เดชแม่ยาย

9.3

เขียนโดย ชนบท

วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 23.54 น.

  7 ตอน
  7 วิจารณ์
  27.10K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) คนละวัยอลเวง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หลังเสร็จกิจกานดาลุกไปเข้าห้องน้ำเมื่อล้างทำความสะอาดแล้ว  เธอก็เดินออกไปก่อน  ผมลุกไปเข้าห้องน้ำและอาบน้ำออกมาแต่งตัวเพื่อไปยังลานออกกำลังของหมูบ้าน  เมื่อแต่งตัวเสร็จผมก็กดโทรศัพท์ไปยังเบอร์ของโสภา

“พี่ผู้ใหญ่หรือคะ?”เสียงสาวร่างเล็กรับสายอย่างตื่นเต้น”โสรอให้พี่โทรมาตั้งนาน  นี่พี่เป็นคนแรกที่โทรเข้ามาหาโสเลยนะเนี่ย”

“พี่โทรมาเพื่อบอกน้องโสว่าเดี๋ยวพี่จะไปออกกำลังด้วย  เก็บหมูปิ้งไว้ให้พี่ด้วยนะ”

“ค่ะ...แล้วมาไวๆนะคะ  โสจะรอ...”เสียงใสๆบอกมาตามสาย ดูท่าทีตื่นเต้นที่จะได้เจอผม  ฟังแล้วชื่นใจจริงๆ

“แล้วเจอกันนะ  น้องโส”

“ค่ะ..แล้วเจอกัน  รีบมานะค่ะ”ผมรู้สึกอิ่มเอิบอย่างไงไม่รู้

เมื่อผมเดินออกมาที่ห้องรับแขก  ก็เจอกานดาและสายใจเถียงกันอยู่

“ทำไมนังนี่  ฉันให้เอาน้ำให้กินหน่อยไม่ยอมเอามาให้  เป็นแค่คนใช้  ทำมาวางท่า  เดี๋ยวบอกพี่เขาให้ไล่ออกเลย”

“ฉันจะเอาน้ำให้เฉพาะแขกกิน  ตามคำสั่งของพี่เขาเท่านั้น  คนอื่นไม่มีสิทธ์สั่งฉัน”สายใจตอบโต้อย่างไม่เกรง

“ชิช้าอีนี่...มึงจะลองดีกับกูเรอะ  กล้ามาขึ้นเสียงกับกูเรอะ  อีกไม่นานพี่เค้าก็จะเอากูมาอยู่เป็นเมียที่นี่แล้ว  คอยดูกูจะให้พี่เขาเฉดหัวของมึงออกไปไม่ทันเลย”

กานดาพูดขู่   แต่สายใจมองกลับอย่างสมเพท

ผมเดินออกมาได้ยิน  จึงต้องเข้าห้าม

“มีอะไรกัน  มาเถียงกันเรื่องอะไร?”

กานดาวิ่งมาเกาะแขนของผม”พี่ดูสิ? นังคนใช้คนนี้  กานดาบอกให้มันไปเอาน้ำมาให้กินหน่อย มันบอกให้ไปหยิบกินเอาเอง  มันไม่ทำให้  พี่ต้องจัดการให้กานดานะ”

“สายใจไม่ใช่คนรับใช้  เขาเป็นแม่บ้าน  และกานดาต้องพูดดีๆกับเขา  ห้ามด่าห้ามว่าเขาด้วย  ทีหลังถ้าเธอมาก็หัดไปหาอะไรกินเอง  อย่ามาใช้คนที่นี่  แต่จะให้ดี  ไม่ต้องมาเลยดีกว่า”

“พี่พูดอย่างงี้ได้ยังไง  กานดาไม่มีความหมายกับพี่บ้างเลยรึ”เทพีบ้านนางรองออกอาการกรี๊ดแตกตามแบบนางร้ายละครหลังข่าว

ผมล้วงกระเป๋าออกมาแล้วควักเงินให้จำนวนหนึ่ง  เทพีบ้านนางรองรีบรับแล้วเอาไปนับก่อนยัดใส่ไปในยกทรง

“ขอบคุณจ๊ะพี่  แล้ววันหลัง  กานดาจะมาบริการพี่อีก  คราวหน้าจะเอาให้ถึงกึ๋นกว่านี้อีก”

“เอาละ  ธุระของเธอหมดแล้วใช่ไหม?”

เทพีบ้านนางรองพยักหน้า

“งั้นก็เชิญกลับไปได้”

ผมไล่ดื้อๆ  กานดาถึงกลับอ้าปากพูดอะไรไม่ออก  สายใจปิดปากขำจนตัวสั่น

“อะไรวะ...เอาเสร็จ  จ่ายเงิน  แล้วก็ไล่กูกลับเลย...รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอีตัวจังเลย....”เสียงของกานดาบ่นเบาๆ

กานดามองหน้าแม่บ้านทรงโตแล้วสะบัดหน้าก่อนเดินส่ายสะโพกกลับไป  ผมเดินมานั่งที่เก้าอี้นวมในห้องรับแขก  สายใจเอาน้ำมาเสริฟให้ผม  มองดูสายใจแล้วผมรู้สึกสงสาร  เธอเคยมีผัวแล้วแต่ไปทำงานที่ซาอุฯ  แล้วไม่รู้ไปทำอีท่าไหนถูกจับแขวนคอแล้วส่งศพกลับมา  สายใจเอาที่ดินมากู้เงินผมตอนส่งผัวไปนอก  แต่พอผัวตายไม่มีเงินส่งทั้งต้นและดอก  จึงมาขอทำงานใช้หนี้  และทำใช้กันมาจนทุกวันนี้ทั้งงานบ้านและงานบนเตียง  เธอคอยปรนนิบัติดูแลผมอย่างดี  แถมยังรู้ใจของผมไปหมดเสียทุกอย่าง  จนหลายครั้งผมรู้สึกอดที่จะสงสารเธอไม่ได้  ที่ต้องมาดักดานอยู่กับผมในสภาพคนรับใช้และนางบำเรออย่างนี้....

“สายใจ?  พี่ขอถามอะไรหน่อย  แล้วตอบตรงๆนะ”

“พี่จะถามอะไรล่ะ?”

“สายใจเบื่อสภาพนี้ไหม?”

“สภาพอะไร?”

“ก็ต้องมาทำงานดูแลบ้านของพี่แล้วก็....เอ่อ....เป็น....”

“เป็นเมียเก็บของพี่นะหรอ?”สาวทรงโตยิ้มแล้วส่ายหน้า”ไม่หรอก  สายใจเต็มใจที่จะอยู่อย่างนี้  เพราะสายใจรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้และคอยรับใช้พี่”

ผมถอนหายใจ”พี่คงให้สายใจไปมากกว่านี้ไม่ได้  หากสายใจได้พบเจอคนที่เหมาะสมพี่ก็ไม่ว่านะ  และถ้าเจอเมื่อไหร่  ก็ไปได้ทุกเวลาไม่ต้องห่วงหรือเกรงใจพี่  เพราะทุกวันนี้พี่รู้สึกเหมือนเอาเปรียบสายใจยังไงไม่รู้......”

“พี่อย่ากังวลเลย  สายใจเองก็พอใจแค่นี้แหละ  ตราบใดที่พี่ไม่ขับไล่ไสส่งสายใจ  และมีความเมตรตาเลี้ยงดู  สายใจก็อยู่กับพี่ตลอดไป  ไม่เรียกร้องอะไรมากไปกว่านี้”

“แล้วถ้าหากว่าวันหนึ่งเกิดพี่...เอ่อ...มีเมียแต่งเข้ามาในบ้าน  สายใจจะทำอย่างไร  และ...จะทำใจอยู่ได้ไหม...”

สาวทรงโตนิ่งไปชั่วครู่

“สายใจทนได้สิพี่  เพราะสิทธ์ของสายใจที่พี่ให้มีเพียงแค่นั้น  บอกแล้วไง  คนที่จะให้สายใจ  อยู่ที่นี่หรือจากไปที่นี่  มีแค่พี่คนเดียว  จะให้สายใจอยู่ในฐานะอะไรก็สุดแท้แต่พี่  แม้นจะให้อยู่ในฐานะเมียบ่าว  สายใจก็เต็มใจ จะอยู่...แต่..สายใจสงสัยว่า...พี่พูดอย่างนี้...เหมือนกับว่า...พี่กำลังจะ ให้ใครเข้ามาเป็น...เมียของพี่ตัวจริงๆนบ้านนี้...เอ่อ...ใช่เด็กคนนั้นหรือ เปล่า”

ผมฟังจบแล้วถอนหายใจ  นั่งนิ่งไปสักพัก

“สายใจก็รู้...ว่าพี่รักใครไม่ได้...”ผมเหม่อมองไปไร้จุดหมาย

“พี่รอใครคนนั้นมานานแล้วนะ  20 ปีที่พี่รอเขา  สายใจสงสัยจัง  ถ้าเขารู้ว่าพี่คอยนานขนาดนี้  เขายังจะใจร้ายปล่อยให้พี่รออยู่อย่างนี้ต่อไปอีกหรือเปล่า?”สาวทรงโตออกความเห็น

แม่บ้านทรงโตนั่งมองผมที่เงียบไปอยู่ครู่ใหญ่ก็ลุกขึ้น

“ไม่มีอะไรให้สายใจทำ  สายใจขอตัวกลับบ้านก่อนนะพี่  เพราะเมื่อวานไม่ได้กลับบ้านเลย”

ผมพยักหน้าอนุญาต  และล้วงกระเป๋าควักเงินให้เธอจำนวนหนึ่ง 

“สายใจทำกับข้าวเย็นไว้ให้ที่โต๊ะแล้ว  ทำเผื่อเด็กบัวผันด้วย  แล้วพรุ้งนี้สายใจจะมาแต่เช้านะ”

แล้วสายใจก็เดินออกไปจากห้องรับแขก  ผมนอนหงายหน้ากับโซฟาอยู่คนเดียวสักครู่  ผมก็ลุกขึ้นเดินออกมานั่งที่ศาลาทรงกลมหน้าบ้าน  นึกทบทวนเรื่องของสายใจ  เธอเป็นผู้หญิงที่น่านับถือในน้ำใจคนหนึ่งทีเดียว  หลังจากผัวของเธอตายก็มีหนุ่มๆมาติดพันเธอมากมาย  แต่เธอกลับไม่สนใจ  มาเฝ้าดูแลปรนนิบัติผมเป็นสาวรับใช้ที่ซื่อสัตย์มาอย่างเสมอต้นเสมอปราย  ไม่เคยเรียกร้อง  ไม่เคยสร้างปัญหา  นึกๆไปก็สงสาร  ผมทำกับเธอเกินไปหรือเปล่า  แต่ก็อย่างที่บอก  ผมรักใครไม่ได้หรอก  แม้นแต่  เด็กคนนั้น......

ผมมาปรากฏตัวที่ลานออกกำลังของหมูบ้าน  แน่นอนวันนี้ก็เต็มไปด้วยชาวบ้านมากมายที่มาออกกำลัง  ผมเดินไปก็เจอปานจันทร์คนนำเต้นคนเก่ากำลังคุยอยู่กับกำนันเม้ง

“กำนันขา...ทำอย่างงี้ได้อย่างไง  ตอนแรกก็จ้างปานจันทร์นำเต้นคนเดียว  พออีเตี้ย..เอ้ย..เด็กโสภามา  ก็บอกว่าให้ผลัดกันนำเต้น  แต่ตอนนี้จะมาเลิกจ้างปานจันทร์  แล้วให้เด็กนั่นนำเต้นคนเดียว  หมายความว่ายังไง  อันนี้  ปานจันทร์ยอมไม่ได้หรอก  อ้าว?...พี่ผู้ใหญ่มาพอดี  ช่วยพูดหน่อยสิคะ”

กำนันเม้งทำหน้าเฉยๆหยิบหมูปิ้งมาเคี้ยวกินอย่างไม่แยแส

“ก็น้องโสเค้านำเต้นสนุกว่านี่...ไม่เชื่อไปถามใครๆดูก็ได้”

“จริงจ้า...ป้าเห็นด้วย  แถมยังน่ารักน่าเอ็นดูพูดเพราะด้วย”ป้าที่เดินผ่านมาได้ยินจึงช่วยออกความเห็น

“ว่าไงเล่า?  ปานจันทร์  เข้าใจเหตุผลหรือยัง”กำนันเม้งพูดแล้วเคี้ยวหมูปิ้งต่อ  เมื่อหมดไม้ลูกน้องก็หยิบส่งให้ใหม่

“แต่น่าจะรอให้สิ้นเดือนก่อนนะ  ค่อยเลิกจ้าง  มาบอกตอนนี้  มันรับไม่ทันจริงๆ”

ปานจันทร์พยายามขอร้องกำนันเม้ง ผู้ดูแลงบส่วนนี้  พร้อมกับรอยยิ้มที่พยายามออดอ้อนขอความสงสาร

กำนันเม้งส่ายหน้าและเดินไปอย่างไม่ใยดี  ปานจันทร์กัดฟันทำสีหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจน”อีเด็กบ้าเอ้ย...ทำกูตกงานเดี๋ยวเจอกูแน่   มึงคอยดู.....”

ชาวบ้านหนุ่มๆที่มารอเวลาต่างพากันยืนคุย

“ได้เวลาเต้นหรือยังวะ  มารอตั้งแต่ สามโมงแล้ว  ครูนำเต้นคนนี้ นำเต้นได้เร้าใจและสนุกจนไม่อยากเลิกเลย”

“ใช่? น่ารักไปทุกอย่างเลย  แหม...ไม่รู้ว่ามีแฟนหรือยัง”

“คงยังไม่มีหรอกท่าทางยังเด็ก  แต่อย่าไปแตะเชียว?”

“ทำไมล่ะ  ครูนำเต้นคนนี้ดุหรอ?”

“ไม่ใช่หรอก...ผู้ใหญ่กับกำนันแกจองไว้แล้ว...”

“แม่งเอ้ย...เซ็งเป็ดเลยวะ...แต่ได้มาดูหุ่นและลีลาเต้นก็คุ้มแล้ววะ  ปล่อยให้พวกคนใหญ่คนโตเขาแย่งกันไปเหอะ รากหญ้าอย่างเราได้แค่มองก็พอแล้ว...”

“อื่ม...จริงว่ะ...”

พวกชาวบ้านหนุ่มๆคุยกันถึงสาวน้อยนำเต้น  และรู้สึกเสียดายเล็กๆที่ได้แต่มอง  ขณะที่ปานจันทร์คนนำเต้นคนเก่าที่กำลังตกกระป๋องเดินเซ็งๆมาหาผม  เธอคนนี้เป็นกิ๊กของไอ้เม้ง  นับว่าเป็นคนที่สิ้นคิดจริงๆ

“นังเตี้ยนั่นมาแค่สองวันเอง  มันแย่งหน้าที่ของปานจันทร์ไปเลยพี่ผู้ใหญ่  มันน่านัก...”

ปานจันทร์พยายามฟ้องผมด้วยความไม่พอใจเพื่อให้เข้าเป็นพวก  แต่ผมไม่ทันได้พูดอะไร  ก็เหลือบไปเห็นโสภากำลังปิ้งหมูขายอยู่จึงรีบเดินเข้าไปหา  สาวน้อยพอเห็นผมมาก้ยิ้มหวานโบกมือเรียก

“พี่ผู้ใหญ่ทางนี้ค่ะ  โสเตรียมไว้ให้แล้ว”พูดจบก็ยกถุงใส่หมูปิ้งชูให้ผมดู

ผมเดินดิ่งเข้าไป  หนุ่มๆที่มุงรุมชื้อหมูปิ้งของสาวน้อยอยู่เต็มหน้าจนมองไม่เห็นคนขาย  พอเห็นผมเดินมาก็หลบเปิดทางไปยืนข้างๆจนหน้าร้านโล่งไปในบัดดล

“มานานแล้วหรือคะ..”สาวร่างน้อยถามผม

“เพิ่งมาถึง  นึกว่าจะมาไม่ทันได้กินหมูปิ้งของน้องโสเสียแล้ว”ผมรับถุงหมูปิ้งและหยิบขึ้นมากินทันที

“ไม่ทันได้ยังไง  โสเก็บไว้ให้อยู่แล้ว”สาวน้อยละจากเตาปิ้งเดินมายืนคุยข้างๆผม

พอผมกัดหมูปิ้งเข้าไปก็สำรักทันที  ไอจนน้ำตาไหล  โสภาตกใจร้องถามและลูบหลังผมใหญ่

“เป็นอะไรไปพี่ผู้ใหญ่  ไอใหญ่เลย”

“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะน้องโส  ไอธรรมดาเท่านั้นแหละ”ผมบอกสาวน้อยให้สบายใจ

โธ่...น่ารักขนาดนี้ดันปิ้งหมูได้รสชาติชนิดหมาไม่เห่าเลย  นี่ท่าจะขายได้เพราะตัวเองมากกว่าฝีมือนะนี่

“แหมกินหมูปิ้งของโสคำแรกก็สำรักแล้ว  สงสัยจะไม่อร่อย”สาวน้อยทำท่าผิดหวัง

“อร่อยจ้า  เดี๋ยวพี่จะกินให้ดู”ว่าแล้วผมก็ฝืนกัดแล้วเคี้ยวให้สาวน้อยดู”อร่อย...ฮือ...อร่อยจริงๆ”

สาวน้อยมีสีหน้าพอใจแล้วยิ้ม”งั้นก็กินเยอะๆ  กินให้หมดเลย  ถ้าไม่พอมีอีกนะ  โสเก็บไว้ให้อีกเยอะ”

“เอ่อ...เอาไว้แบ่งปันคนอื่นบ้างเถอะ  ให้พี่กินคนเดียว  เดี๋ยวคนอื่นจะอดกินฝีมือของน้องโสนะ”

“ใช่...ให้มันกินทำไม  เสียดายของ  เอามาให้พี่กำนันดีกว่า”เสียงไอ้เม้งพูดขณะเดินมายืนข้างๆ

“มึงนี่...มันไม่ทันจุดธูปเรียกก็มาเองเลยนะ”ผมมองมันอย่างเซ็งๆ

“วันนี้กูไม่อยากเถีงกับมึงว่ะ  เสียเวลาของกู  เพราะวันนี้  ก่อนนำเต้นชาวบ้าน  น้องโสจะนำเต้น  ให้กูเป็นการส่วนตัว”

“บ้าเรอะ  มีอย่างนั้นด้วยหรอน้องโส?”ผมหันไปถาม  สาวน้อยยิ้มพยักหน้า

“แล้วทำไมไม่บอกพี่ก่อน  ทีหลังถามพี่ก่อนจะทำอะไรน่ะ”ผมตะคอกเด็กสาวอย่างลืมตัว

“อ้าว...อ้าว...อ้าว...ไอ้ผู้ใหญ่  มึงไปดุน้องโสอย่างนั้น  มึงมีสิทธ์อะไร?  น้องเขาไม่ได้เป็นอะไรกับมึงสักหน่อย”

สาวน้อยเห็นอาการของผมก็ทำตาแดงๆ

“เสน่ห์แรงจังนะน้องโส”ปานจันทร์เดินเข้ามาข้างๆ”เดี๋ยวผู้ใหญ่ เดี๋ยวกำนัน  แล้วยังพวกแก่ๆหนุ่มในหมู่บ้านอีก  แฟนคลับเยอะจริงๆ”

ปานจันทร์พูดเหน็บๆแต่สาวน้อยยังนิ่ง  และจ้องมองผมอย่างน้อยใจ  พลางหันไปมองปานจันทร์

“โสไม่เคยมีแฟนคลับ”เด็กสาวตอบเรียบๆ

“อ้าว...แล้วนี่ๆๆๆนะใครล่ะ  ยืนสลอนอยู่นี่ไม่ใช่แฟนคลับแล้วเรียกว่าอะไร  ที่จริงอย่างรูปร่างหน้าตาเธอนี่  ไม่น่ามาทำงานนำเต้นกระจอกๆที่นี่หรอก   หาเสี่ย  หาป๋าเลี้ยงสักคน...ก็สบายแล้ว...”

ปานจันทร์แนะนำอย่างถากถาง

“โสไม่ใช่โสเภณีค่ะ  พี่ปานจันทร์คิดอย่างนั้นก็น่าไปทำเองนะคะ  โสขอบใจที่ช่วยแนะนำ  แต่โสไม่ทำตามหรอก”

สาวร่างเล็กเชิดหน้าตอบอย่างหนักแน่นและมั่นใจ  ผมถึงกับอึ้งและพอใจกับคำตอบอยู่ลึกๆในใจ  ปานจันทร์ฟังคำตอบก็กัดฟันชี้หน้าจะพูดต่อ  แต่กำนันเม้งมาขวางไว้

“เฮ้ย...พวกมึงเอาปานจันทร์ไปเก็บ  กูจะไปเต้นตัวต่อตัวกับน้องโสแล้วโว้ย มัวให้เถียงกันเสียเวลา....”พูดจบลูกน้องของมันก็หิ้วปานจันทร์หายไปทางข้างหลังเวที”ไปกันเหอะน้องโส...เชิญ  พี่กำนันอยากเต้นเต็มทีแล้ว....”

สาวน้อยเดินไปกับไอ้เม้งแต่เหลือบมามองผมเป็นระยะ  และเมื่อถึงข้างๆเวที  ทั้งคู่ก็เริ่มเปิดเพลงและเต้นด้วยกัน  แต่ไอ้เม้งก็ทำเป็นเต้นผิดๆจนสาวน้อยต้องมาช่วยจัดท่าให้  ไอ้เม้งก็ฉวยโอกาสแต๊อั๋งเนื้อตัวของสาวน้อยตลอด  พอหนักๆเข้าผมที่ยืนอยู่ทนไม่ไหวเดินไปปิดเครื่องเล่นเพลง  ทั้งคู่จึงชะงัก

“เฮ้ย...มึงมาปิดเพลงทำไม? กูกับน้องโสกำลังสนุกเลย”

สาวน้อยมองผมที่สายตาดุๆแล้วก็หลบตาไม่กล้ามองหน้า

“พอแล้วไอ้วรนุชชีกอ  มึงนี่มันชาติชั่วจริงๆ  นี่ขนาดต่อหน้าต่อตากูมึงยังลวนลามน้องโสขนาดนี้เชียวรึ”

“กูไปลวนลามอะไร  มึงถามน้องโสซิ  ว่ากูลวนลามรึเปล่า”เมื่อมองไปทางสาวน้อยเธอก็ก้มหน้า”เห็นไหม?  เจ้าตัวเขายังไม่โว้ยวายเลย  มึงมายุ่งอะไรด้วยนี่?”

ผมทนไม่ไหวแล้วจึงเดินไปจับแขนสาวน้อย  แล้วจูงให้เดินตามมา  สาวน้อยไม่ขัดขืน  แต่เดินตามมาแบบฝืนนิดๆ  อาการแบบไม่เต็มใจน้อยๆพอเป็นพิธี

“เฮ้ยไอ้ผู้ใหญ่  มึงทำอย่างนี้ได้ยังไง  ไม่เกรงใจกูเลยเรอะ  กูจ้างน้องโสนะโว้ย  ไม่ได้ให้ทำฟรีๆ”กำนันเม้งตะโกนบอกมา

“มีปัญหามึงก็ตามมาสิ”ผมตะโกนบอกมันกลับไป

“ฮึ่มมม...”กำนันเม้งกับลูกน้องมองตามอย่างไม่พอใจ

“เฮียกำนันครับ?  ปล่อยให้มันทำกับเราอย่างนี้  มันหยามกันมากมายเลยนะครับ”

“ใช่มันหยามกันมากมายเลย”กำนันเม้งกัดฟัน

“แล้วเฮียกำนันทนได้อย่างไงครับ?”ลูกน้องมันช่วยยุ

“แล้วมึงทนได้ไหม?”กำนันเม้งถามลูกน้องแล้วเหล่มอง

“ทนไม่ได้เลยครับเฮีย.....”

“งั้นมึงก็ไปจัดการมันสิ”กำนันเม้งสั่งลูกน้อง”ไปสิ....ตามไปจัดการมันเลย...”

“เอ่อ...เฮียกำนันครับ...เฮียยังทนได้  ผมเป็นแค่ลูกน้องทำไมจะทนไม่ได้ล่ะครับ...ถือว่าเป็นโชคดีของมัน  ที่เฮียกำนันใจดีไม่เอาเรื่องมัน...ไม่งั้นละก้อ..ผมไม่ปล่อยไว้แน่.”

กำนันเม้งได้แต่มองหน้าลูกน้องของมันอย่างเซ็งๆ

ผมพาโสภาเดินออกมาได้สักหน่อย  เด็กสาวก็ดิ้นจนแกะมือของผมออก

“พี่ผู้ใหญ่เป็นอะไรนี่  ทำไมถึงทำอย่างนี้  นั่นงานของโสนะ”

“ไปให้ไอ้กำนันหื่นนั่นลวนลามนะ  งานของน้องโส  ต่อไปนี้ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น   อยู่เฉยๆ  ไม่มีเงินบอก  จะเอาเท่าไหร่  จะเอาเมื่อไหร่บอก  พี่มีให้”

สาวน้อยยืนตัวสั่นกัดฟันกรอด”ที่แท้พี่ผู้ใหญ่ก็เหมือนคนอื่น  ตีค่าของโสเป็นแค่เงิน  เอาคืนไป  แล้วไม่ต้องมายุ่งกับโสอีก”

สาวน้อยขว้างมือถือใส่ผมแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ร้านหมูปิ้ง  พอไปถึงก็นั่งที่หลังร้านก้มหน้าท่าทางเหมือนร้องไห้สะอึกสะอื้น  เจ้าชมเดินเข้าไปจับไหล่และก้มถามสอง-สามคำแล้วมองมาที่ผมแต่ไม่ได้ว่าอะไร  เดินกลับมาปิ้งหมูขายต่อ...

ผมเองก็ซึมไปเลย  จนกระทั่งถึงเวลาที่สาวน้อยต้องไปนำเต้น  เธอก็เดินขึ้นเวทีเปิดเพลงนำเต้นอย่างสนุกสนาน  เหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ผมได้แต่ยืนดู  เวลาสาวน้อยมองมาทางผมก้ทำสะบัดหน้าหนี  ไม่ยิ้มให้เหมือนเคย  สักพักปานจันทร์ก็เดินมายืนข้างๆ  มองผมแล้วยิ้มเยาะๆ

“แย่งตัวเด็กคนนี้กันฝุ่นตลบเลยนะ  ทั้งผู้ใหญ่-กำนัน ฮึ?”

ผมไม่สนใจยืนกอดอกมองสาวน้อยต่อไป  แต่กำนันเม้งยังไม่ไปไหน  เดินพาลูกน้องมายืนข้างๆ

“กูว่าคราวหน้าจะให้น้องโสไปเปิดผ้าก็อดให้กูเป็นการส่วนตัวที่บ้าน”

“เขาเรียกว่าเปิดคอร์สครับเฮียกำนัน  ผ้าก็อตเขาไว้พันแผลครับ”ลูกน้องมันรีบบอกเมื่อลูกพี่อวดภูมิแต่พูดผิด

  “เออ...นั่นแหละ...จะได้ไม่ต้องมาเต้นที่นี่แล้ว  รำคาญพวกเหลือบไลแถวนี้เหลือเกิน  ส่วนที่นี่ก็ให้ปานจันทร์นำเต้นไป  คนสวยๆหน้าใสๆอย่างน้องโสนี่  คงจะไม่เหมาะกับที่นี่  ให้ปานจันทร์คนเก่าๆหน้าเหี่ยวๆทำหน้าที่ไปน่าจะเหมาะกว่า”

พูดจบไอ้เม้งกับลูกน้องก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน  และมองผมกับปานจันทร์  อย่างหยันๆ  ปานจันทร์มองหน้าไอ้เม้งและมองบนเวทีสลับไปมา  ยืนตัวสั่นและตะโกนออกมา

“โอ้ยยยย...กูทนไม่ไหวแล้วโว้ยยยยย.......”

ขาดคำก็วิ่งตรงขึ้นไปบนเวทีและชี้หน้าเอาเรื่องสาวน้อยที่กำลังตกใจ

“มึงอีเตี้ย...มึงแย่งงานกูไม่พอ  มึงยังแย่งความสำคัญของกูไปจากกำนันอีก  มึงอย่าอยู่เลยมึงตาย....”

พูดจบปานจันทร์ก็เข้าจิกผมตบตีโสภาทันที  ท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคนที่คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

“อย่านะ?...อะไรกัน  อย่าทำโส....อย่า....โอ้ย...ช่วยด้วยเจ้าค่า....โอ้ย....”

โสภาร้องลั่นด้วยความตกใจระคนเจ็บปวดจาการตบไม่ยั้งของปานจันทร์

“เพิ่งมาอยู่ใหม่แล้วทำเก๋าเรอะ  มึงรู้ไหมว่าที่นี่ถิ่นของใคร  และใครใหญ่  ต้องสั่งสอนบ้างแล้วไม่งั้นมึงเหลิงไม่เห็นหัวกู”

ปานจันทร์ตบอย่างไม่ยั้ง  ร่างสาวน้อยล้มลุกคลุกคลาน  กว่าผม เจ้าชม  และไอ้เม้งจะขึ้นไปช่วยทัน  เธอก็โดนตบตีจนช้ำไปหมด  ปานจันทรืยังมันเขี้ยวดิ้นจากการฉุดรั้งจะเข้าไปตบตีอีก

“หยุดพอได้แล้ว ปานจันทร์  ฉันบอกให้หยุด”

ผมตวาดปานจันทร์แล้วดึงร่างเด็กสาวเข้ามากอด  สาวน้อยซุกตัวในอ้อมกอดของผมอย่างตื่นตะหนกตัวสั่นยิ่งกว่าเมื่อตอนช่วงเช้า  ขณะไอ้เม้งก็เดินไปตบปานจันทร์ผั้วะ  จนปานจันทร์หน้าหันหายคลั่งไปในบัดดล

“น้องโสเป็นไงบ้าง?  เจ็บมากไหม?   และเจ็บตรงไหนบ้าง?บอกพี่กำนันมาสิจ๊ะ”

ไอ้เม้งหันมาถามและหมายจะจับดูเนื้อตัวของโสภา  ผมเอาตัวบังไว้ผมทำหน้าไม่พอใจ

“ไปอบรมกิ๊กของมึงดีกว่าไอ้เม้ง  ปล่อยมาเพ่นพล่านไล่ตบตีคนอื่น  ดีนะที่เป็นผู้หญิง ถ้าเป็นผู้ชาย  ป่านนี้กูจับส่งวัดเตรียมเผาไปแล้ว....”

ไอ้เม้งคอตกหันไปมองหน้าปานจันทร์และเดินกัดฟันลงเวทีไป  ส่วนปานจันทร์พยายามวิ่งตามไป  แต่พวกลูกน้องอขงมันกันตัวเอาไว้”อย่าตามไป...เดี๋ยวก็เจ็บอีกหรอก  เฮียกำนันอารมณ์บ่จอยแล้ว...”

แล้วผมก็ประคองร่างสาวน้อยมาที่รถของผม  และเปิดฝาท้ายออก  พลางยกร่างของสาวน้อยขึ้นไปนั่ง  ผมยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ  สาวน้อยก้มหน้าผมเชยคางขึ้น  ทีแรกเธอสะบัด  แต่ครั้งที่สองก็ยอมให้เชยคางดูร่องรอยบอบช้ำ   สายตาของเธอมองผมซึ้งๆ  แต่ก็เอามือปัดมือของผมออกจากคาง

ไม่ต้องมายุ่งกับโสเลย  สนใจทำไม  คนเห็นแก่เงินอย่างโส  สมควรโดนตีให้ตาย...”สาวน้อยพูดน้ำเสียงปนน้อยใจ

ผมขำจนตัวสั่น  สาวน้อยมองค้อนๆ

“ขำอะไร? สะใจรึไงที่เห็นโสโดนตบ”

“เปล่า? พี่นี่เจ็บแทนน้องโสเลยนะ  แต่ว่าเจ้บขนาดนี้ยังมีอารมณ์งอนพี่อีกรึ?”

สาวน้อยสะบัดหน้าหนีไปพูดด้วยน้ำเสียงปนน้อยใจเหมือนเดิม

“ไหนบอกจะปกป้องโส  ดูสิ  กว่าจะมาช่วยได้  ปล่อยให้โสโดนตบเกือบตาย  ดีแต่พูด”

“งั้นพี่ก้อ   พี่ขอโทษละกัน?”

“ขอโทษแล้วมันหายเจ็บหรอ  คราวหน้าถ้ามาช่วยช้ากว่านี้ไม่ต้องมาคุยกับโสอีกเลย?”

“อ้าว? หายโกรธพี่แล้วหรอ?”

“โสเป็นใครล่ะ?ถึงมีสิทธ์ไปโกรธพี่ได้”

“ถ้าไม่โกรธก็เอามือถือคืนไปสิ”ผมจับมือของสาวน้อยมาและใส่มือถือไปให้

สาวน้อยเอาไปวางข้างตัว   แล้วมองผมค้อนๆแล้วยิ้มน้อยๆที่มุมปาก

“พรุ้งนี้พี่จะสอนให้น้องโสหัดต่อยมวย  คราวหน้าใครมารังแกจะได้ป้องกันตัวได้”

“โสไม่กล้าหรอกค่ะ  เรื่องเตะต่อยนี่โสไม่ถนัดแล้วก็ไม่เคยคิดจะยุ่งเกี่ยว...และแม่ก็ห้ามหนักหนาว่า เป็นผู้หญิงไม่ควรหัดเรียนเรื่องชกต่อย”สาวน้อยปฏิเสธ

“แต่...น้องโสต้องหัดสู้คนเสียบ้าง  ไม่งั้นจะถูกรังแกอย่างไม่สิ้นสุด  จำไว้”

สาวน้อยจ้องตาของผมแวววาว  ผมเอื้อมมือไปเชยคางขึ้นมา  สาวน้อยหลับตาพริ้ม  ผมค่อยๆก้มลงไปหมายประกบปากจูบอย่างห้ามใจของตัวเองไม่ได้  แต่.....

“อะแฮ่ม...นี่กลางชุมชนคนเยอะแยะเลยนะพี่ผู้ใหญ่  เกรงใจสถานที่บ้าง”เสียงเจ้าชมขัดมา

สาวน้อยสะดุ้งก้มหน้ากระโดลงจากท้ายรถวิ่งหน้าแดงไปที่ร้านหมูปิ้ง  ผมถอนหายใจเฮือก  หันไปมองเจ้าชมเขินๆ

“เอ่อ...กะ..กู...เอ่อ.....”

เจ้าชมถอนหายใจเดินมาใกล้ๆผม

“ขอร้องละพี่   ยัยโสยังเด็กนัก  ถ้าไม่จริงใจก็อย่ามายุ่ง  นี่หลานของผมนะ  ผมขอสักคนเถอะ  ไหว้ล่ะ”พูดจบเจ้าชมก็ยกมือไหว้ผม

“มึงจะบ้าเรอะ  กูเอ่อ....”ผมเองก็พูดไม่ออก  “ กะ...กู...เอ่อ....”

“อะไร?  จะบอกว่าอะไร  ดูสิ  หมู่บ้านนี้  ทั้ง ผู้ใหญ่ ทั้งกำนัน หื่นพอๆกัน  แย่งกันฟาดลูกบ้านสาวๆเรียบ  ขอหลานของผมไว้สักคนนะ   ให้มันได้ผัวดีๆสักคนเถอะ  ขอร้องนะพี่”

“แล้วกูไม่ดีตรงไหนวะ?”

“ก็ตรงจะได้เป็นเมียพี่ลำดับที่เท่าไรไม่รู้นะสิ?”เจ้าคมจ้องตาผมจนผมต้องหลบไม่กล้าสบสายตาของมัน

 

เจ้าชมยืนมองหน้าผมด้วยสายวิงวอนอยู่สักพักก็เดินกลับไปที่ร้าน  และสองอาหลานก็ช่วยกันเก็บของ  ผมยืนมองจากตรงท้ายรถ  สาวน้อยลอบมองผมเป็นระยะ  บางครั้งก็ถูกอาดุเร่งให้เก็บของ  เฮ้อ...ผมมองแล้วถอนหายใจ  รูปร่างหน้าตา  ไม่น่าต้องลำบากลำบนอย่างนี้เลย  อยากเอามาเลี้ยงดูให้สบายจังเลย.....

 

ผมมองจนทั้งสองขนของแล้วนั่งมอร์เตอร์ไซร์พ่วงใกล้จะพังมุ่งหน้ากลับบ้านไป  สาวน้อยลอบยิ้มให้ผมแล้วทำมือเป็นสัญลักษณ์ให้โทรไปหา  ผมยิ้มและโบกมือให้  สาวน้อยก็ยิ้มตอบมา  แต่พอหันไปเจอเจ้าชมหันมาทำหน้าดุๆก็ตัวลีบนั่งเฉยๆ  ฮื่ม...ชักจะอดใจไม่อยู่แล้วอีหนูเอ้ย...ยิ่งใกล้ชิดยิ่งหลงใหล

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา