[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร
เขียนโดย Kreota
วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.
แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
87) [Episode7:: Dream Special] :: 셋 ::<THE END>
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Episode 7 Dream Special
:: 셋 ::
THE END
ขณะเดียวกันนั้น บีสท์ทั้ง 6 คน วิลล่า ดอกหลิว และหยา ก็รีบเดินทางไปยังที่ที่คนร้ายระบุทันที แต่พวกเขาก็ไม่ลืมที่จะโทรบอกนาบีก่อนไป เพราะหากเรื่องนี้เกี่ยวกับคนของโอกังจาจริงพวกเขาก็คงจะสู้ไม่ไหวแน่ๆ ถึงปลายสายจะคัดค้านขนาดไหนแต่พวกเขาก็ยืนยันว่าจะไปให้ได้ นาบีจึงต้องรีบตามพวกเขาไปพร้อมกับคุณอธิสและลูกน้องจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเรียกมาได้ทัน
พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็เดินทางมาถึงโรงงานของกังจากรุ๊ป ที่นี่เป็นสถานที่ที่ทำให้ณัชเกือบตายมาแล้ว แต่ก็รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด ในครั้งนี้พวกเขาภาวนาขออย่าให้มีใครต้องเป็นอะไรอีกเลย
พวกเขาแบ่งออกเป็น 3 ทีม ทีมละ 3 คน ผู้หญิงถูกแยกออกทีมละคน โดยวิลล่า ดงอุน และกีกวังเป็นฝ่ายสนับสนุนด้านนอก หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดพวกเขาต้องรีบตามคนมาช่วยทันที ถึงพวกเขาจะไม่ค่อยพอใจในหน้าที่ครั้งนี้สักเท่าไหร่ แต่พวกเขาก็ต้องยอมเพราะหากเข้าไปกันทั้งหมดและเกิดอะไรขึ้นจะไม่มีคนคอยช่วยเลย
ทั้ง 2 ทีมที่เหลือค่อยๆ เข้าไปใกล้กับโกดังมากขึ้น ทีมหนึ่งเข้าด้านหลังส่วนอีกทีมเข้าด้านหน้า พวกเขาตั้งใจจะมาดูลาดเลาเอาไว้เผื่อกำลังเสริมตามมาจะได้ประเมินสถานการณ์ได้เร็วขึ้น
“พวกมันมีกันเยอะเหมือนกันนะ” จุนฮยองหรี่ตามองเข้าไปในช่องเล็กๆ เพื่อดูภายโกดัง
“แบบนี้เราคงบุกเข้าไปไม่ได้หรอก ต้องรอคุณนาบี” ดูจุนพูดหลังจากประเมินสถานการณ์ดูแล้วว่ามันไม่ปลอดภัยที่พวกเขาจะบุกเข้าไปตอนนี้
“ฉันโทรไปถามพี่นาบีบอกว่าใกล้จะถึงแล้วนะ ทำไมมาไม่ถึงสักทีก็ไม่รู้” หยาบ่นออกมาเบาๆ
แกร็ก!
อยู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นเบาๆ จากด้านหลัง พวกเขาจึงรีบหันควับไปมองต้นเสียงทันทีพร้อมกับตั้งการ์ดเตรียมพร้อมต่อสู้ แต่แล้วกลับเป็นมิวกี้นั่นเองพวกเขาจึงลดมือลง
“โธ่! พี่มิวกี้ ทำซะตกอกตกใจหมด” หยาอุทานออกมาเบาๆ “พี่ๆ มากันแล้วหรอคะ แล้วคนอื่นๆ อยู่ที่ไหนล่ะทำไมไม่เข้ามา”
“พอดีพี่อยู่ใกล้ๆ แถวนี้พอดีน่ะ เห็นมินนาโทรบอกว่าณัช เภแล้วก็ฝันโดนแดอุนจับมาที่นี่พี่เลยรีบตามมา”
“มาคนเดียวแบบนี้มันอันตรายนะครับ ผมว่าน่าจะรอกับพวกดงอุนข้างนอกดีกว่า” ดูจุนบอก แล้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ไม่มีใครเห็นมิวกี้ตอนที่เดินเข้ามา
“อ๋อ พวกที่เหลือรออยู่ข้างนอกงั้นหรอ...” มิวกี้พึมพำออกมาเบาๆ ทำให้ทั้ง 3 คนมองต้องมองมิวกี้อย่างประหลาดใจ หากเธอเดินเข้ามาอยู่ตรงนี้ได้ก็ต้องผ่านพวกดงอุนที่รออยู่ข้างนอกแล้วสิ แต่เธอกลับพึมพำออกมาเหมือนไม่ได้เจอกับพวกนั้นเลย
“เดี๋ยวก่อนนะ!” จุนฮยองร้องออกมาในที่สุด
“ตอนที่พวกเราโทรไปบอกคุณมินนากับคุณนาบี พวกเราไม่ได้บอกเลยนะครับว่าแดอุนเป็นคนจับตัวมา...แล้วอีกอย่างดงอุนกับคนที่เหลือเขาดักอยู่หน้าทางเข้าโกดัง ถ้าคุณจะเข้ามาในโกดังนี้ก็ต้องเจอพวกเขาแน่นอน แต่ทำไมคุณถึงไม่เจอล่ะครับ”
“ฉัน...”
“พี่มิวกี้...” หยาพูดออกมาเบาๆ คำพูดของจุนฮยองทำให้เธอเริ่มคิดตามได้ทีละนิด สิ่งที่มิวกี้บอกมันไม่สมเหตุสมผลจริงๆ
“ฮึ! แบบนี้แหละ ฉันถึงเก็บพวกแกไว้เป็นทีมสุดท้าย...รู้ทันฉันจริงๆ ด้วย” อยู่ๆ มิวกี้ก็ยืดตัวขึ้นแล้วเดินอกมาจากที่ซ่อน ทำให้คนของแดอุนตรงเข้ามาล็อกตัวทั้ง 3 คนเพื่อเข้าไป ซึ่งด้านในมีฮยอนซึง โยซอบและดอกหลิวถูกมัดมือมัดเท้ารวมอยู่กับเภตรา ณัชและเฝ้าฝันเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดถูกเทปติดปากเอาไว้ทำให้พูดอะไรออกมาไม่ได้
“ต่อไปก็เหลือเด็กน้อยอ่อนหัด ไม่ทันคนอีก 3” มิวกี้พูดอย่างสบายใจพร้อมกับกวาดตามองเชลยที่ได้เพิ่มมาอย่างภาคภูมิใจ
“นังนาบีจะทำหน้ายังไงนะ เวลาที่เห็นฉันทำลายสิ่งที่มันสร้างมากับมือทีละคน ทีละคน...คงจะสะใจพิลึก!” มิวกี้ยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงสายตาที่เจ็บปวดของนาบี เธอรอคอยวันนี้มานาน...วันที่เธอจะได้ทำลายของรักของนาบีบ้าง หลังจากที่เธออดทนมานาน...อดทนที่ต้องมองเห็นคนที่เธอรักถูกทำลายด้วยฝีมือของนาบี!
“อดทนไว้ก่อนที่รัก ไปต้อนน้องๆ ของเธอเข้ามาข้างในก่อนเถอะ ฉันรอไม่ไหวแล้ว!” แดอุนบอก แล้วทั้งคู่ก็ยิ้มให้กันอย่างร้ายกาจ
“ได้สิจ้ะ” มิวกี้พูดพร้อมกับโน้มตัวไปหอมแก้มแฟนหนุ่มของเธอเบาๆ แล้วเดินออกไปนอกโกดังพร้อมๆ กับลูกน้องอีก 5 คนเพื่อไปจับดงอุน วิลล่าและกีกวังที่รออยู่ด้านนอกเข้ามาด้านใน
“ฮึ! มองหน้าฉันทำไมจุนฮยอง เหมือนแกมีอะไรจะพูดนะ” แดอุนพูดเมื่อเขามองไปยังกลุ่มเชลยแล้วพบว่าจุนฮยองกำลังมองเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แม้คนอื่นๆ จะมองเขาด้วยแววตาและอารมณ์ที่ไม่ต่างกันแต่จุนฮยองเป็นอีกคนที่จับผิดเขาได้เสมอ
“ดึงเทปกาวออกให้มันหน่อย มันจะได้คุยกับฉันได้สะดวกๆ” แดอุนออกคำสั่ง ลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รับคำก่อนจะเดินไปดึงเทปกาวออกจากปากของจุนฮยอง
“ไอ้ชาติชั่ว!!!” คำด่าหลุดออกมาจากปากของจุนฮยองทันที
“ฮึ! ฉันจะไม่โกรธแกแล้วกันจุนฮยองเพราะว่าอีกหน่อยแกก็ไม่มีโอกาสได้ด่าฉันอีกแล้ว”
“แกคิดจะทำอะไรอีก ทำร้ายพวกเราแล้วมันได้อะไรขึ้นมา นี่แกโง่หรือว่าแกล้งโง่กันแน่ ยังไงๆ พวกแกก็หนีไม่รอดหรอกคุณนาบีกำลังมาที่นี่พร้อมกับตำรวจ”
“ถึงตอนนั้นฉันก็หนีไปแล้ว พอพวกนั้นมาถึงก็คงเห็นแค่ศพของพวกแกนอนเกลื่อนอยู่ในโรงงานร้างๆ นี่แล้วล่ะ”
“แก!!!” จุนฮยองแผนเสียงออกมาด้วยความโกรธแค้นละคนไปกับความผิดหวังที่เขามี
“แล้วไอ้อธิสมาด้วยรึเปล่า” ซองโกฮยอน อดีตลูกน้องผู้จงรักภักดีของโกกังจาถามถึงคนที่เขากำลังรอคอย
หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุคราวนั้น เขาเป็นคนเดียวที่รอดไปได้และเขารอคอยที่จะแก้แค้นอธิสและณัชมานานแล้ว เพราะ 2 คนนี้คือต้นเหตุที่ทำให้โอกังจาผู้ซึ่งเปรียบเสมือนพ่อของเขาต้องตาย! เขาไม่สามารถยกโทษให้คนเหล่านี้ได้ เขาจึงตัดสินใจร่วมมือกับซอแดอุนเพื่อจำกัดศัตรูของเขาให้สิ้นซาก!
“ถามทำไม แกกลัวรึไง!” จุนฮยองถามพร้อมรอยยิ้มยียวนให้อีกฝ่าย
“ฮึ! กลัวงั้นหรอ...ฉันจะฆ่ามันต่างหาก!”
“ถ้าอยากนักก็เข้ามา!!” เสียงของอธิสดังแทรกขึ้นมาระหว่างการสนทนา ทุกคนหันไปมองทางต้นเสียงพร้อมๆ กัน
ที่ประตูโกดังมีคนเกือบครึ่งร้อยยืนอยู่ตรงนั้น ด้านหน้ามีอธิส นาบี มะนาวและมินนาเป็นคนนำทีม ส่วนทีมของดงอุนปลอดภัยอย่างหวุดหวิดเพราะตอนที่กำลังจะถูกพาตัวเข้ามาในโกดัง กลุ่มของนาบีก็มาสมทบทันเวลาพอดีทำให้คนที่จะออกไปจับกลายเป็นคนที่ถูกจับไว้แทน
แดอุนขบกรามแน่นเมื่อเขาเห็นว่าทุกอย่างเริ่มไม่เป็นไปตามแผนซะแล้ว แต่...มาถึงขั้นนี้เขาไม่ยอมจนตรอกง่ายๆ หรอก
“พอสักทีแดอุน” นาบีแผดเสียงลั่น
“ไม่ต้องพูดหรอกคุณนาบี คุณบอกว่าจะให้โอกาสศิลปินทุกคนในค่าย แต่คุณกลับไปประคบประหงมแต่ไอ้พวกบีสท์กับนังลัสตี้พวกนี้! คุณเห็นศิลปินคนอื่นเป็นตัวอะไรกัน!!”
“โอกาสน่ะ ฉันให้ทุกคนเท่าๆ กัน มันอยู่ที่ตัวศิลปินเองต่างหากที่จะทำโอกาสนั้นให้มันคุ้มค่าขนาดไหน”
“ฮึ! พูดได้ดีนี่คุณนาบี เรียบเรียงอยู่นานรึเปล่า...แต่ไม่ทันแล้วล่ะ ตอนนี้ของรักของหวงของคุณอยู่กำมือผมแล้ว พวกมันไม่มีทางรอดกลับไปหาคุณได้สักตัวแน่!!” แดอุนพูดพร้อมกับจ่อปากกระบอกปืนลงไปที่เชลยของเขา ทำให้พวกของโกฮยอนทำตาม ฝ่ายของอธิสก็เล็งปากปืนไปยังฝ่ายตรงข้ามเหมือนกันดูเหมือนสงครามกำลังเริ่มขึ้นแล้วในตอนนี้
“ฮึ! ใช่แดอุน ฆ่ามันให้หมดทุกคน!!!” มิวกี้ตะโกนออกมาสุดเสียงทั้งที่ถูกคนของอธิสจับตัวเอาไว้ เธอเงยหน้ามองนาบีด้วยแววตาที่เคียดแค้น...จริงๆ แล้วคนที่เธออยากจะกำจัดมากที่สุดไม่ใช่พวกนั้นหรอก แต่เป็นนาบีคนนี้ต่างหาก!
“เธอแค้นอะไรฉันนักหนามิวกี้ ฉันแล้วก็เด็กๆ ไปทำอะไรให้เธอ...” นาบีถามพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มคลอที่เบ้า เธอรักและไว้ใจมิวกี้ไม่ต่างจากมินนาและมะนาวเลย แต่เธอกลับโดนหักหลังโดยที่เธอไม่เคยได้รู้เหตุผลเลย
“ฮึ! คุณก็มัวแต่นั่งอยู่ในห้องทำงานหรูๆ จนไม่รู้เลยน่ะสิว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง มีเด็กอีกมากมายที่ทุ่มเทเพื่อการเป็นศิลปินและเป็นในสิ่งที่พวกเขารัก แต่คุณกลับทำลายความฝันของพวกเขา!!”
“เธอพยายามจะพูดอะไรกันแน่มิวกี้”
“เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะคุณพานังเด็กเส้น 6 คนนั้นเข้ามาไง! ช่วยเข้าใจหน่อยเถอะว่าคุณทำให้ระบบมันเปลี่ยน...KB เปิดออร์ดิชั่นนานๆ ครั้งเพราะว่าอยากจะสนับสนุนศิลปินเก่าๆ ให้ดีๆ ก่อนอันนี้ฉันเข้าใจ แต่พอจะถึงวันที่ออร์ดิชั่น KB กลับไม่เปิดรับเด็กใหม่เพราะท่านรองประธานพานังเด็กเส้นพวกนั้นมะ!...”
เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือกระแทกที่ใบหน้ามิวกี้ฉาดใหญ่ ทำให้เสียงของมิวกี้ขาดช่วงไป
“พวกเขาไม่ใช่เด็กเส้น เขาผ่านการออร์ดิชั่นมาแล้วทุกคนและเด็กพวกนั้นก็ฝึกหนักยิ่งกว่าเทรนนี่ใน KB ซะอีก เพราะฉะนั้นห้ามโยนความผิดเหล่านั้นให้เด็กของฉัน!”
“งั้นคุณก็ยอมรับแล้วน่ะสิ ว่าเป็นความผิดของคุณ”
“ฉันไม่ยอมรับผิดกับคนที่ไม่มีความหวัง แล้วก็ไม่รักตัวเองหรอกมิวกี้...”
“มะ...หมายความว่ายังไง”
“ไม่ใช่ฉันไม่รู้เรื่องน้องสาวของเธอหรอกนะ ฉันรู้...รู้มาตลอด เด็กคนนั้นมีความสามารถมาก แต่ที่เขาเป็นแบบนั้นไม่ใช่เพราะว่าฉันพาเด็กเทรนมาจากเมืองไทยหรอก...แต่เป็นเพราะเธอ!”
“ไม่จริง อย่ามาโยนความผิดให้ฉันนะ!”
“ฉันไม่ได้โยนความผิด ฉันแค่พูดความจริง...เธอเคยพาน้องสาวมาที่ค่ายบ่อยขนาดไหนใครๆ ก็รู้ เธอเป็นคนให้ความหวังน้องของเธอเองว่าต้องเข้าได้แน่นอนเพราะเธอทำงานที่นี่ เธอพูดกับน้องเธอแบบนั้น...เธอจะเถียงฉันไหม?”
“...” มิวกี้อึ้งกับคำพูดของนาบีที่มันทิ่มแทงใจเธอทุกๆ คำ
ใช่...เธอพูดกับน้องสาวของเธอเสมอว่ายังไงๆ ก็ต้องได้เข้ามาเป็นศิลปินค่าย KB ได้แน่นอนเพราะนาบีรักและเอ็นดูเธอมาก เพราะฉะนั้นนาบีก็ต้องเอ็นดูน้องสาวเธอด้วยแน่นอน...
“เธอบังคับให้น้องตัวเองซ้อมหนักกว่าเทรนนี่ในค่ายถึง 3 เท่าเพื่อไม่ให้น้อยหน้าเด็กของโบอา จนน้องเธอล้มป่วยบ่อยๆ อันนี้เธอมีอะไรจะแก้ตัวรึเปล่า...”
“ไม่...ไม่จริง ฉันทำทุกอย่างเพราะความหวังดีต่างหาก...ฉันว่าคุณก็น่าจะเคยเห็น น้องฉันเก่งมาก...เก่งกว่าทุกคนในค่าย”
“เก่ง! เก่งมากจริงๆ น้องเธอเป็นคนมีความสามารถ แต่การเป็นศิลปินมันไม่ใช่แค่ร้องและเต้นเก่งหรอกนะ มันต้องมีเสน่และมีชีวิตชีวา ซึ่งทุกอย่างที่มันควรจะมีน้องสาวเธอไม่มีเลย นั่นเพราะว่าน้องสาวเธอถูกฝึกมาแบบเข้มงวดเกินไปไงล่ะ ที่เป็นแบบนี้บางทีการกระทำของเธอมันอาจทำให้สิ่งที่น้องของเธอรักกลายเป็นสิ่งที่น้องเธอเกลียดไปแล้วก็ได้...”
“ไม่...ไม่จริง!!!” มิวกี้กรี๊ดเสียงลั่นพร้อมกับยกมือขึ้นปิดหูเอาไว้ทั้ง 2 ข้าง และทรุดลงกับพื้น...เธอไม่อยากฟังอะไรอีกแล้ว ทุกๆ คำที่นาบีพูดมันกรีดแทงจิตใจของเธอจนเป็นแผลลึกยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ทั้งที่ผ่านมาเธอพยายามโยนความผิดไปให้คนนั้นทีคนนี้ทีว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องสาวของเธอฆ่าตัวตาย...แต่แล้วมันกลับยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่า...ทุกๆ อย่างมันเป็นเพราะตัวของเธอเอง!
“ไม่นะกี้ เธออย่าไปยอมพวกมันเชียวนะ มันกำลังพยายามปัดความผิดให้เธอ พวกมันผิดเต็มๆ นะกี้!!!” แดอุนตะโกนข้ามฝั่งมาเพื่อเตือนสติแฟนสาว แต่มิวกี้ไม่รับรู้อะไรแล้วเพราะเอาแต่ร้องไห้กับภาพที่ปรากฏขึ้นมาในความทรงจำ
ภาพของการกระทำต่างๆ ของเธอที่พยายามเคี่ยวเข็ญน้องสารพัด และบังคับให้ดร็อปเรียนไว้เพื่อฝึกซ้อม จนกระทั่งวันนั้น...วันที่ตั้งใจจะไปสมัครออร์ดิชั่นที่ KB แล้วทางบริษัทไม่รับสมัครเพราะมีการออร์ชั่นมาแล้วที่ประเทศไทย ภาพต่างๆ มาจบลงตรงที่เธอเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วพบว่าน้องของเธอผูกคอตาย!
“จะเศร้าโศกอะไรก็เก็บไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้ฉันอยากฆ่ามันจะแย่อยู่แล้วนะ” โกฮยอนบ่นอย่างเบื่อหน่าย เพราะการมาของเขาในวันนี้ไม่ได้มาเพื่อตัดสินว่าใครผิดใครถูก แต่เขามาเพื่อฆ่าณัชและอธิสต่างหาก
“เราคุยกันแล้วนะโกฮยอน ต้องเคลียร์เรื่องของฉันให้เสร็จก่อน” แดอุนเริ่มขึ้นเสียง ดูเหมือนฝั่งของคนร้ายเริ่มจะผิดใจกันเองไปแล้ว อธิสจึงอาศัยจังหวะนี้สั่งให้ลูกน้องกระจายกำลังล้อมพวกมันเอาไว้
“แกคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงจะมาออกคำสั่งกับฉันได้” โกฮยอนพูดแล้วเหนี่ยวไกยิงแดอุนเป็นคนแรก กระสุนเจาะทะลุไหล่ด้านซ้ายของเขาไปพร้อมกับเลือดสดๆ ที่เริ่มไหลลงมาอาบแขน
“แก...” แดอุนขบกรามแน่นพร้อมกับทรุดลงไปที่พื้น เขายกมือขึ้นกดปากแผลเอาไว้เพื่อห้ามเลือด แต่ดูเหมือนจะช่วยอะไรได้ไม่มากเลย
“เอาล่ะ...เริ่มงานได้แล้วมั้ง” โกฮยอนยิ้มมุมปากแล้วเริ่มเปิดฉากยิงต่อสู้กับอธิส เสียงปืนดังระงมไปทั่วทั้งบริเวณทำให้ต่างฝ่ายวิ่งหาที่หลบกระสุนเป็นพัลวัน แต่เหล่าเชลยที่นั่งอยู่ใจกลางสมรภูมิไม่มีที่กำบังสำหรับพวกเขาเลย พวกเขาจึงอาศัยการหมอบต่ำลงกับพื้น
“นายจะไปไหน” ปลายฝนรั้งกีกวังเอาไว้เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มจะออกจากที่กำบัง
“ฉันจะไปช่วยพวกนั้น”
“บ้าหรอ ข้างนอกนั่นมันกระสุนปืนนะ”
“เพราะว่ามันเป็นกระสุนปืนไงฉันถึงต้องไปช่วย นั่นมันเพื่อนฉันนะ!” กีกวังบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ปลายฝนนิ่งไปพักใหญ่เธอถึงคิดได้...เธอห่วงกีกวังมากเกินไปจนลืมไปเลยว่าที่นั่งอยู่ข้างนอกนั่นก็คือเพื่อนที่แสนดีของเธอเหมือนกัน
“งั้นฉันไปด้วย...”
“ไม่ได้ ฉันไม่ยอมให้เธอไปเสี่ยงหรอก”
“ฉันก็ไม่ยอมปล่อยให้นายไปเสี่ยงเหมือนกัน!” ปลายฝนและกีกวีงมองหน้ากันนิ่ง ต่างฝ่ายต่างห่วงใยกันจับหัวใจ...
“เรามาเพื่อช่วยพวกนั้นไม่ใช่หรอ เพราะฉะนั้นไปกันเถอะ...โทซองคุ้มกันให้ฉันด้วย” อธิสพูดออกมาในที่สุด และในประโยคสุดท้ายเขาพูดกับโทซองที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา เขาไว้ใจและเชื่อมั่นว่ามือขวาของเขาคนนี้จะสามารถปกป้องชีวิตของเขาได้แน่นอน
“แต่...”
“ไม่มีแต่!” อธิสออกคำสั่งน้ำเสียงเด็ดขาดทำให้โทซองจำเป็นต้องรับคำ
“ไว้ใจผมเถอะนาย”
“ดี!”
โทซองส่งสัญญาณไปยังลูกน้องคนอื่นๆ ก่อนที่จะเป็นฝ่ายยิงคุ้มกันให้อธิสและพวกอีกประมาณ 5 คนเพื่อให้ออกไปแก้มัดให้คนที่ถูกจับเป็นอิสระ
หลังจากแก้มัดได้สำเร็จทุกคนก็รีบวิ่งไปหาที่หลบที่ใกล้ที่สุด แต่กลับมีคนหนึ่งที่หายไป...นั่นคือณัช
“ณัช...!!!” ฮยอนซึงร้องออกมาเพื่อมองสมาชิกที่วิ่งมาหลบแล้วไม่เห็นณัช
“จบแค่นี้แหละ” เสียงของโกฮยอนตะโกนขึ้นจากมุมหนึ่ง เขากำลังจ่อปากกระบอกปืนไปที่ขมับของณัช
“ณัช!!” ฮยอนซึงพุ่งตัวออกไปจากที่กำบังอย่างไม่คิดชีวิต แต่ถูกยิงสกัดไว้ทำให้เขาจำเป็นต้องหยุดอยู่กับที่
“ปล่อยณัชเดี๋ยวนี้!” อธิสพูดเสียงเข้มพร้อมกับเดินออกมาจากที่กำบังเช่นกันแต่ก็ยังคงเล็งปืนไปที่โกฮยอนอยู่
“โถ...เสียงสั่นเชียวนะพ่อมาเฟีย...เป็นไงล่ะ หัวใจจะแตกสลายเลยน่ะสิที่เห็นคนที่รักกำลังจะตาย!”
“อย่าให้ฉันพูดซ้ำสอง ปล่อยณัชมาซะ”
“ฉันคิดว่าสถานะของแกตอนนี้ไม่น่าจะต่อรองอะไรได้นะอธิส วางปืนลงซะ...แล้วยอมให้ฆ่าซะดีๆ”
“ฝันเถอะ!” อธิสสบถออกมาดังๆ
“งั้นนังนี่...ตาย!!” โกฮยอนออกแรงกดปากกระบอกปืนเข้าไปในขมับของณัชจนเจ้าตัวต้องเม้มริมฝีปากเอาไว้เพื่อไม่ให้เผลอร้องออกมาเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับ
ช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดได้มาถึงเมื่อนิ้วชี้ของโกฮยอนเริ่มกดลงไปในไกปืนช้าๆ
“เดี๋ยว!...ฉันจะวางปืนลงแต่แกต้องปล่อยณัชมา โอเคไหม...” อธิสบอกพร้อมกับลดปืนในมือลง
“ก็แค่นั้นแหละ” โกฮยอนพูดแล้วพาณัชเดินออกมาจากมุมที่ยืนอยู่ เมื่อเดินเข้ามาใกล้พอ อธิสก็วางปืนลงพื้นช้าๆ ขณะเดียวกันโกฮยอนก็ปล่อยณัชเป็นอิสระแล้วผลักให้ณัชเดินออกมาหาอธิสและฮยอนซึงที่ยืนรออยู่
“หน้าโง่เอ้ย!” โกฮยอนสบถออกมาพร้อมกับเล็งปืนมาที่ณัช! ฮยอนซึงซึ่งยืนอยู่ใกล้กับณัชที่สุดจึงรีบวิ่งไปโอบหญิงสาวไว้เพื่อบังกระสุนให้!
ปัง!!
ปัง!!!
เสียงปืนดังขึ้น 2 นัด พร้อมกับความเงียบที่เริ่มเข้ามาปกคลุมทั่วโกดัง ณัชรีบผละตัวเธอออกมาจากฮยอนซึงทันทีที่คิดได้ แล้วรีบสำรวจไปทั่วร่างกายชายหนุ่มว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่
“ฮยอนซึง!! นะ..นายไม่เป็นไรใช่ไหม” หญิงสาวลดลานถามพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า
“ฉัน...” ฮยอนซึงนิ่งไปสักพักเพื่อประเมินความรู้สึกว่าเขารู้สึกเจ็บตรงไหนรึเปล่า “ฉันว่า...ฉันไม่เป็นไรนะ”
“อึก!” เสียงอีกเสียงดังมาจากด้านหลังทำให้ฮยอนซึงและณัชหันไปมอง โกฮยอนถูกยิงเข้าที่อกข้างซ้ายพอดี มีเลือดไหลโชกออกมาเรื่อยๆ เหมือนกับว่ากระสุนนัดนั้นตัดที่เส้นเลือดใหญ่พอดี เขาล้มลงไปนอนกับพื้นและพยายามตะเกียกตะกายเพื่อเอาชีวิตรอดสักพักก่อนจะสิ้นใจไปอย่างน่าอนาถ
ทุกคนหันไปมองอธิสเป็นตาเดียวเพราะคิดว่าเขาต้องเป็นคนยิงแน่ แต่เปล่าเลย...เขายังไม่ทันจับปืนตัวเองขึ้นมาจากพื้นด้วยซ้ำ
“ฉันมาทันจุดไคล์แม็กพอดีใช่ไหม?” เสียงของของขวัญดังขึ้นมาพร้อมกับที่ตำรวจนายหนึ่งซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เธอลดปืนลง...
ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมด ซอแดอุนถูกจับดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนมิวกี้กลายเป็นผู้มีปัญหาทางจิตต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจิตเวชแทน
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเป็นเพียงเพราะคำว่า ‘อิจฉา’ คำเดียว เรื่องเล็กๆ ที่หลายๆ คนมองข้ามมันไป บางครั้งอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่เราเองก็ไม่สามารถควบคุมได้ ทางออกไปสำคัญที่สุดคือ แค่เรารู้จักพอดีและยินดีกำสิ่งที่มีอยู่...แค่คำง่ายๆ แต่มันช่างยากเหลือเกินสำหรับมนุษย์โลกอย่างเรา แต่ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ซะเลยนี่! ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ตัวเราต่างหากว่าจะ ทำ หรือ ไม่ทำ
True Story
:: Super Special ::
“Beast Girl Band!!!...Beast Girl Band!!!” เสียงร้องเรียกจากผู้ชมมากมายที่รอดูการโชว์ของ ‘Beast Girl Band’ วง cover เพลงของ BEAST ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้วงการ Cover เมืองไทยด้วยการร้องและเต้นสดๆ ดังกระหึ่มไปทั่วงาน ในขณะที่พิธีกรกำลังพูดถึงวงวงนี้ที่จะมาแสดงเปิดงานโปรโมทอัลบั้มใหม่ของ Beast
ด้านข้างเวที พวกเธอมายืนสแตนบายรออยู่แล้วและพร้อมที่จะโชว์สิ่งที่พวกเธอฝึกฝนมาให้กับผู้ชมและเจ้าของเพลงอย่างวง Beast ได้ดู แต่ที่ทำให้พวกเธอทุกคนกังวลใจไม่ใช่เรื่องที่ศิลปินต้นฉบับจะมาดูพวกเธอ แต่เป็นเพราะเรื่องที่พวกเธอฝันมากกว่า...ความฝันแปลกๆ ที่ฝันเรื่องเดียวกันทั้งวง!
“ยังกังวลเรื่องความฝันนั่นอีกหรอ” มะนาวถามหญิงสาวทั้ง 6 คนที่ยังแสดงสีหน้ากังวลอยู่
“ก็มันแปลกนี่คะ ฝันเหมือนความจริงเลย มีทั้งยิงกัน ตีกันน่ากลัวมากเลยอ่ะ” วิลล่าบ่น
“เฮ้อ...พี่คงทำให้พวกเธอเลิกกังวลไม่ได้ แต่พี่อยากให้พวกเธอตั้งสติและทิ้งความกังวลพวกนี้ไว้ข้างหลังก่อน ทำปัจจุบันให้ดีก่อนดีกว่านะ” มะนาวบอก ทำให้หญิงสาวทั้ง 6 คนตระหนักได้ว่าใกล้จะถึงเวลาขึ้นแสดงเต็มทีแล้ว พวกเธอควรจะมีสมาธิมากกว่านี้...ผู้ชมมากมายรอคอยพวกเธออยู่
“ทำให้ดีที่สุดนะ วันนี้บีสท์มาด้วย” มะนาวบอก
“วันนี้บีสท์มาโปรโมทเพลงที่พวกเธอโคฟเวอร์ด้วยนะ” ฮันนาบีพูดด้วยท่าทีสบายๆ แต่เธอก็อดกังวลไม่ได้ว่าเด็กฝึกหัดของเธอทั้ง 6 คนจะประหม่ามากเกินไปรึเปล่าที่มีศิลปินต้นฉบับมาดูด้วยแบบนี้
“แล้วถ้ามีคนถามพวกเธอว่าใครเป็นคนสอน ก็บอกไปเหมือนเดิมว่า...” นาบีบอกเมื่อคิดขึ้นได้ แต่ก็ถูกเภตราพูดแทรกขึ้นมาอย่างรู้ทัน
“...พี่มะนาวสอน”
“อื้ม ตามนั้นแหละเภ” เธอตอบ ที่เธอต้องปกปิดแบบนี้เพราะว่าถ้ามีคนรู้ว่ารองประธานค่าย KB Entertainment อย่างเธอแอบออร์ดิชั่นเด็กที่เมืองไทยอย่างลับๆ คงวุ่นวายแน่ เธอจึงต้องปิดบังตัวตนของเธอเอาไว้ แม้กระทั่งเด็กฝึกหัดของเธอทั้ง 6 คนก็ยังไมรู้ ยกเว้นมะนาวที่รู้เรื่องนี้มาตลอด
หลังจากตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่พวกเธอทั้ง 6 คนต้องขึ้นโชว์ พวกเธอยังคงสามารถเรียกเสียงกรี๊ดจากผู้ชมได้เหมือนอย่างเคย แต่ที่พิเศษขึ้นกว่าปกติก็คงจะเป็นเพราะศิลปินต้นฉบับอย่าง Beast ขึ้นไปร่วมแจมในโชว์ของพวกเธอด้วย ทำให้โชว์ของพวกเธอยิ่งได้รับการตอบรับดียิ่งขึ้น
เมื่อโชว์จบลง พวกเธอรีบลงมาจากเวทีทันทีไม่ใช่เพราะช็อกที่มี Beast ขึ้นแจม แต่เพราะความฝันของพวกเธอ...ที่ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาเรื่อยๆ
“จะเก่งขนาดไหนมันก็มือสมัครเล่นล่ะน่า พอพวกเราขึ้นไปก็ทำหน้าเหลอหลาจนเห็นได้ชัด” เสียงจุนฮยองบ่นขณะเดินลงมาจากเวทีซึ่งพวกเธอทั้ง 6 คนได้ยิน ถึงจุนฮยองจะพูดภาษาเกาหลีแต่พวกเธอก็ฟังออกเพราะพวกเธอถูกจับเรียนภาษาเกาหลีตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนในโรงเรียนดนตรีคังยู พวกเธอจึงมีภาษาเกาหลีที่แข็งแรงมากเลยทีเดียว
“นี่!!...” ณัช หญิงห้าวประจำวงร้องขึ้นมาทันทีและเตรียมจะสวนกลับ แต่ก็ถูกมะนาวห้ามเอาไว้ เพราะนาบียังไม่ให้พูดภาษาเกาหลี
“เอ่อ...เหนื่อยไหมเด็กๆ ^^” มะนาวเข้ามาขวางณัชเอาไว้ ขณะที่ทีมงานพา Beast เดินกลับไปที่ห้องพัก แต่ก่อนที่พวกเขาจะเดินไปได้ไกลดูจุนก็หันกลับมาถาม
“ขอโทษนะ...เรา...เคยเจอกันมาก่อนรึเปล่า?...”
ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจมากว่าทำไมเขาถึงรู้สึกผูกพันและรู้สึกพิเศษกับผู้หญิงกลุ่มนี้มากขนาดนี้...โดยเฉพาะผู้หญิงที่ชื่อ เภตรา เขาไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้เลยแม้วินาทีเดียว!
THE END
(10/10/2557/01:23)
********************************************************
ปิดโปรเจ็กต์ด้วยฤกษ์งามยามดี วันที่ 10 เดือน 10
ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ นักอ่านทุกท่านที่อยู่เป็นเพื่อนกันมา
ระยะเวลาในการแต่งจริงๆ เกือบ 3 ปีเต็มสำหรับเรื่องนี้ (แต่เพิ่งเอามาลงขีดเขียน)
แต่ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณสำหรับเพื่อนๆ ที่คอยอ่านเงียบๆ ^_^ (เห็นยอดวิวขึ้นก็โอเคแล้วจ้า)
ขอบคุณมากๆๆๆๆๆ สำหรับเพื่อนที่อ่านแล้วก็เป็นกำลังใจให้เสมอมา (อันนี้ซึ้งจัดอ่ะ)
รู้ไหมคะว่ามันเป็นกำลังใจชั้นดีในการแต่งเลย
ชอบหรือไม่ชอบยังไง คอมเม้นบอกกันได้นะคะ
จะลงตอนนี้คิดยากอยู่เหมือนกันกลัวคนอ่านช็อกกับตอนจบ ฮ่าๆๆๆ
ยังไงก็ฝากติดตามนิยายเรื่องอื่นๆ ด้วยนะคะ
หรือถ้าเกิดมีโปรเจ็กต์ใหม่ก็ฝากติดตามด้วยนะคะ
(แต่สำหรับตอนนี้ คงพักนิยายซีรีย์ที่เป็นโปรเจ็กต์แบบนี้ไว้ก่อนค่ะ แต่อนาคตอาจจะมี ^^)
ยังไงก็ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ขอบคุณจากใจค่ะ
BBBBBBBBBBBBBBBBBBBBBBBBBBBBBB
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ