Psychic

8.3

เขียนโดย Kuroneko_Iyo

วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553 เวลา 23.50 น.

  3 chapter
  8 วิจารณ์
  7,166 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) คดีคฤหาสน์มรดก บทที่สอง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“โห.....”

โนร่าอุทานอย่างตกใจ เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็ลงจากรถมายืนอยู่ข้างรถตู้สีดำสนิท ดวงตากลมสีฟ้าใสภายใต้แพขนตาสีบลอนด์มองไปรอบๆอย่างตื่นตะลึง

คฤหาสน์สไตล์ยุค 1900 ที่ยังคงความคลาสสิคไว้ สภาพทรุดโทรมเหมือนสร้างขึ้นราวๆปลายปี 23 ตัวอาคารหลังใหญ่ที่ด้านนอกก่อด้วยหินสีเทาและเสาแบบประยุกต์ที่ว่าจะกึ่งแบบโรมันก็ใช่และไม่เชิง หลังคาหน้าจั่วสามเหลี่ยม สภาพรอบบ้านที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม กับพื้นหญ้าที่เหมือนเป็นของหายาก กลิ่นหอมสะอาดเขียวๆของผืนหญ้าทำให้เขารู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก

 

ปึ้ก

เสียงกระแทกดังขึ้นเบาๆ แล้วร่างบางของโนร่าก็รู้สึกโหวงๆ ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตัวเองโดนชนกระเด็นจนเกือบล้มกลิ้งโคโล่ลงไปบนพื้นปูคอนกรีตของลานหน้าบ้าน

 

“...โทษนะ”

 

เสียงทุ้มต่ำจากร่างสูงทำเอาโนร่าต้องรีบถอยกรูดทันที

 

ชายตัวสูงผอมที่มีผมสีนิลและโครงหน้าคล้ายคนเอเชียกำลังเปิดฝาประตูด้านหลังของรถตู้ พลางหยิบเอาอุปกรณ์วิจัยของโนร่าลงมาทีละชิ้น แม้จะเป็นการช่วยโดยไม่ได้ร้องขอ แต่โนร่าก็รีบลุกลี้ลุกลนวิ่งเข้าไปหาเพื่อขัดขวางความช่วยเหลือนั้นด้วยเหตุผลบางประการ

 

“เอ่ออ.. มะ ...ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้อง...”

 

สิ่งที่ได้รับกลับมาคือดวงตาเรียวคล้ำๆที่เฉียดมองเพียงหางตาผ่านแว่นกรอบหนาโดยไม่พูดอะไรสักคำ ส่งผลให้โนร่ายิ่งต้องรีบถอยกรูดให้ห่างไปยืนข้างๆหลวงพ่อทันที

 

“พ่อโธมัสครับ...เขาจะไม่ฆ่าผมใช่มั้ยอ่ะ”

โนร่าเขย่งตัวกระซิบถามข้างหูหลวงพ่อ

 

“ฮ่าๆ เขาจะฆ่าลูกทำไมกันล่ะโนร่า ถึงจะท่าทางแบบนั้นเขาก็เป็นคนดีนะ”

 

หลวงพ่อหัวเราะร่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พลางหันกลับไปคุยกับผู้หญิงที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าของบ้านต่อ

 

“นี่คือด็อกเตอร์โนร่า มาเรียล เขาเป็นนักวิจัยเรื่องเหนือธรรมชาติและศาสตราจารย์ด้วย พ่อให้เขามาช่วยงานน่ะ” หลวงพ่อที่ยังคงแต่งกายด้วยชุดยาวของบาทหลวงยิ้มให้คุณผู้หญิงผมบลอนด์ซึ่งดูยังสาวและสวยมาก ท่านผายมือมาทางโนร่า และดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของหญิงสาวก็มองกลับมาด้วยรอยยิ้ม ทำให้เด็กหนุ่มต้องยิ้มตอบ ก่อนที่หลวงพ่อจะแนะนำหญิงสาวให้โนร่าฟังบ้าง

“โนร่า นี่คือคุณผู้หญิงของบ้าน คุณลีน่า ฟิลเบิร์ต ภรรยาของด็อกเตอร์เบนนี่”

 

 

“อ่า...ครับ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้ช่วยเหลือครับ”

 

เด็กหนุ่มตัดสินใจยื่นมือไปเพื่อจับมือคุณผู้หญิง เธอยังดูสาวก็จริง แต่ท่าทางแสนกุลสตรีเพียบพร้อมของเธอทำให้รู้สึกประหม่าอยู่บ้าง เขาเชื่อจริงๆแล้วว่าเธอจะต้องเป็นชาวคริสต์ที่เคร่งครัดคนหนึ่งอย่างแน่นอน แม้กระนั้นโนร่าก็ยังมองเห็นใบหน้าแสนสวยของเธอมีรอยหม่นหมองเหมือนคนที่มีความทุกข์ เขามีโอกาสได้ยืนมองเธอนานขึ้นอีกหน่อย ในขณะที่เธอใช้มือบอบบางสัมผัสเบาๆเพื่อจับฝ่ามือของเขาและเริ่มต้นบทสนทนาด้วยรอยยิ้ม

 

“คุณเป็นศาสตราจารย์ที่เด็กมากๆเลยนะคะ”

 

“อ๋อ... คือผมอายุ 29 แล้วครับ” โนร่าตอบห้วนๆ เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับการคำพูดแบบนี้ เพราะลักษณะภายนอกของตัวเขามักทำให้เขาดูเหมือนเด็กมัธยมมากกว่าศาสตราจารย์วิทยาลัยชื่อดัง จึงมักถูกทักแบบนี้เสมอๆ

 

“อุ๊ย... ต้องขอโทษจริงๆนะคะ นึกว่าจะยังไม่ถึงยี่สิบเสียอีก”

เธอมีสีหน้าประหลาดใจ แต่ยังคงท่าทีของกุลสตรีไว้ได้อย่างดีเยี่ยม และหัวเราะเบาๆให้กับสิ่งที่เธอพูดออกมา รอยยิ้มของเธอทำให้โนร่าต้องยิ้มออกมาด้วยอย่างไม่ได้ตั้งใจ

หญิงสาวปล่อยมือเล็กๆของโนร่าและหันไปพูดคุยกับหลวงพ่อเช่นเดิม

 

“แล้วคุณผู้ชายท่านนั้นล่ะคะ”

 

ทั้งโนร่าและหลวงพ่อหันกลับไปทางที่เธอมอง และมองเห็นร่างสูงโปร่งกำลังหยิบสายไฟระโยงระยางลงในลังใส่ของ

 

“เขาชื่ออิเซยะ แมนแลนธิออส เป็นนักเขียนเกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติครับ ผมเรียกเขามาช่วยงานเอง เพราะว่าเขาไม่กลัวผี และที่สำคัญคือแรงเยอะครับ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ”

 

คุณลีน่าเอามือป้องปากหัวเราะเบาๆ โนร่าเองก็เห็นด้วยที่ต้องมีคนช่วยยกของบ้าง เพราะการยกอุปกรณ์หนักๆในการสำรวจ คงไม่ใช่หน้าที่ของนักวิจัยผอมบางหรือบาทหลวงหน้าสวยหวานเป็นแน่แท้

แม้ว่านั่นจะไม่ใช่เหตุผลจริงๆที่หลวงพ่อเรียกให้ชายคนนั้นมาทำงานก็ตามที...

 

หลวงพ่ออ้างว่าเขามีพลังบางอย่างที่พวกเขาไม่มี ซึ่งโนร่าเองก็ได้แต่คาดเดาเอาเองในใจว่ามันคืออะไร ถ้าโนร่ามีความสามารถและอุปกรณ์ในการทดสอบพลังวิญญาณ และหลวงพ่อโธมัสมีความสามารถที่จะไล่วิญญาณได้ สิ่งที่ทั้งสองคนยังขาดไปดูเหมือนจะมีอีกแค่ไม่กี่อย่าง อาจจะเป็นพละกำลังในการยกของ... อาจจะเป็นการอดนอนเฝ้าหน้าจอคอม... หรืออาจจะเป็นพลังบางอย่างที่สำคัญเกินกว่าเขาจะนึกถึง...

 

หรืออาจจะนึกถึง... แต่คิดว่าเป็นไปไม่ได้...

 

ดวงตาสีฟ้ากลมโตหันกลับไปเหลือบดูชายตัวสูงปรี๊ดที่กำลังยกอุปกรณ์ติดตั้งทั้งหลายลงจากรถ ผมสีนิลที่ดูเหมือนจะตัดเป๋ให้ด้านซ้ายยาวกว่าด้านขวาดูแปลกตา แว่นตากรอบพลาสติกใหญ่ๆดูเข้ากันกับใบหน้าเรียวมาดแมน คงจะดูหล่อดีอยู่หรอก ถ้าไม่ใช่ว่าท่าทางน่ากลัวประหลาดๆอยู่ ริมฝีปากบางที่ไม่ยิ้มเลยแม้แต่นิด กับดวงตาเรียวสีดำนิลทึบจนยากจะอ่านออกดูมีรอยคล้ำเหมือนคนนอนดึก ผอมจนเห็นแนวกระดูกไหปลาร้าชัดเจน ...แต่คงจะเป็นเพราะว่าโครงกระดูกเขาใหญ่มากกว่า ...เพราะโนร่าเองก็ผอมมากเช่นกัน แต่ไม่ยักกะเห็นแนวไหปลาร้าหรือลูกกระเดือกอย่างเขาบ้างเลย

ทันใดนั้นดวงตาสีทึบก็หันมาสบตากับเขาเข้าอย่างจัง

 

โนร่าสะดุ้งโหยงสุดตัว แล้วรีบหันหลังหลบ แกล้งทำท่าชมนกชมไม้ไปเรื่อย

 

“................................................”

ในขณะที่ร่างสูงมองเด็กหนุ่มร่างเล็กที่น่าจะอายุมากกว่าตัวเองด้วยสายตาเฉยชา...

ก่อนที่จะใช้ดวงตาสีนิลคล้ำเบื้องหลังกรอบแว่นเลื่อนสายตาขึ้นไปที่หน้าต่างของตัวคฤหาสน์ชั้นบนอย่างเหม่อลอย...

 

 

 

--------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

“จะให้เอาไอ้นี่ไว้ตรงไหน”

 

โป๊ก!

เสียงทุ้มต่ำที่อยู่ใกล้ๆทำเอาโนร่าสะดุ้งโหยงสุดตัวจนหัวโขกโต๊ะ

 

“โอ๊ย...”

เขากุมหัวที่รู้สึกเจ็บและร้องเบาๆ... พลางเหลือบมองร่างสูงที่กำลังนั่งยองๆมองมาทางเขาซึ่งกำลังนั่งแหมะอยู่ใต้โต๊ะยาว ต่อสายไฟเข้ากับปลั๊กหลายตาอย่างขะมักเขม้น จนกระทั่งถูกขัดขวางด้วยเสียงของชายสูงผอมที่ขนอุปกรณ์ชุดสุดท้ายเข้ามาในห้องนั่นแหละ

 

“วางไว้ตรง...เอ่อ... พื้นแถวๆนั้นแหละครับ”

 

ชายที่ชื่ออิเซยะพยักหน้าและลุกจากไป...

 

“เฮ้อ...”

โนร่าถอนหายใจยาวๆ และหันกลับมาต่อสายไฟกับปลั๊กต่อ เมื่อเสร็จแล้วก็ค่อยๆใช้มือดันตัวเองให้ออกจากใต้โต๊ะเพื่อไปต่อสายต่างๆที่ยังต้องใช้สำหรับจอมอร์นิเตอร์บางตัว

 

“อะโลฮ่าโนร่า!!”

 

โป๊ก!!

เสียงหลั่นล้าของบาทหลวงที่แสนจะคุ้นเคยดังมาจากด้านข้าง ซึ่งทำให้ตัวของโนร่ากระตุกไปด้านหน้า หน้าผากที่มีหน้าม้าปรกจึงกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะอย่างจัง

 

“อูย... พ... พ่อโธมัสครับ ผมตกใจนะ”

 

“แหมๆ อะไรกัน ขืนอยู่เงียบๆในบ้านที่มีผีสิง พ่อก็กลัวแย่น่ะสิ”

 

โนร่าปาดเหงื่ออย่างช่วยไม่ได้ เมื่อมองหลวงพ่อที่ยังคงใส่ชุดบาทหลวงนั่งเข่าชิด เอามือเท้าคางและยิ้มแหะด้วยใบหน้าหวานๆที่แสนจะอ่อนวัย พร้อมด้วยเด็กน้อยอีกสองคนที่ขนาบข้าง...

 

 ห๊ะ... เด็กน้อยสองคน...?

 

“เอ๊ะ!!!”

โป๊ก!!!

โนร่าสะดุ้งโหยงจนหัวโขกขอบโต๊ะอีกครั้ง เรียกเสียงหัวเราะจากเด็กหญิงตัวเล็ก เด็กชายวัยซน และบาทหลวงแอ๊บเด็กได้เป็นอย่างดี

 

“เด็กสองคนนี้ชื่อจิมมี่กับอีวา เป็นลูกชายคนโตกับลูกสาวคนเล็กของบ้านน่ะ เนอะ?”

 

“ใช่ฮะ” เด็กหนุ่มผมบลอนด์ตาสีฟ้าพูดอย่างร่าเริง ในขณะที่เด็กสาวผมบลอนด์ในชุดกระโปรงน่ารัก ถือตุ๊กตาที่มีผมสีเดียวกันนั่งแปะและพยักหน้าให้

 

“เอ๋... มะ...มีเด็กอยู่ตั้งสองคนเลยเหรอครับ ในบ้านผีสิงเนี่ยนะ” โนร่าประหลาดใจ เขาคิดว่าเด็กๆมักจะจิตอ่อนและมีประสาทสัมผัสที่ไวกับวิญญาณมากกว่าผู้ใหญ่ ดังนั้นจึงไม่ควรอยู่ในบ้านที่มีวิญญาณหรือปรากฏการณ์ธรรมชาติเลย ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นอันตรายต่อตัวเด็กในที่สุด โดยเฉพาะกับเด็กที่อายุต่ำกว่าสิบขวบ

 

“เราไม่เคยเจอผีเลยฮะ เนอะอีวา”

 

“อื้อ~...” เด็กสาวซุกกอดตุ๊กตาและส่งเสียงอย่างเขินอาย

 

“อีวาเขาค่อนข้างขี้อายน่ะ~!”

 

หลวงพ่อยิ้มและพูดด้วยเสียงแอ๊บหนักกว่าเดิมจนโนร่าคิ้วกระตุก และบทสนทนาที่แสนจะสดใสแต่ไร้สาระก็ดำเนินไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้มีชายหนุ่มร่างสูงร่วมวงอยู่ด้วย เพราะมัวแต่กำลังยุ่งอยู่กับการยกของหนักหลายชิ้นขึ้นวางบนโต๊ะ

 

... ... ฮิ...

 

To be continue.

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา