่างอวบอึ๋มลุกขึ้นพลางเอ่ยออกมาก่อนที่หล่อนจะลากผู้เป็นน้องสาวให้ลุกตามหล่อนไปด้วย

 

 

“จะไปไหนกันสาวๆ!” วิลเลียมตระโกนถามไล่หลังสองสาวแห่งเลสเซิ้ลที่เดินเฉิดฉายออกนอกห้องรับประทานอาหารไปเล็กน้อย

 

 

“ปาร์ตี้ค่ะป๊ะป๋า ปาร์ตี้งานกุศลของมิสซิสเวลส์ค่ะ!” เสียงใสๆของมีอาตระโกนตอบกลับมาก่อนที่ทั้งสองสาวจะรีบออกวิ่งในทันที

 

 

“แปลกดีนะ ปาร์ตี้เขาจัดกันตอนเช้าตรู่อย่างนี้ด้วยหรอคุณวิลเลียม” มอร์แกนพูดขึ้นเป็นนัยให้คนเป็นพี่ใหญ่ต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน

 

 

“หวังว่าพวกเธอคงจะไม่ไปทำเรื่องน่าปวดหัวอะไรกันอีกนะ” เสียงทุ้มตอบก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องอันน่าชวนให้ปวดหัวที่คงกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

 

 

“พนันร้อยเปอร์เซ็นต์” มอร์แกนกล่าวอย่างมั่นใจก่อนที่เขาจะอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ “สวีท….อุ๊บส์! ทานอาหารกันให้อร่อยนะครับ ผมขอตัวก่อน”

 

 

                คำแกล้งของเชฟล่ำประจำตระกูลทำเอาวิลเลียมต้องกลอกตาไปมาและถอนหายใจออกมาอย่างอดเสียไม่ได้ ก็กระไรเล่าคนบ้านนี้ช่างรู้ดีกันเสียจริง จนเขาอยากจะทำให้เรื่องที่ชอบรู้ดีกันนี้กลายมาเป็นเรื่องจริงให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย

 

 

“ทานต่อเถอะครับดา เดี๋ยวอาหารเย็นหมดนะ” เสียงทุ้มนุ่มกล่าวก่อนที่เขาจะตั้งหน้าตั้งตาทานข้าวในจานของตัวเองบ้าง หากแต่หญิงสาวกลับเอาแต่มองเขาตาแทบไม่กระพริบ

 

 

“มีอะไรหรือครับ” ชายหนุ่มถามขึ้นพลางมองเธออย่างสงสัย

 

 

“ปะ….เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร” คนสะดุ้งตื่นจากภวังค์ตอบก่อนจะก้มหน้าทานข้าวแต่ก็ยังมิวายเหลือบมองใบหน้าอันหล่อคมนั้นดั่งว่ามีอะไรอยู่ในใจ

 

 

“อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า วันนี้ไม่ต้องไปทำงานก็ได้นะเดี๋ยวผมพาไปเที่ยวแทนเอาไหม” เจ้านายหนุ่มพูดอย่างเอาใจแม่เลขาสาว หากแต่เธอกลับตอบปฏิเสธในความหวังดีของเขาอย่างไม่คิดเลยสักนิด

 

 

“อย่าเลยค่ะเสียเวลาคุณเปล่าๆ อีกอย่างดาก็เป็นแค่พนักงานคนนึงของคุณเท่านั้น อย่าให้สิทธิพิเศษอะไรดาเลยนะคะเดี๋ยวคนอื่นเขาจะมองไม่ดีเอา” กานดาตอบตามที่เธอคิด

 

 

“ไม่หรอกดา คนที่นี่เขาไม่คิดอะไรมากมายกันอย่างนั้นหรอกนะไม่ต้องห่วง” วิลเลียมเอ่ยก่อนจะอมยิ้มพลางนึกเอ็นดูเลขาสาวของเขาอย่างจับใจ จนแทบอยากจะดึงร่างเล็กนั้นให้มานั่งลงบนตักแกร่งและโอบกอดเธอไว้แน่นๆพร้อมกับหอมแก้มนุ่มนิ่มสักฟอดสองฟอดเป็นการตบรางวัล

 

 

แต่ติดตรงความผิดที่ก่อไว้นี่สิ….ไม่รู้ว่าแผนข้อแรกนี้จะสำเร็จหรือเปล่านะ ตอนนี้เธอคิดยกโทษให้เขาหรือยังหนอ….

 

 

“แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องดีหนิคะ ดาอยากทำงานค่ะ….ที่ดามาที่นี่ก็เพราะมาทำงานไม่ได้มาเที่ยวนะคะคุณวิล” เสียงหวานบอกอย่างดุๆเล็กน้อยทำเอาคนเป็นเจ้านายต้องยอมจำนนแต่โดยดี

 

 

“ครับๆ เข้าใจแล้วครับคุณเลขา” ผู้เป็นนายหนุ่มเอ่ยอย่างอารมณ์ดีก่อนที่เขาจะชันศอกทั้งสองข้างกับโต๊ะและนำมือมาประสานกันพลางวางคางไว้บนมือนั้น พร้อมกับจ้องมองหญิงสาวด้วยแววตาและรอยยิ้มที่เธอได้เห็นทีไรเป็นต้องรีบก้มหน้างุดเพราะความเขินอายทุกที

 

 

 

                 การเดินทางไปทำงานในเช้าวันนี้มันช่างดูจะสดใสสำหรับคนเป็นนายใหญ่เสียเหลือเกิน ชายหนุ่มนั่งเหลือบมองหญิงสาวเป็นระยะๆ พลางอมยิ้มเมื่อคิดไปถึงแผนการที่ผู้ช่วยอย่างมิสซิสเทนดี้พนักงานประชาสัมพันธ์ของบริษัทได้วางไว้ให้เขาอย่างเสร็จสรรพ ถึงแม้ใจนึงก็ไม่คิดว่ามันคงจะยากสำหรับเขาอยู่พอควร เพราะหล่อนเล่นแนะนำแต่ละวิธีนี่เล่นเขาต้องนั่งกุมขมับเลยทีเดียว

 

 

                เริ่มแรกที่หล่อนแนะนำคือการให้เขาลองทำตัวเป็นพ่อครัวสุดหล่อทำอาหารประจำบ้านเกิดของหญิงสาวให้เธอทานเพื่อเป็นการเอาใจ เพราะจากที่หล่อนลองถามเพื่อนบ้านที่เป็นหญิงไทยดูก็ได้คำตอบมาว่าเพื่อนบ้านของหล่อนชอบอยากให้สามีทำอาหารให้ทานบ้าง เหมือนเป็นการดูแลเอาใจใส่อย่างหนึ่ง และคิดว่าหญิงไทยส่วนใหญ่ก็อยากมีสามีที่คอยทำอาหารรสเลิศให้ทานบ้างด้วย วันนี้เขาจึงต้องตื่นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง รีบไปปลุกพ่อครัวประจำตระกูลให้มาช่วยสอนเขาทำอาหารไทยที่ง่ายๆและพอจะทำได้ไม่ยุ่งยาก แล้วผลปรากฏออกมาก็ดูน่าพึงพอใจเลยทีเดียว แผนนี้จึงสำเร็จไปแล้วขั้นหนึ่ง แต่ยังเหลืออีกสามขั้นที่เขายังคิดไม่ตกว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน สู้ทำตามแบบฉบับของเขาก็ไม่ได้ เพราะแค่เพียงจับเจ้าหล่อนลากขึ้นเตียงและสอนรักสักบทสองบท แค่นี้หญิงสาวทั้งหลายก็สยบอยู่แนบอกเขาแล้ว ไม่เห็นต้องมานั่งง้อทำโน่นทำนี่ให้เปลืองแรง

 

 

แต่สำหรับเธอคนนี้คงทำแบบนั้นไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะถ้าขึ้นเขาทำแบบนั้นขึ้นมาล่ะก็ มีหวังแม่กระรอกน้อยคงได้โบยบินไปจากอ้อมอกของเขาอย่างไม่มีวันหวนกลับเป็นแน่!

 

 

นี่เขากลัวว่าเธอจะไปจากเขามาขนาดนี้เลยหรือ? ชักจะเริ่มสงสัยหัวใจตัวเองขึ้นมาเสียแล้วสิ….

 

 

“ถึงแล้วค่ะคุณวิล” กานดาหันไปบอกเจ้านายหนุ่มที่ยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมเปิดประตูรถทั้งๆที่มาถึงบริษัทเรียบร้อยแล้ว

 

 

“ดา….” เสียงทุ้มเรียกร่างบางที่กำลังจะลงจากรถไว้เสียก่อน

 

 

“ว่าไงคะ” เสียงหวานขานตอบพลางหันไปมองหน้าเจ้านายหนุ่มอย่างสงสัย

 

 

“คุณจะไปจากผมหรือเปล่า” คำถามของผู้เป็นนายใหญ่ทำให้หญิงสาวต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยเล็กน้อย

 

 

“ฉันจะไปไหนหรอคะ” กานดาถามกลับอย่างงุนงง

 

 

“คุณจะไปจากผมหรือเปล่า ถ้า….ถ้าผมทำอะไรไม่ดีๆกับคุณอีก”

 

 

                คำถามนั้นทำให้หญิงสาวต้องชะงักไปชั่วครู่ ดวงตาสวยจ้องคนตรงหน้าด้วยแววตาสับสนระคนประหลาดใจ ร่างน้อยขยับให้ห่างจากกายใหญ่เล็กน้อยดั่งเป็นสัญญาณบอกว่าเธอเริ่มไม่ไว้ใจเขาอีกครั้งแล้วในตอนนี้ ก่อนที่ใบหน้าหวานจะก้มหน้าลงและทำหน้าขรึม ก่อนที่เสียงเล็กใสจะกล่าวออกมาให้กายสง่าต้องใจหายวาบเหมือนโดนมือดีมากระชากให้หลุดออกจากทรวงแกร่ง

 

 

“แน่นอนค่ะ”

 

 

                เพียงแค่คำสั้นๆหากแต่ฟังดูหนักแน่นไม่มีคำว่าล้อเล่นใดๆทำให้วิลเลียมไม่กล้าที่จะถามอะไรต่อ ได้แต่นั่งเงียบและมองร่างอ้อนแอ้นอรชรที่ลงจากรถยนต์ส่วนตัวของเขาไปด้วยสายตาที่ว้าวุ่น การที่ได้ยินจากปากของเธอเองมันยิ่งเพิ่มความกลัวที่จะต้องเสียเธอไปเป็นร้อยเท่าพันเท่า เพราะเขากลัวใจตัวเองเหลือเกินว่าจะสั่งการให้เขาทำอะไรต่อมิอะไรที่อาจจะทำให้เธอโบยบินไปจากเขา อย่างไม่มีวันหวนกลับแบบที่เธอกำชับให้เขาได้รับรู้เมื่อสักครู่นี้

 

 

เขาจะทำอย่างไรดีนะ….ก็หัวใจมันเรียกร้องอยากที่จะครอบครองเธอให้ได้แล้วนี่

 

 

อยากให้เธอเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว ไม่อยากให้ชายอื่นใดมายุ่งเกี่ยว….ทั้งตัวและหัวใจ!

 

 

โอ้! นี่เขาหลงรักแม่กระรอกน้อยเข้าให้แล้วจริงๆใช่มั้ย?

 

 

‘ตายล่ะวิลเลียม….นายเคยรู้สึกหวั่นไหวอย่างนี้กับใครตั้งแม่เมื่อไหร่กัน โมนิค….ไม่ แองจี้….ไม่ แล้วแม่เลขาคนใหม่….โอ้พระเจ้า!’

 

 

                ชายหนุ่มทำตาโตไปกับความคิดของตัวเองที่เริ่มกระจ่างชัดขึ้นมาเรื่อยๆแล้วว่าเขากำลังตกหลุมรักหญิงสาวคนนี้อย่างแท้จริงแถมยังเป็นแบบที่เรียกได้ว่ารักหัวปักหัวปำเสียด้วย

 

 

“คุณคงไม่คิดอยากจะนั่งอยู่ในรถอย่างนี้ไปตลอดทั้งวันหรอกนะครับ” เสียงของลูกน้องคนสนิทดังแซวขึ้นทำให้คนเป็นเจ้านายหลุดออกจากห้วงความคิดได้ก่อนที่ดวงตาคมจะหันไปจ้องลูกน้องตัวแสบอย่างคาดโทษ

 

 

‘คุณต้องรับผิดชอบหัวใจของผมนะกานดา’

 

 

                วิลเลียมคิดอยู่ในใจพลางกระตุกยิ้มเล็กน้อยก่อนที่เขาจะลงจากรถและเดินเข้าไปในบริษัททันที โดยมีคนเป็นเลขาเดินก้มหน้าตามไปพลางเว้นระยะห่างไม่ให้อยู่ใกล้ร่างใหญ่มากนัก

 

 

                ทั้งสองคนเดินผ่านเหล่าพนักงานในบริษัทที่หันมาทักทายเจ้านายใหญ่และเลขาคนใหม่ของเขากันอย่างเป็นมิตร โดยเฉพาะมิสซิสเทนดี้หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์ที่เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนคนไม่รู้เรื่องรู้ราวต้องฉงนสงสัย ก่อนที่ร่างเล็กจะเดินตามร่างสูงสง่าไปยังห้องทำงานใหญ่เหมือนดั่งเคย

 

 

“โอะโอ….ดอกไม้ใครกันวางอยู่บนโต๊ะคุณแน่ะดา” เสียงทุ้มแกล้งว่าพลางลอบยิ้มเมื่อเขาและเดินเข้ามาในห้องและเห็นว่ามีช่อดอกกุหลาบสีชมพูใหญ่ยักษ์วางอยู่บนโต๊ะทำงานของหญิงสาว

 

 

                กานดารีบเดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองและหยิบช่อดอกไม้นั้นขึ้นมาดูอย่างสงสัย ไม่มีการ์ดข้อความหรือสิ่งใดที่บ่งบอกถึงเจ้าของช่อดอกไม้นี้เลยสักนิด ความสวยของมันทำให้เธออดที่จะอมยิ้มและสูดดมกลิ่นหอมเสียไม่ได้ มือนุ่มไล้ไปตามกลีบดอกไม้ก่อนที่เธอจะชะงักและมองไปที่คนตรงหน้าที่ยืนอมยิ้มอยู่หลังโต๊ะทำงานพลางจ้องสบตาเธอกลับด้วยเหมือนกัน

 

 

“แทนคำขอโทษครับ” ชายหนุ่มบอกพลางส่งยิ้มนุ่มละมุนใจให้กับเธอ

 

 

“ขอโทษเรื่องอะไรคะ” หญิงสาวถามกลับด้วยความสงสัยเพราะเธอลืมความโกรธจากเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว

 

 

“เรื่องที่ผมทำไม่ดีกับคุณ….ที่ผมทำคอคุณเป็นจ้ำๆอย่างนั้นไงครับ” วิลเลียมตอบด้วยสีหน้าที่เจื่อนลงเล็กน้อยพลางพยักเพยิดไปทางคอของหญิงสาวที่บัดนี้ยังคงมีรอยช้ำจางๆให้ได้เห็นอยู่ ทำเอาใบหน้าหวานถึงกับเปลี่ยนเป็นสีเข้มระเรื่อในทันใด

 

 

“ขอโทษจริงๆนะครับดา ยกโทษให้ผมเถอะนะ” กายกำยำเดินไปหาคนตรงหน้า หากแต่ร่างบอบบางกลับถอยห่างในทันทีที่เขาเดินเข้าใกล้ เล่นเอาหัวใจดวงแกร่งต้องสั่นไหวและใจแป้วลงในทันที

 

 

“กานดา….”

 

 

“ฉัน….ฉันยกโทษให้คุณแล้วค่ะ แต่คุณต้องสัญญา….ว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก แล้วก็ทางที่ดี….เราอย่าอยู่ใกล้กันเกินไปอีกถ้าไม่จำเป็นดีกว่านะคะ”

 

 

                คำตอบของเธอเป็นเหมือนดั่งน้ำเย็นที่ซัดสาดให้ใจได้สดชื่น หากแต่กายนี่สิกลับหนาวสั่นจนแทบจะแข็งตายอยู่รำไร ห้ามไม่ให้เขาอยู่ใกล้ถ้าไม่จำเป็น….นี่เธอจะฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็นเลยหรือไงกัน!

 

 

“นิดนึงก็ไม่ได้หรอครับ” เขาถามออกมาอย่างขอความเห็นใจ หากแต่ใบหน้าใสกลับส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบแทน เขาจึงทำได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาและยอมจำนนตามคำเธอว่าแต่โดยดี “ตกลงครับ ผมเข้าใจแล้ว คุณวางใจเถอะนะผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว และผมจะไม่เข้าใกล้คุณ….หากว่าไม่จำเป็น”

 

 

“ขอบคุณนะคะคุณวิลเลียม” กานดากล่าวพลางส่งยิ้มบางๆให้กับคนตรงหน้า อย่างน้อยเธอก็หายใจหายคอได้โล่งบ้างเพราะเขาให้คำสัญญากับเธอไว้อย่างนี้แล้ว

 

 

มันคงจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นให้เธอต้องหวั่นใจอีกแล้วล่ะนะ….

 

 

แต่ทำไมในใจของเธอมันกลับไม่ยินดีไปกับคำตัดสินใจที่เธอเอ่ยออกไปกัน?

 

 

“ด้วยความยินดีครับ” วิลเลียมตอบกลับอย่างจนใจก่อนที่ร่างใหญ่จะหมุนตัวกลับและเดินไปนั่งลงประจำตำแหน่งของตัวเองดังเดิม

 

 

พร้อมกับแผนการบางอย่างของมิสซิสเทนดี้ที่ผุดขึ้นในสมองของเขาทันทีจนเขาแทบจะเก็บรอยยิ้มไว้ไม่ทัน!

 

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา