THE RED EYE

5.8

เขียนโดย RATH

วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 16.37 น.

  8 chapter
  16 วิจารณ์
  15.09K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) บทที่ 3 วันใหม่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 3

  

วันใหม่

  

ในห้องประชุม สรุปผลการทำงาน

  

             ในห้องประกอบด้วยทีมสอบสวน  10 คน และคนประสานงานภายนอกอีก 1 คน คือนายเฮนรี ฟอร์ค ด้านหน้าห้องมีจอมอนิเตอร์ ขนาดใหญ่ ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ทีมสอบสวนทุกคนมองที่จอมอนิเตอร์  เหมือนทุกคนกำลังนั่งดูภาพยนตร์ใน โรงหนังระดับ Majorcineplex   ถ้านี้คือภาพยนตร์มันก็ไม่ใช้ภาพยนตร์ที่ดีหนัก เพราะมันขาด     องค์ประกอบของภาพยนตร์ไปแยะมาก 

 

              ภาพยนตร์ที่ดีก็ต้องมี พระเอก นางเอก พระรอง นางรอง ตัวร้าย  ตัวร้าย ตัวร้าย และตัวร้าย  และภาพยนตร์ที่ดี  พระเอกต้องฆ่าตัวร้ายให้ได้มากๆ มันถึงจะสนุก แต่ที่ทุกคนนั่งดูกันอยู่    มีตัวละครน้อยเกินไป เพราะมีแค่ พระเอก และนางเอกของเรื่อง และภาพยนตร์ที่กำลังนั่งดู   ก็เป็นภาพยนตร์ผิดกฎหมาย  ทุกคนอาจจะติดคุกได้หากไม่ระวัง  เธอคิด

 

             การละเมิดสิทธิ คนอื่นถือว่าผิด กฎหมาย การดักฟังโทรศัพท์  การติดกล้องแอบถ่าย   ก็ผิดกฎหมาย หากเอาไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตก็ผิดกฎหมาย  ในจอมอนิเตอร์พระเอกของเรื่องก็คือ นายราชีฟ นางเอกก็คือ คุณนัด เด็กสาวน่ารัก  คนที่เธอพาไปส่งที่ห้องพักรับรองของนายราชีฟ แล้วเธอก็เดินจากมาเพื่อมานั่งดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   

 

             เธอได้เห็น ได้ฟัง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องนั้น หลังจากที่เธอทำการสอบสวนมาทั้งวันแต่ไม่ได้อะไรเลย  สุดท้ายการดักฟัง การแอบถ่าย โดยผิดกฎหมาย มันได้ข้อมูลทุกอย่างที่เราอยากจะได้และอยากจะรู้ แม้จะมีบางเรื่องที่ยังติดใจอยู่ แต่อีกไม่นานก็คงได้รับข้อมูลที่สมบูรณ์ 

 

             วันนี้การทำงานของทีมสอบสวนก็จบลง พรุ่งนี้การเก็บข้อมูลก็จะเริ่มต้นอีกครั้ง วันนี้เธอใช้พลังงานไปหมดสิ้นแล้ว เธอต้องเข้าเครื่องเพื่อชาร์ตพลัง  ของวันพรุ่งนี้ เพื่อรับมือกับผู้ชายที่ชอบโกหก   หลอกลวง คนนั้นอีกครั้ง   เธอหวังว่าพลังที่เธอจะใช้ไปจะไม่สูญเปล่าเหมือนวันนี้อีก เธอคิด

 

 

สมาคมผู้ก่อการร้าย  ไม่ทราบสถานที่แน่นอน

 

        ในห้อง ประกอบด้วยกลุ่มคนมากมาย ทุกคนใช้รหัสแทนชื่อตัวเอง บางคนทำหน้าใหม่ ทำจมูกใหม่ ทำตาใหม่ บางคนมีชื่อมากกว่า สิบชื่อ บางคน เป็นชาวต่างชาติ บางคนเป็นคนไทย แต่การพูดคุยกันในห้องทุกคนใช้ภาษาอังกฤษพูดคุยกัน ทุกคนต่างก็เป็นหัวหน้า เป็นหัวกะทิ คอยออกคำสั่ง ในห้องจะมืดแต่ก็มีแสงพอมองเห็นลักษณะของคนนั่งข้างๆ ทุกคนอยู่ในชุดสูท  แบบผู้ดี มีการศึกษา แต่ทุกคนหน้าจะเป็นคนบ้าที่หลุดออกมาจากโรงบาลโรคจิต

 

           ทุกคนใส่หน้ากากสีดำ เหมือนซุปเปอร์ฮีโร่ จากการ์ตูนญี่ปุ่น  จำพวกชอบแปลงร่าง เพื่อคอยช่วยเหลือ เด็ก ผู้หญิงท้อง และคนชรา  แต่มันไม่ใช้อย่างที่เห็น พวกเขาไม่ใช้ซุปเปอร์ฮีโร่ ค่อยช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอกว่า   อย่างที่ ซุปเปอร์ฮีโร่ ควรจะทำ  พวกเขาค่อยสร้างสถานการณ์ ความวุ่นวายเพื่อหวังผลประโยชน์ ที่ควรได้ จากสิ่งที่ไม่ควรได้  และวันนี้พวกเขาก่อความวุ่นวายเพื่อ ความสนุกโดยไม่ได้อะไรเลย นอกจากความสูญเสียของประเทศเท่านั้น

 

           ครั้งนี้เป็นเพียงแค่การเตือน เป็นเพียงการส่งสารท้ารบให้กับประเทศนี้    ครั้งหน้าการก่อการจะต้องมีคนสูญเสีย และคนได้รับผลประโยชน์ตอบแทน แน่นอน  

 

           "การทำความชั่วร้ายมันคืองานศิลปะ ของปีศาจ"

 

นี้คือความคิดและคำพูดที่หน้าฟัง ของ “นาย” ผมเอง   และนายผมคือ “ปีศาจ”

 

นายผมเป็นหนึ่งในกลุ่มคนในห้อง  นายผมหน้าตาดี มีการศึกษา มีครอบครัวที่อบอุ่น ประกอบด้วย พ่อ แม่ น้องชาย  ครอบครัวนายผม ทำธุรกิจนำเข้าและส่งออกสินค้า  ทางการเกษตร จากประเทศไทย ไปยังต่างประเทศ  ผู้ชายทุกคนอยากเป็นแบบเจ้านายของผม  มีความครัวที่อบอุ่น มีการงานที่มั่นคง  คำถามคือ แล้วทำมั้ย ผู้ชายคนนี้ถึงไม่รู้สึกพอใจกับสิ่งที่มีอยู่   ทำมั้ย นายผมถึงโกรธ และเกลียดแค้น  ประเทศนี้นัก   ทำมั้ย ผู้ชายสมบูรณ์แบบอย่างนายผม  ถึงอยากทำร้ายคนอื่น นายผมมีเรื่องอะไรถึงเกลียดแค้นคนที่นายผม ไม่รู้จักได้มากมายขนาดนี้   

 

ผมอยากรู้ความคิดของนายของผม มากพอ กับ อยากรู้ว่า  ประเทศนี้ทำร้ายอะไรนายของผม กันแน่ ความลับนี้สักวันผม จะต้องรู้ให้ได้  ผมคิด  

 

การประชุมของพวกโรคจิตวันนี้ก็คือ การตามเก็บหลักฐาน การก่อการร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้น   มันเป็นงานชิ้นแรกของนายผมเอง การเข้ารวมกลุ่ม  คนโรคจิต ครั้งนี้ เจ้านายต้องพิสูจน์ตัวเอง โดยทำการก่อความวุ่นวาย  มันเหมือนกับการทำข้อสอบเข้าทำงาน หรือเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปิด ที่มีการแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย  อาชีพก่อการร้าย มันต้องสอบเข้าโดยการก่อการร้ายจริงๆ วันนี้นายของผมทำงานได้ดี นายของผมทำข้อสอบผ่านได้อย่าง เกือบสมบูรณ์แบบ

 

ติดที่ยังคงทิ้งหลักฐานไว้อีกสองชิ้น คือ ผู้ชาย หนึ่งคนและผู้หญิงอีกหนึ่งคน หากว่ากำจัดหลักฐานสองชิ้นนี้ทิ้งไปได้  งานศิลปะของนายของผมก็จะสมบูรณ์แบบ และนี้ก็คือ   หน้าที่ของผมที่จะทำให้นายของผมมีความสุข ผมเองไม่ใช้คนเลวร้ายอะไร ผมก็เป็นคนดีมากคนหนึ่ง ถึงผมจะอยู่กับ  กลุ่มโรคจิตพวกนี้ แต่ผมก็ไม่ใช้พวกเดียวกับพวกโรคจิต  สักวันผมก็อาจจะต้องฆ่าพวกโรคจิต  เพื่อให้นายของผมมีความสุขเช่นกัน เพียงแต่นายของผมเอ่ยปากแค่คำเดียว

 

“คนดี คนนี้จะทำให้ทุกอย่าง” ผมคิด   

 

 การทิ้งหลักฐานไว้ในครั้งนี้   ถึงมันจะไม่ใช้เรื่องใหญ่โตอะไร แต่ก็ยังมีสมาชิกโรคจิต   คนอื่นรู้สึกไม่พอใจนายของผมอยู่บาง  และผมก็อยากจะฆ่าพวกโรคจิต  ทิ้งให้หมดไป  แต่นายของผมยังไม่ได้เอ่ยปาก  ให้ผมฆ่าใคร  ดังนั้นก็คงต้องรอไปก่อน เมื่อถึงเวลาผมจะลงมือฆ่า   ก็ยังไม่สาย เขาคิด

 

วันนี้นายของผม ได้แต่พูดคำซ้ำๆๆ คำเดิม ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

“ครับผม ผมจะ ตามเก็บหลักฐานให้ได้โดยเร็วครับ ผมสัญญา”

 

  นี้คือคำพูดของนายของผม เมื่อถูกพวกโรคจิตบางคนบอกให้นายของผม  ไปทำงานให้เสร็จ  และบางคนบอกว่านายของผม  ไม่มีความสามารถจะทำงานง่ายๆๆ ให้ดีได้และนายของผมก็จะพูดแต่คำนี้ซ้ำๆๆเช่นกัน

 

“ครับผม  ผมจะปรับปรุงตัวเอง และทำงานให้ดีขึ้นครับ ผมสัญญา”  

 

จนการประชุมวันนี้เสร็จสิ้นลงนายของผมก็ยังต้องทำงานที่ยังไม่เสร็จดี   ให้ เสร็จสิ้นลงเสียที 

 

นั้นคือ ต้องทำลายหลักฐาน  เพื่อให้งานสมบูรณ์   ผมสงสารนายของผม  เป็นอย่างมากที่เป็นคนดีเกินไป   ผม   อยากจะให้นายของผม  เป็นคนที่เลวร้ายกว่านี้อีกสักนิด จะได้ทำให้พวกโรคจิตกลุ่มนี้ได้เห็นความดี  ในตัวเจ้านายของผมบาง  ตอนนี้นายของผม   ยังทำความเลวไม่พอแน่ๆ ผมคิด 

 

ต่อจากนี้ละ  ทุกคนจะได้เห็นความเลวร้ายของนายผม    และทุกคนจะต้องพอใจ  ผมคิด

  

“เริ่มงานได้แล้ว RED EYE”

 

นายของผมสั่ง    และคำตอบของผมก็คือ “ครับเจ้านาย”

 

 ผมจะทำงานนี้อย่างสุดความสามารถคับ เจ้านาย  ผมอยากพูดคำนี้ให้เจ้านายผมได้ยินด้วยแต่เจ้านายผมไม่ชอบให้ผมพูดคำยาวๆ  ผมจึงพูดมันในใจเท่านั้น

 

งานนี้ผมคงต้องเริ่มทันที เพราะตอนนี้ก็ใกล้จะสว่างแล้วผมเหลือเวลาเพื่อที่จะต้องกลับมานอนอีกไม่มาก งานนี้คงใช้เวลาไม่นานหลักฐานก็จะหายไป  ผมคิด   

 

RED EYE คือรหัสของผมเอง เจ้านายผมเป็นคนตั้งให้ เจ้านายผมบอกว่ามันคือชื่อของสัตว์เลี้ยงชนิดหนึ่ง ของเจ้านาย  และเจ้านายรักมันมาก และมันได้ตายไปแล้ว ผมจึงได้รับเกียรติ  ใช้ชื่อนี้เป็นรหัสแทนชื่อจริงๆๆ ของผม และผมชอบมันมาก ผมจะพยายามฆ่าคน  ให้ได้มากๆ เพื่อเจ้านายและเพื่อชื่อนี้ RED EYE

 

 

ณ ห้องรับรองแขก เวลา ของวันใหม่ 05.30 น.

  

“มาร์ติน เธอเห็นนั้น มั้ย”   “อะไรคับ พี่”

  

“ตา แมว บนต้นไม้นั้นไง  มันเป็นสีแดง ”  “ พี่โกหก ตาแมวไม่ใช่สีแดง”

  

“พี่ไม่ได้โกหก ดูนะพี่จะทำให้มันเป็นสีแดง”

  

“พี่เอาไฟ ส่องตามัน มันก็สะท้อนเป็นสีแดง เห็นมั้ย มาร์ติน”

  

“มาร์ติน ตาเธอก็เป็นสีแดง ถ้าพี่เอาไฟส่อง ตาเธอ”  “อย่าผมไม่อยากตาแดง”

  

“เธอตาแดงเป็นประจำอยู่แล้วมาร์ติน เธอร้องไห้ เป็นประจำ เธอถูกพวกเกเร เกรงเป็นประจำ เธอตาแดงเหมือนแมวบนต้นไม้นั้น มาร์ติน”

  

“ผมไม่ได้ร้องไห้เพราะถูกใครเกรง ผมร้องไห้เพราะผมหายใจไม่ออก และผมไม่ได้ตาแดงเหมือนแมวนั้น แมวนั้นก็ไม่ได้ตาแดงด้วย  ถ้าพี่ไม่เอาไฟส่องตามัน”

  

“ มาร์ติน พี่จะเรียกเธอด้วยชื่อของแมวบนต้นไม้นั้น พี่ตั้งชื่อให้มันว่า RED EYE เพราะมันเหมือนเธอมาก มันตาแดงเหมือนเธอ มันถูกเกรงเหมือนเธอ  มันชื่อ RED EYE เธอก็ต้องชื่อ RED EYE”

 

 

“เธอดูนี้นะมาร์ติน พี่จะขว้างมันด้วยก้อนหินนี้ แล้วเธอก็ต้องตะโกนให้มันหนีไป ถ้าเธอไม่ทำ มันก็จะถูกก้อนหินนี้  และ ตกต้นไม้ตาย พี่จะนับ หนึ่ง ถึง สาม เริ่ม”

 

  

“ หนึ่ง สอง สาม”

 

  

RED EYE หนีไป”

 

 

“ดีมาก มาร์ติน หากพี่ตะโกนว่า RED EYE หนีไป เธอก็ต้องวิ่งหนี เหมือนแมวบนต้นไม้นั้น  เข้าใจมั้ย มาร์ติน”

 

 

“ไม่ ผมไม่หนี พี่ควรเรียกชื่อผม ผมไม่ใช้แมวนั้น ผมไม่ใช้ไอ้แมว RED EYE ของพี่ ผมเป็นน้องพี่”

 

 

“เธอเป็นน้องพี่ แล้วเธอก็เป็นลูกแมวน้อยๆ ของพี่ด้วย เธอคือไอ้แมว RED EYE นั้น จำไว้ถ้าพี่บอก RED EYE วิ่ง  เธอก็ต้องวิ่งเหมือนแมวนั้น จำไว้วิ่งให้เหมือนแมวนั้น”

 

 

RED EYE  วิ่ง  RED EYE วิ่ง  RED EYEวิ่ง”

 

 

“ไม่ พี่อย่าเกรงผม ผมไม่ใช่แมวนั้น”

 

 

ผมตกใจ จากฝันในวัยเด็ก  ระหว่างผมกับพี่ชาย กี่โมงแล้ว ผมถามตัวเอง  ผมถอดนาฬิกา ไว้บนเตียงนอน และตอนนี้มันก็ยังอยู่ที่เดิม เวลา 05.30 น.

 

ตอนนี้ใกล้จะเป็นวันใหม่แล้วเหลืออีกแค่ชั่วโมงกว่า  เด็กสาวยังคงนอนหลับอย่างสบาย ผมสงสัยว่ายามเฝ้าประตูหรือคนคุมกันข้างนอกห้องจะยังคงหลับอยู่ด้วยหรือเปล่า 

 

การเปิดประตูออกไปดูก็หน้าจะดี ผมคิด  ผมต้องการอาหาร โดยเฉพาะกาแฟร้อน และขนมปัง และสาวน้อยบนเตียงถ้าเธอตื่นเธอก็คงต้องการนมสักแก้ว ขนมปังสักแผ่น เช่นกัน ผมคิด

 

 ประตูห้องถูกปิดจากข้างนอก การที่จะออกจากห้องนี้ต้องให้คนข้างนอกเปิดประตูให้  การเคาะ ประตูจากด้านใน ก็คือสัญญาน บอกให้คนด้านนอกรู้ว่าให้เปิดประตูด้วย  

 

ผมเริ่มเคาะ ครั้งที่ หนึ่ง สอง สาม  ไม่เปิด ลองอีกทีให้ดังกว่าเก่า  ก็ยังไม่เปิด ครั้งที่สามผมใช้กำปั้นทุบแทนการเคาะ พร้อมตะโกนไม่ให้ดังมาก  เพื่อไม่ให้สาวน้อยทีหลับอยู่ตื่นนอน  

 

เธอนอนน้อยตื่นมาจะไม่สบาย  ผมคิด  ไอ้พวกหูตึงข้างนอกมันคงหลับยามแน่นอน ผมคิด ลองใหม่อีกครั้งแล้วกัน พร้อมกับลงมือ และตะโกนให้ดังกว่าครั้งที่แล้ว 

 

 

“เปิดประตูด้วย เปิดประตูสิโว้ย”  เสียงดังมาก

 

 

            ครั้งนี้ได้ผล  ด้านนอกมีเสียงกดรหัสเปิดประตู แต่ที่ไม่ได้คาดไว้ก็คือคนมาเปิดประตูมีสภาพเลือดเต็มตัว ลักษณะเหมือนโดนยิงมา  อาการโดยดูจากสภาพ   หากได้รับการรักษาโดยด่วนคงรอดตาย แต่ต้องนอนพักหลายวัน สมองผมตอนนี้กำลังคิดอย่างรวดเร็ว   ถึงสถานการณ์ตอนนี้

 

อย่างแรก ใครคือคนยิงตอนนี้อยู่ที่ไหน  เป้าหมายคนร้ายต้องไม่ใช้ยามเฝ้าประตูแต่เป็นคนในห้อง    นั้นก็คือ ตัวผมเอง และเด็กสาวที่กำลังหลับอยู่

 

อย่างที่สอง ผมควรรีบหนี พร้อมกับเด็กสาว แล้วคนเจ็บควรทำอย่างไร ปล่อยไว้แบบนี้หรือพาไปด้วย 

 

อย่างที่สามถ้าจะต้องออกจากห้องนี้   ต้องหาอาวุธป้องกันตัว ตอนนี้มีแล้ว ปืนจากคนเจ็บที่นอนขวางประตูอยู่   จากสภาพปืนตอนนี้ ยังสามารถใช้ได้  มีกระสุนเหลืออยู่ห้านัด   สามารถฆ่าคนได้อย่างน้อยห้าคน และอย่างมากก็ห้าคน  เช่นกัน   

 

เรื่องบ้าอะไรกันนี้  ผมคิด  มันขึ้นในใจ ภายใน 24 ชั่วโมง  ผมต้อง พยายามเอาตัวรอดจากอันตราย ร้อยแปด หนึ่งวันในประเทศนี้ทำไม  มันถึงได้ยาวนานอย่างนี้ ผมคิด

 

ในสนามบินผมช่วยเด็กผู้หญิงไว้สองคน หนึ่งคนปลอดภัย ส่วนอีกคนยังไม่รู้ชะตากรรมแน่ชัด ถ้าหากรอดจากเหตุการณ์ตอนนี้  ได้ก็คงมีบททดสอบอย่างอื่นอีก ชะตากรรมที่ต้องผูกติด  คงต้องยอมรับมันทั้งผมและเด็กผู้หญิงทีนอนอยู่บนเตียงนั้น 

 

ส่วนเหตุการณ์ตอนนี้คือ  เปลี่ยนแปลงจากที่สนามบินนิดหน่อย เปลี่ยนจากเด็กหญิงน่ารักเป็น คนเจ็บใกล้ตาย กับเด็กสาวคนเดิม และผมต้องแก้สถานการณ์ตอนนี้โดยด่วน ปล่อยไว้ผู้ชายคนนี้ตายแน่ 

 

ต้องพาหาหมอโดยด่วน ผมนึกถึงการประถมพยาบาลเบื้องต้น การห้ามเลือด โดยหาผ้าพันไว้ไม่ให้เลือดไหล  แต่ผมต้องการคนช่วย นั้นก็คือสาวน้อย   ที่นอนหลับอยู่เธอต้องลุกขึ้นมาจากเตียงโดยเร็ว เธอต้องเตรียมตัวหนี เช่นเดียวกับต้องเตรียมตัวช่วยคนเจ็บคน ด้วย

 

ผมเดินไปที่เตียงจับไหล่เธอ ตะโกนเรียกชื่อเธอ ไม่นานเธอก็รู้สึกตัว เธอเรียกชื่อผม แต่ผมไม่มีเวลาอธิบาย แต่ใช่การชี้นิ้วไปยังคนเจ็บที่นอนไม่รู้สึกตัวอยู่หน้าห้องแทน

 

“ราชีฟ มันเกิดอะไรขึ้น” ผมรู้เธอตกใจ แต่ผมไม่ได้ตอบคำถามเธอ

 

“ผมต้องการผ้าสะอาด สำหรับห้ามเลือด คุณนัดช่วยผมได้มั้ย”

 

            เธอก็ไม่ได้ตอบคำถามผมเธอได้แต่พยักหน้าที่หมายถึง “ได้ฉันจะหาให้” ผมคิด 

 

ไม่นานผมก็ได้ผ้าสะอาดสำหรับพันแผล   จากกระสุนปืน คนเจ็บต้องออกจากห้องนี้ไปหาหมอโดยเร็วแค่การห้ามเลือดมันไม่ใช้การรักษาที่ได้ผลร้อยเปอร์เซนต์ ต้องผ่าเอากระสุนปืนออก  ต้องให้เลือดใหม่คนเจ็บด้วย ที่จะทำทั้งหมดนี้ได้   คือโรงพยาบาลเท่านั้น  แต่เขาก็ต้องรักษาชีวิตตัวเองและสาวน้อยอีกคนด้วย

 

การจะเดินออกไปโดยไม่รู้สภาพภายนอก   ก็เหมือนการพากันออกไปตายทั้งหมด แต่ก็จะอยู่แต่ในห้องนี้แล้วรอให้คนข้างนอกเข้ามาฆ่าก็ไม่ได้อีกเช่นกัน  เมื่อไม่มีทางเลือกมากนัก ผมจำเป็นต้องเลือกเดินหน้าต่อไป การออกไปเผชิญ  หน้าอันตราย ดีกว่านั่งรอความตาย

 

ผมต้องเอาคนเจ็บออกไปด้วย ผมอุ้มเขาไม่ได้แน่ ผมแบกเขาขึ้นหลังก็ไม่ได้อีกผมต้องป้องกันตัวจากคนร้าย มีทางเดียวต้องพยุงแขนเขาเดินไป หรือลากไป มันคือความหมายเดียวกันเขาตัวเล็ก และผอม สำหรับหนุ่มไทยบาดเจ็บคนนี้

 

เมื่อถึงหน้าลิฟท์ ลงไปข้างล่างก็ปลอดภัยแล้ว ปัญหาที่จะพาคนเจ็บลงไปข้างล่าง   ก็ไม่มีปัญหาแล้ว   เหลือแต่สาวน้อยของผมเธอเพิ่งตื่นนอน จากฝันที่มีความสุข มาสู่ชีวิตจริง   ที่หน้ากลัวอีกครั้ง   แต่ครั้งนี้เธอคุมสติได้ดีกว่าครั้งที่แล้ว    เธอรับมือกับเรื่องยากๆได้  เธอรับมือกับคนเจ็บใกล้ตายได้  และเธอรับมือกับผมได้   เธอรู้ว่าผมจะทำอะไร   

 

เธอพร้อมที่จะทำตามที่ผมบอก ผมรู้สึกดีใจนิดๆ ที่ผมไม่ต้องคอยห่วงเธอตลอดเวลา ผมรู้เธอจะช่วยเหลือตัวเองได้ และผมก็จะค่อยช่วยเธอ เธอรู้ความรู้สึกของผม    โดยไม่ต้องพูดให้ได้ยิน แต่สุดท้ายผมก็ต้องออกคำสั่งเพื่อให้เธอทำตามที่ผมบอกเพื่อความปลอดภัย ของผม และของเธอด้วย

  

“คุณนัด ผมจะพยุงคนเจ็บไปที่ลิฟท์ คุณนัดเดินตามหลังผม ผมจะป้องกันให้เอง  คุณนัดถือกระเป๋าเอกสารของผมเอาไว้  มันป้องกันกระสุนได้   หากจำเป็นต้องป้องกันตัวจากกระสุนปืน  ผมมีปืนที่พอจะป้องกันเราได้ แต่ผมหวังว่าเราจะไม่ต้องใช้มัน”

  

“คะ ราชีฟ ฉันจะวิ่งเมื่อคุณบอกให้วิ่ง  ฉันจะหมอบเมื่อคุณบอกให้หมอบ”

  

“ดีมากคุณนัด ผมต้องรีบพาคนเจ็บไปหาหมอ เราต้องรีบไปจากที่นี้   อย่างเร็วที่สุด”

  

“คะ ราชีฟ ฉันพร้อมแล้ว”

  

             ความพร้อมของเธอ มาพร้อมกับชุดนอนเมื่อคืน เสื้อที่ไม่พอดีตัว  กางเกงที่ต้องพับขาขึ้นหลายทบ เอวกางเกงที่ต้องรวบไว้ด้วยกันด้วยเข็มขัดอันเล็ก  เส้นผมที่ยังไม่ได้หวีให้เป็นระเบียบ มันจึงยังพันกันอยู่  

 

ตอนนี้สาวน้อยของผม  เหมือนเด็กที่หนีออกจากบ้านจริงๆ  ไม่ใช้แค่  การออกมาเที่ยวเล่นสนุกแล้วก็สามารถเดินทางกลับบ้านได้เมื่อหมดสนุก  ผมหยุดคิด ถึงสภาพของสาวน้อยของผม   พร้อม คิดต่ออีกนิดว่า หากเธอหนีออกจากบ้านจริง ผมจะคอยปกป้องดูแลเธอเอง   

 

เธอบอกผมว่าเธอพร้อมที่จะออกไปเผชิญอันตรายข้างนอกแล้ว ผมก็เช่นกัน   พร้อมแล้วที่จะปกป้องเธอ อย่างสุดความสามารถ แล้วเช่นกัน ผมคิด

  

“ตาม  ผมมา  คุณนัด”

  

                 ผมลากปีกคนเจ็บด้วยแขนซ้าย   มืออีกข้างถือปืนเตรียมยิง พร้อมกระสุนปืนห้านัด  เป้าหมายของการหนีจุดแรก  เป็นลิฟท์  ลงชั้นล่าง ระยะทางจากห้องรับรองถึงลิฟท์ ประมาณ 200 เมตร  

 

แสงไฟตามทางยังใช่ได้ไม่มีดวงไหนเสียหาย ระบบไฟเป็นปกติทุกอย่าง มีความเสียหายนิดหน่อยคือรอยเลือดจากบาดแผลคนเจ็บ ทิศทางรอยเลือด  อยู่ที่ห้องน้ำชายห่างจากห้องรับรองแขกไม่มากนัก  เมื่อระบบไฟ ไม่เสียหาย ระบบลิฟท์ ก็ต้องใช้ได้ 

 

ประเทศไทยไม่มีแผ่นดินไหวลิฟท์   ก็ไม่หน้าจะค้าง    มือปืน จะเก่งแค่ไหนก็คงจะไม่พังลิฟท์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ      แน่นอน  การที่มือปืนเข้ามายิงตำรวจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว   แต่มือปืนก็ทำได้ มันยิงตำรวจ  อาการสาหัสใกล้ตาย  แต่ถ้าหากพวกมันพังลิฟท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้

 

พวกมันก็คือสุดยอดมือปืน  และคงไม่มีใครฆ่ามันได้แน่นอน  ผมคิด   สุดท้ายก็มาถึงลิฟท์  โดยไม่ต้องยิ่งใครตาย หรือ  ถูกใครยิงตาย

 

ผมทำการกดปุ่มเรียกลิฟท์ มันกำลังวิ่งจากชั้นหนึ่งขึ้นมา ไม่นานมันก็เปิดออก ผมลากปีกคนเจ็บเข้าลิฟท์   สาวน้อยวิ่งตามหลังเข้ามาพร้อม  กดปุ่ม    

 

ให้ลิฟท์ลงชั้นล่าง มันใช้เวลา ไม่เกินสิบ  หายใจเข้าและออก   ลิฟท์ก็เปิด แต่สิ่งที่ต้องเจอก็คือ สนามรบระหว่างตำรวจและมือปืน จากการนับด้วยสายตาอย่างรวดเร็ว ตำรวจกำลังคุมสถานการณ์ 

 

ผมมีสองทางเลือกก็คือ กลับขึ้นไปอยู่ข้างบนอีกครั้ง   รอจนสถานการณ์ข้างล่างเรียบร้อยแล้วค่อยลงมา  และอีกอย่างพากันวิ่งออกจากลิฟท์ หาที่หลบและพยายามเอาคนเจ็บใกล้ตายออกไปให้พ้นรัศมีกระสุนปืน ของพวกตำรวจและมือปืน  

 

สำหรับผมและสาวน้อย    ที่มาด้วยอาจจะรอได้ แต่คนใกล้ตายรอไม่ได้ ผมจำเป็นต้องเลือกอย่างหลัง ผมตะโกนเป็นสัญญาณให้วิ่งแบบสุดชีวิต สาวน้อยวิ่งตามผมอย่างสุดชีวิตเช่นกัน

  

“หมอบ”  “วิ่ง”  “หมอบ” “ปัง ! “ ผมยิงปืนนัดแรกออกไป แน่นอนมันได้ผล  คงตาย โดนเข้าจุดสั่งตายพอดี  ผมคิด   

 

ผมยังคงเหลือกระสุนอีก สี่นัด   ประตูที่จะออกจากนรกนี้  ก็อีกไม่ไกลแล้ว เท่าที่สังเกตดูระบบรักษาความปลอดภัย  คงเสียหมดแล้ว หรืออาจถูกปิดไปโดยถาวร  จากมือปืน หรือใครสักคนบนโลกนี้   

 

“คุณนัดวิ่ง ไปที่ประตู” เธอพยักหน้าแล้ววิ่งตาม

  

“หมอบ”     “ปัง ! “  ผมยิงนัดที่สองผลลัพธ์   เหมือนนัดแรก คือเขาตรงจุดพอดี   แน่นอนว่า คงตาย ผมคิด

 

ผมเหลือกระสุนอีกสามนัด แต่คงจะไม่ต้องใช้แล้ว   เพราะอีกแค่สองก้าวก็ออกจากประตู นี้ได้แล้ว ผมพยักหน้าให้สาวน้อยอีกครั้ง  ซึ่งความหมายของการพยักหน้าคือ วิ่งตามผมมา  เพียงไม่กี่นาที ผม คนเจ็บ และสาวน้อยของผม  ก็หลุดออกมาสู่แสงสว่างยามเช้าได้แล้ว แสงแดดอ่อนๆ  ลมเย็นๆ  นกบินออกหากิน มันดูอิสระ เช่นเดียวกับผม ได้เวลากางปีกบินเหมือนฝูงนกนั้นแล้ว  ไปให้ไกลจากเรื่องนรกนี้เสียที ผมคิด

 

“ราชีฟ เรารอดแล้ว” เขายิ้มให้เธอ และตอบ  รับความดีใจของเธอด้วยคำพูดแบบเดียวกับเธอ

  

“คุณนัด เรารอดแล้ว”เธอยิ้มน่ารักด้วยความดีใจ 

  

“มีคนเจ็บ อาการสาหัส”

  

              ผมตะโกนบอกรถพยาบาลที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก พวกเขาวิ่งเข้ามาหาพร้อมรถเข็น   รับคนเจ็บขึ้นรถไป  ไม่ห่างจากรถพยาบาลคือ รถนักข่าว กำลังถ่ายทอดสด เป็นข่าวดัง ที่ไม่หน้าจะดัง     เวลาผ่านไป 6.00 น.  ตำรวจควบคุมสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์  คนร้ายถูกวิสามัญ และบางส่วนหนีไปได้  และจะมีการสอบสวนเพื่อขยายผลหาผู้ก่อการเพิ่มอีกแน่นอน  ตำรวจรายงานข่าว

 

   “สวัสดียามเช้า คุณนัด” 

 

“สวัสดียามเช้า เช่นกันราชีฟ” 

 

“ผมหิว คุณละ”

 

“ฉันก็หิว”

  

ผมและเธอเดินเข้าสู่ฝูงคนนับล้านคนในเมืองใหญ่  และถูกกลืนหายไปจากสายตาของผู้คน  จากสายตา ตำรวจ จากมือปืน จากคนนับล้านคนข้างนอก  เราเป็นอิสระแล้ว จะไม่มีใครหาพวกเราเจอ ในวันนี้  ผมคิด

  

“ราชีฟ ฉันอยากอาบน้ำ”

  

“ราชีพ ฉันอยากได้เสื้อตัวใหม่”

  

“ราชีฟ ฉันอยำกได้กระโปง”

  

“ราชีฟ ฉันทำรองเท้าหาย”

  

“ราชีฟ รอด้วย”

  

“ราชีฟ คุณจะไปไหนต่อ”

 

“คุณจะตามผมไปด้วยมั้ย”

 

“ ผมจะบอกคุณเมื่อผมไปถึงแล้วดีมั้ย”

 

 

“ตกลงราชีฟ ฉันจะวิ่งตามคุณไปทุกที่”  เสียงหัวเราะดังหายไปพร้อมจุดเล็กๆๆ สองจุดจนมองไม่เห็นอีกต่อไป

 

  ไม่มีใครหนีจาก RED EYE ได้ ฉันจะตามพวกแก่ให้เจอ ไม่ว่าพวกแก่จะหนีไปไหน มันคือความคิดของคนที่เฝ้ามอง เหมือนเสือที่รอดักเหยื่อ เหยื่อเผลอ ไม่ระวัง สุดท้ายก็คือความตาย

จบบทที่ 3  ติดตามต่อ บทที่ 4  ครอบครัว ที่หายไป

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา