จอมใจ....สุดที่รัก

7.7

วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.25 น.

  23 ตอน
  50 วิจารณ์
  119.76K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 21.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) +++ เพียงแค่คำขอโทษ.... +++

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

VS

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

                เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นกานดาก็ตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนงง เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังแสบแก้วหูทำให้ใบหน้าสวยต้องทำหน้ายุ่งก่อนที่เธอจะเอื้อมมือไปปิดมันให้สิ้นเรื่อง ร่างบางลุกขึ้นนั่งพลางเอามือกุมขมับที่เต้นตุบๆเหมือนดั่งจะระเบิด ความที่ร้องไห้ทั้งคืนจนเผลอหลับไปเมื่อเกือบรุ่งสางส่งผลให้ตอนนี้เธอรู้สึกปวดหัวจนแทบไม่อยากจะลุกออกจากเตียงเลยสักนิด หากแต่ความที่เธอจำเป็นต้องออกไปทำงานเพราะเมื่อวานเธอไม่ได้ไปและไม่อยากเป็นขี้ปากชาวบ้านว่าเธอมีสิทธิพิเศษที่จะไม่ทำงานก็ได้ หรือจะทำก็ได้ตามแต่อำเภอใจเพราะมีนายใหญ่คอยหนุนหลังอยู่เธอจึงฝืนใจลุกออกจากเตียงนอนนุ่ม และเดินตรงไปยังห้องน้ำแสนหรูอย่างโซซัดโซเซถึงแม้ว่าเธอจะฝืนให้เดินตรงๆอย่างไรก็ตาม

 

 

                ร่างบางยืนก้มหน้าหลับตาอยู่หน้ากระจกบานใสเหนืออ่างล้างหน้า ความปวดที่จี๊ดขึ้นมาตรงขมับทำให้คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น ก่อนที่ใบหน้าสวยจะเงยหน้าขึ้นและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และผ่อนออกมาช้าๆพลางลืมตาขึ้นตามไปด้วย

 

 

                ดวงตากลมหวานมองดูตัวเองในกระจก ขอบตาทั้งสองข้างที่บวมเป่งและในตาที่แดงระเรื่อทำเอาหญิงสาวรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย ใบหน้าที่ขาวซีดอย่างกับกระดาษทำให้เธอต้องเอามือเรียวมาอังหน้าผากเพราะคิดว่าตนคงจะไม่สบายเสียแล้ว โชคยังดีที่อุณหภูมิยังคงปกติ ก่อนที่เธอจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาพลางทำการถอดชุดคลุมยาวที่เธอใส่ไว้ตั้งแต่เมื่อคืน แล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อเธอเห็นรอยช้ำแดงสีเข้มตรงบริเวณไหล่ด้านขวาเรื่อยมายังฐานคอ มือเรียวรีบรวบผมขึ้นและเอียงคอไปทางซ้ายเล็กน้อยทำให้เห็นรอยจ้ำแดงเป็นแนวทั่วซอกคอขาวเนียน ความรู้สึกเจ็บจุกเกิดขึ้นมาในทันใด น้ำตาหยดใสเริ่มเอ่อคลอหน่วยเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้

 

 

“คนบ้า! ฉันเกลียดคุณที่สุด!”

 

 

                เสียงหวานเปล่งออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มที่พึ่งแห้งเหือดไปไม่กี่ชั่วโมงอีกรอบ ร่างเล็กทรุดตัวลงพลางกอดเข่าร่ำไห้ด้วยความเสียใจ จริงอยู่ที่ว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเกินเลยเธอไปมากกว่าการแค่ทำให้คอของเธอเป็นรอยที่เสมือนเขาตีตราจองเธอไว้ แต่มันก็ช่างทำร้ายจิตใจเธอจนเกินทน ความแสนดีที่เขาเคยมอบให้ตลอดมาบัดนี้มันกลับกลายเป็นความร้ายกาจที่ไม่รู้ว่าโผล่มาตอนไหน และทำไมมันถึงโผล่มาได้ และเพราะเหตุใดเขาถึงทำตัวร้ายๆกับเธอเช่นนี้ เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ….

 

 

                หลังจากควบคุมอารมณ์ได้แล้วกานดาก็รีบอาบน้ำและแต่งตัวพร้อมที่จะไปทำงาน เธอใส่เสื้อแขนยาวสีขาวคอเต่าเพื่อปกปิดตราประทับเลสเซิ้ลที่ดูเหมือนว่าจะลางเลือนยากยิ่งกว่าการลบรอยสัก กับกระโปรงสีดำเรียบเอวสูงทรงสอบยาวเหนือเข่าเล็กน้อยและถุงน่องสีดำบางให้ดูเรียบร้อยขึ้น ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆมองตัวเองในกระจกอีกครั้งก่อนที่ร่างเล็กจะเดินออกจากห้องนอนแสนหวานไปยังห้องอาหารที่ตอนนี้ครอบครัวเลสเซิ้ลนั่งทานอาหารเช้าอยู่ก่อนแล้ว

 

 

“อรุณสวัสดิ์จ้ะสุดสวย” เสียงทุ้มของพ่อครัวฝีมือเยี่ยมประจำตระกูลทักขึ้นเมื่อเจอแขกสาวคนพิเศษพอดี หากแต่เธอกลับเพียงแค่ส่งยิ้มบางๆแสนเศร้าให้เท่านั้น ไม่มีการทักทายตอบแต่อย่างใด

 

 

“โอ….มานั่งทานข้าวก่อนสิคิตตี้” มีอาเอ่ยขึ้นเมื่อเงยหน้ามาเห็นเลขาแสนสวยของพี่ชายสุดที่รักเข้า

 

 

“ขอบคุณค่ะคุณมีอา….แต่ฉันว่าจะออกไปทำงานแล้วค่ะ” กานดาตอบพลางส่งยิ้มบางๆให้กับเด็กสาว โดยที่ไม่สนใจจะหันมองเจ้านายใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะรับประทานอาหารเลยสักนิด

 

 

“อ้าว….ทำไมล่ะ ไม่ทานข้าวเช้าเดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไปหรอก” เสียงใสถามพลางทำตาปริบๆด้วยความสงสัย

 

 

“ฉันรีบนะค่ะเดี๋ยวจะไปทำงานสายเอา เมื่อวานนี้ก็ไม่ได้ไปทีนึงแล้ว….เดี๋ยวจะมีคนหาว่าอู้งานแล้วจะไล่ฉันออกได้ค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากแต่คนที่นั่งฟังอยู่เงียบๆกลับรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังพูดเหน็บแนมเขาอยู่

 

 

“ขอตัวก่อนนะคะ” เธอว่าพลางส่งยิ้มให้เด็กสาวอีกครั้งก่อนจะหันหลังกลับ หากแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงทุ้มดุดังขึ้นเสียก่อนที่เธอจะได้ก้าวออกจากห้องรับประทานอาหาร

 

 

“มานั่งทานข้าวเดี๋ยวนี้” วิลเลียมเอ่ยเสียงดุถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้หันไปสนใจร่างบางเล็กเลยสักนิด

 

 

“ผมบอกว่าให้มานั่งทานข้าว”

 

 

                เสียงทุ้มดังขึ้นอีกครั้งเมื่อกายสาวไม่ยอมทำตามที่สั่งเสียที หญิงสาวได้แต่ยืนนิ่งไม่ขยับไปไหนก่อนที่เธอจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อยและหันหลังกลับเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้นุ่มฝั่งตรงข้ามกับฝาแฝดแสนสวยของตระกูลเลสเซิ้ล ทำให้พ่อครัวประจำตระกูลต้องรีบจัดชุดอาหารเช้าสไตล์อเมริกันให้กับแขกสาวคนสำคัญที่นั่งทำหน้าไร้อารมณ์ใดๆทั้งสิ้น

 

 

“ทานหมดแล้วค่อยไป” ผู้เป็นนายหนุ่มกล่าวก่อนที่เขาจะจิบกาแฟหอมกรุ่นและทำทีเป็นว่าไม่สนใจแม่เลขาสาวแสนสวยดั่งเดิม

 

 

                กานดาฝืนใจทานอาหารที่อยู่ตรงหน้าแม้ว่าจะไม่อยากทานแค่ไหนก็ตาม ใช่ว่ามันจะมีรสชาติไม่อร่อยแต่อย่างใดหากแต่ตอนนี้เธอไม่รู้สึกอยากจะทานอะไรทั้งสิ้น และยิ่งต้องมาทนอยู่ใกล้กับคนที่พึ่งทำร้ายจิตใจเธอมาไม่กี่ชั่วโมงมันยิ่งทำให้อาหารมื้อเช้านี้ไม่น่ารื่นภิรมย์เข้าไปใหญ่

 

 

“อาหารไม่ถูกปากหรือจ๊ะ” มอร์แกนพ่อครัวประจำตระกูลถามขึ้นเมื่อเห็นว่าแขกสาวไม่ค่อยตักอาหารเข้าปากเท่าไหร่เลย

 

 

“เปล่าค่ะ อร่อยมากเลยค่ะ แต่วันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยหิวน่ะค่ะ” หญิงสาวหันไปตอบพลางส่งยิ้มแหยๆให้กับเขา ก่อนจะหันมาก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้าต่อไปเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าสิ่งที่เธอทำอยู่นั้นมันเสียมารยาท

 

 

                สองฝาแฝดมองแขกคนพิเศษสลับกับพี่ชายสุดที่รักที่ไม่พูดไม่จากันเลยสักคำ เหมือนดั่งว่าทั้งสองคนมีเรื่องบาดหมางอะไรบางอย่างต่อกันอย่างนั่นแหละ ก่อนที่ทั้งสองจะหันมองหน้ากันดั่งจะถามความคิดเห็นของกันและกันแต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา รวมทั้งแม่บ้านและพ่อครัวประจำตระกูลที่ต่างกันหันมองหน้ากันไปมาเพราะรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้านายใหญ่และแขกสาวคนสำคัญด้วยเหมือนกัน

 

 

 

                บรรยากาศอึมครึมและตึงเครียดยังคงปกคลุมระหว่างคนทั้งสองทั้งตลอดการรับประทานอาหารเช้าและจนถึงตอนนี้ที่ทั้งคู่นั่งอยู่ในรถคนโก้ ร่างบางเล็กนั่งติดกับประตูอีกฝั่งอย่างอยากจะเว้นระยะห่างร่างใหญ่ที่นั่งอีกฟากให้ได้มากที่สุด ใบหน้าสวยไม่ยอมหันมาเมียงมองและส่งยิ้มให้กับดวงหน้าหล่อคมเลยสักนิด เธอเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าที่เฉยชาจนคนที่คอยเหลือบมองเธอตลอดเวลาได้แต่ปิดปากเงียบ และรู้สึกอึดอัดจนแทบอยากจะรวบกายงามมานั่งบนตักพร้อมกับกอดรัดไว้ให้รู้แล้วรู้รอด

 

 

                และเมื่อถึงบริษัทเธอก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินอยู่ด้านหลังเขา ใครทักก็หันไปยิ้มให้แต่พอเมื่อเขาหันไปรอยยิ้มนั้นก็จางหายไปจากใบหน้าอันสวยหวานในทันที วิลเลียมมองเลขาสาวที่นั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานเดียวกับเขาอยู่อย่างนั้น การถูกเธอเมินเฉยใส่มันช่างเป็นอะไรที่น่าอึดอัดและน่าหงุดหงิดอย่างมาก เหมือนกับว่าวันนี้มันขาดอะไรไปบางอย่าง อะไรบางอย่างที่เขาไม่ต้องการจะได้รับจากใคร

 

 

นั่นก็คือน้ำเสียงหวานๆใสๆของแม่กระรอกสาว และรอยยิ้มพิฆาตใจชายที่ไม่ว่าเขาจะได้เห็นมากี่ครั้ง มันก็ยังทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวได้ทุกที….

 

 

                แต่ที่เขาโดนเธอเมินเฉยใส่อยู่นี้มันก็เพราะตัวเขาเองไม่ใช่หรือ กับเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้น เธอคงจะโกรธเขามากเลยใช่ไหม ก็แล้วจะให้เขาทำอย่างไรได้ล่ะในเมื่อตอนนั้นเขาดันรู้สึกหึงเธอขึ้นมาเสียอย่างนั้น ใช่….เขาพูดได้เต็มปากเลยล่ะว่าเขาหึงเธอ แล้วก็หวงเธอมากๆเสียด้วย ชนิดที่เรียกว่าแทบไม่อยากให้ชายใดมาใกล้ชิดสนิทสนมกับเธอเลยด้วยซ้ำ ทั้งๆที่เธอก็เป็นเพียงแค่เลขาแสนสวยของเขา ไม่ได้เป็นคู่รักหรือมีความสัมพันธ์ที่มากกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกน้องและเพื่อนร่วมโลกใดๆทั้งสิ้น แต่ทำไมเขาถึงได้หึงและหวงเธอมากขนาดนี้นะ เพียงแค่ได้เห็นว่าแม่กระรอกสาวของเขาชิดใกล้กับเพื่อนบ้านหนุ่มจอมจุ้น ควันก็แทบจะออกจากหูอยู่รำไร เลือดร้อนสูบฉีดไปทั่วร่างกายจนเขาแทบคลั่ง สรุปว่านี่เขาเป็นอะไรกัน จะว่าเขาหลงรักเธอเข้าให้แล้วอย่างนั้นหรือ คงจะไม่ใช่ซะล่ะมั้ง เพราะเขากับเธอพึ่งจะได้เจอกันเมื่อไม่นานมานี้เอง แล้วจะบอกว่ารักมันก็คงจะง่ายไปเสียหน่อยสำหรับเขา ที่ไม่เคยรักใครง่ายๆและไม่เคยให้หัวใจใครง่ายๆเลยสักนิด

 

 

ถ้าอย่างนั้น….เขาคงจะชอบเธอเสียมากกว่า ชอบในแบบที่พิเศษแต่ไม่ถึงกับคำว่ารัก แบบที่ไม่อยากให้ชายใดมายุ่มย่ามแต่ก็ไม่ได้ห้ามให้เธอมีใคร….หรือเปล่านะ

 

 

“วิลคะ….”

 

 

แต่ตอนนี้เขาจะต้องทำอย่างไรดี ทำอย่างไรเขาถึงจะได้ยินเสียงใสๆและได้เห็นรอยยิ้มพิมพ์ใจนั้นอีก ทำอย่างไรเขาถึงจะได้ยินเสียงหวานๆออดอ้อนออเซาะเขา และได้โอบกอดร่างเล็กบนตักแกร่งของเขาให้ชุ่มฉ่ำหัวใจอีกครั้ง….

 

 

“คุณวิลเลียม….”

 

 

นี่เขากำลังคิดบ้าอะไรอยู่ล่ะนี่!

 

 

“คุณวิลคะ!”

 

 

“ครับ” คนตกอยู่ในภวังค์สะดุ้งโหยงและรีบตอบรับเสียงหวานทันทีที่รู้สึกตัว พลางมองหน้าเลขาสาวที่เลิกคิ้วข้างหนึ่งใส่เขาอย่างงุนงง

 

 

“คุณเจเดนรอสายอยู่ค่ะ” กานดาบอกพลางพยักเพยิดหน้าไปทางโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของเจ้านายหนุ่ม

 

 

                วิลเลียมมองเลขาสาวอย่างงงๆอีกครั้งก่อนที่เขาจะยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาและกล่าวทักทายปลายสายที่รอคุยกับเขาอยู่ ใบหน้าหล่อคมทำสีหน้าจริงจังทันทีเมื่อได้เริ่มพูดคุยในเรื่องงาน และเมื่อเขาเจรจากับปลายสายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็กดวางสายและหันกลับมามองหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าก้มตาทำงานในทันที หากแต่พอเขาจะปริปากพูดอะไรออกมา เสียงเซ็กซี่ชวนสะอิดสะเอียนก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อนพร้อมกับร่างสูงเพรียวที่เดินนวยนาดเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะ

 

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะวิล” โมนิก้ากล่าวทักอดีตแฟนหนุ่มพลางส่งยิ้มหวานให้กับเขา ก่อนจะเหล่มองหญิงสาวอีกคนด้วยหางตา

 

 

“คุณมาทำอะไรที่อีกโมนิค” ชายหนุ่มถามออกไปพร้องกับมองคนที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย

 

 

“ก็ฉันคิดถึงคุณหนิคะ….อย่าทำเสียงดุอย่างนั้นสิคะวิล” หล่อนกล่าวก่อนที่จะย้ายร่างเพรียวบางไปนั่งลงบนตักแกร่งอย่างที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว ทำเอาใบหน้าคมต้องทำหน้าเหรอหราก่อนจะหันมองเลขาสาวของเขาที่นั่งทำหน้าเรียบเฉยไม่สื่ออารมณ์ใดๆทั้งสิ้น

 

 

“เกินไปแล้วโมนิก้า อย่าลืมสิว่าผมไม่ใช่แฟนของคุณแล้ว ลุกออกจากตักผมเดี๋ยวนี้” วิลเลียมสั่งเสียงเข้มพร้อมกับดันตัวอดีตคนรักให้ลุกออกจากตักแกร่ง

 

 

                ส่วนคนที่ถูกไล่ก็แทบจะหน้าถอดสีหากว่าหล่อนไม่เก็บอาการไว้ได้ทันเสียก่อน ร่างยั่วยวนค่อยๆลุกออกจากตักแกร่งพร้อมกับรอยยิ้มอันหวานหยดย้อย ทำเป็นไม่รู้สึกรู้สากับการที่ถูกเขาผลักไสไล่ส่งอย่างไม่ใยดี หากแต่ข้างในนี่สิกลับร้อนรุ่มไปด้วยโทสะที่แทบจะระเบิดออกมาอยู่รำไร แต่ก็ทำได้แค่แกล้งทำหน้าเศร้าสร้อยอย่างละอายแก่ใจที่เผลอไปทำตัวรุ่มร่ามใส่อดีตแฟนหนุ่มเพียงเท่านั้น

 

 

“ขอโทษนะคะวิล ฉันแค่ลืม….ว่าเราไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว” เสียงสั่นเครือถูกเปล่งออกมาพร้อมกับใบหน้าสวยคมที่สลดลงดั่งคนจะร้องไห้ก็มิปาน

 

 

“ไม่เป็นไรครับ แต่ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกแล้วกัน เดี๋ยวเลขาของผมจะเข้าใจผิดเอา” วิลเลียมกล่าวเสียงเรียบก่อนที่เขาจะหันมองแม่เลขาสาวที่ยังตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตน อย่างไม่คิดจะสนใจเจ้านายหนุ่มอย่างเขาเลยสักนิด หากแต่หญิงสาวอีกคนนี้สิ กลับแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความริษยาที่อดีตคนรักเก่าดันให้ความสำคัญกับเลขาของเขามากกว่าหล่อนที่เป็นคนเคยรัก!

 

 

“แล้วคุณมีธุระอะไรงั้นหรือถึงมาหาผมที่นี่” เสียงทุ้มถามพลางหันกลับมามองอดีตแฟนสาวอีกครั้ง

 

 

“เอ่อ….พอดีฉันจะมาชวนคุณไปทานข้าวเที่ยงกันน่ะค่ะ” โมนิก้าตอบเสียงอ้อมแอ้มทำตัวให้น่าสงสารมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

 

“นี่มันยังไม่เที่ยงเลยไม่ใช่เหรอ” ใบหน้าคมก้มมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาว่าเหลืออีกตั้งสามชั่วโมงกว่าจะถึงช่วงพักเที่ยง

 

 

“ฉันหมายถึง….ชวนไว้ก่อนน่ะค่ะ เผื่อว่าคุณจะไม่ว่าง” เสียงเซ็กซี่รีบอธิบาย พลางส่งยิ้มยั่วยวนใจให้กับคนตรงหน้าที่ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมตกหลุมพรางหล่อนเหมือนแต่ก่อนเลยสักนิด

 

 

“ผมไม่ว่างหรอก….เพราะผมต้องไปทานมื้อเที่ยงกับคุณเลขาแสนสวยของผมน่ะ” เจ้านายหนุ่มสุดหล่อบอกกับอดีตแฟนสาวอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหันไปยิ้มกรุ้มกริ่มให้กับแม่เลขาสาวที่หันมามองทางตนทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น

 

 

“เอ่อ….งั้นหรือคะ….” โมนิกาเอ่ยเสียงแผ่วพลางทำหน้าสลดลงมากยิ่งขึ้น หากแต่ภายในใจกลับกำลังกรีดร้องจนหล่อนแทบจะทนเก็บอาการไว้ไม่ไหวอยู่แล้ว

 

 

“เชิญคุณไปทานมื้อเที่ยงกับแฟนคุณเถอะค่ะ พอดีฉันนัดกับคุณลอร่าไว้แล้ว ว่าจะไปทานมื้อเที่ยงกับเธอน่ะค่ะ” กานดาพูดขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบจนแทบจะเย็นชา ถึงแม้ว่าตอนนี้ใบหน้าสวยๆของเธอจะยิ้มแย้มอยู่ก็ตาม

 

 

“นัดกันตอนไหน ทำไมผมไม่รู้เรื่อง” ผู้เป็นนายถามกลับด้วยความแปลกใจ พลางหรี่ตามองแม่เลขาสาวสุดสวยอย่างจับผิด

 

 

“เอาเป็นว่านัดไว้แล้วก็แล้วกันค่ะ….ขอตัวก่อนนะคะ” ว่าแล้วร่างเล็กก็ลุกขึ้นและทำทีจะเดินออกไปจากห้อง เพราะไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอใครให้เขาด่าว่าเธอเล่น และยิ่งเห็นสายตาหยามเหยียดของหญิงสาวอีกคนที่มองเธอมา มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้ว่าเธอไม่ควรสะเออะอยู่ในห้องทำงานนี้กับพวกเขาแม้แต่วินาทีเดียว

 

 

“จะไปไหนดา หยุดเดี๋ยวนี้!” กายใหญ่ลุกตามขึ้นมาบ้างพลางสั่งห้ามเลขาสาวเสียงเข้ม ทำให้คนที่กำลังจะเดินออกจากห้องต้องหยุดยืนนิ่งแต่ไม่ยอมหันกลับมามองเขาแต่อย่างใด

 

 

                ส่วนคนที่ยืนมองก็ได้แต่ทำหน้าอิจฉาริษยา หล่อนล่ะหมั่นไส้แม่เลขาสาวแสนรักของอดีตคนรักหนุ่มเสียเหลือเกิน นี่คงจะทำตัวเรียกร้องความสนใจให้คนเป็นเจ้านายสนใจอยู่ล่ะสินะ คงอยากจะอ่อยเจ้านายเต็มแก่แล้วล่ะสิ แต่ติดตรงที่หล่อนอยู่ในห้องนี้ด้วยมิเช่นนั้นป่านนี้แม่เลขาแสนเฉิ่มคงได้ขึ้นไปอยู่บนตัวอดีตแฟนเก่าของหล่อนเสียแล้วล่ะมั้ง

 

 

“กลับมานั่งที่เดี๋ยวนี้กานดา” วิลเลียมสั่งเลขาสาวเสียงขรึม พลางมองร่างเล็กนั้นด้วยสายตาดุๆ

 

 

“ฉันจะไปเข้าห้องน้ำค่ะ” กานดาตัดสินใจหันกลับไปและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาหวานที่จ้องสบกลับช่างดุแข็งและแฝงไปด้วยความเครียดหน่อยชายหนุ่มได้แต่อ้าปากค้างก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

 

 

“งั้นก็ไปเถอะ” เสียงทุ้มกล่าวอย่างเหนื่อยใจก่อนที่เขาจะกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานของเขาดั่งเดิม

 

 

“ตกลงว่าคุณจะไปทานมื้อเที่ยงกับฉันไหมคะวิล” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวอีกคนออกไปจากห้องแล้ว เสียงเซ็กซี่ก็รีบถามขึ้นทันทีด้วยหน้าตาที่ยั่วยวนอย่างสุดความสามารถ

 

 

“ผมไม่ไป….กลับไปได้แล้วโมนิคผมจะทำงาน” ชายหนุ่มกล่าวเสียงรำคาญพร้อมกับทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่อดีตคนรักสาวทำเอาเจ้าหล่อนไม่กล้าเปิดปากพูดอะไรออกมาอีกเลย

 

 

“กลับ-ไป-ได้-แล้ว!” เสียงทุ้มกดต่ำพูดเน้นคำให้คนที่ยังยืนนิ่งได้รับรู้ถึงอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะดีเท่าใดนัก ทำให้หญิงสาวต้องทำหน้าแค้นเคืองก่อนจะสะบัดก้นพาร่างสูงเพรียวของตนก้าวฉับๆออกไปจากห้องตามคำสั่งของอดีตคนรักหนุ่มแต่โดยดี

 

 

                วิลเลียมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อร่างเพรียวบางออกจากห้องทำงานของเขาไปแล้ว ชายหนุ่มมองไปยังโต๊ะทำงานของเลขาสาวด้วยความเหนื่อยใจ อากัปอาการเฉยชา หมางเมินและห่างเหินที่เธอมอบให้เขามันช่างทำให้เขาปวดหนึบที่กลางอกด้านซ้ายและพาลให้รู้สึกหงุดหงิดจนแทบอยากจะเอาศีรษะโขกกับกำแพงให้รู้แล้วรู้รอดไป

 

 

‘ไปไหนของเขานะ หายไปตั้งนานแล้วทำไมยังไม่กลับมาอีกแม่กระรอกจอมป่วน!’

 

 

                ชายหนุ่มบ่นอยู่ในใจพร้อมกับทำหน้ายุ่งจนคิ้วหนาแทบจะพันกันเป็นปม ทำไมนะเขาถึงต้องรู้สึกงุ่นง่านทุกครั้งเวลาที่แม่เลขาแสนสวยของเขาห่างไปไหนไกลตัว อย่างตอนที่อยู่เมืองไทยหากวันใดไม่ได้เจอหน้าหวานๆหรือเสียงใสๆของเธอล่ะก็เป็นต้องนอนไม่หลับทั้งคืนทุกที จนเขาต้องไปป่วนเธออยู่ทุกวัน และทุกครั้งที่เขาได้อยู่ใกล้ๆกับเธอมันช่างทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างน่าประหลาด แล้วมาตอนนี้ที่เธอมาอยู่กับเขาแล้วในประเทศเสรีแห่งนี้ เขากลับรู้สึกต้องการเธอมากขึ้น

 

 

ต้องการ….ทั้งตัวและหัวใจ!

 

 

“ไปกันใหญ่แล้ววิลเลียม!” เสียงทุ้มว่าตัวเองออกมาพลางส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยให้กับความคิดอันไร้สาระของเขาเอง

 

 

                ส่วนอีกด้านคนที่อยู่ในห้องน้ำหญิงตอนนี้ก็ยืนกอดอกพิงขอบอ่างล้างมืออย่างเหม่อลอย กานดาเฝ้ารอเวลาให้หญิงสาวอีกคนออกมาจากห้องทำงานใหญ่นั้น หรือไม่ก็ออกมาทั้งเจ้านายของเธอและหล่อนด้วยเลยก็คงจะดีไม่ใช่น้อย เพราะตอนนี้เธอยังไม่อยากจะเสวนากับเขาเท่าไหร่นัก แถมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้มันยังทำให้เธอรู้สึกแน่นหน้าอกอย่างไรบอกไม่ถูก รู้สึกเจ็บจุกจนเธอทนอยู่ในห้องนั้นต่อไปอีกไม่ได้ ภาพที่อดีตคนรักเก่าของเขาหย่อนก้นลงบนตักแกร่งและนำแขนเรียวโอบคล้องลำคอแข็งแรงไว้อย่างสนิทสนม มันช่างเป็นภาพที่บาดตาบาดใจเธอเสียเหลือเกิน เกินกว่าที่เธอจะทนปั้นหน้าเสแสร้งว่าไม่รู้สึกรู้สาอะไรได้อีกต่อไป ถึงแม้ว่าตอนหลังเขาจะบอกให้อดีตแฟนสาวของเขาลุกออกจากตักก็เถอะ แต่ในใจของเธอมันก็ยังรู้สึกแย่อยู่ดี

 

 

นี่เธอเป็นอะไรกันนะ เธอกำลังหึงเขาอยู่อย่างนั้นหรือ ความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นกับเธอตอนนี้มันเรียกว่าอะไรกัน เรียกว่ารักได้หรือเปล่า นี่เธอกำลังหลงรักเขาอยู่ใช่หรือไม่….

 

 

แต่ถ้าไม่ใช่….แล้วทำไมหัวใจดวงน้อยของเธอมันสั่นไหวอย่างนี้ล่ะ?

 

 

แล้วนี่เธอลืมโกรธเขาไปแล้วหรืออย่างไร!

 

 

                หญิงสาวสะบัดหน้าไปมาแรงๆเพื่อสลัดความคิดในหัวทิ้งก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และทำหน้ามุ่ยใส่ตัวเองผ่านกระจกอีกครั้ง ก่อนที่ร่างบางเล็กจะออกจากห้องน้ำและกลับไปยังห้องทำงานที่ตอนนี้มีเพียงแค่เจ้านายหนุ่มของเธอนั่งทำงานหน้าเครียดอยู่ภายในห้องเท่านั้น และเมื่อเห็นว่าเธอเดินเข้ามาในห้องและนั่งลงประจำตำแหน่งของตนแล้วเขาก็รีบยิงคำถามใส่เธอทันที

 

 

“ไปไหนมา” เสียงทุ้มถามน้ำเสียงดุนิดๆหากแต่แววตาที่ใช้มองมานี่สิ กลับสื่อถึงความเป็นห่วงเป็นใยเลขาสาวจนหัวใจดวงน้อยต้องเต้นตึกตักขึ้นมาเลยทีเดียว

 

 

“ไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” เธอตอบกลับไปพร้อมกับก้มหน้าลงทำทีเป็นสนใจเอกสารบนโต๊ะแทน

 

 

“เข้าห้องน้ำอะไรตั้งนมนาน เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าดา” คำพูดภาษาไทยที่ดังฟังชัดแสดงถึงความเป็นห่วงจนหมดใจทำให้หญิงสาวต้องรู้สึกใจเต้นรัวมากขึ้นเข้าไปอีก

 

 

“เปล่าค่ะ ฉันสบายดี” เสียงหวานตอบอ้อมแอ้มพลางพยายามปรับอารมณ์ที่เริ่มจะหวั่นไหวไปกับคำเป็นห่วงของเจ้านายหนุ่มให้กลับมาเป็นปกติดั่งเดิม

 

 

“ไม่เป็นอะไรแล้วทำไมไปเข้าห้องน้ำนานจัง”

 

 

                เสียงทุ้มถามขึ้นพลางตีหน้ายุ่งใส่หญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมเงยมามองสบตาเข้าเลยสักนิด ความเป็นห่วงจนจับขั้วหัวใจเกาะกุมทุกอณูส่วนของความคิดจนเขาแทบอยู่ไม่สุขเมื่อนึกไปต่างๆนาๆว่าเธออาจจะเป็นลมเป็นแล้งไปบ้างล่ะ อาจจะไม่สบายบ้างล่ะ หรือคิดว่าเธออาจจะโดนใครลักพาตัวไปแล้วจนเขาไม่เป็นอันทำงานทำการและนึกจะออกไปตามหาเธอหากแต่เธอกลับเข้ามาได้ทันเสียก่อน มิเช่นนั้นเขาคงได้วิ่งหาตัวเธอให้วุ่นไปทั้งบริษัทเป็นแน่

 

 

“ฉันคิดว่าคุณกับแฟนของคุณอยากจะมีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ฉันก็เลยไม่อยากจะเข้ามารบกวนหรือเป็นก้างขวางคอให้พวกคุณต้องเสียอารมณ์น่ะค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงหนักเล็กน้อยพลางทำหน้าหม่นลงดั่งกับว่าเธอกำลังแอบน้อยใจเขาอยู่อย่างไงอย่างงั้น

 

 

“ผมบอกไปแล้วไงว่าเขาไม่ใช่แฟนของผม โมนิก้าเป็นแค่อดีตคนรักของผมเท่านั้น” ชายหนุ่มรีบอธิบายให้แม่กระรอกน้อยของเขาเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเขาและหญิงสาวอีกคนเสียใหม่

 

 

“ค่ะ” หากแต่เลขาสาวของเขากลับรับคำแค่นั้นและเริ่มตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตนโดยไม่ยอมพูดอะไรต่อเลยสักคำ

 

 

“คุณเชื่อผมจริงๆหรือเปล่า” เสียงทุ้มถามออกไปด้วยความไม่แน่ใจนักว่าหญิงสาวจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูด

 

 

“มันเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ ฉันไม่กล้าเข้าไปยุ่งหรอกค่ะ” เสียงหวานตอบไม่ตรงกับคำถาม พลางตีหน้าซื่อใส่ผู้เป็นนายใหญ่ที่ยืนย่นคิ้วอยู่ตรงหน้าจนคิ้วหนาแทบจะพันกันเป็นปมเสียแล้ว

 

 

                ความเงียบปกคลุมห้องทำงานสุดหรูอีกครั้งเมื่อหญิงสาวเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาตรวจทานแฟ้มเอกสารที่อยู่ตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มต้องลอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหันกลับมาสนใจงานของตัวเองบ้างหากแต่หัวสมองกลับไม่ยอมอ่านอะไรเอาเสียเลย เพราะเขาเอาแต่คิดถึงคนที่นั่งเยื้องออกไปที่ไม่ยอมพูดยอมจาเหมือนกับว่าไม่มีตัวตน แถมยังทำหน้าคร่ำเครียดจนเขาไม่กล้าเปิดปากพูดอะไรจึงทำได้แต่คอยเหลือบมองใบหน้าหวานใสเป็นระยะเพียงเท่านั้น

 

 

 

                บรรยากาศอึมครึมปกคลุมไปรอบห้องทำงานใหญ่จนคนทั้งสองต่างก็รู้สึกอึดอัด วันนี้ทั้งวันเจ้านายหนุ่มและเลขาสาวแทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเลยนอกจากเรื่องงานเพียงเท่านั้น และแน่นอนว่าตอนกลางวันหญิงสาวก็เลือกที่จะออกไปทางข้าวกับเพื่อนร่วมงานแทนที่จะออกไปทานกับผู้เป็นนายเหมือนดั่งวันแรกที่เธอเข้ามาทำงานในบริษัทของเขา และเมื่อถึงเวลาเลิกงานช่วงขากลับไปยังคฤหาสน์แสนหรูก็มีเพียงความเงียบที่ปกคลุมไปทั่วทั้งรถยนต์คันโก้เพียงเท่านั้น จนทำให้คนเป็นลูกน้องอย่างโจเซฟต้องรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นนายของเขาและแขกคนสำคัญทำห่างเหินใส่กันอย่างนี้ ทั้งที่เมื่อวันก่อนยังเห็นหยอกล้อกันเหมือนดั่งดอกรักเริ่มผลิบานในใจของคนทั้งสองอยู่เลย แต่เขาเป็นเพียงแค่ลูกน้องต๊อกต๋อยนี่นะ ถึงจะสนิทกันแค่ไหนแต่มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้เป็นนาย จะให้เขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวมันก็ไม่ใช่เรื่องเลยสักนิด ดีไม่ดีหากเข้าไปก้าวก่ายเข้าอาจจะโดนไล่ออกโดยที่ไม่รู้ตัวก็เป็นได้ ถ้าเช่นนั้นเขาขอสงบปากสงบคำทนรับความอึดอัดอย่างนี้ไปจะดีกว่า

 

 

                เมื่อมาถึงคฤหาสน์ร่างเล็กก็ตรงไปยังห้องนอนของตัวเองทันทีเพราะความเหนื่อยล้า ตอนนี้ตาทั้งสองข้างของเธอแทบจะปิดอยู่แล้วหากเธอไม่พยายามฝืนลืมตาเอาไว้ การทำงานตั้งแต่เช้าจรดเย็นความจริงมันก็เป็นเหมือนกับปกติที่เธอเคยทำมา หากแต่เวลาที่เปลี่ยนสลับไปทำให้ร่างกายของเธออ่อนเพลียอย่างมากเพราะอยู่ในช่วงของการปรับตัว จนสมองของเธอแทบจะไม่มีรับรู้อะไรเลยนอกจากคำว่าเตียงแต่เพียงเท่านั้น

 

 

                ส่วนคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ยอมหันกลับมามองเขาเลยสักนิด พลางคิดไปว่าเธอคงจะยังโกรธเขาเรื่องเมื่อคืนไม่หายถึงได้ทำหมางเมิงใส่เขาอยู่เช่นนี้ คิดแล้วมันน่าหงุดหงิดตัวเองเสียจริงที่ทำอะไรตามอารมณ์โดยไม่คิดหน้าคิดหลังเสียก่อน แล้วจะทำอย่างไรดีให้เธอหายโกรธ จะทำอย่างไรเธอถึงจะยอมยกโทษให้และกลับมาเป็นแม่กระรอกน้อยกลอยใจของเขาเหมือนเดิม คงต้องรอปาฏิหาริย์เสียแล้วล่ะมัง….

 

 

                กานดาพาตัวเองเข้าไปอาบน้ำอย่างสลึมสลือเมื่อมาถึงห้องนอนแสนหวานของตน และถึงแม้ว่าเธอจะปรับอุณหภูมิของน้ำให้เย็นแค่ไหนแต่ก็ไม่ทำให้อาการหนักอึ้งที่ตามันดีขึ้นมาบ้างเลย ร่างบางสวมเสื้อยืนสีชมพูและกางเกงนอนขายาวสีขาวอย่างทุลักทุเลเล็กน้อยก่อนที่จะเดินโซเซไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่แสนนุ่มและล้มตัวลงนอนในที่สุด หากแต่พอปิดตาลงเท่านั้นแหละ เสียงเคาะประตูแบบรัวๆก็ดังขึ้นจนคิ้วเรียวต้องขมวดเข้าหากันเป็นปมแน่นทันที ก่อนที่เธอจะลุกออกจากเตียงและเดินไปเปิดประตูให้กับเจ้าของคฤหาสน์ฝาแฝด ที่ผู้น้องยืนยิ้มแป้นส่วนผู้พี่กลับทำหน้าเมินเฉยใส่เธอเหมือนอย่างเคย

 

 

“มีอะไรหรอคะคุณเอมิลี่ คุณมีอา” กานดาถามคนที่เดินเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

 

 

“ฉันมีเรื่องอยากจะขอให้เธอช่วยหน่อยนะ” มีอากล่าวพร้อมกับนั่งลงบนขอบเตียงนุ่ม และชูมือทั้งสองข้างที่ใส่แหวนคละแบบหลากสีขึ้นมาให้เธอดู “เธอว่าฉันใส่อันไหนสวยมากที่สุดฮะคิตตี้”

 

 

“อันไหนคุณก็ใส่สวยหมดแหละค่ะคุณมีอา” คนง่วงนอนเต็มทนตอบออกไปพลางส่งยิ้มแห้งๆให้กับเด็กสาว พลางพยายามลืมตาเอาไว้ถึงแม้ว่าอยากจะหลับแค่ไหนก็ตาม

 

 

“งั้นหรอ….แต่ฉันเลือกไม่ถูกนี่นา” เสียงใสเอ่ยพลางขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองแหวนที่สวมครบทั้งสิบนิ้วอย่างพินิจ

 

 

“งั้นก็เลือกวงที่คุณชอบมากที่สุดสิคะ” กานดากล่าวก่อนจะนั่งลงข้างๆเด็กสาวและบิดขี้เกียจไล่ความง่วงเล็กน้อย

 

 

“แต่ฉันว่า….คิตตี้! เธอไปโดนอะไรมาน่ะ ทำไมเป็นรอยช้ำอย่างนี้ล่ะ” มีอาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจเมื่อเห็นรอยช้ำแดงสีเข้มหลายจุดบนลำคอขาวนวลของคนที่นั่งอยู่ข้างกาย

 

 

“ไหนๆมาดูหน่อยซิ”

 

 

                  เอมิลี่ว่าพร้อมกับรีบเดินจากโต๊ะเครื่องแป้งมาเพ่งเล็งตรงบริเวณลำคอของแขกคนสำคัญในทันใด และเมื่อหล่อนได้เห็นรอยช้ำแดงนั้นอย่างชัดเจนและเต็มตา หล่อนก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงกับเหล่าร่องรอยนั้นที่หล่อนรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรในทันที

 

 

“นี่เธอ….”

 

 

“ไม่ใช่นะคะคุณเอมิลี่ ฉัน….”

 

 

               กานดารีบปฏิเสธอย่างเร็วรี่ด้วยความตกใจที่พวกสาวๆเห็นรอยประทับตราของเลสเซิ้ลคนพี่ด้วยความบังเอิญ แต่ก่อนที่เธอจะได้ทันแก้ตัวเสร็จ คนเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องก็เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเสียก่อน

 

 

“ไปเข้านอนกันได้แล้วสาวๆ” เสียงทุ้มบอกแก่สองสาวฝาแฝดที่ต่างยังคงอึ้งกับรอยจุมพิตบนคอขาวนวลของแขกคนสำคัญอยู่

 

 

“ป๊ะป๋า! บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะคะว่าป๊ะป๋าทำอะไรคิตตี้!” เอมิลี่รีบถลาไปหาพี่ชายของตนพร้อมกับถามคำถามออกมาเสียงดังลั่น

 

 

“ไม่มีอะไรหรอกเอมมี่ กลับห้องกันไปได้แล้ว” วิลเลียมตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนดั่งไม่รู้สึกทุกข์ร้อนเลยสักนิด

 

 

“แต่….” เสียงทรงเสน่ห์ทำท่าจะค้านหากแต่คนมีอำนาจเหนือกว่ากลับขัดขึ้นมาเสียก่อน

 

 

“พี่จะคุยกับเลขาของพี่”

 

 

                ว่าแล้วผู้เป็นพี่ชายก็มองหน้าผู้เป็นน้องสาวอย่างตำหนิ ทำให้ฝาแฝดทั้งสองต้องทำหน้าสลดลงเล็กน้อยก่อนที่พวกหล่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยความตะขิดตะข่วนใจ รู้สึกสงสัยและคาดเดาไปต่างๆนาๆ และพลางพากันคิดไปถึงว่าไม่ใช่ป๊ะป๋าแสนดีของพวกหล่อนและแขกคนสำคัญของเขามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกันไปแล้วหรือ

 

 

แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไรกันล่ะ หรือว่าแม่สาวร่างเล็กจะทำการอ่อยพี่ชายสุดที่รักให้ติดหลุมพรางกัน!

 

 

                กานดานั่งก้มหน้ามองมือของตัวเองเพราะความไม่อยากเห็นหน้าคนตัวต้นเหตุให้ต้องเจ็บช้ำระกำใจ หากแต่ร่างใหญ่กลับเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ และเริ่มเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่มมากกว่าครั้งไหนๆที่เธอเคยได้ยินมา

 

 

“ดาครับ….”

 

 

“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณค่ะ กลับห้องคุณไปเถอะค่ะ” หากแต่หญิงสาวรีบบอกปัดไปทันควันดั่งไม่คิดจะรอฟังเสียงทุ้มนุ่มนั้นเลยสักนิด

 

 

“แต่ผมมี แล้วเราต้องคุยกันให้รู้เรื่องด้วย” วิลเลียมพูดเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังอ่อนโยนพอให้คนที่นั่งก้มหน้าต้องรู้สึกหวิวไหว

 

 

“ผมขอโทษ….ผมขอโทษที่เมื่อคืนผมแกล้งคุณแบบนั้น ผมไม่ได้ตั้งใจครับดา”

 

 

                 คำขอโทษที่ชายหนุ่มบอกออกมามันช่างฟังดูจริงใจเสียจนหญิงสาวต้องเงยหน้ามองเขา น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่ฟังแล้วเหมือนขอร้องและอ้อนวอนกับสีหน้าที่บ่งบอกถึงความสำนึกผิดทำให้เธอแทบจะใจอ่อนยวบยาบลงในทันทีทันใด หากแต่อีกใจหนึ่งกลับคิดว่ามันคงง่ายไปหน่อยหากเธอจะหายโกรธเพียงแค่คำขอโทษเล็กๆน้อยๆ ทั้งๆที่เรื่องมันก็ค่อนข้างจะใหญ่โตสำหรับเธอ ที่ไม่รู้ว่าในอนาคตที่ไม่ใกล้ไม่ไกลข้างหน้า เรื่องอย่างนี้มันจะเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า

 

 

หรืออาจจะเกิดขึ้นมากกว่าแค่เขาฝากรอยประทับตราที่มีวันเลือนราง กลับกลายเป็นรอยประทับตราที่ไม่มีวันเลือนหายไปจากชีวิตเธอก็เป็นได้!

 

 

แต่ถ้าเธอยังคงโกรธเขาต่อไป มันจะเป็นการใจร้ายจนเกินไปหรือเปล่านะ?

 

 

“เก็บคำขอโทษของคุณเอาไว้เถอะค่ะ ยังไงคุณก็เป็นเจ้าหนี้ฉัน….จะทำอะไรฉันมันก็คงไม่ผิดหรอกค่ะ” หญิงสาวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงประชดประชันเล็กน้อย หากแต่เต็มไปด้วยความน้อยใจจนคนฟังรู้สึกได้ทันที

 

 

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะดา ผมไม่ได้คิดว่าคุณเป็นลูกหนี้ของผมเลย….ขอโทษนะครับ ยกโทษให้ผมนะ” เสียงทุ้มนุ่มกล่าวอีกครั้งและทำน้ำเสียเง้าง้อมากกว่าเดิม หากแต่ดูเหมือนว่าแม่กระรอกน้อยของเขาจะไม่ยอมใจอ่อนให้เขาเลยสักนิด

 

 

“บอกแล้วไงคะว่าไม่ต้องมาขอโทษฉัน คุณไม่ได้ผิดอะไร ฉันต่างหากล่ะคะที่ผิด….ผิดที่เข้าไปยุ่มย่ามในห้องของคุณก่อน ฉันผิดเองค่ะ” กานดาเอ่ยเสียงหนักและสั่นเครือเล็กน้อย พลางก้มหน้าหลบสายตาคมอีกครั้ง

 

 

“กานดา….”

 

 

“ฉันง่วงแล้วค่ะ คุณกลับห้องไปเถอะค่ะพรุ่งนี้เราต้องไปทำงานกันแต่เช้า”

 

 

                ว่าแล้วร่างเล็กก็รีบขึ้นไปบนที่นอนอย่างเต็มตัวก่อนจะล้มตัวลงนอนและนำผ้าห่มมาคลุมตั้งแต่ศีรษะอย่างมิดชิด เพื่อตัดบทสนทนาอันแสนจะน่าอึดอัดนี้ให้จบลงก่อนที่เธอจะแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็นเสียก่อน จึงทำให้คนที่ยืนเคว้งคว้างอยู่ตรงปลายเตียงต้องขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาให้คนที่นอนคลุมโปรงได้ยินเสียงจนรู้สึกใจหายวาบตามไปด้วย ก่อนที่ร่างสง่าจะเดินออกจากห้องไปอย่างหมดกำลังใจหากแต่กลับไม่ยอมท้อถอย

 

 

“ขอโทษนะครับที่รัก….”

 

 

                เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบผ่านประตูเชื่อมระหว่างห้องที่ขวางกั้นก่อนที่กายแกร่งจะเดินไปนั่งลงบนขอบเตียงและหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูขึ้นมาก่อนจะกดหมายเลขหาพนักงานคนสนิททันที

 

 

“สวัสดีครับมิสซิสเทนดี้….ผมอยากให้คุณช่วยบอก….วิธีง้อผู้หญิงแบบจัดเต็มและได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ให้ผมหน่อยจะได้ไหมครับ”

 

 

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา