[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  97.45K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

77) [Episode 6 :: Lie Lover] # Chapter 9

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Episode 6 Lie Lover

:: Chapter 9 ::

 

             หลังจากวันนี้ ฉันกลับมาที่หอพักในวันรุ่งขึ้นโดยที่ไม่ลืมโทรไปถามเภตราก่อนว่ามีใครอยู่ไหม ซึ่งก็ได้คำตอบว่าพวกเขาออกไปทำงานกันหมด แต่กำลังจะกลับพอดีฉันเลยกะว่าจะไปรอพวกเขาที่หอเลยจะได้ไม่เสียเวลา

             ไม่รู้ว่าทำไม ตั้งแต่กีกวังถามคำถามนั้นวันก่อนฉันก็ไม่อยากจะไปที่นั่นเลย มันเหมือนกับว่าพวกเขาระแวงฉันตลอดเวลาเลย ทั้งที่ผ่านมาฉันอุตส่าห์คิดว่าพวกเขาจะเชื่อใจฉันแล้วซะอีก

             จริงสินะ! เขาไม่ได้คิดว่าฉันเป็นเพื่อนตั้งแต่แรกแล้วนี่นา

             "เธออีกแล้วหรอ!"  ทันทีที่ฉันเดินไปถึงประตูห้องพักของลัสตี้ คุณผู้ช่วยผู้จัดการของลัสตี้ก็ทักทายฉันทันที (อย่างไม่เป็นมิตร =_=;) เท่าที่จำได้น่าจะชื่อมิวกี้นะ

             "สวัสดีค่ะ"  ฉันทักทายกลับไป U.U

             "เธอมาทำไมเนี่ย"

             "ฉันมาเอากล้องน่ะค่ะ พอดีลืมไว้นานแล้ว"

             "เธอสนิทกับเด็กๆ ของฉันมากเลยหรอ ทำไมถึงเข้านอกออกในห้องพักกันได้ขนาดนี้ แล้วทำไมเธอถึงไปไหนมาไหนกับบีสท์ได้..."

             "อ้่าว พวกเราบอกพี่มะนาวแล้วนะคะว่าปลายฝนเป็นเพื่อนของเราที่มาจากเมืองไทยแล้วหลงทางก็เลยมาขออยู่กับเราก่อน พี่มะนาวไม่ได้เล่าให้ฟังหรอคะ"  เสียงเภตราดังเข้ามาแทรกขณะที่คุณมิวกี้กำลังจ้องจะถามฉันท่าเดียว

             "อ้าวหรอ...ไม่เห็นบอกพี่เลยนี่"

             "ฉันว่ารีบๆ เข้าไปในห้องเถอะ เดี๋ยวปาปารัสซี่ได้แห่มาถ่ายสาวนิรนามกันเต็มหมดหรอก ยิ่งดังๆ อยู่"  ณัชพูด ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องเป็นคนแรก ตามมาด้วยสมาชิกคนอื่นๆ และสุดท้ายคือคุณพี่มิวกี้

             ฉันเดินเข้าไปในห้องพร้อมๆ กับที่เสียงของโยซอบและดงอุนดังเข้ามาในห้อง

             "กลับมาแล้วหรอจ้ะที่รัก ^O^"  << อันนี้ดงอุน

             "เหนื่อยไหมเอ่ย...^_^"  << อันนี้โยซอบ

             พวกเขาดูรักกันมากจริงๆ สินะ -_-

             "นี่ น้อยๆ หน่อยเถอะ -_-"  เฝ้าฝันพูดพร้อมกับใช้นิ้วชี้ผลักโยซอบที่ทำท่าจะโผเข้าไปกอด

            จะทำอะไรเกรงใจฉันหน่อยก็ดีนะ =_=; ถ้าเกิดฉันเป็นพวกที่คิดไม่ซื่อกับพวกนายเข้าล่ะก็ ฉันจะปล่อยข่าวให้เป็นทอร์กออฟเดอะทาวน์ไปทั้งเดือนเลย

            "อ้าว!...แน่ใจนะว่าเธอลืมไว้ ไม่เห็นมีกล้องเลยนี่นา"  หยาพูดพร้อมกับค้นของตรงมุมที่ฉันชาร์ตแบตกล้องเอาไว้

            "ใช่สิ ฉันไม่ได้ไปไหนเลยนอกจากห้องตัวเองกับที่นี่"

            "แต่มันไม่มีเลยนะ"  หยายืนยัน ฉันจึงเดินไปดูบ้าง แต่ก็ไม่มีเหมือนอย่างที่หยาบอก

            "จริงด้วยสิ"

            "เธอลืมไว้ที่อื่นรึเปล่าปลายฝน ลองนึกดูสิ"  ดอกหลิวถามบ้าง

            "ไม่นะ ฉันจำได้แม่นเลยว่าลืมไว้ที่นี่"

            "ของหายอีกแล้วหรอ"  กีกวังเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับดูจุน สีหน้าดูตกใจมากที่ได้ยินว่ามีของหายอีก

            "ใช่ แต่ไม่ใช่ของพวกเรานะ แต่เป็นกล้องของปลายฝนเขา"  หยาบอก

            "เฮ้ย!!!"  อยู่ๆ โยซอบกับของขวัญก็ร้องออกมาพร้อมกัน

            "อะไรของพวกแก"  กีกวังหันไปถาม

            "ก็ในกล้องนั้นมัน..."  เฝ้าฝันอึกอัก

            "...มันมีรูปฉันกับเฝ้าฝันอยู่ด้วยกัน"  โยซอบต่อประโยคให้จนจบ ทำเอาเพื่อนทั้งห้องร้องประสานเสียงออกมาแทน

            "ล้อเล่นอยู่ใช่ไหมเนี่ย!!"  ดูจุนพยายามถามเผื่อว่ามันจะเป็นเรื่องโจ๊กที่โยซอบสร้างขึ้นมาอำเล่นๆ

            ตายล่ะ >.<! ฉันลืมลบภาพนั้นไปซะสนิทเลย ฉันคิดว่ามันไม่น่าจะเกิดเรื่องแท้ๆ เพราะว่ากล้องมันก็อยู่กับฉันตลอด...ถ้าเกิดมันหายไปเพราะว่ามีใครสักคนขโมยมัน รูปนั้นต้องถูกแพร่กระจายไปทั่วแน่ๆ นี่ต้องมีคนเดือดร้อนเพราะฉันเพิ่มขึ้นมาอีกแล้วหรอเนี่ย

            "งั้นช่วยกันหาก่อนดีไหม เผื่ิอว่าจะมีคนเก็บไว้ที่อื่นแล้วลืม"  กีกวังพูดขึ้นมา ถึงแม้มันจะเป็นเพียงความหวังอันริบหรี่และรู้ทั้งรู้ว่าหาไปก็หาไม่เจอแต่ทุกๆ คนก็ช่วยกันค้นหาอย่างเต็มที่

            ในที่สุดพวกเราก็ถอดใจ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกจนฉันรู้สึกผิดเองโดยสามัญสำนึก ก็เลยขอถอยทัพกลับมาก่อนดีกว่า แต่ตอนนี้คุณอธิสยังมาไม่ถึงฉันเลยลงมายืนอยู่กับยามที่เฝ้าคอนโดแทน ทุกอยากเกิดขึ้นก็เพราะฉัน...แบบนี้ฉันจะยังอยู่ที่นี่ต่อไปทำไม มันรังแต่จะทำให้พวกเขาเดือดร้อนเปล่าๆ บางที ไม่มีฉันอยู่ด้วยปัญหาต่างๆ อาจจะจบไปแล้วก็ได้

            "รู้แล้วน่า...แค่นี้นะ"

            ระหว่างที่ฉันกำลังคิดอะไรเพลินๆ เสียงของซังมิก็ดังขึ้นมาใกล้ๆ ฉันมองไปอีกฝั่งหนึ่งของป้อมยามก็เห็นซังมิกำลังลนลานเก็บมือถือใส่กระเป๋า ฉันซึ่งยืนอยู่อีกฝั่งเลยรีบผลุบศีระเข้ามาเพื่อหลบอยู่ที่เดิม ฉันคิดว่าซังมิคงยังไม่ทันสังเกตว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้

            มาที่นี่ทำไมนะ...?

            "เฮ้อ...วันนี้จะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปบ้างไหมเนี่ย"  ซังมิบ่นเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในตัวตึก

            ว่าไงนะ...ติดไม้ติดมือหรอ? อย่าบอกนะว่าเธอ!...O_O!

ฉันรีบตามซังมิไปอย่างเงียบเชียบที่สุดเพื่อดูให้แน่ใจว่าสิ่งที่ฉันคิดมันผิด! ฉันภาวนาว่าอย่าให้ซังมิทำอะไรอย่างที่ฉันคิดเลย...แต่แล้วมันกลับยิ่งปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อซังมิมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของบีสท์!

            ไม่ใช่!!...มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ!

            “ไหนว่ากลับแล้วไง”  อยู่ๆ เสียงกีกวังก็ดังอยู่ข้างหลัง มันใกล้มากๆ จนฉันสะดุ้งนิดหน่อย

            “ชู่~”  ฉันหันไปจุ๊ปากใส่กีกวัง แต่หน้าฉันกลับชนเข้ากับแผงอกของเขาแทน

            เอ่อ...ใกล้ไปนะกีกวัง -///-;

            “ทำอะไรอยู่!...”  ฉันรีบยกมือขึ้นปิดปากกีกวังเอาไว้ก่อนที่เขาจะถามอะไรอีก ทำไมเขาต้องมาอยู่แถวนี้ด้วยนะ เพื่อนเขาก็อยู่ในห้องกันหมด -?-

            หลังจากที่ฉันจัดการกับปากกีกวัง ...เอ่อ U///U จัดการปิดปากกีกวังเสร็จ ฉันก็หันมาสนใจซังมิที่เดินด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าห้องบีสท์กับลัสตี้ต่อ ถ้าซังมิเป็นคนขโมยของจริงๆ จะเข้าไปในห้องของบีสท์ได้ยังไงกัน!

            แต่แล้วคำถามที่ฉันเพิ่งจะคิดขึ้นมาในใจก็ได้รับคำตอบ เมื่อซังมิหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าแล้วไขเข้าไปในห้องของบีสท์อย่างง่ายดาย

            “ฮื้อ!!!”  กีกวังร้องผ่านฝ่ามือเล็กๆ ของฉันออกมา ทำให้ซังมิที่กำลังหมุนลูกบิดชะงักมือลงแล้วมองซ้ายมองขวาอย่างลนลาน ก่อนจะตัดสินใจปิดประตูไว้ตามเดิมแล้วรีบวิ่งหนีไปที่ลิฟต์ทันที

            “อ้าว! หนีไปแล้ว!!”  กีกวังปัดมือฉันออกแล้วพูดขึ้นมาอย่างเสียดาย

            “ไม่จริงใช่ไหม?...เมื่อกี๊ซังมิเอากุญแจมาไขเข้าห้องพวกนาย...ยัยนั่นเอากุญแจมาจากไหน?”  ฉันบ่นพลางครุ่นคิดอย่างหนัก ฉันมั่นใจว่าฉันเก็บกุญแจห้องของบีสท์ไว้อย่างดี ไม่มีทางที่ซังมิจะเอาไปได้แน่นอน แล้วทำไม...

            “ซังมิ?...อ๋อ...เพื่อนเธอคนนั้นน่ะหรอ มิน่าถึงหน้าตาคุ้นๆ”  กีกวังเริ่มหันมาสนใจฉันแทนลิฟต์ที่ซังมิเพิ่งจะเข้าไป

            “เอ่อ...ใช่ U.U”  ฉันตอบโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นไปมองกีกวัง เขาเงียบไปพักใหญ่แล้วทำท่าเหมือนจะเดินกลับไปหาเพื่อนเขาที่ห้อง

            “เฮ้ยๆ จะไปไหน”  ฉันรั้งแขนกีกวังเอาไว้ ไม่ว่าเขาคิดจะทำอะไรฉันไม่ยอมแน่! จริงอยู่ที่ซังมิมาขโมยของแบบนี้มันผิดเต็มๆ แต่อย่างน้อยฉันก็อยากจะช่วยปกป้องเพื่อนของฉันเหมือนกัน อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยแต่ฉันไม่อยากให้ซังมิโดนตำรวจจับ

            “อะไร!”  กีกวังหันมามองฉันด้วยแววตาเย็นชา คำพูดห้วนๆ แบบนั้นฉันรู้สึกว่ามันไม่เหมาะกับใบหน้ายิ้มได้ของเขาเลย ฉันอยากเห็นรอยยิ้มจากใบหน้านี้มากกว่า...

            “ฉัน...ขอร้องอะไรอย่างหนึ่งสิ...”  ฉันพูดทำให้กีกวังนิ่งไป ฉันเลยพูดต่อ

            “อย่าเพิ่งบอกใครเรื่องนี้...ได้ไหม”

            “ว่าไงนะ! เธอจะปล่อยให้ขโมยเข้านอกออกในห้องฉันเป็นว่าเล่นแบบนี้หรอ?”

            “เปล่าๆๆ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันหมายความว่าฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง...แบบเงียบๆ”

            “เงียบๆ ของเธอน่ะทำยังไง”

            “ฉันคิดว่าต้องแก้ที่ต้นเหตุ...”

            “เธอรู้หรอว่าต้นเหตุคือใคร”

            “ก็...พอรู้”

            “แล้วทำไมเธอไม่บอกปล่อยให้พวกเรากลุ้มอยู่ได้ ของที่หายไปคราวนี้ยิ่งมีแต่ของสำคัญๆ ทั้งนั้น ฉันปล่อยไว้ไม่ได้หรอก”

            “ฉันเข้าใจ...”

            “แล้วต้นเหตุที่ว่าน่ะ เธอหมายถึงใคร”

            “ฉันคิดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าเก่าฉันเอง”

            “งั้นก็ไม่ต้องรอแล้ว!”  กีกวังพูดพร้อมกับล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋า

            “เฮ้ย! นั่นนายจะทำอะไร”  ฉันรีบคว้าหมับที่มือเขาอย่างรวดเร็ว

            “ก็แจ้งตำรวจไง รวบให้มันได้ทั้งแก๊งไปเลย”

            “จะบ้าหรอ! นั่นเพื่อนฉันนะ”

            “คนที่กำลังจะเดือดร้อนเพราะของที่หายไปนั่นก็เพื่อน! แล้วก็อนาคตของบีสท์เหมือนกัน!”  กีกวังพูดเสียงแข็งกร้าว

            ฉันเข้าใจว่าเขาโกรธมากขนาดไหนที่เดโม่เพลงหายไป แล้วไหนจะเรื่องรูปของเฝ้าฝันกับโยซอบอีก...ทุกอย่างมันมีแต่เรื่องร้ายแรงทั้งนั้นถ้ามันตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดี แต่...ซังมิก็เป็นเพื่อนที่ดีของฉัน เขาคอยช่วยเหลือฉันมากมายจนฉันก็ทิ้งให้โดนจับไม่ได้เหมือนกัน!

            “...ฉันขอเวลาแค่คืนนี้...ถ้าพ้นคืนนี้ไปแล้วฉันยังจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ ฉันจะปล่อยให้พวกนายจัดการตามวิธีของพวกนาย...ฉันขอแค่นี้ได้ไหม?”

            กีกวังหยุดชั่งใจอยู่พักใหญ่ก่อนจะตอบตกลง ฉันรีบออกมาจากหอของบีสท์ทันทีโดยไม่รอให้คุณอธิสมารับและตรงดิ่งไปที่บริษัททันที

            ถ้าโชคดี อย่างน้อยๆ ฉันอาจจะเกลี้ยกล่อมให้ซังมิเลิกทำงานนี้แล้วมาอยู่กับฉันได้สำเร็จ...แต่ถ้าโชคร้ายฉันอาจจะไม่ได้กลับออกมาจากบริษัทนรกนั่นอีกก็ได้ แต่...ยังไงฉันก็ต้องลองเสี่ยงดู ดีกว่าเสียใจไปตลอดชีวิตที่ไม่สามารถช่วยเพื่อนที่มีพระคุณได้เลย

            “นัมโช เห็นซังมิไหม!”  ฉันเดินเข้าไปหาเลขาหน้าห้องของเจ๊ยอซูทันทีที่เข้าไปถึง

            “อ้าว พี่ปลายฝน ไม่เจอกันนานเลยนะครับ ^_^”  หนุ่มน้อยแว่นกลมยิ้มทักทาย แต่มันใช่เวลาไหมเนี่ย!

            “นัมโช พี่ถามว่าเห็นซังมิไหม?”

            “ออกไปสักพักแล้วครับยังไม่เห็นกลับเข้ามาเลย”

            “ออกไปไหน?”

            “รู้สึกว่าเจ๊ยอซูให้ออกไปทำงานอะไรสักอย่างนี่แหละครับ ผมก็ไม่ได้ถาม”

            เอิ่ม...ชัดเจนใช้ให้ไปขโมยของชัวร์ -_-

            “แล้วเจ๊ยอซูอยู่ไหม”

            “อยู่ห้องประชุมครับ กำลังเจรจาต่อรองค่าตอบแทนอยู่”

            “งั้นหรอ...”

            “พี่ปลายฝนจะรอไหมล่ะครับ อีกประมาณ 20 นาทีก็น่าจะประชุมเสร็จแล้วล่ะ”

            “หรอ...งั้นพี่รอตรงล็อบบี้นะ ถ้าเจ๊ประชุมเสร็จแล้วบอกพี่ด้วย”

            “ได้ครับพี่”  หนุ่มน้อยตกปากรับคำอย่างเต็มใจ ฉันจึงเดินกลับออกมาที่ล็อบบี้ แต่...ลองแวะไปส่องดูห้องประชุมหน่อยดีกว่าว่าใครมาประเคนเงินให้ยัยเจ๊หน้าเลือดนั่นอีก

            ครืด~ ครืด~ ครืด~

            คุณอธิสโทรเข้ามาหาฉันทำให้ฉันเพิ่งคิดได้ว่าลืมโทรบอกคุณอธิสว่าฉันอยู่ที่นี่ไปซะสนิท...

            “ฮัล...อ้าว!!”  ฉันกดรับสายแต่ยังไม่ทันพูดคำว่า ‘ฮัลโหล’ จบ มือถือก็ดับไป...ฉันลืมชาร์ตแบตมือถือหรอเนี่ย แบตสำรองก็ไม่ได้เอามาด้วยสิ งั้นกลับไปใช้โทรศัพท์กับนัมโชแล้วกัน =_=;

            “รูปกีกวังคราวก่อนนี่สวยมากเลยนะคะ แทบไม่ต้องแต่งอะไรมากก็อัพโหลดได้เลย โดยเฉพาะรูปที่กีกวังทำมือเป็นรูปหัวใจนี่แฟนคลับกรี๊ดสลบเลยค่ะ...ไม่ทราบว่าช่างภาพคนนั้นมีรูปอื่นๆ อีกไหมคะ”  เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังออกมาจากห้องประชุม...รูปกีกวังหรอ?

            “อ๋อ ช่างภาพคนนั้นออกไปแล้วล่ะค่ะ แต่เดี๋ยวฉันจะดูให้อีกว่ามีรูปใครบ้างเพราะว่าเขาทิ้งเมมโมรี่การ์ดไว้ก่อนไป”  เสียงเจ๊ยอซูดังลอดออกมาอีกคน

            เมมโมรี่การ์ด...หรอ?

            “โอเคค่ะ ถ้าได้รูปของช่างภาพคนนั้นฉันยอมจ่ายไม่อั้นเลย”

            “รับรองคุณต้องถูกใจแน่นอนค่ะ”  แล้วเสียงหัวเราะชอบใจของเจ๊ทั้ง 2 คนก็ดังลอดออกมาอย่างน่าสยดสยอง =_=

            รูปกีกวังทำมือเป็นรูปหัวใจ...เมมโมรี่การ์ด...ทำไมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของฉันเลย แต่การ์ดของฉันพวกDream Fairy เอาไปไม่ใช่หรอ...ทำไมเจ๊ยอซูถึงมีรูปของฉันได้ล่ะ!!

            “ว่าแต่ช่างภาพคนนั้นชื่อว่าอะไรหรอคะ”

            “ชื่อปลายฝนค่ะ เป็นคนไทยมาทำงานพาร์ทไทม์น่ะ”

            “อ๋อ ฝีมือเยี่ยมขนาดนี้ไม่น่าออกเลยนะคะ”

            ชัดเจนเลยคราวนี้ +_+; ฉันต้องถามให้รู้เรื่องว่าสรุปแล้วมันเป็นยังไงกันแน่ ทั้งเรื่องรูป เรื่องการ์ดและเรื่องขโมย!!

            “ซังมิ ออกไปเอาน้ำมาเพิ่มให้หน่อยสิ”  เจ๊ยอซูพูดถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉันคิดว่ายังไม่ได้เข้ามาบริษัท

            อ้าว! ไหนไอ้เด็กแว่นนั่นบอกว่าซังมิยังไม่กลับเข้ามาไง! สรุปว่าคนที่นี่มันเชื่อใครได้ไหมเนี่ย -_+!

            แอ๊ด...

            “เฮ้ย!!”  ซังมิร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเปิดประตูห้องประชุมออกมาแล้วเจอฉันยืนอยู่ข้างนอก

            “ซังมิ!! เรามีเรื่องต้องคุยกัน!!!”  ฉันพูดพร้อมกับจ้องหน้าซังมิไม่วางตา ซังมิกลืนน้ำลายลงคอ หน้าซีด ตัวสั่นจนฉันสังเกตได้

            “ฉะ...ฉันอธิบายได้นะฝน”

            “งั้นก็รีบอธิบายมา ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้พูด!!”

 

 

 

 

********************

หายไปอาทิตย์หนึ่ง กลับมาอัพแล้วนะจ้ะ

ฝากติดตามด้วยนะคะ ^_^

:: พรุ่งนี้จะอัพให้อีก 1 ตอนจ้า

********************

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา