The Ghaost-sy.ผี - กะเทยข้าง (ใน) ห้อง! Yaoi
1) บทที่1 เมื่อเขาไม่ได้อยู่คนเดียว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเด็กหนุ่มผมสีนำตาล สวมแว่นกรอบเหลี่ยมเก๋ไก๋ แต่ยังดูเชยสะบัดด้วยชุดเสื้อยืดกางเกงนอนธรรมดา บัดนี้กำลังนั่งจ้องตาแป๋วๆของเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งอยู่ ข้างๆมีสาวสวยระดับนางงามนั่งสูบบุหรี่ด้วยท่าทางเซ็กซี่อยู่ ซึ่งฝ่ายหลังทำหน้าเหมือนขำในความงุนงงของเขา
โอคิโตะตื่นขึ้นมาตามเวลานาฬิกาปลุกเหมือนเช่นทุกวัน แต่ที่ไม่เหมือนคือการลุกกึ่งนั่งแล้วเจอใครบางคนสบตาด้วยนี่สิ แถมเป็นเด็กผู้หญิงน่ารักอีกต่างหาก ผมสั้นสีดำสนิทเหมือนเช่นดวงตา ผิดกับอาเจ๊คนสวยสวมชุดญี่ปุ่นโบราณ ซึ่งย้อมผมสีน้ำตาลแล้วไล่ระดับอย่างลงตัวจนปลายเส้นผมเป็นสีทอง แต่เหมือนกับตรงดวงตาสีรัตติกาล
“jjkaoteanlawna” เด็กสาวตะโกนภาษาไม่คุ้นหูพลางชี้มาทางเขารัวๆ “jahaitumyungngaitode?”
ถ้าถามว่าระดับความงงมีเต็มสิบ อย่างน้อยเขาก็ต้องได้เก้าจุดห้า เว้นซะแต่ว่าเทวดาวัดค่าความงงจะลำเอียง กดคะแนนต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เพราะอย่างน้อยเขาก็มีความไม่เข้าใจตั้งสามอย่าง หนึ่ง ผู้หญิงสองคนนี้เป็นใคร? สอง ผู้หญิงสองคนนี้เข้าห้องผิดใช่ไหม แล้วไขประตูเข้ามาได้อย่างไร? สาม หรือจะเป็นเขาเองที่ละเมอเดินเขาห้องชาวบ้าน!
แต่ที่แน่ๆ สภาพโดยรอบก็เป็นห้องเขาชัวร์ เพราะโปสเตอร์ลายมุโรคาว่า มิกิจัง ยังแปะอยู่โดยรอบอยู่เลยนี่ จะหาใครชื่นชอบสาวน้อยไอดอลคนนี้เท่าเป็นไม่มี ทั้งเสียงร้องหรือรอยยิ้ม กระโปรงบานฟูฟ่องก็สุดยอด ทั้งหมดทั้งมวลสรุปได้ว่านี่มันห้องของเขาแน่ๆ
อาเจ๊ชุดญี่ปุ่นโบราณทั้งยาวและคลุมหลายชั้นสีชมพูอ่อนบางสวย ใช้นิ้วคีบบุหรี่ออกมาจากปากแล่นพ่นควันในคราวเดียว เป็นเส้นตรงเรียวดูมีศิลปะ หากว่ามันไม่ใช่ของทำลายสุขภาพและก่อกำเนิดโรคถุงลมโป่งพอง เด็กดีและแย่ทั้งหลายไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างหรือทดลองเป็นอย่างยิ่ง
“Tubhuamunlawyonoogpailey Raoyungclearrianghongmaisregleynaya”
แม้จะไม่รู้ว่าได้ความอย่างไร แค้โอคิโตะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยขึ้นตามมือของเด็กผู้หญิงคนนั้น ทั้งที่มันไม่ได้สัมผัสส่วนใดในร่างกายเขาเลยสักนิด! หรือว่านี่คือมนุษย์พลังจิต นอกจากเดินทะลุเข้าห้องคนอื่นได้โดยไม่ได้รับอนุญาติแล้ว ยังสามารถเคลื่อนย้ายคนสัตว์สิ่งของอย่างอิสระ!
เด็กผู้หญิงคนนั้นพุ่งไปทั้งที่ยังควบคุมร่างของโนรุให้ลอยอยู่เหนือพื้น ความเร็วระดับสุดยอดนี้ไม่ได้บังคับด้วยขา เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเห็นชัดๆว่ามันไม่ได้แตะพื้น ไม่จริงน่า แบบนี้มันไม่ใช่คนแล้ว แต่เป็น...
โป๊ก! คุณวิญญาณสาวน้อยเหวี่ยงเขาใส่ประตูแบบไม่ปรานีปราศรัย แถมยังมีหน้ามาทำงงอีกต่างหาก คนที่โดนทารุณกรรมรับอรุณรุ่งสิ ควรจะเป็นฝ่ายรู้สึก!
“JJ! Naikonnymaitaluhae!” สุ้มเสียงปนสำเนียงประหลาดนั้นร้องขึ้นมาหลายรอบอย่างตื่นเต้น พลางช่วยพยุงคนมึนจากการกระแทกอย่างมีน้ำใจ
ด้วยเสียงร้องเมื่อครู่ ทำให้สาวประเภทสองในชุดสตรีญี่ปุ่นโบราณหวานสวยรีบ ‘ลอย’ ตามมาทันที สีหน้ามีความสงสัยมากกว่า เธอ (หรือเขา) สะบัดมือตบหน้าโอคิโตะไม่สองฉาดใหญ่ๆ โดนเหวี่ยงใส่ประตูไม่พอ ยังมากินตุ้บตั้บอีก อาหารเช้าประจำวันทุกครั้งคือขนมปังปิ้งต่างหาก ไหงเริ่มต้นวันใหม่ได้โคตรซวยแบบนี้นะ
ก่อนที่สองสาวจะเริ่มต้นพูดคุยแบบ ‘ผู้หญิงๆ’ จนผู้ชายอย่างเขาฟังไม่ออก เด็กหนุ่มยกมือเบรกเอี๊ยดให้คุณผีน่ารักช่วยโต้ตอบกันเป็นภาษญี่ปุ่นสักที อย่างน้อยเขาจะได้มีสิทธิโต้แย้ง ขนาดตำรวจอเมริกายังบอกผู้ร้ายว่าคุณมีสิทธิที่จะไม่พูด เพราะทุกคำที่พูดจะเป็นหลักฐานในชั้นศาล แต่นั่นหมายถึงคนร้ายก็สามารถพูดได้อยู่ไม่ใช่หรือไงกัน...หากเขาเข้าใจไม่ผิดน่ะนะ
คุณวิญญาณสาวสวยคว้าเขามานั่งในห้องรับแขกตรงผู้มาเยือน ก่อนจะพยามตีกันเรื่องที่นั่งเจ้าของห้อง จนมองเห็นตาแป๋วๆขลาดๆของโอคิโตะเริ่มแผ่รังสีออกให้รู้สึก จึงได้เริ่มนั่งลงกันคนละครึ่งทางครึ่งที่นั่ง โชคดีที่โต๊ะญี่ปุ่นตัวนั้นใหญ่พอจะนั่งสองคนต่อหนึ่งด้านได้
คุณผีน่ารักผมสั้นเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน “ฉันชื่ออรนิช นงนภัส เอ...ไม่สิ คนญี่ปุ่นเขาเอานามสกุลขึ้นก่อนเนอะ ก็ต้องเป็นนงนภัส อรนิช สินะ”
วิญญาณสาวสวยคีบบุหรี่ที่ไม่หดลงด้วยสองนิ้ว แล้วพ่นควันออกมาอีกรอบ “ฐิติกานต์ รักษณาลี ไม่กลับนามสกุลนะ ฉันทำงานเป็นเกอิชามาตลอดหลายปี บริการคนญี่ปุ่นมากพอแล้ว ขอนิยมไทยบ้างเถอะ”
โอคิโตะเก็บข้อมูลแนะนำตัวนั้นอย่างรวดเร็ว อย่างแรกคือเรื่องเชื้อชาติซึ่งก็น่าจะรู้กันอยู่ตั้งแต่ประโยคโต้ตอบแบบผู้หญิงๆ อย่างที่สองคือเขาไม่มีทางจำชื่อของสองคนนี้ได้แน่ๆ อย่างที่สามคือสิ่งเหนือธรรมชาติเหล่านี้เหมือนจะตีกันด้วยสาเหตุบางประการ ดูจากการแย่งที่นั่งเจ้าของห้อง คงกำลังแย่งกันถือกรรมสิทธิ์ว่าใครมาก่อนหลัง
เขาเองก็ไม่อยากทะเลาะกันคนที่มาอยู่ก่อนในอดีต เพียงแต่มิจิฮากาเนะจะยอมให้เปลี่ยนห้องหรือเปล่านี่สิ ถ้าไม่ยอมเขาจะหาหอพักราคาย่อมเยาไว้อยู่ใหม่แน่ๆ ปล่อยสองตนนี้ตีกันไปเองเถอะ!
ในตอนนั้นเองที่โนรุเริ่มรู้สึกตัว เขาควรจะกรีดร้องแล้วก็โวยวายด้วยความขนหัวลุก จากนั้นก็นั่งตัวสั่นพั่บๆตรงมุมห้อง เพียงแต่สองตนนี้ไม่ได้สวมชุดสีขาว คลานออกมาจากโทรทัศน์หรือว่ามีตัวเขียวซีดแบบในหนังนี่นา หากไม่ติดตรงเท้าลอยจากพื้นได้ล่ะก็ เหมือนมนุษย์ปกติทุกประการเลยทีเดียว
เหมือนสิ่งลี้ลับทั้งสองจะเห็นใจในหน้าตาซื่อบื้อของโนรุ จึงตัดสินใจบอกชื่อเล่นสั้นๆให้ฟังแทน ด้านผีสาวน่ารักคือภัส เป็นชื่อที่ตั้งจากนามสกุล แทนที่จะเป็นชื่อจริงอย่างคนทั่วไป ส่วนอีกคนยักไหล่เล็กน้อยแล้วแนะนำชื่อเล่นตนว่ากานต์ แน่นอนว่านามทั้งสองได้มาหลังเปลี่ยนจากชื่อเพศชายเต็มยศ
ในขณะที่อรนิชสวมชุดกระโปรงบานสีดำดูน่ารักสไตล์โกธิค แถมไว้ผมสั้นออกแนวคุณหนูหน่อยๆ ฐิติกานต์กลับสวมเครื่องประดับศีรษะและชุดอ่อนหวานสวยและงามสง่า จุดเด่นของทรงผมนอกจากเครื่องประดับนั้นยังมีปอยยาวลงมาสองด้าน ซึ่งปอยนี้เองที่ทำให้เห็นสีน้ำตาลไล่ระดับทองลงมาชัดเจน
โอคิโตะแจ้งความจำนงว่าตนจะไม่ทำสงครามเป็นศึกสามฝ่ายเด็ดขาด แหงล่ะ แค่พลังจิตพิเศษของภัสก็ทำเขาลอยละลิ่วแล้วนี่ ฝ่ายแพ้ยับเยินคนแรกเลยไม่ใช่หรือไง
ดังนั้น โนรุจึงยื่นเรื่องขอย้ายห้องไปอยู่ที่ว่างอื่นในโรงแรม แทนที่จะอยู่สู้รบตบมือกับสิ่งลี้ลับแสนสวย ซึ่งไม่สวยในการปรานีเขาซะเลย จะบอกว่าเป็นความโหดร้ายของพวกเธอก็ไม่ถูก เพราะทั้งสองตนเข้าใจว่าเด็กหนุ่มเป็นคนไทยและไม่ใช่มนุษย์เหมือนกัน
เรื่องสืบมาจากตอนกลางคืน พลังของยันต์หลุดๆอ่อนลงจะหมดอำนาจ วิญญาณทั้งสองตนนั้นเริ่มตื่นจากการหลับใหลและพบว่าในห้องพักของตัวเองมีคนนอกอยู่ซะแล้ว!
ความจริงเรื่องนี้จะตกลงด้วยการเป็นรูมเมทก็ได้ แต่สาวไทยสองตนไม่ยักคิดเช่นนั้น พวกเธอพร้อมใจกันทุ่มเถียงว่าใครกันที่ควรเป็นเจ้าของห้องและเนรเทศอีกฝ่ายออกไป แต่จะตัดสินอย่างไรก็คงไม่อาจลงตัว เพราะทั้งอรนิชและฐิติกานต์ต่างไม่มี ‘ข้อมูล’ ในความทรงจำเพื่อโต้เถียงเรื่องวันที่ทั้งคู่ หากไม่ถามผู้ดูแลคงไม่มีทางรู้แน่นอน
ความจริงด้วยอำนาจการรู้จักเจ้าของโรงแรมอย่างมิจิฮากาเนะ ก็น่าจะทำให้บัญชีรายชื่อแขกที่มาพักแง้มออกมาได้บ้าง แต่วิญญาณทั้งสองพร้อมใจกับตอบว่าไม่! ใส่โนรุผู้หวังดีอย่างพร้อมเพรียง แน่ล่ะ ถ้าเถียงต่อไปแบบนี้อาจมีโอกาสชนะ แต่ถ้ารู้ผลในพริบตาแล้วเป็นฝ่ายแพ้ ก็เท่ากับว่าไม่เคยฮึดสู้เลยน่ะสิ ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงและสาวประเภทสองจะยอมได้อย่างไรกัน
ความจริงโอคิโตะก็คิดว่าฐิติกานต์น่าจะเกิดเป็นผู้หญิงจริงๆ เพราะน้ำเสียงที่ใช้ก็ไม่ได้แหลมปรี๊ด แม้จะไม่อ่อนหวานอย่างผู้หญิง แต่ออกทุ้มนิดๆแบบรื่นหูพอสมควร ผิดกับผู้หญิงแท้ๆอย่างอรนิช ซึ่งส่งเสียงแหลมออกมาได้ชัดเจนตอนตะโกนเถียงกัน ด้วยเสียงระดับนี้ยังเป็นที่แปลกใจของผู้ระเห็จว่าไฉนเมื่อคืนตนถึงยังไม่ตื่น
มิจิฮากาเนะนั่งจิบกาแฟยามเช้าอย่างสบายอารมณ์ นิ้วเรียวแหลมเหมือนแม่มดเกี่ยวหูแก้วอย่างพอเหมาะ วันนี้ก็ยังคงสวมชุดกระโปรงยาวสีดำเหมือนเลดี้ในอังกฤษเหมือนเคย และฟังคำอธิบายอย่างเกรงอกเกรงใจของอาคิโตะแบบใจเย็นสุดขีด ไม่มีความกระตือรือร้นเรื่องความประหลาดมหัศจรรย์ในโรงแรมของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่ห้องพักของเธอก็อยู่ชั้นบนสุดในโรงแรมแห่งเดียวกันนี้เอง!
หนึ่งในเส้นผมยาวสลวยไร้การประดับใดๆถูกนำมาเกี่ยวพันนิ้วเล่นระหว่างคิดข้อสรุป ซึ่งมันก็ออกมาในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที หญิงสาวพูดยิ้มๆ “งั้นเธอก็ไปเถียงกับเขาสิ ถ้าเถียงชนะก็ได้ครองห้องต่อไป สู้เขานะโนรุคุง...!”
การที่เธอส่งเสียงลากยาวเชียร์พร้อมด้วยการโบกธงญี่ปุ่นอันเล็กๆด้วยมือทั้งสองข้าง มันไม่ช่วยให้เด็กหนุ่มเลิกเดินคอตกออกไปเลยแม้แต่น้อย แต่เขาจะท้อไม่ได้ หอพักในคันคุโซยังมีออีกหลายที ตอนนี้แค่ต้องขนของเท่านั้นเอง ทั้งเนื้อทั้งตัวของผู้ที่อยู่แบบจืดชืดก็ไม่ได้มีอะไรมากนักอยู่แล้ว แต่หากคุณผีน่ารักทั้งสองจะใช้พลังวิเศษช่วยย้าย เขาก็ไม่ปฏิเสธในน้ำใจหรอกนะ
โนรุเกือบจะไขเข้าห้องอยู่รอมร่อ แต่ก็ตัดสินใจเคาะประตูเพื่อมารยาทก่อนเป็นอันดับแรก นี่มันไม่ใช่ห้องพักของเขาแล้ว จะทำอะไรโดยพลการเดี๋ยวก็โดนเจ้าของห้องโยนออกมากันพอดี ตอนนี้จะตัดสินกันได้หรือยังหนอ น่าเสียดายหรืออาจจะน่ายินดีสำหรับผู้ที่มิจิฮากาเนะเชียร์ให้สู้รบตบมือ เพราะพวกเธอยังเถียงกันไม่เลิก
สายตาของสองผีน่ารักหันมาขวับทันที พร้อมชี้ไปยังกระเป๋าบรรจุของใช้ นี่เขาไปไม่ถึงสิบนาทีถึงขั้นแพ็กกระเป๋าให้เลยหรือเนี่ย ถึงจะจืดชืดก็ฉุนเป็นเหมือนกันนะ แต่คนแหยจฉุนขึ้นมาให้มันได้อะไรเล่า แค่สารพัดคำด่าของสองคนนั้นก็เร็วจนแทรกไม่ทัน แถมฟังไม่ออกอีกต่างหาก
ก่อนที่โนรุจะเดินถือกระเป๋าออกจากห้องไปอย่างผู้ถูกโหวตออก ตัวมิจิฮากาเนะก็ขึ้นลิฟต์มาไกล่เกลี่ยกันซะก่อน ว่าแล้วเชียวว่าเด็กในอุปการะต้องยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เถียง
หลังจากฟังเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ คำขู่เดียวของที่ทำให้วิญญาณแสนสวยทั้งสองยอมให้โอคิโตะอยู่ต่อได้อย่างไร้กังวลคือ... “ถ้าพวกเธอไม่ยอมสงบศึกแล้วยอมรับเขาล่ะก็ ฉันจะประกาศรายชื่อผู้มาก่อนหลังเดี๋ยวนี้ล่ะ!”
เป็นสองประโยคอันน่าประหลาดใจ โอคิโตะเพิ่งรู้ว่าตัวเองไม่เข้าใจผู้หญิงสุดๆก็วันนี้แหละ ถ้ายอมรับเขาเป็นเจ้าของห้อง ก็เท่ากับว่าที่เถียงกันมาก็ไร้ประโยชน์น่ะสิ?
แต่ใครเล่าจะหยั่งรู้ถึงจิตใจสตรีเพศ อย่างน้อยแพ้ทั้งคู่ยังดีกว่าทนดูเวลาอีกฝ่ายชนะ! แถมเจ้าของห้องยังดูซื่อบื้อไม่สู้คน ปล่อยให้เข้าใจแต่ในนามก็พอจะกันการแตกแยกไปได้ แต่ถึงกระนั้น ผีน่ารักทั้งสองยังคาใจอยู่กับบางเรื่อง นั่นคือนอกจากชื่อสกุลและภูมิหลังบางส่วนแล้ว พวกเธอเป็นใครมาจากไหนกันแน่?
เรื่องมาจากประเทศไทยเป็นของอรนิชแน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่ากรณีอาชีพเกอิชาอย่างฐิติการณ์นั้นเล่า การจะทำงานได้ดีก็ต้องฝึกมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ไม่ใช่ว่าเข้ามาก็เป็นได้ในสามนาทีเหมือนบะหมี่ถ้วย อาชีพประกอบศิลปะแบบนี้มันมีความชั้นสูงกว่าที่คนต่างชาติคิดหลายเท่านัก ดังนั้น เธอก็ต้องอยู่ญี่ปุ่นมานานพอสมควร
แม้จะจำไม่ได้แม้แต่สาเหตุของการกลายร่างมาเป็นอย่างที่เป็นในปัจจุบัน แต่ดูเหมือนสองสาวจะไม่เดือดร้อนสักนิด เพราะการดำเนินชีวิตเหมือนจะไม่เปลี่ยนอะไรไปเลย แม้แต่การทานข้าวเช้า
“นึกไม่ถึงว่าขนมปังปิ้งฝีมือนายจะอร่อยขนาดนี้นะเนี่ย” อรนิชตบหลังเขาป้าบๆ “ความกรอบนอกก็พอเหมาะ เวลาเจอความนุ่มก็พอดี แถมทาเนยได้สุดยอด กลิ่นหอมฉุย!”
ฐิติการณ์ไม่ได้นั่งตัวตรงทางอย่างคนเจ้าระเบียบแต่กลับยกขาขึ้นมาเหมือนนางแบบในนิตยสาร เพียงแต่เวลากินข้าวไม่สมควรทำแบบนั้นก็เท่านั้นเอง ซึ่งเรื่องนี้ถูกติงจากอรนิชอย่างสุดตัว ถึงเธอจะไม่นั่งเรียบร้อยเหมือนโนรุก็ตาม แต่ก็ไม่ถึงขั้นยกแข้งขาขึ้นมาแบบนี้ ทำอะไรก็รักษาความเป็นกุลสตรีหน่อย!
ทว่า เกอิชาสาวประเภทสองกลับหัวเราะคิกคักแล้วหาว่าเธอเป็นเด็กน้อยเหลือเกิน พลางหยิบขนมปังปิ้งขึ้นมากินอีกแผ่น แววตามองไกลไปยังเพดานเหมือนมีอะไรติดอยู่
"เอ่อ..." เจ้าของห้องตัวจริงยกมือขึ้นมาหน่อยๆ "พวกคุณไม่คิดจะติดต่อใครหน่อยหรือครับ คิดถึง...ประเทศ...อะไรแบบนั้น"
แววตาของอรนิชปรากฏความตกใจขึ้นมาทันที พลางหันไปพูดภาษาแม่ของตัวเองกับคนข้างกายด้วยสีหน้ากึ่งนินทาปนดูแคลน ผิดกับคู่สนทนาหน้าเครียดซึ่งพูดไม่กี่ประโยค ก็ยิ่งสร้างความตื่นตระหนกแก่ผีสาวน่ารักอีก ราวกับเพิ่งฟังแผนร้ายยึดครองโลกของประเทศมหาอำนาจหรืออะไรทำนองนั้น
โอคิโตะอยากร้องไห้ ถ้าเขามีของวิเศษเหมือนหุ่นยนต์แมวสีฟ้าก็ดีน่ะสิ เขาจะได้ใช้มันสื่อสารแปลภาษา ไม่ต้องกังขาว่าตัวเองกำลังถูกคนอื่นเขานินทาอยู่แบบนี้ หรือว่าสำหรับคนต่างชาติการคิดถึงบ้านเกิดเป็นสิ่งที่แปลก ความจริงนิสัยของแต่ละประเทศค่อนข้างต่างกันอยู่แล้ว เรื่องมารยาทหรือความคิดอ่านก็ยิ่งต่าสงกันเข้าไปใหญ่ ใครจะรู้ว่าเขาทำเรื่องร้ายกาจลงไปหรือเปล่า
ฐิติกานต์โบกมือไปมาแบบสบายๆ "เปล่า ก็ไม่ใช่อะไรแบบนั้นหรอก..."
"นายจะไม่ช่วยเราค้นหาประวัติที่หายไปเหรอ!" ผีสาวน่ารักโพล่งขึ้นมาด้วยท่าทีหวาดหวั่นสุดๆ "ก็น่าจะรู้นี่ว่านายเป็นคนปลดผนึก นายเป็นคนเจอและพูดคุย นายก็ต้องเป็นคนหาประวัติและที่มาของเราสิ!"
สมองของเด็กหนุ่มเหมือนประมวลไม่ทันถึงพูดว่าอะไรนะอยู่หลายรอบ เรื่องการแชร์ห้องกับสิ่งไม่พึงประสงค์ก็แย่พอแล้ว สาวๆพวกนี้ยังจะให้เขาไปค้นหาอะไรต่อมิอะไรเพื่อพวกเธออีกหรือ เห็นทีเขาคงต้องปฏิเสธหอพักสุดหรูแล้วกลับไปมองหาที่อยู่แบบเดิมดีกว่า
แต่เข้ามาในถ้ำนางมาร นางมารมีหรือจะปล่อยไป ฐิติกานต์หยิบโปสเตอร์นักร้องลายมุโรคาว่า มิกิขึ้นมาโบกเหมือนไม่ใส่ใจ ไม่นะ! นั่นมันลายสั่งทำพิเศษ มีแค่ห้าสิบใบในโลกเท่านั้นนะ โดยเฉพาะลายแฝงและลายสามมิติที่ต้องใช้เทคนิคพิเศษขั้นสุดยอด พิมพ์แบบธรรมดาไม่มีทางลอกเลียนได้!
ควันบุหรี่ของคนถือลอยขึ้นมาเหมือนจะรมควันเชิงขู่ให้คิดว่าจะเผา สร้างความตึงเครียดแก่เจ้าของเป็นที่สุด ไม่นึกเลยว่าของที่บังเอิญยัดใส่กระเป๋าจะมีประโยชน์ขนาดนี้
"แย่แล้วๆ ถ้านายไม่ช่วยเรา เจ๊เขาต้องเผารูปนั้นแน่!" สีหน้า ท่าทางหรือแม้แต่น้ำเสียงของอรนิชเต็มไปด้วยความร้อนใจ ทั้งที่ไม่ใช่อย่างนั้นเลยสักนิด "โอคิโตะ นายรีบๆคิดเร็วเข้า ถ้าถูกรมมากๆมีหวังรูปคงหมอง..."
หูของหนุ่มแว่นกระดิกขึ้นมาทันทีพลางทรุดตัวลงกับพื้น ประกอบฉากด้วยสงสปอร์ตไลท์ฝีมือผีสาวน่ารัก ความสิ้นหวังเหมือนครอบคลุมไปทั่ว เสมือนซึ่งที่อยู่ในมือวิญญาณสาวประเภทสองไม่ใช่รูปภาพสาวน้อย แต่เป็นใบแจ้งหนี้ยาวเหยียดหลังเมาเต็มที่ในคืนสิ้นปี
"ได้ครับ..." เสียงของโนรุเต็มไปด้วยความระทมทุกข์ "ถ้าคุณต้องการแบบนั้นล่ะก็ ผมจะยอมเปลืองร่างกายให้พวกกคุณได้ใช้งาน..."
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ